ไปดูมาแล้วเลยมาเล่าให้ฟัง
Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง
ยอมรับว่าที่ไปดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะได้ดูตัวอย่าง น่าจะระทึกขวัญดี
และพอได้ไปดูก็ยอมรับว่าไม่ผิดหวังเลยครับ
หนังเริ่มแบบจะดรามานิดๆ แนวชีวิตรันทดหน่อยๆ
กล่าวถึง"ซอกวู"ชายหนุ่มวัยน่าจะสามสิบปลายๆ มีอาชีพเป็นผู้จัดการกองทุนน่าจะเกี่ยวกับพวกประกันสังคมประกันชีวิตอะไรทำนองนี้ การงานมั่นคงดีเลยทีเดียว แต่ชีวิตครอบครัวเขากำลังล่มสลาย เขาแยกทางกันอยู่กับภรรยาและกำลังจะฟ้องหย่ากัน (ซึ่งเท่าที่ผมทราบ ในวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ การแต่งงานแล้วหย่ากันเป็นเรื่องที่ต้องมีขั้นตอนทำตามกฏหมายยุ่งยากมาก )
ซอกวูมีลูกสาวกับเมียที่แยกกันอยู่คนนึง และลูกสาว"ซูอา"อยู่กับเขา ออกแนวเหมือนเด็กมีปัญหา ที่ครอบครัวแตกแยก ในหนังน้ำเน่าทั่วไปนั่นแหละ
ซูอาลูกสาวมีวันเกิดในวันรุ่งขึ้นพอดี เธอจึงขอร้องให้พ่อเธอพาขึ้นรถไฟไปหาแม่ที่ปูซาน (น่าจะจากโซลไปปูซาน และรถไฟที่เดินทาง เป็นรถไฟความเร็วสูง 300 กม/ชม ในเรื่องบอกไว้) ด้วยความรักลูกเขาจึงตกลงและพาเธอขึ้นรถไฟ เพื่อไปพบแม่และเขาก็หวังลึกๆว่าจะเคลียร์กับเธอให้เสร็จเหมือนกัน
ดูๆแล้วน่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่ไหนได้ พอรถออกปุ้บ ความผิดปกติก็เริ่มปั้บ
นั่นคือ โรคซอมบี้ระบาด มีคนติดเชื้อโรคซอมบี้ ขึ้นมาบนรถไฟ ไอ้โรคซอมบี้ที่ว่านี่ อาการประมาณว่า จะเหมือนศพเดินได้ น้ำลาย+เลือดฟูมปากย้อยๆ เดินเหมือนชักดิ้นชักงอ คือน่าจะตายไปแล้ว แต่กลายเป็นผีดิบยังไงยังงั้น ที่สำคัญคือ ดุร้ายกับคนเป็นๆ เห็นไม่ได้ต้องไล่กัด-ไล่ทำร้าย ใครโดนกัดเข้าไปปุ้บ ไม่นาน ก็จะติดเชื้อและกลายเป็นซอมบี้ไปด้วย
คนติดเชื้อโรคซอมบี้ ขึ้นมาได้ไม่นานก็กลายเป็นซอมบี้ และก็กัดคนบนรถไฟจนติดต่อกันกลายเป็นซอมบี้เกือบทั้งขบวน
หนังเรื่องนี้ นอกจากความสยองขวัญจากซอมบี้ ยังให้ข้อคิดหลายๆอย่าง
นั่นคือ คนเราถ้าจะเอาตัวรอด ต้องเห็นแก่ตัว ต้องไม่ใส่ใจคนอื่น มันใช่หรือ น้ำใจอันงดงามที่คนเรามีต่อกันยังหาได้ไหม
หนังเรื่องนี้ขุดด้านมืด ขุดความเห็นแก่ตัว ของคนมาตีแผ่ได้เจ็บดีมาก
ฉากซอมบี้อาละวาดถือว่าทำได้ดี สมจริงมากๆ พล๊อตเรื่องก็ดี ต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผลดี
เป็นหนังดีอีกเรื่องที่ได้ดูในปีนี้ครับ
ไปดูมาวันนี้ที่ เอสเอฟสุนีย์ ไม่บ่อยครั้งนักที่หนังจะมีคนดูเกินกว่าครึ่งโรงหนังในยุคนี้ แต่เรื่องนี้ทำได้
คงเพราะของเขาดีครับ
เต็มสิบผมให้เก้าครับ
สนุกมากครับเรื่องนี้
Train to Busan
ไปดูมาแล้วเลยมาเล่าให้ฟัง Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง(สปอยเล็กน้อย)
Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง
ยอมรับว่าที่ไปดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะได้ดูตัวอย่าง น่าจะระทึกขวัญดี
และพอได้ไปดูก็ยอมรับว่าไม่ผิดหวังเลยครับ
หนังเริ่มแบบจะดรามานิดๆ แนวชีวิตรันทดหน่อยๆ
กล่าวถึง"ซอกวู"ชายหนุ่มวัยน่าจะสามสิบปลายๆ มีอาชีพเป็นผู้จัดการกองทุนน่าจะเกี่ยวกับพวกประกันสังคมประกันชีวิตอะไรทำนองนี้ การงานมั่นคงดีเลยทีเดียว แต่ชีวิตครอบครัวเขากำลังล่มสลาย เขาแยกทางกันอยู่กับภรรยาและกำลังจะฟ้องหย่ากัน (ซึ่งเท่าที่ผมทราบ ในวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ การแต่งงานแล้วหย่ากันเป็นเรื่องที่ต้องมีขั้นตอนทำตามกฏหมายยุ่งยากมาก )
ซอกวูมีลูกสาวกับเมียที่แยกกันอยู่คนนึง และลูกสาว"ซูอา"อยู่กับเขา ออกแนวเหมือนเด็กมีปัญหา ที่ครอบครัวแตกแยก ในหนังน้ำเน่าทั่วไปนั่นแหละ
ซูอาลูกสาวมีวันเกิดในวันรุ่งขึ้นพอดี เธอจึงขอร้องให้พ่อเธอพาขึ้นรถไฟไปหาแม่ที่ปูซาน (น่าจะจากโซลไปปูซาน และรถไฟที่เดินทาง เป็นรถไฟความเร็วสูง 300 กม/ชม ในเรื่องบอกไว้) ด้วยความรักลูกเขาจึงตกลงและพาเธอขึ้นรถไฟ เพื่อไปพบแม่และเขาก็หวังลึกๆว่าจะเคลียร์กับเธอให้เสร็จเหมือนกัน
ดูๆแล้วน่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่ไหนได้ พอรถออกปุ้บ ความผิดปกติก็เริ่มปั้บ
นั่นคือ โรคซอมบี้ระบาด มีคนติดเชื้อโรคซอมบี้ ขึ้นมาบนรถไฟ ไอ้โรคซอมบี้ที่ว่านี่ อาการประมาณว่า จะเหมือนศพเดินได้ น้ำลาย+เลือดฟูมปากย้อยๆ เดินเหมือนชักดิ้นชักงอ คือน่าจะตายไปแล้ว แต่กลายเป็นผีดิบยังไงยังงั้น ที่สำคัญคือ ดุร้ายกับคนเป็นๆ เห็นไม่ได้ต้องไล่กัด-ไล่ทำร้าย ใครโดนกัดเข้าไปปุ้บ ไม่นาน ก็จะติดเชื้อและกลายเป็นซอมบี้ไปด้วย
คนติดเชื้อโรคซอมบี้ ขึ้นมาได้ไม่นานก็กลายเป็นซอมบี้ และก็กัดคนบนรถไฟจนติดต่อกันกลายเป็นซอมบี้เกือบทั้งขบวน
หนังเรื่องนี้ นอกจากความสยองขวัญจากซอมบี้ ยังให้ข้อคิดหลายๆอย่าง
นั่นคือ คนเราถ้าจะเอาตัวรอด ต้องเห็นแก่ตัว ต้องไม่ใส่ใจคนอื่น มันใช่หรือ น้ำใจอันงดงามที่คนเรามีต่อกันยังหาได้ไหม
หนังเรื่องนี้ขุดด้านมืด ขุดความเห็นแก่ตัว ของคนมาตีแผ่ได้เจ็บดีมาก
ฉากซอมบี้อาละวาดถือว่าทำได้ดี สมจริงมากๆ พล๊อตเรื่องก็ดี ต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผลดี
เป็นหนังดีอีกเรื่องที่ได้ดูในปีนี้ครับ
ไปดูมาวันนี้ที่ เอสเอฟสุนีย์ ไม่บ่อยครั้งนักที่หนังจะมีคนดูเกินกว่าครึ่งโรงหนังในยุคนี้ แต่เรื่องนี้ทำได้
คงเพราะของเขาดีครับ
เต็มสิบผมให้เก้าครับ
สนุกมากครับเรื่องนี้
Train to Busan