เมื่อวันแม่ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องtrain to busan ด้วยความตั้งใจที่สูงมากว่าเรื่องนี้ต้องดูในโรงให้ได้!! เพราะกระแสมาแรงเหลือเกิน
แต่ด้วยเวลารอบฉายเลยทำให้ไม่มีโอกาสดูแบบ soundtrack มิเป็นไร ดูพากษ์ไทยก็ได้ (แล้วก็ภาวนาในใจว่า
..อย่าพากษ์เวอร์นะ ตรูขอล่ะ
เดี๋ยวไม่อิน) สต. เราเองเป็นคนไม่กลัวผี เพราะไม่เคยเจอกับตัว ก็เลยยังไม่เชื่อ แต่กลัวซอมบี้มาก มากๆ เพราะมัน realistic สามารถเกินขึ้นจริงได้ไง
แต่ด้วยกระแสแรงขนาดนี้ อดใจไม่ไหว ยังไงก็ต้องไปดู
ตอนไปซื้อตั๋ว ปรากฏว่าที่นั่งกลางๆ เต็มเกือบหมด เพราะคนมาดูเยอะมากกกกกกก.....ก็เลยได้ที่หนังริมๆ แถวไป ทั้งๆที่ ซื้อก่อนหนังฉายประมาณ 1 ชม.
##การตีความแต่ละฉาก เกิดจากความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เลย เพราะฉะนั้นหากคิดต่างไปจากเรา เราไม่ว่า เราโอเค มาแชร์ความเห็นกัน
แต่ถ้าอยากด่า ก็ด่าได้แต่อย่าแรงนะ เพราะเราเป็นคนอ่อนไหว T^T
##ใครที่ยังไม่ได้ดู ไม่ควรอ่านนะ เพราะ Spoil แรงมาก ควรไปดูก่อน เพราะซอมบี้ที่จ้างร้อย พวกนางเล่นล้านเลยจร้า เล่นเกินค่าตัวสุดๆ ดีงาม
คุ้มค่าตั๋วแน่นอน
##หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย เพราะเป็นกระทู้เรื่องยาวแรกของเราจร้า
หนังเริ่มเริ่มต้นด้วยการปูพรมตามท้องเรื่องของตัวละครหลัก บอกที่มาที่ไปตัวละครปกติ
พอเริ่มมีซอมบี้โผล่มา เราก็ยังรุสึกว่า หนังตลาดปกติ โอเค...มีเอฟเฟคเสียงที่พยายามทำให้ตกใจนิดๆหน่อยๆ ให้หนังสนุกกันไป มีฉากให้ลุ้นนิดๆหน่อยๆ เช่นกัน
(Spoil) ฉากที่รถไฟจอดที่สถานีระหว่างทาง (จำชื่อไม่ได้) แล้วเด็กกำลังจะโดนกัด คำพูดเสียดสีบางคำที่พระเอกโดนมา ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยนิสัย (สันดานนั้นแระ) เนื่องจากอาชีพที่ทำ และ หนังก็ย้ำอีกทีเรื่องนิสัยของพระเอกตอนที่สอนลูกว่า “ในสถานการณ์แบบนี้ เราไม่ต้องเป็นคนดีหรอก แค่เอาตัวรอดให้ได้ก็พอ” (โอ้โห!! ประโยคนี้แรงมาก แต่ถามว่าจริงมั้ย? ก็จริงอย่างที่พระเอกมันพูดนั้นแระ ในสถานการณ์แบบนั้น จะมีสักกี่คนยังเป็นคนดี ลูกตรูต้องรอดก่อน ประมาณนั้น) คำพูดเสียดสีนั้นกระแทกเข้ากลางหน้าพระเอกเลย เพราะถ้าพี่มาเฟียไม่ช่วยเด็กเอาไว้ เพียงแค่เอาตัวเองรอด วิ่งผ่านไปเลย คิดแบบที่พระเอกสอนลูก เด็กคงตายไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว หลังจากฉากนี้ จะเห็นได้ว่าพระเอกเริ่มมีท่าที่เปลี่ยนไป เริ่มคิดแบบรวมกันเราอยู่แยกหมู่ตรูคงตาย ก็เลยเกาะกลุ่มกันเอาไว้กับคนรอดที่เหลือ
