“Walter Mitty” คนช่างฝันรุ่นใหม่ เขาเป็นผู้ลำดับภาพนิ่งให้กับนิตยสาร ใช้วิธีผ่อนคลายจิตใจจากชีวิตที่จำเจด้วยการหายตัวไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการสุดตื่นเต้นอย่างเป็นผู้กล้าที่มีความมั่นใจ มีความรักที่ชวนหลงใหล และได้รับชัยชนะจากอุปสรรคขวากหนามต่างๆ
หนังเริ่มต้นเรื่องมาด้วยการที่ฟิล์มรูปที่ 25 ของช่างภาพชื่อดังที่จะต้องนำมาขึ้นปกนิตยสารที่วอเตอร์ทำงานอยู่นั้นได้หายไป เขาจึงต้องออกเดินทางไปรอบโลกเพื่อตามหารูปใบนั้น และนำกลับมาขึ้นปก เพื่อให้ทันวันที่นิตยสารวางแผน ที่สำคัญมันเป็นนิตยสารฉบับสุดท้าย เพราะบริษัทกำลังจะปิดตัวลง
“วอเตอร์” ผู้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามารถเดินทางไปรอบโลกได้ ก็เริ่มออกเดินทางไปหาชอน เพื่อถามถึงฟิล์มใบที่ 25 เขาต้องผจญภัยต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การกระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ลงมหาสมุทรในช่วงที่มีพายุเกล
ในวันเดียวกันปั่นจักรยาน วิ่ง สไลด์สเก็ตบอร์ด เป็นระยะทาง 17 กิโลเมตร ไปภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด นับเป็นการกระทำที่กล้า บ้าบิ่นสุดๆ ตลอดข้างทาง มันทำให้เราเห็นว่า วอเตอร์มีความสุขในการที่จะทำอะไรก็ได้ที่อิสระ ตามใจตัวเอง วิวสองข้างทางสวย และเป็นธรรมชาติมาก
วอเตอร์ได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ รอยยิ้มของผู้คนในแต่ละเมืองที่ผ่านไป ล้วนเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกครั้งในการเดินทางไปท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ เราต่างก็ได้รับสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน
เมื่อเขาเดินทางขึ้นไปถึงยอดเขาและพบกับ “ชอน” เพื่อถามถึงที่อยู่ของฟิล์มรูปที่ 25 “ชอน” ตอบว่ารูปใบนั้นมันคือความสวยงาม มันนั้นอยู่ในกระเป๋าสตางค์หนังที่มีจดหมายแนบมาด้วย ทว่าวอเตอร์ทิ้งกระเป๋าใบนั้นลงถังขยะไปแล้ว
จุดไคล์แมกซ์มาอยู่ตรงที่แม่ของวอเตอร์ เป็นคนเก็บกระเป๋าสตางค์ใบนั้นไว้ ทำให้เค้าเจอฟิล์มรูปที่ 25 รูปที่เค้าตามหามาตลอด วอเตอร์จึงรีบนำมันไปให้กับนิตยสาร เพื่อจะตีพิมพ์ให้ทันวันที่หนังสือวางแผง
วันที่หนังสือวางแผง วอเตอร์ได้พบว่า ฟิล์มใบที่ 25 นั้น คือรูปของตัวเอง ซึ่ง “ชอน” ได้กล่าวไว้ว่า "Life ฉบับสุดท้าย อุทิศให้คนที่สร้างมันมา" ซึ่งก็คือ วอเตอร์ ผู้ทุ่มเททำงานให้กับนิตยสารเล่มนี้มาตลอดการทำงานของเขา
ตลอดการดูหนังเรื่องนี้ มันทำให้เราได้ข้อคิดว่า "ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" หากเราใช้ใจในการนำทาง ออกเดินทาง และทำตามใจฝัน ขอแค่มีความมุ่งมั่น และตั้งใจ จุดหมายที่ว่าไกลนั้น เราก็สามารถคว้ามันมาได้
สุดท้ายนี้ฝากเพจของเราด้วยนะคะ ไปอัพเดทเรื่องกินเรื่องเที่ยวกันได้ที่
