สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาบอกถึงวิธีการสมัครเรียนที่ประเทศจีนนะครับ มี 2 วิธีด้วยกัน
แบบแรกสำหรับคนที่ต้องการเรียนที่ประเทศจีนแบบมาเองเดี่ยวๆเลยนะครับ 1.เลย ก็ต้องส่งอีเมล์ไปถามมหาลัยนั้นๆ ว่าอยากจะสมัครเรียนที่นี่ แล้วเค้าก็จะให้กรอกข้อมูลผ่านเว็ป พอกรอกข้อมูลอะไรเสร็จ ก็รอเค้าส่งใบ jw มาแค่นี้
แบบที่ 2 มาแบบ ผ่านเอเจนซี่ สำหรับคนที่ขี้เกียจหาอีเมลมหาลัยเพื่อติดต่อ วิธีนี้ก็จะสบายหน่อย ไม่ต้องไปค้น email ของมหาลัยเพื่อไปติดต่อขอเรียน สำหรับการใช้เอเจนซี่นั้น การติดต่อก็จะง่ายหน่อยเพราะว่าบางมหาลัยนั้นได้ทำการ co กับเอเจนซี่ไว้ ซึ่งเมื่อเวลามีคนมาเรียนที่มหาลัยเค้า เค้าก็จะได้เงินค่านายหน้ากันด้วย แต่ว่าเอเจนซี่นั้นมีค่าบริการแพงเกินไปมากครับ ถ้าเราสมัครเอง ค่าบริการจะไม่มีแต่ถ้าผ่านเอเจนซี่แล้ว ค่าบริการจะมีมาตืม
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็ป banjean.com
เมื่อทำการสมัครเรียนแล้ว มหาวิทยาลัยจะทำการตรวจสอบเอกสารการสมัครเรียน ถ้าเอกสารครบเรียบร้อย
มหาวิทยาลัยจะส่งเอกสารยืนยันกลับมา 2 อย่าง
1. หนังสือตอบรับการเข้าเรียน
2. แบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่ามาประเทศจีน (JW202) : เนื่องจากออกโดยกระทรวงศึกษาจีน จะใช้เวลาทำค่อนข้างนาน
ใบตอบรับ คือ ใบที่ได้รับจากทางมหาวิทยาลัยของจีนที่แสดงว่าได้รับเราเข้าเรียนในหลักสูตรที่ได้สมัครเป้นที่เรียบร้อย โดยในใบตอบรับนี้จะแสดงถึง ชื่อของผู้สมัคร หลักสูตรที่สมัคร ระยะเวลา รวมถึงวันลงทะเบียน หลังจากสมัครแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะส่งใบนี้มาให้แก่ผู้สมัคร พร้อมกับ ใบ jw202 มาคู่กัน เพื่อยื่นใช้ในการขอวีซ่านักเรียนเข้าประเทศจีน
แต่ก็มีความเป้นไปได้ว่าผู้สมัครอาจจะไม่ได้รับเอกสารตัวนี้ เนื่องจากอาจจะสมัครช้า หรือสมัครในช่วงมหาวิทยาลัยปิดเทอมแล้ว ทำให้ทางมหาวิทยาลัยออกเอกสารไม่ทัน ทำให้ผู้เรียนต้องทำวีซ่าท่องเที่ยวเข้าไปก่อน แล้วจึงไปเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียนที่ประเทศจีนอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็ป banjean.com
สำหรับคลิปนี้นะครับผมกำลัง รอทำวีซ่า นร.อยู่นะครับเพราะผมมาที่นี่โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว ครูก็ต้องเป็นคนไปทำวีซ่านร. ให้สำหรับคลิปนี้จะเป็นการรอทำวีซ่านร.โดยมีนร.ต่างประเทศมารอทำวีซ่ากันแบบนี้นะครับผม โดยมีนร.เกาหลีกำลังฝึกนับเลขภาษาไทยกันอยู่ 55 เราเลยถ่ายวีดีโอมาให้ชมกันครับ
สำหรับคนที่เรียนมากกว่า 1 เทอม ก่อนเดินทางภายในระยะเวลา 3 เดือน ต้องทำการตรวจร่างกายในโรงพยาบาลที่สถานฑูตจีนรับรอง
สำหรับใครที่ชอบสามารถติดตามการเดินทางของผมได้ที่