(Spoil) พอมาถึงฉากที่พระเอกกับลูกอยู่คนละโบกี้ ต้องพยายามฝ่าด่านสู่ซอมบี้หลายโบกี้เพื่อไปหาลูก ตอนที่ตัดสินใจไปนั้น พี่มาเฟีย ก็ต้องไปหาเมีย น้องนักเรียนหนุ่มก็ต้องไปหาแฟน ทุกคนตกลงว่าจะช่วยกัน คุ้มกันซึ่งกันและกัน สต. เราเองตีความฉากนี้เหมือนกับว่าเป้าหมายในชีวิตคนบางคน การเดินทางกว่าจะไปถึง เดินไปคนเดียว ทำอะไรคนเดียว ยังไงมันก็ลำบาก แต่ถ้าเรารวมแบ่งปันคนที่มีเป้าหมายคล้ายกับเรา เค้าจะยืนอยู่ข้างเรา ระวังหลังให้เรา บางเรื่องที่เราดูแลไม่ทั่วถึง ก็ยังมีคนที่เข้ามาช่วยเรา ทำให้เราได้มีโอกาสพยายามเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ อย่างเช่นฉากที่มาถึงโบกี้ที่มีแต่เพื่อนนักเรียน หนุ่มนั้นตะลึงไปเลย เสียใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วยเพื่อนไม่ได้ แล้วพระเอกกับพี่มาเฟียก็เข้ามาช่วยโดยการผลักนักเรียนออก แล้วนำหน้าไปเอง (มันเป็นช่วงสั้นๆ ที่จะเห็นว่า พรเอกเอามือผลักนักเรียนไปด้านหลัง ทั้งที่ตกลงกันว่านักเรียนหนุ่มจะอยู่ตรงกลาง) และอีกความหมายที่เราตีความคือ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เข้ามาในชีวิต ถึงมันจะลำบากหรือเสี่ยงตายขนาดไหน ต่อให้มันเหนื่อยแค่ไหน เราก็จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก เช่น พ่อแม่บางคน ยอมอดเพื่อให้ลูกได้กิน ยอมทำงานเหนื่อย เพื่อส่งลูกเรียน ประมาณนั้นๆ (ใช่มั้ย!!! คิดเหมือนกันป่ะ?)
พอเรื่องเดินมาถึงตรงนี้ เราเริ่มมองซอมบี้ไม่เป็นซอมบี้แระ เรามองซอมบี้เป็นเหมือนเหตุการณ์บางอย่างที่หนักหนากำลังผ่านเข้ามาในชีวิตของคนบางคน และเริ่มสะเทือนอารมณ์เรื่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ จนจบเรื่องเลย
(Spoil) ฉากที่คนบนโบกี้ 13 ไม่ยอมเปิดประตูให้คนอื่นเข้า ฉากนี้
สะเทือนอารมณ์มาก และสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างในสังคมมนุษย์เลยนะ ถามว่าที่ทำมันผิดมั้ย ผิดแน่นอน แต่คนเรามันรักตัวกลัวตายกันทุกคน ในสถานการ์นั้น มองในมุมกลับเป็นลุงแก่ คนเรามันต้องเอาชีวิตตัวเองรอดปลอดภัย ใครจะช่วยคนที่ไม่รู้จักล่ะ เราเข้าใจตัวละครนะ เพราะคนในสังคมไม่มีใครที่ดีหรือเลวโดยสมบูรณ์ (อันนี้พูดตามเนื้อผ้าเลย)
ต่อเลย (Spoil) ฉากที่กลุ่มพระเอกโดยไล่ออกไปจากโบกี้ เพราะทุกคนไม่แน่ว่าคนในกลุ่มพระเอกติดเชื้อมารึป่าว? ฉากนี้
ก็สะท้อนสังคมสุดตรีนเลย เหมือนกับว่า คนที่มีปมในอดีต คนที่เคยทำผิด ถึงแม้จะกลับตัวกลับใจ สุดท้ายยังไง ในใจลึกๆ ของคนในสังคมก็มองว่าเค้าเลว เดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำผิดทำเลวอีกถ้ามันมีโอกาส ยากที่คนจะยอมรับ (แต่ไม่ใช่ทุกคนนะ เพราะบางคนในโบกี้ก็ไม่เห็นด้วย เอ๊ะ?? รึป่าว?)
