เรื่องเล่าบนเส้นทางสายเปลี่ยว ตอน แมวดำปริศนา

กระทู้คำถาม
เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อจากนี้ไปมันเป็นเรื่องแปลกๆ  ที่อยู่ในหนึ่งในหลายๆเหตุการณ์ของการใช้ชีวิตการเดินทางบนท้องถนนยามค่ำคืนที่เปล่าเปลี่ยว ทั้งอันตราย และน่ากลัว ของผม  เพียงเพราะมันเป็นเส้นทางที่ผมจะต้องใช้เดินทางในการทำงานของผม

         เนื้อเรื่องทั้งหมด ผมพยามนึกย้อนเหตุการณ์กลับไปแบบไม่ต้องไปเปิดตำรับ ตำราหาข้อมูล รายละเอียด อะไรอีก(ข้อมูลรายระเอียดในปีนั้นกับปัจจุบันอาจจะต่างกันนะครับ) หรือ ไปอ้างอิงจินตนาการมาจากหนังสือหรือบทละครอันใดเลย

        มันเป็นเรื่องจากความทรงจำ และ ความจริงที่ผมประสบพบเจอมาล้วนๆ บางคนอาจจะมองว่า มันเป็นไปไม่ได้ เหลือเชื่อ เกินความเป็นจริง
                   คุณควรจะเชื่อหรือไม่ อันนี้ผมให้คุณใช้วิจารญาณในการติดตามเรื่องในทุกๆเรื่องที่ผมได้เล่าแล้วกันนะครับ

                                           #ถ้าไม่เชื่อก็คิดซะว่า อ่านเพื่อความบันเทิงกะแล้วกันนะครับ#


      ในช่วงกลางปี ของ ปี พ.ศ. 2543 ตอนนั้น ผมอายุก็ 30 พอดีเลย กำลังหนุ่มแน่น ห้าวหาญ ไฟแรง มีจิตวิญญาณที่มุ่งมั่นกับการทำงาน  แต่ความบ้าบิ่น   คึกคะนองเหมือนสมัยวัยรุ่นๆของผม (ในเรื่องที่เขียนก่อนๆ)ก็ลดน้อยถอยลงไปเยอะแล้วครับ  

      ช่วงนั้นผมได้ทำงานใหม่เป็นเซลส์ขายส่งสินค้าอย่างหนึ่ง  บริษัทที่ผมทำงานมีสาขาย่อยทุกภาค ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคตะวันตก ครับ แต่งานผมจะได้ไปประจำสาขาภาคอีสานกับภาคเหนือ  แต่ประสบการณ์เรื่องลี้ลับแปลกๆตอนอยู่ภาคอีสานไม่มีเลยครับ (ผมอยู่ตอนปี 42) แต่พอมาอยู่สายเหนือ(ออฟฟิคจะอยู่ที่ จ.ลำปางครับ)ประสบการณ์เรื่องลี้ลับในการเดินทางบนถนนสายเหนือ มีเรื่องแปลกๆบนท้องถนนยามค่ำคืนที่ตื้นเต้นๆ(ไม่ได้กลัวนะครับ)มีให้เล่าให้อ่านกันหลายเรื่องครับ

         แต่วันนี้อยากจะย้อนความทรงจำเก่าๆ ที่ทุกซีนของเรื่องผมจดจำได้เป็นอย่างดี ถึงแม้เวลามันจะผ่านเลยมาตก 16 ปีแล้วก็ตามเพราะเวลา ที่นึกถึงเรื่องนี้ทีไร หัวใจมันเต้นระรัว ทุกที  (วันนี้จัดเรื่องนี้ให้อ่านก่อนครับ)

     ปกติผมจะไม่เคยดูรายการทีวีเกี่ยวกับเรื่องผีๆ วิญญาณ เลยครับ หรือแม้แต่จะฟังรายการผีทางวิทยุ อะไรเลยแบบนั้น เพราะว่าผมไม่ค่อยดูทีวีตอนกลางคืน เพราะถ้าจะดูส่วนมากจะดูรายการของพวกดาวเทียมมากกว่า หรือ วิทยุนี่แล้วใหญ่ยิ่งไม่ชอบฟังเลย ทุกวันนี้รายการผีๆทางวิทยุอยู่คลื่นไหน เวลาไหนไม่ต้องถาม ไม่เคยรู้เลย ในชีวิตก็ไม่เคยจะโทรไปเล่าเรื่องลี้ลับ เรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทางรายการวิทยุด้วยซ้ำ แต่ถ้าจะถามว่า รู้จักดีเจรายการผีๆ คนไหนบ้าง ผมรู้แค่คนเดียวคือ กพล ทองพลับ