https://www.facebook.com/24cth/
หรือ 24cth.com
+*โอปป้าเกาหลีพูดไทยและทำวีซ่านร.ที่จีน*+
แบบแรกสำหรับคนที่ต้องการเรียนที่ประเทศจีนแบบมาเองเดี่ยวๆเลยนะครับ 1.เลย ก็ต้องส่งอีเมล์ไปถามมหาลัยนั้นๆ ว่าอยากจะสมัครเรียนที่นี่ แล้วเค้าก็จะให้กรอกข้อมูลผ่านเว็ป พอกรอกข้อมูลอะไรเสร็จ ก็รอเค้าส่งใบ jw มาแค่นี้
แบบที่ 2 มาแบบ ผ่านเอเจนซี่ สำหรับคนที่ขี้เกียจหาอีเมลมหาลัยเพื่อติดต่อ วิธีนี้ก็จะสบายหน่อย ไม่ต้องไปค้น email ของมหาลัยเพื่อไปติดต่อขอเรียน สำหรับการใช้เอเจนซี่นั้น การติดต่อก็จะง่ายหน่อยเพราะว่าบางมหาลัยนั้นได้ทำการ co กับเอเจนซี่ไว้ ซึ่งเมื่อเวลามีคนมาเรียนที่มหาลัยเค้า เค้าก็จะได้เงินค่านายหน้ากันด้วย แต่ว่าเอเจนซี่นั้นมีค่าบริการแพงเกินไปมากครับ ถ้าเราสมัครเอง ค่าบริการจะไม่มีแต่ถ้าผ่านเอเจนซี่แล้ว ค่าบริการจะมีมาตืม
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็ป banjean.com
เมื่อทำการสมัครเรียนแล้ว มหาวิทยาลัยจะทำการตรวจสอบเอกสารการสมัครเรียน ถ้าเอกสารครบเรียบร้อย
มหาวิทยาลัยจะส่งเอกสารยืนยันกลับมา 2 อย่าง
1. หนังสือตอบรับการเข้าเรียน
2. แบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่ามาประเทศจีน (JW202) : เนื่องจากออกโดยกระทรวงศึกษาจีน จะใช้เวลาทำค่อนข้างนาน
ใบตอบรับ คือ ใบที่ได้รับจากทางมหาวิทยาลัยของจีนที่แสดงว่าได้รับเราเข้าเรียนในหลักสูตรที่ได้สมัครเป้นที่เรียบร้อย โดยในใบตอบรับนี้จะแสดงถึง ชื่อของผู้สมัคร หลักสูตรที่สมัคร ระยะเวลา รวมถึงวันลงทะเบียน หลังจากสมัครแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะส่งใบนี้มาให้แก่ผู้สมัคร พร้อมกับ ใบ jw202 มาคู่กัน เพื่อยื่นใช้ในการขอวีซ่านักเรียนเข้าประเทศจีน
แต่ก็มีความเป้นไปได้ว่าผู้สมัครอาจจะไม่ได้รับเอกสารตัวนี้ เนื่องจากอาจจะสมัครช้า หรือสมัครในช่วงมหาวิทยาลัยปิดเทอมแล้ว ทำให้ทางมหาวิทยาลัยออกเอกสารไม่ทัน ทำให้ผู้เรียนต้องทำวีซ่าท่องเที่ยวเข้าไปก่อน แล้วจึงไปเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียนที่ประเทศจีนอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็ป banjean.com
สำหรับคลิปนี้นะครับผมกำลัง รอทำวีซ่า นร.อยู่นะครับเพราะผมมาที่นี่โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว ครูก็ต้องเป็นคนไปทำวีซ่านร. ให้สำหรับคลิปนี้จะเป็นการรอทำวีซ่านร.โดยมีนร.ต่างประเทศมารอทำวีซ่ากันแบบนี้นะครับผม โดยมีนร.เกาหลีกำลังฝึกนับเลขภาษาไทยกันอยู่ 55 เราเลยถ่ายวีดีโอมาให้ชมกันครับ
สำหรับคนที่เรียนมากกว่า 1 เทอม ก่อนเดินทางภายในระยะเวลา 3 เดือน ต้องทำการตรวจร่างกายในโรงพยาบาลที่สถานฑูตจีนรับรอง
สำหรับใครที่ชอบสามารถติดตามการเดินทางของผมได้ที่ https://www.facebook.com/24cth/
หรือ 24cth.com