(Spoil) ฉากที่ลุงแก่นั้นติดเชื้อ แล้วพยายามร้องขอชีวิตกับพระเอก ฉากนี้ทำได้ดี เพราะคำพูดตัวละครแค่สลับกัน จากฉากที่ตาลุงเคยไล่กลุ่มพระเอกไปโบกี้อื่น เหมือนกับว่าคนเราน่ะ ไม่ควรทำ
กับใคร เพราะสุดท้าย เราอาจจะโดนทำ
สะเอง 555
(Spoil) ฉากที่พระเอกกำลังจะตายแล้วเกิด flash back ย้อนภาพกลับไปในอดีต (ฉากนี้เริ่มสะเทือนใจมากขึ้น แต่พยายามไม่ร้องไห้ ไม่!!!! เราต้องไม่ร้อง!!! ข่มตัวเองสุดฤทธิ์#เสียงสูง) มันเหมือนกับว่า คนเราเกิดมา ชีวิตเราจะมีความหมาย ก็เพราะสิ่งที่เราทำให้คนที่เรารัก พระเอกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลลูกไปตลอด แต่พระเอกก็ยังยิ้มก่อนตาย เพราะเค้าเชื่อว่า เค้าพยายามถึงที่สุดแล้ว เพื่อคนที่เค้ารัก เพื่อลูกของเค้า
(Spoil) ฉากจบ....เลวมาก ฉากนี้เลวมาก!!! ถ้าทหารจะยิง เราเข้าใจนะ .... เป็นคุณ คุณจะคอมเฟิมยังไง? ว่าสองคนที่เดินมาไม่ติดเชื้อ จะให้เค้าแก้ผ้า แล้วหมุนตัวดูว่ามีแผลมั้ยงั้นหรอ? ตลกแระ ทหารไม่มีวิธีไหนเลยจะคอมเฟิมได้ หรือจะเสี่ยงตัวเองเข้าไปใกล้ตรวจดูมั้ยล่ะ? แล้วถ้าหากปล่อยมาใกล้ๆ ตรูตายก่อนเพื่อนเลยนะ ถ้าสองคนนี้ติดเชื้อไป และอาจทำให้คนทั้งเมืองที่รอด อาจจะตายหมดเลย ถูกมั้ย? ... พอเด็กเริ่มร้องเพลงเท่านั้นแระ เราร้องไห้แรงเลยจร้า ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ต่อมน้ำตาแตก ร้องไห้เบะปากเลย จากที่กลั้นมานาน เด็กไม่ได้ร้องเพลงเพราะกลัวความมืด ไม่ได้ร้องเพลงเพราะอยากให้ทหารรู้ว่า ตรูไม่ได้ติดเชื้อนะ แต่เด็กร้องเพลงเพราะนางต้องการให้พ่ออยู่กับนาง มันมีฉากที่เด็กพูดกับพ่อว่า หนูซ้อมร้องเพลงเพื่อพ่อ หนูอยากร้องให้พ่อฟัง หนูตั้งใจซ้อมมากๆ เพื่อให้พ่อฟัง (แต่พ่อไม่ไป นางเลยไม่ร้องต่อ จากที่ย่าอัดวิดิโอ) แต่นางดันมาร้องตอนนี้ว่ะ ตอนที่พ่อนางตาย นางร้องเพลงต่อ เพราะอะไร.. เพราะนางอยากอยู่กับพ่อ เราเชื่อนะว่า เด็กกำลังรู้สึกกลัวขั้นสุด เพราะพ่อนางตาย แล้วนางยังต้องมาเดินในอุโมงค์มืดๆ นางร้องเพลงขึ้นมา เพียงแค่อยากให้พ่ออยู่กับนาง เปรียบกับชีวิตคนที่ว่า คนที่อยู่กับเราวันนี้ หากวันไหนต้องจากกัน สิ่งที่เหลืออยู่จริงๆ ก็คือความทรงจำดีๆ หรือเช่นพ่อแม่เราน่ะ ยังไงเค้าก็ตายก่อนเรา เพราะเค้าแก่กว่าเรา พอพวกเค้าจากไป สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่คือความรักที่เคยมีให้กัน ความรู้สึกดีๆ การได้ทำสิ่งดีๆ ด้วยกัน (เศร้าเนอะ..ร้องไห้แป๊บ)
ตอนจบของหนังสร้างให้คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มรอด เพราะอะไร? เรามองว่ามันก็เหมือนกับคนในสังคมอ่ะ คนที่แข็งแรงก็ควรจะดูแลและช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า คนที่มีมากกว่าควรจะแบ่งปันไม่มากก็น้อยเพื่อคนที่ไม่มี การที่คนอื่นตายเกือบหมด แล้วเหลือแค่เด็กกับคนท้อง อาจจะตีความอย่างอื่นว่า เด็กสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ เพราะจะเห็นได้ว่า ตัวละครอื่นจะเป็นสีเทาๆ ไม่ดีหรือเลวสุดโต่ง
จบการ spoil ไว้เพียงเท่านี้เนอะ เรื่องนี้เราให้ 9.5/10 เลย หักตรง CG ตอนท้ายฉากรถไฟวิ่ง เราแอบจับไต๋ได้ เพราะมันไม่ค่อยเนียนเท่าไร และหากใครมีความเห็นต่างออกไป ก็มาแชร์กันได้นะ หนังเรื่องนี้สนุกจริงๆ ดีกว่า suicide squad เยอะมากมาย suicide squad เป็นหนังที่มี production ดีเยี่ยมเลยนะ บทก็โอเค แต่ตัดต่อห่วยมาก มากกกกก กอไก่ สองร้อยแปดสิบสี่ตัว แต่ใครจะดูเอามันส์เรื่องนี้ก็สนุกดี เราให้ 6/10 จ้ะ
[Spoil หนักมาก] train to busan สนุกสมคำล่ำลือ ตีความหมายแต่ละฉากตาม คหสต. ล้วนๆ
แต่ด้วยเวลารอบฉายเลยทำให้ไม่มีโอกาสดูแบบ soundtrack มิเป็นไร ดูพากษ์ไทยก็ได้ (แล้วก็ภาวนาในใจว่า ..อย่าพากษ์เวอร์นะ ตรูขอล่ะ
เดี๋ยวไม่อิน) สต. เราเองเป็นคนไม่กลัวผี เพราะไม่เคยเจอกับตัว ก็เลยยังไม่เชื่อ แต่กลัวซอมบี้มาก มากๆ เพราะมัน realistic สามารถเกินขึ้นจริงได้ไง
แต่ด้วยกระแสแรงขนาดนี้ อดใจไม่ไหว ยังไงก็ต้องไปดู
ตอนไปซื้อตั๋ว ปรากฏว่าที่นั่งกลางๆ เต็มเกือบหมด เพราะคนมาดูเยอะมากกกกกกก.....ก็เลยได้ที่หนังริมๆ แถวไป ทั้งๆที่ ซื้อก่อนหนังฉายประมาณ 1 ชม.
##การตีความแต่ละฉาก เกิดจากความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เลย เพราะฉะนั้นหากคิดต่างไปจากเรา เราไม่ว่า เราโอเค มาแชร์ความเห็นกัน
แต่ถ้าอยากด่า ก็ด่าได้แต่อย่าแรงนะ เพราะเราเป็นคนอ่อนไหว T^T
##ใครที่ยังไม่ได้ดู ไม่ควรอ่านนะ เพราะ Spoil แรงมาก ควรไปดูก่อน เพราะซอมบี้ที่จ้างร้อย พวกนางเล่นล้านเลยจร้า เล่นเกินค่าตัวสุดๆ ดีงาม
คุ้มค่าตั๋วแน่นอน
##หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย เพราะเป็นกระทู้เรื่องยาวแรกของเราจร้า
หนังเริ่มเริ่มต้นด้วยการปูพรมตามท้องเรื่องของตัวละครหลัก บอกที่มาที่ไปตัวละครปกติ
พอเริ่มมีซอมบี้โผล่มา เราก็ยังรุสึกว่า หนังตลาดปกติ โอเค...มีเอฟเฟคเสียงที่พยายามทำให้ตกใจนิดๆหน่อยๆ ให้หนังสนุกกันไป มีฉากให้ลุ้นนิดๆหน่อยๆ เช่นกัน
(Spoil) ฉากที่รถไฟจอดที่สถานีระหว่างทาง (จำชื่อไม่ได้) แล้วเด็กกำลังจะโดนกัด คำพูดเสียดสีบางคำที่พระเอกโดนมา ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยนิสัย (สันดานนั้นแระ) เนื่องจากอาชีพที่ทำ และ หนังก็ย้ำอีกทีเรื่องนิสัยของพระเอกตอนที่สอนลูกว่า “ในสถานการณ์แบบนี้ เราไม่ต้องเป็นคนดีหรอก แค่เอาตัวรอดให้ได้ก็พอ” (โอ้โห!! ประโยคนี้แรงมาก แต่ถามว่าจริงมั้ย? ก็จริงอย่างที่พระเอกมันพูดนั้นแระ ในสถานการณ์แบบนั้น จะมีสักกี่คนยังเป็นคนดี ลูกตรูต้องรอดก่อน ประมาณนั้น) คำพูดเสียดสีนั้นกระแทกเข้ากลางหน้าพระเอกเลย เพราะถ้าพี่มาเฟียไม่ช่วยเด็กเอาไว้ เพียงแค่เอาตัวเองรอด วิ่งผ่านไปเลย คิดแบบที่พระเอกสอนลูก เด็กคงตายไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว หลังจากฉากนี้ จะเห็นได้ว่าพระเอกเริ่มมีท่าที่เปลี่ยนไป เริ่มคิดแบบรวมกันเราอยู่แยกหมู่ตรูคงตาย ก็เลยเกาะกลุ่มกันเอาไว้กับคนรอดที่เหลือ
(Spoil) พอมาถึงฉากที่พระเอกกับลูกอยู่คนละโบกี้ ต้องพยายามฝ่าด่านสู่ซอมบี้หลายโบกี้เพื่อไปหาลูก ตอนที่ตัดสินใจไปนั้น พี่มาเฟีย ก็ต้องไปหาเมีย น้องนักเรียนหนุ่มก็ต้องไปหาแฟน ทุกคนตกลงว่าจะช่วยกัน คุ้มกันซึ่งกันและกัน สต. เราเองตีความฉากนี้เหมือนกับว่าเป้าหมายในชีวิตคนบางคน การเดินทางกว่าจะไปถึง เดินไปคนเดียว ทำอะไรคนเดียว ยังไงมันก็ลำบาก แต่ถ้าเรารวมแบ่งปันคนที่มีเป้าหมายคล้ายกับเรา เค้าจะยืนอยู่ข้างเรา ระวังหลังให้เรา บางเรื่องที่เราดูแลไม่ทั่วถึง ก็ยังมีคนที่เข้ามาช่วยเรา ทำให้เราได้มีโอกาสพยายามเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ อย่างเช่นฉากที่มาถึงโบกี้ที่มีแต่เพื่อนนักเรียน หนุ่มนั้นตะลึงไปเลย เสียใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วยเพื่อนไม่ได้ แล้วพระเอกกับพี่มาเฟียก็เข้ามาช่วยโดยการผลักนักเรียนออก แล้วนำหน้าไปเอง (มันเป็นช่วงสั้นๆ ที่จะเห็นว่า พรเอกเอามือผลักนักเรียนไปด้านหลัง ทั้งที่ตกลงกันว่านักเรียนหนุ่มจะอยู่ตรงกลาง) และอีกความหมายที่เราตีความคือ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เข้ามาในชีวิต ถึงมันจะลำบากหรือเสี่ยงตายขนาดไหน ต่อให้มันเหนื่อยแค่ไหน เราก็จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก เช่น พ่อแม่บางคน ยอมอดเพื่อให้ลูกได้กิน ยอมทำงานเหนื่อย เพื่อส่งลูกเรียน ประมาณนั้นๆ (ใช่มั้ย!!! คิดเหมือนกันป่ะ?)