https://www.facebook.com/EatAndTravelByTT/
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
[CR] “The Secret Life of Walter Mitty” จุดไฟ ปลุกฝันนักเดินทาง
หนังเริ่มต้นเรื่องมาด้วยการที่ฟิล์มรูปที่ 25 ของช่างภาพชื่อดังที่จะต้องนำมาขึ้นปกนิตยสารที่วอเตอร์ทำงานอยู่นั้นได้หายไป เขาจึงต้องออกเดินทางไปรอบโลกเพื่อตามหารูปใบนั้น และนำกลับมาขึ้นปก เพื่อให้ทันวันที่นิตยสารวางแผน ที่สำคัญมันเป็นนิตยสารฉบับสุดท้าย เพราะบริษัทกำลังจะปิดตัวลง
“วอเตอร์” ผู้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามารถเดินทางไปรอบโลกได้ ก็เริ่มออกเดินทางไปหาชอน เพื่อถามถึงฟิล์มใบที่ 25 เขาต้องผจญภัยต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การกระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ลงมหาสมุทรในช่วงที่มีพายุเกล
ในวันเดียวกันปั่นจักรยาน วิ่ง สไลด์สเก็ตบอร์ด เป็นระยะทาง 17 กิโลเมตร ไปภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด นับเป็นการกระทำที่กล้า บ้าบิ่นสุดๆ ตลอดข้างทาง มันทำให้เราเห็นว่า วอเตอร์มีความสุขในการที่จะทำอะไรก็ได้ที่อิสระ ตามใจตัวเอง วิวสองข้างทางสวย และเป็นธรรมชาติมาก
วอเตอร์ได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ รอยยิ้มของผู้คนในแต่ละเมืองที่ผ่านไป ล้วนเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกครั้งในการเดินทางไปท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ เราต่างก็ได้รับสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน
เมื่อเขาเดินทางขึ้นไปถึงยอดเขาและพบกับ “ชอน” เพื่อถามถึงที่อยู่ของฟิล์มรูปที่ 25 “ชอน” ตอบว่ารูปใบนั้นมันคือความสวยงาม มันนั้นอยู่ในกระเป๋าสตางค์หนังที่มีจดหมายแนบมาด้วย ทว่าวอเตอร์ทิ้งกระเป๋าใบนั้นลงถังขยะไปแล้ว
จุดไคล์แมกซ์มาอยู่ตรงที่แม่ของวอเตอร์ เป็นคนเก็บกระเป๋าสตางค์ใบนั้นไว้ ทำให้เค้าเจอฟิล์มรูปที่ 25 รูปที่เค้าตามหามาตลอด วอเตอร์จึงรีบนำมันไปให้กับนิตยสาร เพื่อจะตีพิมพ์ให้ทันวันที่หนังสือวางแผง
วันที่หนังสือวางแผง วอเตอร์ได้พบว่า ฟิล์มใบที่ 25 นั้น คือรูปของตัวเอง ซึ่ง “ชอน” ได้กล่าวไว้ว่า "Life ฉบับสุดท้าย อุทิศให้คนที่สร้างมันมา" ซึ่งก็คือ วอเตอร์ ผู้ทุ่มเททำงานให้กับนิตยสารเล่มนี้มาตลอดการทำงานของเขา
ตลอดการดูหนังเรื่องนี้ มันทำให้เราได้ข้อคิดว่า "ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" หากเราใช้ใจในการนำทาง ออกเดินทาง และทำตามใจฝัน ขอแค่มีความมุ่งมั่น และตั้งใจ จุดหมายที่ว่าไกลนั้น เราก็สามารถคว้ามันมาได้
สุดท้ายนี้ฝากเพจของเราด้วยนะคะ ไปอัพเดทเรื่องกินเรื่องเที่ยวกันได้ที่ https://www.facebook.com/EatAndTravelByTT/
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต