อยากทราบว่าชื่ออะไรครับ เพราะ โค้ช คนนี้อ่านเกมส์คู่ต่อสู้ขาดมาก ตั้งแต่การส่งผู้เล่นลงแข่งในแต่ละรุ่นน้ำหนักที่เลือกผู้เล่นทำน้ำหนักเพื่อลงแข่งแบบได้เปรียบมาก เช่น โสภิตา เดิมไม่ว่า โค้ช คนไหน จับเธอส่งลงที่น้ำหนัก 53 กก. แต่ฝีมือเธอยังห่างผู้เล่นคนอื่นๆในรุ่นน้ำหนักนี้มาก อันดับ 4, 5 และ 6 ประจำ วนเวียนอยู่แค่นี้ พอ โค้ช คนนี้มาจับเธอส่งรุ่นน้ำหนักน้อยลงคือ 48 กก. เพราะ น้ำหนักที่เธอยกได้ไปสูสีกับ คนจีน ที่ได้แชมป์รุ่นนี้เมื่อโอลิมปิกส์ครั้งก่อน คราวนี้เลยได้แชมป์แบบแทบไม่ต้องลุ้นอะไรมากเลย แต้ว พิมศิริ ก็เช่นกัน ถ้าดึงดันให้เธอยกน้ำหนักที่รุ่น 63 กก. คงจะได้แค่ชิงเหรียญทองแดงกับ รัตติกาล สถานเดียว เพราะ จีน ในรุ่นนี้ทำน้ำหนักสูงสุดทิ้ง แต้ว แบบไม่เห็นฝุ่น ก็ให้เธอมาเป็นหมากคอยบีบ จีน ในรุ่นน้ำหนัก 58 กก. แทน ที่ทำน้ำหนักสูสีมาก นั่นจึงเป็นเหตุให้จีนต้องทิ้งการหวังเหรียญทอง 2 รุ่นนี้ไปเลย เพราะ เสี่ยงต่อการชวดเหรียญทองมากเกินไป ไปเอารุ่นน้ำหนักอื่นที่สถิติยกได้สูงสุดทิ้งห่างนักกีฬาคนอื่นดีกว่า เป็นการเรียกรุ่นน้ำหนักที่ตัดคู่แข่งได้ชาญฉลาดมาก

นอกจากนี้ การเรียกน้ำหนักที่ยกแต่ละครั้ง ไม่ใช่เรียกแล้วเรียกเลย ไม่มองเกมส์แบบ โค้ช หญิงจีน เมื่อโอลิมปิกส์ครั้งก่อน จนยกน้ำหนักได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น มีเปลี่ยนน้ำหนักเกทับคู่แข่ง, มีการส่งผู้เล่นคนอื่นมายกน้ำหนักให้ติดไว้ก่อนบีบคู่ต่อสู้ และมีจิตวิทยาที่นักกีฬาผ่อนคลายพอจนยกน้ำหนักได้ตามแผน ยังไม่พอสามารถสอนนักกีฬาให้พัฒนาฝีมือพวกเยาวชนฝีมือดีจนสามารถก้าวมาเล่นในรุ่นผู้ใหญ่ได้เร็วขนาด 2 ปี น้ำหนักที่ยกได้เพิ่มขึ้นมาก ได้อารมณ์โค้ช จางเจี๋ยหมิน โค้ชสอนที่ปั้น อุดมพร, ปวีณา, วันดี, ประภาวดี พวกรุ่นนี้จนโด่งดังอย่างไรอย่างงั้น จึงอยากให้สมาคมยกน้ำหนักอย่าทำให้ โค้ช คนนี้หลุดมือเด็ดขาด ท่านอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้ที่หาโค้ชแทนได้แบบสมบูรณ์แบบ เพราะ ไม่งั้นสมาคมท่านอาจเสียสูญเหมือน 8 ปีที่ผ่านมาก ที่นักกีฬาเรามีฝีมือ แต่ โค้ช เรายังมือไม่ถึงคุมทีมให้อยู่ในระดับชั้นนำครับ