พอเรื่องเดินมาถึงตรงนี้ เราเริ่มมองซอมบี้ไม่เป็นซอมบี้แระ เรามองซอมบี้เป็นเหมือนเหตุการณ์บางอย่างที่หนักหนากำลังผ่านเข้ามาในชีวิตของคนบางคน และเริ่มสะเทือนอารมณ์เรื่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ จนจบเรื่องเลย
(Spoil) ฉากที่คนบนโบกี้ 13 ไม่ยอมเปิดประตูให้คนอื่นเข้า ฉากนี้ สะเทือนอารมณ์มาก และสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างในสังคมมนุษย์เลยนะ ถามว่าที่ทำมันผิดมั้ย ผิดแน่นอน แต่คนเรามันรักตัวกลัวตายกันทุกคน ในสถานการ์นั้น มองในมุมกลับเป็นลุงแก่ คนเรามันต้องเอาชีวิตตัวเองรอดปลอดภัย ใครจะช่วยคนที่ไม่รู้จักล่ะ เราเข้าใจตัวละครนะ เพราะคนในสังคมไม่มีใครที่ดีหรือเลวโดยสมบูรณ์ (อันนี้พูดตามเนื้อผ้าเลย)
ต่อเลย (Spoil) ฉากที่กลุ่มพระเอกโดยไล่ออกไปจากโบกี้ เพราะทุกคนไม่แน่ว่าคนในกลุ่มพระเอกติดเชื้อมารึป่าว? ฉากนี้ก็สะท้อนสังคมสุดตรีนเลย เหมือนกับว่า คนที่มีปมในอดีต คนที่เคยทำผิด ถึงแม้จะกลับตัวกลับใจ สุดท้ายยังไง ในใจลึกๆ ของคนในสังคมก็มองว่าเค้าเลว เดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำผิดทำเลวอีกถ้ามันมีโอกาส ยากที่คนจะยอมรับ (แต่ไม่ใช่ทุกคนนะ เพราะบางคนในโบกี้ก็ไม่เห็นด้วย เอ๊ะ?? รึป่าว?)
(Spoil) ฉากที่ลุงแก่นั้นติดเชื้อ แล้วพยายามร้องขอชีวิตกับพระเอก ฉากนี้ทำได้ดี เพราะคำพูดตัวละครแค่สลับกัน จากฉากที่ตาลุงเคยไล่กลุ่มพระเอกไปโบกี้อื่น เหมือนกับว่าคนเราน่ะ ไม่ควรทำกับใคร เพราะสุดท้าย เราอาจจะโดนทำสะเอง 555
(Spoil) ฉากที่พระเอกกำลังจะตายแล้วเกิด flash back ย้อนภาพกลับไปในอดีต (ฉากนี้เริ่มสะเทือนใจมากขึ้น แต่พยายามไม่ร้องไห้ ไม่!!!! เราต้องไม่ร้อง!!! ข่มตัวเองสุดฤทธิ์#เสียงสูง) มันเหมือนกับว่า คนเราเกิดมา ชีวิตเราจะมีความหมาย ก็เพราะสิ่งที่เราทำให้คนที่เรารัก พระเอกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลลูกไปตลอด แต่พระเอกก็ยังยิ้มก่อนตาย เพราะเค้าเชื่อว่า เค้าพยายามถึงที่สุดแล้ว เพื่อคนที่เค้ารัก เพื่อลูกของเค้า