         ที่รู้จักเพราะตอนเรียน ป.ตรี ใน กทม เมื่อยี่สิบปีกว่าปีก่อนเคยฟังรายการผีของเขาครับ  น่าจะเป็นรายการไนท์ตี้ช๊อคนะถ้าจำไม่ผิด  แบบจำได้เลยว่ารายการมาเที่ยงคืนและมีเพลงปอบผีฟ้าเข้ารายการอ่ะหลอนดีหลังจากนั้นไม่เคยฟังอีกเลย


            ในปี พ.ศ.2543 ปีนั้นผมมาประจำออฟฟิคขายที่ ตัวเมือง ลำปาง งานในแต่ละวันจะเลิก 5 โมงเย็น แต่จะมีช่วงเย็นหลังเลิกงานที่ผมจะต้องมีธุระไปหาลูกค้าที่ จังหวัดใกล้เคียง รวมทั้ง บางทีต้องเอาสินค้าไปส่งเขาด้วย เพราะว่า ผมเป็น คนที่ขับรถคล่องสุดประสบการณ์การเดินทางมากสุดในสาขา (ผมเลยต้องรับหน้าที่ขับรภไปส่งสินค้าด้วย)
    
         ปกติในหนึ่งสัปดาห์ งานของผมจะต้องเดินทางไปส่งสินค้าอย่างหนึ่ง(ไม่ใช่ยาบ้านะครับ อย่าเข้าใจผิด555) ที่ ตัวเมือง จ.แพร่ ซึ่งระยะทางจาก ออฟฟิคผมในตัวเมือง ลำปาง ไป จ.แพร่ ระยะทาง 108 กม แต่เส้นทางจากลำปาง ไปแพร่ เส้นนี้ทางจะเป็นป่า เขาซะเยอะ ถ้าไปกลางวันละพอได้ แต่งานของผมจะต้องรอเลิกงานที่ ออฟฟิค ก่อน แล้วถึงไปส่งสินค้าที่ จ.แพร่ ซึ่งกว่าจะขึ้นของกันอะไรเรียบร้อย กว่าจะออกรถได้ ก็ตกค่ำแล้วทุกที
    
          ต้องวิ่งเส้นทางที่ว่า ในเวลาค่ำคืนตลอด การเดินทางเอาสินค้าไปส่งของผมต้องใช้รถกะบะครับเพราะมันต้องบรรทุกของ ซึ่งเป็นรถกะบะของผมเอง เป็นกะบะอีซูซุ แบบมีแคป ไม่ใช่สองตอนสี่ประตูนะครับ รถกะบะคันนี้รักมาก เพราะว่ามันพาผมตะลอนทัวร์ไปทุกสารทิศตอนทำงานเป็นเซลส์โดยที่มันไม่เคยทรยศผมเลย และตลอดระยะเวลาทำงานด้านนี้ตก 15 ปี เดินทางไปหลายๆจังหวัด ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุอะไรเลยครับ


        ในช่วงเย็นวันหนึ่ง ของเดือน พ.ค. ปีนั้น ผมได้รับหมอบหมายจากบริษัทจะต้องนำสินค้าไปส่งให้กับลูกค้าที่ตัวเมือง จ.แพร่ วันนั้นกะว่าจะออกจาก ลำปาง ไม่เกิน 6 โมงเย็นแต่ วันนั้นกว่าผมจะเคลียร์งานที่ออฟฟิคเสร็จเวลาก็ปาไป 1ทุ่ม(19.00น) แล้ว ผมยังไม่ได้ไปไหนเลย ผมเลยรีบเร่งสุดๆ

          
                 จน 20.00 น คืนนั้น ผมถึงล้อหมุน เย็นวันนั้นลูกค้าที่แพร่ที่เขากำลังรอสินค้าเขาโทรมาเร่งผมตั้งแต่เย็น

