สามีกะเราแต่งงานกันมาได้สิบปีมีลูกด้วยกันสองคน สามีก็ถือว่าเป็นคนดีขยันทำมาหากิน รักลูกรักครอบครัวมาก โดยปกติแล้วครอบครัวเราจะไม่ค่อยมีปัญหากัน อยู่อย่างมีความสุขเข้าใจกันดี เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวสามีมีแม่ พ่อ ลูกชาย(สามี) และมีพี่สาวอิกหนึ่งคน ปัจจุบันพ่อ(พ่อสามี)ได้บวช ต่อมาพี่สาว(มีลูก ติดสองคนและกำลังท้องอิกหนึ่งคน) ได้ทะเลาะกับแม่เนื่องจากแม่สามีไม่ชอบลูกเขยเพราะแม่แกจะเป็นคนที่ยึดมั่นในตนเองมาก(ฐิถิสูง) หัวโบราณมาก ถ้าอะไรหรือใครที่ไม่ทำตามหรือเห็นพ้องก็จะอยู่กะแกไม่ได้จนพี่สาวต้องพาลูกแยกบ้านออกไป(ตกระกำลำบาก) แม่สามีก็จะอยู่กับหลานอายุ 11 ขวบ(ลูกคนโตของพี่สาว)
ประมาณปี 58แม่สามีจะป่วยด้วยโรคกระดูกทับเส้น(ตามประสาคนแก่) เดินได้แต่จะปวดขา บางที่ก็ชาขา สามีเราเคยพาแกไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัฐหนึ่งครั้งแล้วแกก็เลิกไปหาด้วยเหตุผลว่าแกต้องรอนานทั้งวัน แกก็จะเข้าแต่ที่คลีนิก ต่อมาแม่สามีก็พยายามหาหมอทุกที่ที่เขาเล่าว่าดี ทั้งหมอแผนโบราณ แผนปัจจุบัน หมอนวด แม้กระทั่งหมอผี ไปต่างจังหวัดก็ไปในจังหวัดก็เยอะปัจจุบันที่นับๆรวมได้ก็ประมาณสิบก่วาที่แล้วในรอบสองปี(58-59) แกจะไปหาที่ละสี่ห้าครั้งแล้วก็เลิกไปหาเนื่องจากแกบอกว่ายาไม่ดีอาการป่วยไม่หาย ค่าใช้จ่ายถ้านับรวมๆแล้วก็หลายหมื่นไหนจะค่ายาค่าน้ำมันค่ากินอยู่ขณะเดินทางสารพัด ค่ายาเราก็ให้แกออกเองแต่ค่าอื่นๆสามีเราอาสาออกให้หมด ซึ่งฐานะครอบครัวเราเองก็ติดลบทุกเดือน
แม่สามีก็จะโทรหาลูกทุกวันเพื่อหาทางให้ลูกแวะบ้านทุกวันบางทีก็อ้างว่าน้ำไม่ไหล ไฟดับ หลังคารั่ว ทีวีดูไม่ได้ แก็สหมด หลานเป็นไข้ ญาติป่วย ท่อตัน ฯลฯ ซึ่งสามีก็จะต้องทำตามแม่ทุกอย่างไม่เคยขัด โทรมาเวลาไหนเธอก็ไป (ขนาดหลานเป็นไข้ สี่ห้าทุ่มโทรมาสามีเราก็ต้องออกไป) แม่พูดอะไรถูกทุกเรื่อง วันหยุดก็ต้องหาเรื่องโทรตามให้ลูกไปหา บางครั้งเราก็แอบน้อยใจบางทีพาลูกๆไปเที่ยวกันแม่สามีโทรมาสามีก็จะโกหกแม่ว่าอยู่ที่ทำงาน ไม่บอกว่าพาลูกเที่ยว เป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง เราเคยถามว่าทำไมต้องพูดแบบนั้นสามีก็บอกว่ากลัวแม่น้อยใจ (เหมือนกับว่าถ้าแกรู้ว่าเราและลูกๆมีความสุขแล้วแกอิจฉาเราและลูกๆงั้นแหละ)