(Spoil) ฉากจบ....เลวมาก ฉากนี้เลวมาก!!! ถ้าทหารจะยิง เราเข้าใจนะ .... เป็นคุณ คุณจะคอมเฟิมยังไง? ว่าสองคนที่เดินมาไม่ติดเชื้อ จะให้เค้าแก้ผ้า แล้วหมุนตัวดูว่ามีแผลมั้ยงั้นหรอ? ตลกแระ ทหารไม่มีวิธีไหนเลยจะคอมเฟิมได้ หรือจะเสี่ยงตัวเองเข้าไปใกล้ตรวจดูมั้ยล่ะ? แล้วถ้าหากปล่อยมาใกล้ๆ ตรูตายก่อนเพื่อนเลยนะ ถ้าสองคนนี้ติดเชื้อไป และอาจทำให้คนทั้งเมืองที่รอด อาจจะตายหมดเลย ถูกมั้ย? ... พอเด็กเริ่มร้องเพลงเท่านั้นแระ เราร้องไห้แรงเลยจร้า ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ต่อมน้ำตาแตก ร้องไห้เบะปากเลย จากที่กลั้นมานาน เด็กไม่ได้ร้องเพลงเพราะกลัวความมืด ไม่ได้ร้องเพลงเพราะอยากให้ทหารรู้ว่า ตรูไม่ได้ติดเชื้อนะ แต่เด็กร้องเพลงเพราะนางต้องการให้พ่ออยู่กับนาง มันมีฉากที่เด็กพูดกับพ่อว่า หนูซ้อมร้องเพลงเพื่อพ่อ หนูอยากร้องให้พ่อฟัง หนูตั้งใจซ้อมมากๆ เพื่อให้พ่อฟัง (แต่พ่อไม่ไป นางเลยไม่ร้องต่อ จากที่ย่าอัดวิดิโอ) แต่นางดันมาร้องตอนนี้ว่ะ ตอนที่พ่อนางตาย นางร้องเพลงต่อ เพราะอะไร.. เพราะนางอยากอยู่กับพ่อ เราเชื่อนะว่า เด็กกำลังรู้สึกกลัวขั้นสุด เพราะพ่อนางตาย แล้วนางยังต้องมาเดินในอุโมงค์มืดๆ นางร้องเพลงขึ้นมา เพียงแค่อยากให้พ่ออยู่กับนาง เปรียบกับชีวิตคนที่ว่า คนที่อยู่กับเราวันนี้ หากวันไหนต้องจากกัน สิ่งที่เหลืออยู่จริงๆ ก็คือความทรงจำดีๆ หรือเช่นพ่อแม่เราน่ะ ยังไงเค้าก็ตายก่อนเรา เพราะเค้าแก่กว่าเรา พอพวกเค้าจากไป สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่คือความรักที่เคยมีให้กัน ความรู้สึกดีๆ การได้ทำสิ่งดีๆ ด้วยกัน (เศร้าเนอะ..ร้องไห้แป๊บ)
ตอนจบของหนังสร้างให้คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มรอด เพราะอะไร? เรามองว่ามันก็เหมือนกับคนในสังคมอ่ะ คนที่แข็งแรงก็ควรจะดูแลและช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า คนที่มีมากกว่าควรจะแบ่งปันไม่มากก็น้อยเพื่อคนที่ไม่มี การที่คนอื่นตายเกือบหมด แล้วเหลือแค่เด็กกับคนท้อง อาจจะตีความอย่างอื่นว่า เด็กสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ เพราะจะเห็นได้ว่า ตัวละครอื่นจะเป็นสีเทาๆ ไม่ดีหรือเลวสุดโต่ง
จบการ spoil ไว้เพียงเท่านี้เนอะ เรื่องนี้เราให้ 9.5/10 เลย หักตรง CG ตอนท้ายฉากรถไฟวิ่ง เราแอบจับไต๋ได้ เพราะมันไม่ค่อยเนียนเท่าไร และหากใครมีความเห็นต่างออกไป ก็มาแชร์กันได้นะ หนังเรื่องนี้สนุกจริงๆ ดีกว่า suicide squad เยอะมากมาย suicide squad เป็นหนังที่มี production ดีเยี่ยมเลยนะ บทก็โอเค แต่ตัดต่อห่วยมาก มากกกกก กอไก่ สองร้อยแปดสิบสี่ตัว แต่ใครจะดูเอามันส์เรื่องนี้ก็สนุกดี เราให้ 6/10 จ้ะ