       การเดินทาง จาก ลำปาง ไป แพร่ ขาไปก็เหมือนๆที่ผมวิ่งประจำล่ะครับ วิ่งออกจากลำปาง จะผ่านแยกโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ แล้วจะวิ่งขึ้นเขาหลายลูก ผ่าน อ.ลอง และขึ้นเขาอีก จนถึง ตัวเมือง จ.แพร่ เรียกว่าถ้าคนไม่คุ้นเส้นทางไปวิ่งกลางๆคืน โค้งเยอะมาก เมาโค้ง ตกเขา ได้เลยครับ ฮ่าๆ

           พอไปถึง บ้านลูกค้า ในตัวจังหวัด ปรากฏว่าวันนั้นดันเป็น วันเกิดของ สามีลูกค้าผม  ไปถึงเขากำลังสังสรรค์เฮฮาปาตี้กันอย่างสนุกสนาน (เพราะไปถึงสามทุมกว่าแล้ว) ในงานปาร์ตี้มีการกินเลี้ยงเล็กๆในบ้าน  มีการเลี้ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย(คงไม่แปลกกินเลี้ยงวันเกิดใครบ้างพาเพื่อนมาเลี้ยงนมเปรี้ยว ฮ่าๆ) สามีลูกค้า  หลังจากที่ชวนกินข้าวแล้ว  แกก็ดีอ่ะน่ะ พยายามชงสุรา  ยื่นเสริฟให้ผมอยู่ตลอด  แต่เนื่องจากผมรู้ว่าผมจะต้องขับรถกลับ  ลำปาง ในคืนนั้นเลยปฏิเสธแกอย่างสุภาพ  สุดท้ายเลยไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลล์เลยซักนิด (ปกติก็ไม่ชอบอยู๋แล้ว)  แต่มีแค่กินข้าว  น้ำอัดลม  นั่งสังสรรค์และร้องเพลง  คาราโอเกะ ซึ่งสมัยนั้นกำลังฮิตมากๆ ครับ


         เนื่องจาก วันนั้นผม ไปถึงดึก พอไปลงของเสร็จ กินเลี้ยงเสร็จจะขอตัวกลับ ทางสามีลูกค้าที่กำลังเมาได้ที่ ก็รั้งผมไว้

           “เฮ้ย ไอ้น้อง แกจะรีบกลับไปไหนวะ อยู่กินเป็นเพื่อนพี่ก่อน”สามีลูกค้าผมที่เป็นชายวัย 50 ต้นๆ แกพูดแบบนั้นเลย

แหม พี่แกเมาอ่ะน่ะ เลยไม่ได้คำนึงเลยว่าผมไม่ได้อยู่ แพร่นะครับ จะต้องขับรถกลับในเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยวยามค่ำคืน
เออ ผมลืมบอกไป ทริปนั้น ผมไปคนเดียวรับเพราะปกติเวลาวิ่งมาส่งของที่แพร่ผมจะไปคนเดียวทุกครั้ง เพราะมันเป็นช่วงหลังออฟฟิคเลิกแล้ว ลูกน้องที่บริษัทเขากลับบ้านกัน ผมถึงต้องไปคนเดียว(เพราะผมเป็น ผู้จัดการสาขาอ่ะครับ)
      
                 กว่าที่ผมจะปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงวันเกิดของลูกค้าขาใหญ่ผมผมได้ โอ้ โหว ดูเวลาในนาฬิกาดิจิตอลเรืองแสงที่อยู่หน้ารถกะบะผม แม่เจ้า อีก 20 นาทีจะตีหนึ่ง  กว่าผมจะขับรถที่ตีเปล่า(เพราะเอาของไปส่งหมดแล้ว) ถึงบ้านได้ ด้วยเส้นทางของสาย แพร่ สู่ ลำปาง (คนเคยไปจะรู้ดี) พอออกจากแพร่เลยการไฟฟ้าแพร่ไปแล้ว จะมีแต่เขาทั้งนั้นเลย ทัศนีย์ภาพ ป่า เขา และ หุบเหวด้านขวามือของไหล่ถนน บางช่วง ทางสายนี้ ถ้ากลางวันยังพอทนแต่กลางคืน ดึกๆ มันเปลี่ยวมาก สมัยนั้น รถรายังน้อยครับ ที่ผ่านๆมา เวลาใช้เส้นทางนี้ตอนขากลับดึกๆ มันวังเวงซะเหลือเกิน (ย้ำว่าสมัยนั้นนะ สมัยนี้คงไม่เปลี่ยวแล้วมั้ง ไม่ได้ไปนานแล้ว ฮ่าๆ)
                ปล ถ้ารายละเอียดของเส้นทางเปลี่ยนไปบ้างต้องขอภัยนะครับเพราะเวลามันต่างกันตั้ง 16 ปีแล้ว บอกแล้วว่าเขียนจากความทรงจำล้วนๆ

        แต่ๆๆๆๆ ที่ผ่านมาหลายทริปที่เราเคยมาส่งของที่นี่แล้วตอนกลับ ผมไม่เคยกลับดึกขนาดนี้มาก่อน อย่างเก่งแค่ สี่ทุ่ม แล้วนี่มันอะไร     เราพลาดอย่างแรงที่ไปปล่อยให้งานเลี้ยงวันเกิดของพี่เขายื้อเวลาเราได้ตั้งเที่ยงคืนกว่าๆ

            ว่าแล้วผมรีบสตาร์ทรถออกจากบ้าน ลูกค้าท่านนั้นทันที กว่ารถจะออกพ้นตัวเมือง แพร่ได้ ก็ตีหนึ่งพอดี ผมวิ่งขึ้นลง เขา โค้งลงเขา ขึ้นเขาหลายต่อหลายรอบ จนล่วงเลยเวลามาจนถึงเกือบ ตี 2 ก่อนที่ผมจะเข้าถึง ทางแยกเข้าตัวอำเภอ ลอง ประมาณสัก 15 กม มันจะมีทางลงเนินเขาอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นทางลงเนินที่ชันมาก ผมจำได้ดีเลย ตอนนั้นไม่มีรถสวนทางเลยครับ ตั้งแต่ออกจากแพร่มาเห็นมีรถสวนไม่ถึง 5 คัน (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ดึกขนาดนั้น บนเส้นทางที่เปลี่ยวมีแต่เขาขนาดนั้น ใครจะไปไหนกัน

          ผมจำได้ว่าพอถึงทางลงเนินเขามันจะเป็นทางตรง ถนนสองเลนแบบวิ่งสวนกันที่ยาวมาก ด้านซ้ายมือคือไหล่เขา ส่วนด้านขวามือคือเหว เนื่องจากตอนนั้นไม่เห็นมีรถสวนทางผมเลยเปิดไฟสูงได้  พอรถลงเนินปุ๊บ ไฟรถที่เป็นไฟสูงมันจะสว่างมากส่องไปเห็นมีอะไรบางอย่างกำลังนอนขวางถนน คือ ขวางกลางถนนตรงเส้นแบ่งถนนเลยครับ พอรถกำลังลงเนิน (ตอนนั้นผมใส่เกียร์ว่างลงเนินเลยครับเพราะรถเปล่ามันเบา)พอเข้าไปใกล้ น่าจะประมาณ 300 เมตร ภาพที่เห็นผมจำได้ดีเลย

           เป็นภาพ มีคนนอนกลางถนน จากลักษณะที่มองเป็นผู้หญิงครับ เพราะผมยาวแต่นอนคว่ำหน้า แล้วเอามือทั้งสองข้างวางพาดไปกับพื้นถนนเหนือศรีษะ  ไฟหน้ารถส่องเห็นชัดเลยว่า นอนคว่ำ ผมยาว เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ ผิวดำแดง กางเกงสีมืดๆ น่าจะเป็นกางเกงขายาวสีดำเรียกว่าชุดดำทั้งชุดเลยครับ   รองเท้าไม่มี เท้าเปล่า นอนนิ่งเลยครับ ผมตาไม่ฝาดแน่นอน เพราะอาการตาฝาดเป็นอย่างไร เกิดมาไม่เคยเป็น สิ่งที่ผมเห็นรายละเอียดองค์ประกอบต่างๆรูปร่าง เสื้อผ้าที่ใส่ ลักษณะการนอน ผมไม่เคยมีข้อมูล เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ผมจะสร้างจินตนาการตาฝาดมาหลอนตัวเองได้แน่


