คือช่วงเดิอนมกราคมที่ผ่านมาได้ลั่นจองตั่ว BKK-LHR ของ Qatar Airways ไปแบบงงๆ ตอนนั้นก็คิดว่าจะตั้งใจเก็บเงิน
ไม่กินไม่เที่ยวที่ใหน เพราะไปตั้งกันยา สบายๆ แต่ระหว่างทางก็ผุดทริปเล็ก ทริปใหญ่ ตลอดเวลา ทำให้แพลนในเรื่อง
การเก็บเงินไม่ถึงเป้าหมายครับ คือ ถึงตอนยื่นวีซ่าเดือนสิงหาคม ขนาดเงินเดือนเดือนกรกฎาเข้าแล้วยังมีไม่ถึง 1 แสนบาท
ก็เลยรู้สึกเครียดมาก เพราะกลัววีซ่าไม่ผ่าน ตั่วก็จองไปแล้ว 24XXX บาท ขอหยุดยาวก็ขอไปแล้วด้วย 55+ แต่ก็เป็นไงเป็นกันครับ
ลองยื่นไปดู วีซ่ายูเคตอนนี้ไม่ต้องถ่ายรูปไปแล้วนะครับ สำหรับApplicationก็กรอกไปให้ครบครับ ในเรื่องของเงินปันผลจากการลงทุน
อันที่จริงก็พอมี แต่มันน้อยมาก ใส่ไปดูจะตลกเปล่าๆ เช่น ได้รายได้จากดอกเบี้ยเดือนละ 10 ปอนด์อย่างนี้ เลยไม่ใส่ไปครับ แล้วก็เอกสาร
ประกอบก็ยืนตามRoutine++นิดหน่อยตามคำแนะนำจากบุคคลต่างๆที่ยื่นไปก็มี
-สำเนาทะเบียนบ้าน ไม่ได้แปล
-สำเนาบัตรประชาชน ไม่ได้แปล
-สำเนาพาสปอร์ตเล่มเก่าและเล่มใหม่ เล่มใหม่ถ่ายหน้าที่ถูกประทับตาต่างๆไปด้วย บางคนบอกว่าต้องมีก็เลยถ่ายๆไป แต่อันจริงไม่แน่ใจว่าต้องถ่ายมั๊ย
-จดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ แจ้งว่าทำงานอะไร ทำไมถึงอยากไปอังกฤษ แพลนคร่าวๆ และแจ้งว่าออกเงินเองในทริปนี้
-แพลนเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่าแต่ละวันไปที่ใหนบ้าง
-สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากทุกหน้า+ยื่นเล่มจริงไปด้วย กลัวเค้าไม่เชื่อ ไม่ได้แปล
-สำเนาการเดือนบัญชี ของไทยพาณิชย์เสีย 200 รู้สึกแพง 55+ ระบุชื่อเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย
-ปรินท์ใบจองตั๋วเครื่องบินระบุว่าจ่ายเงินไปแล้ว
-ปรินท์ใบจองโรงแรมแบบยังไม่จ่ายเงิน
-ปรินท์สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน ไม่ได้แปล
-หนังสือรับรองการทำงานระบุวันเริ่มงาน ตำแหน่ง เงินเดือน ระบุวันลาที่จะไปท่องเที่ยวที่อังกฤษ เป็นภาษาอังกฤษ
-ปรินท์Application
-ปรินท์ใบนัด
เมื่อถึงวันยื่นไปเร็วมากครับ เพราะตื่นเต้นกลัวรถติด นัด 9 โมง ไปถึงตั้งแต่ยังไม่ 8 โมง แต่เค้าให้ยื่นที่ เคาเตอร์ VFS 10 นาทีก่อนเวลานัดนะครับ
ถึงจะปั้มตราให้ขึ้นลิฟท์ไปได้ พอขึ้นลิฟต์ไปแล้วถึงหน้าทางเข้า เจ้าหน้าที่ก็จะถามอีกทีว่ารอบเท่าไร แล้วให้ปิดเครื่องมือสื่อสาร ให้ลอดที่สแกนโลหะ
จากนั้นจะได้รับการตรวจเอกสารคร่าวๆพร้อมบัตรคิว พอเข้าไปที่เก้าอี้ให้นั่งฝั่งอังกฤษนะครับ คือมันจะมีที่ยืนของออสเตรเลียอยู่ด้วย ให้ดูจากที่ผนัง
จะมีชื่อประเทศพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวระบุชัดเจน จากนั้นก็กรอกใบรับแจ้งทางSMSรอ จะไม่เอาก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเสีย 80 บาท แต่ผมเอา อุ่นใจดี
เมื่อถึงคิวพอไปยื่นเอกสารเค้าก็จะตรวจและถามถึงวันเข้าประเทศอังกฤษ ถ้าอยากจะให้เค้าส่งทางไปรษณีย์ก็แจ้งที่เคาเตอร์นะครับ เค้าจะให้
ซองกันกระแทกมาจ่าหน้าถึงตัวเองเขียนให้ชัดเจน เสียเงินอีก 270 บาท สรุปจ่ายพร้อมกับค่า SMS 350 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าใช้เวลาพิจจารณา
ประมาณ 15 วันทำการสบายใจ TT จากนั้นพอเรื่องเอกสารเรียบร้อยก็รอเข้าห้องBIO เพื่อถ่ายรูปและสแกนลายนิ้วมือ โดยใช้บัตรคิวคิวเดิมจากที่ตอนรอ
ยื่นที่เคาเตอร์ครับ จะมีห้องอยู่ประมาณ 5-6 ห้องที่เห็น เจ้าหน้าที่น่ารักครับห้องนี้ยิ้มแย้ม ทำให้บรรยากาศไม่ตรึงเครียดเลย อันจริงเจ้าหน้าที่ที่เคาเตอร์
ก็โอเคนะครับ แต่น้องที่ห้องBIOบริการประทับใจจริงๆขอชมเชย เค้าก็จะให้มองกล้องวงจรปิดและถ่ายรูป ตอนแรกนึกว่าจะใช้รูปเงยหน้านี่หรือที่ติดที่วีซ่า
แต่อันจริงมีถ่ายหน้าตรงปกติต่อครับ และก็สแกนลายนิ้วมือบลาๆ จากนั้นน้องก็ให้เอกสารไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับEMS code ไว้ติดตามสถานะการส่ง
เป็นอันเสร็จขั้นตอนประมาณครึ่งชั่วโมง เร็วกว่าที่คิดครับ จากนั้นช่วงเย็นจะมี SMS เข้ามาว่า Application ส่งไปยังสถานทูตแล้ว จากนั้น 4 วัน มีsms
แจ้งว่าขั้นตอนเรียบร้อยส่งเอกสารคืนไปยัง VFS แล้ว และกำลังส่งเอกสารคืนไปยังที่อยู่ที่แจ้ง จากนั้น 2 วันก็ได้เล่มพร้อมวีซ่าแล้วครับ หวังว่าที่พิมพ์มา
คงมีประโยชน์กับมนุษย์เงินเดือนธรรมดา+เงินเก็บพอประมาณแต่คิดว่าไม่มากพอ และหวังว่าจะไป backpack UK สักครั้งในชีวิต น่าจะตัดสินใจง่ายขึ้น
นะครับ โดยส่วนตัวมองว่าถ้าเอกสารเราแน่นพอ คิดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการพิจจารณานะครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ ^^
[CR] Visa UK ผ่านแล้วครับ อยากแชร์ประสบการณ์สำหรับมนุษย์เงินเดือนธรรมดา+เงินในบัญชีไม่ถึงแสน
ไม่กินไม่เที่ยวที่ใหน เพราะไปตั้งกันยา สบายๆ แต่ระหว่างทางก็ผุดทริปเล็ก ทริปใหญ่ ตลอดเวลา ทำให้แพลนในเรื่อง
การเก็บเงินไม่ถึงเป้าหมายครับ คือ ถึงตอนยื่นวีซ่าเดือนสิงหาคม ขนาดเงินเดือนเดือนกรกฎาเข้าแล้วยังมีไม่ถึง 1 แสนบาท
ก็เลยรู้สึกเครียดมาก เพราะกลัววีซ่าไม่ผ่าน ตั่วก็จองไปแล้ว 24XXX บาท ขอหยุดยาวก็ขอไปแล้วด้วย 55+ แต่ก็เป็นไงเป็นกันครับ
ลองยื่นไปดู วีซ่ายูเคตอนนี้ไม่ต้องถ่ายรูปไปแล้วนะครับ สำหรับApplicationก็กรอกไปให้ครบครับ ในเรื่องของเงินปันผลจากการลงทุน
อันที่จริงก็พอมี แต่มันน้อยมาก ใส่ไปดูจะตลกเปล่าๆ เช่น ได้รายได้จากดอกเบี้ยเดือนละ 10 ปอนด์อย่างนี้ เลยไม่ใส่ไปครับ แล้วก็เอกสาร
ประกอบก็ยืนตามRoutine++นิดหน่อยตามคำแนะนำจากบุคคลต่างๆที่ยื่นไปก็มี
-สำเนาทะเบียนบ้าน ไม่ได้แปล
-สำเนาบัตรประชาชน ไม่ได้แปล
-สำเนาพาสปอร์ตเล่มเก่าและเล่มใหม่ เล่มใหม่ถ่ายหน้าที่ถูกประทับตาต่างๆไปด้วย บางคนบอกว่าต้องมีก็เลยถ่ายๆไป แต่อันจริงไม่แน่ใจว่าต้องถ่ายมั๊ย
-จดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ แจ้งว่าทำงานอะไร ทำไมถึงอยากไปอังกฤษ แพลนคร่าวๆ และแจ้งว่าออกเงินเองในทริปนี้
-แพลนเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่าแต่ละวันไปที่ใหนบ้าง
-สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากทุกหน้า+ยื่นเล่มจริงไปด้วย กลัวเค้าไม่เชื่อ ไม่ได้แปล