เรากะสามีเคยคุยกันนะว่าให้แม่มาอยู่กะพวกเราไหมเธอจะได้ดูแลแม่เต็มที่ไม่ต้องมีปัญหากลับบ้านดึก ไม่ต้องทะเลาะกันแต่แม่สามีก็ไม่มาด้วยเหตุผลว่าห่วงบ้าน เราเคยคุยแม้กระทั่งว่าเรายอมให่สามีไปอยู่กะแม่เราจะอยู่กะลูกๆเอง เพราะเราเบื่อปัญหาพวกนี้มันเป็นมานานตั้งแต่แต่งงานสิบปีแล้วเราเหนื่อยเราจะไม่โกรธถ้าสามีไปอยู่กะแม่แล้วเราจะคอยดูว่าแม่สามีจะมีความสุขมากไหมถ้าครอบครัวลูกต้องแยกกันอยู่ หลานๆต้องแยกกะพ่อเพียงเพราะแม่ไม่ยอมปล่อยวาง...เฮ้อ...เรื่องราวมีเยอะมากๆแต่ที่พล่ามๆมานี่ก็ยาวแล้วเกรงใจคนอ่านแต่ได้ระบายบ้างก็รู้สึกดีค่ะ..ขอโทษด้วยนะคะ
แม่(สามี)หวงลูกชายมากไม่ยอมปล่อยวาง
ประมาณปี 58แม่สามีจะป่วยด้วยโรคกระดูกทับเส้น(ตามประสาคนแก่) เดินได้แต่จะปวดขา บางที่ก็ชาขา สามีเราเคยพาแกไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัฐหนึ่งครั้งแล้วแกก็เลิกไปหาด้วยเหตุผลว่าแกต้องรอนานทั้งวัน แกก็จะเข้าแต่ที่คลีนิก ต่อมาแม่สามีก็พยายามหาหมอทุกที่ที่เขาเล่าว่าดี ทั้งหมอแผนโบราณ แผนปัจจุบัน หมอนวด แม้กระทั่งหมอผี ไปต่างจังหวัดก็ไปในจังหวัดก็เยอะปัจจุบันที่นับๆรวมได้ก็ประมาณสิบก่วาที่แล้วในรอบสองปี(58-59) แกจะไปหาที่ละสี่ห้าครั้งแล้วก็เลิกไปหาเนื่องจากแกบอกว่ายาไม่ดีอาการป่วยไม่หาย ค่าใช้จ่ายถ้านับรวมๆแล้วก็หลายหมื่นไหนจะค่ายาค่าน้ำมันค่ากินอยู่ขณะเดินทางสารพัด ค่ายาเราก็ให้แกออกเองแต่ค่าอื่นๆสามีเราอาสาออกให้หมด ซึ่งฐานะครอบครัวเราเองก็ติดลบทุกเดือน
แม่สามีก็จะโทรหาลูกทุกวันเพื่อหาทางให้ลูกแวะบ้านทุกวันบางทีก็อ้างว่าน้ำไม่ไหล ไฟดับ หลังคารั่ว ทีวีดูไม่ได้ แก็สหมด หลานเป็นไข้ ญาติป่วย ท่อตัน ฯลฯ ซึ่งสามีก็จะต้องทำตามแม่ทุกอย่างไม่เคยขัด โทรมาเวลาไหนเธอก็ไป (ขนาดหลานเป็นไข้ สี่ห้าทุ่มโทรมาสามีเราก็ต้องออกไป) แม่พูดอะไรถูกทุกเรื่อง วันหยุดก็ต้องหาเรื่องโทรตามให้ลูกไปหา บางครั้งเราก็แอบน้อยใจบางทีพาลูกๆไปเที่ยวกันแม่สามีโทรมาสามีก็จะโกหกแม่ว่าอยู่ที่ทำงาน ไม่บอกว่าพาลูกเที่ยว เป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง เราเคยถามว่าทำไมต้องพูดแบบนั้นสามีก็บอกว่ากลัวแม่น้อยใจ (เหมือนกับว่าถ้าแกรู้ว่าเราและลูกๆมีความสุขแล้วแกอิจฉาเราและลูกๆงั้นแหละ)
เรากะสามีเคยคุยกันนะว่าให้แม่มาอยู่กะพวกเราไหมเธอจะได้ดูแลแม่เต็มที่ไม่ต้องมีปัญหากลับบ้านดึก ไม่ต้องทะเลาะกันแต่แม่สามีก็ไม่มาด้วยเหตุผลว่าห่วงบ้าน เราเคยคุยแม้กระทั่งว่าเรายอมให่สามีไปอยู่กะแม่เราจะอยู่กะลูกๆเอง เพราะเราเบื่อปัญหาพวกนี้มันเป็นมานานตั้งแต่แต่งงานสิบปีแล้วเราเหนื่อยเราจะไม่โกรธถ้าสามีไปอยู่กะแม่แล้วเราจะคอยดูว่าแม่สามีจะมีความสุขมากไหมถ้าครอบครัวลูกต้องแยกกันอยู่ หลานๆต้องแยกกะพ่อเพียงเพราะแม่ไม่ยอมปล่อยวาง...เฮ้อ...เรื่องราวมีเยอะมากๆแต่ที่พล่ามๆมานี่ก็ยาวแล้วเกรงใจคนอ่านแต่ได้ระบายบ้างก็รู้สึกดีค่ะ..ขอโทษด้วยนะคะ