            ในขณะที่รถผมกำลังไหลลงเนินเขามา ผมมองไปที่ผู้หญิงเสื้อดำคนที่นอนคว่ำหน้านิ่งไม่ไหวติง กลางถนนคนนี้ตลอดครับ และไม่ได้คิดอะไรเป็นอย่างอื่นนอกจาก คนประสบอุบัติเหตุ แค่นั้นจริง ๆ(ตรงถนนที่เป็นทางลงเขานี่นะ)แต่ถ้าวิเคราะห์ดีๆ รถที่เธอประสบอุบัติก็ไม่มีหรืออาจจะโดนรถชนแล้วหนีผมคิดแบบนั้นนะ ตอนนั้นจะว่ามันบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ เทปคาสเซทในรถแบบเปิดเพลงฟังมาตลอดเส้นทาง(สมัยนั้นรถผมยังไม่มีติดระบบซีดีเพราะยังไม่ค่อยนิยมและแพงมากด้วย) ตอนนั้นเทปในรถยังเป็นระบบเทปคาสเสตอยู่เลย วันนั้นนะ ฟังเพลงของพี่กี้ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง (ตอนนั้นยังชอบอยู่แต่ปัจจุบันไม่อยากพูดถึง ฮ่าๆ) ทั้งวัน เพราะกำลังอินกับ เพลง ทิ้ง เพลงอะไรเพราะมากมาย เหอๆ

   “ทิ้งๆกันไป ฉันคงจะหลงลืม เธอสักวัน กว่าวันนั้นใจคงร้อนรนจนทนไม่ไหว”แถมท่อนฮุคให้ฟังซะหน่อยเพื่อจะนึกได้ว่าเพลงนี้นะ เพราะจริง อะไรจริง นะ ตอนนั้น แบบกำลังอกหัก อ่ะ เหอๆๆๆ

       ช่วงนั้นผมเปิดเพลงฟังในรถอยู่ อัลบั้มเพลงของอริสมันต์อยู่อัลบั้มนั้นอัลบั้มเดียว วนไปวนมา เปิดมาหลายวันไม่เคยเปลี่ยนตลับ(กำลังอิน)แม้กระทั่งคืนนั้นเปิดตั้งแต่ขามาแพร่ จนขากลับยังไม่เปลี่ยนตลับ(จะบอกว่าในรถมีตลับเดียว ฮ่าๆ)ปรากฏว่า มันบังเอิญหรือมีพลังงานบางอย่างก็เป็นได้ มันเกิดอาการเทปยืดขอรับ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น สงสัยจอดรถตากแดดมากจัดตัวเทปมันคงจะร้อน เพลงที่กำลังเพราะๆ พอเทปยืดเสียงมันลากๆๆๆจนตกใจและดูหลอนไปเลย

     ผมเลยละสายตาจาก ผู้หญิงชุดดำที่กำลังนอนคว่ำหน้าบนถนนคนนั้น แล้ว เอื้อมมือไปควานหา(ในรถมันมืดครับ)ปุ่มกด eject ของเครื่องวิทยุเทปในรถ ซึ่งมันไม่เรื่องแสงเพราะตัววิทยุมันรุ่นเก่า กว่าจะหาปุ่มกดเด้งเทปออกเสียเวลาละสายตาบนท้องถนนที่กำลังวิ่งลงเนินเขาไป สาม-สี่ วินาทีน่าจะได้
    มันนานพอที่ตอนนั้นรถผมไหลลงเนินเขาจนใกล้จะถึง ตัวผู้หญิงเสื้อดำกางเกงดำคนนั้นแล้ว ซึ่งพอผมกดเทปออกได้แล้วรีบโยนไปทางเบาะรถด้านผู้โดยสารที่ว่างเปล่า(เพราะผมขับมาคนเดียว) เสียงตลับเทปกระเด้งเบาะรถไปกระแทกประตูด้านในรถฝั่งคนโดยสาน เสียงดัง “แกร๊ก”

     พอดีกับที่สองตาผมกำลังวกกลับมาอยู่บนเส้นทางสายเปลี่ยวอีกครั้ง ภาพที่เห็น ในขณะที่รถกำลังจะไหลดิ่งลงจากเนินเขามาถึงตัวผู้หญิงคนนั้น อีกไม่ถึง 100 เมตรแล้ว ทำให้ผม ใจหวิว และ ประหลาดใจอย่างมากจนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
      
                                                                                                                  #รอตอนต่อนะครับ#
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่