-สำเนาการเดือนบัญชี ของไทยพาณิชย์เสีย 200 รู้สึกแพง 55+ ระบุชื่อเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย
-ปรินท์ใบจองตั๋วเครื่องบินระบุว่าจ่ายเงินไปแล้ว
-ปรินท์ใบจองโรงแรมแบบยังไม่จ่ายเงิน
-ปรินท์สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน ไม่ได้แปล
-หนังสือรับรองการทำงานระบุวันเริ่มงาน ตำแหน่ง เงินเดือน ระบุวันลาที่จะไปท่องเที่ยวที่อังกฤษ เป็นภาษาอังกฤษ
-ปรินท์Application
-ปรินท์ใบนัด
เมื่อถึงวันยื่นไปเร็วมากครับ เพราะตื่นเต้นกลัวรถติด นัด 9 โมง ไปถึงตั้งแต่ยังไม่ 8 โมง แต่เค้าให้ยื่นที่ เคาเตอร์ VFS 10 นาทีก่อนเวลานัดนะครับ
ถึงจะปั้มตราให้ขึ้นลิฟท์ไปได้ พอขึ้นลิฟต์ไปแล้วถึงหน้าทางเข้า เจ้าหน้าที่ก็จะถามอีกทีว่ารอบเท่าไร แล้วให้ปิดเครื่องมือสื่อสาร ให้ลอดที่สแกนโลหะ
จากนั้นจะได้รับการตรวจเอกสารคร่าวๆพร้อมบัตรคิว พอเข้าไปที่เก้าอี้ให้นั่งฝั่งอังกฤษนะครับ คือมันจะมีที่ยืนของออสเตรเลียอยู่ด้วย ให้ดูจากที่ผนัง
จะมีชื่อประเทศพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวระบุชัดเจน จากนั้นก็กรอกใบรับแจ้งทางSMSรอ จะไม่เอาก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเสีย 80 บาท แต่ผมเอา อุ่นใจดี
เมื่อถึงคิวพอไปยื่นเอกสารเค้าก็จะตรวจและถามถึงวันเข้าประเทศอังกฤษ ถ้าอยากจะให้เค้าส่งทางไปรษณีย์ก็แจ้งที่เคาเตอร์นะครับ เค้าจะให้
ซองกันกระแทกมาจ่าหน้าถึงตัวเองเขียนให้ชัดเจน เสียเงินอีก 270 บาท สรุปจ่ายพร้อมกับค่า SMS 350 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าใช้เวลาพิจจารณา
ประมาณ 15 วันทำการสบายใจ TT จากนั้นพอเรื่องเอกสารเรียบร้อยก็รอเข้าห้องBIO เพื่อถ่ายรูปและสแกนลายนิ้วมือ โดยใช้บัตรคิวคิวเดิมจากที่ตอนรอ
ยื่นที่เคาเตอร์ครับ จะมีห้องอยู่ประมาณ 5-6 ห้องที่เห็น เจ้าหน้าที่น่ารักครับห้องนี้ยิ้มแย้ม ทำให้บรรยากาศไม่ตรึงเครียดเลย อันจริงเจ้าหน้าที่ที่เคาเตอร์
ก็โอเคนะครับ แต่น้องที่ห้องBIOบริการประทับใจจริงๆขอชมเชย เค้าก็จะให้มองกล้องวงจรปิดและถ่ายรูป ตอนแรกนึกว่าจะใช้รูปเงยหน้านี่หรือที่ติดที่วีซ่า
แต่อันจริงมีถ่ายหน้าตรงปกติต่อครับ และก็สแกนลายนิ้วมือบลาๆ จากนั้นน้องก็ให้เอกสารไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับEMS code ไว้ติดตามสถานะการส่ง
เป็นอันเสร็จขั้นตอนประมาณครึ่งชั่วโมง เร็วกว่าที่คิดครับ จากนั้นช่วงเย็นจะมี SMS เข้ามาว่า Application ส่งไปยังสถานทูตแล้ว จากนั้น 4 วัน มีsms
แจ้งว่าขั้นตอนเรียบร้อยส่งเอกสารคืนไปยัง VFS แล้ว และกำลังส่งเอกสารคืนไปยังที่อยู่ที่แจ้ง จากนั้น 2 วันก็ได้เล่มพร้อมวีซ่าแล้วครับ หวังว่าที่พิมพ์มา
คงมีประโยชน์กับมนุษย์เงินเดือนธรรมดา+เงินเก็บพอประมาณแต่คิดว่าไม่มากพอ และหวังว่าจะไป backpack UK สักครั้งในชีวิต น่าจะตัดสินใจง่ายขึ้น
นะครับ โดยส่วนตัวมองว่าถ้าเอกสารเราแน่นพอ คิดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการพิจจารณานะครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ ^^