วันนี้เวียดนามได้สร้างประวัติศาสตร์ชาติหน้าใหม่ของตัวเอง ขึ้นมาแล้วด้วยการคว้าเหรียญทอง โอลิมปปิกส์ได้เป็นเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาค อาเซียน ต่อจากไทยและอินโดฯ  มหาอำนาจด้านกีฬาในอาเซียน นี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการสร้างชาติให้เป็นหนึ่งเดียว ของเวียดนาม หลังผ่านช่วงเวลาของสงครามมายาวนาน และเปิดประเทศสู่โลกภายนอก

ตลอดระยะเวลา สิบกว่าปีมานี้ เราเห็นได้ชัด ถึงพัฒนาการของการส่งเสริมด้านกีฬาของเวียดนามจนก้าวมาเป็นเบอร์ต้นๆในภูมิภาค แซงหน้าประเทศใหญ่ๆอย่างมาเลย์สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ และอาจจะรวมถึงอินโดนีเซีย เพราะตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ กีฬาซีเกมส์ เวียดนามพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าดีพอที่จะทำเหรียญทองแซงประเทศใหญ่ๆในภูมิภาคได้ และดีพอจะเป็นเจ้าเหรียญทอง ในช่วงที่ตนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน




ที่ผ่านมามีเพียงไทยและอินโดนีเชีย เท่านั้นที่ได้สัมผัส เหรียญทองเกียรติยศนี้ ไทยเราทำได้ครั้งแรก เมื่อ 20 ปีที่แล้ว จากกีฬามวยสากล นับจากนั้นมาก็ได้เหรียญทองติดต่อกันมาเรื่อยๆและกระจายเหรียญไปยังชนิดกีฬาประเภทต่างๆ ส่วนอินโดนีเชียประเทศยักใหญ่ในภูมิภาคด้วยจำนวนประชากรและขนาดพื้นที่และตัวเลขด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค กวาดเหรียญทองโอลิมปิกส์มาแล้ว ที่ผ่านมา 6 เหรียญด้วยกัน จะเป็นรองก็เพียงไทยที่ทำได้ 7 เหรียญ เหมือนจะมีแค่สองประเทศนี้เท่านั้นในภูมิภาคที่ศักยภาพทางด้านกีฬา พอจะไปเบียดเหรียญทองรายการกีฬารายการใหญ่ๆได้ แม้แต้ประเทศที่ไม่เป็นสองรองใครและเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอย่างมาเลย์และสิงคโปร์ และประเทศฟิลิปปินส์ที่มีประชากรแตะ ร้อยล้านคน และทั่วโลกต่างรู้จักเกียรติศัพท์ทางด้านกีฬามวยสากล อย่างแมนนี่ ปาเกียว  ก็ยังไม่เคยสัมผัสเหรียญทองประวัติศาสตร์ มาเลย์เชียเองก็เป็นประเทศหนึ่งที่เคยมีนักแบดมินตันมือหนึ่งของโลกและเข้าใกล้เหรียญมากที่สุด จากรอบชิงชายเดียวที่ลอนดอนเกมส์ ปี2012 ทำให้ยังคงต้องรอคอยกันต่อไป

ตอนนี้เวียดนามได้แสดงให้ประเทศในภูมิภาคนี้ได้เห็นแล้วว่า ตอนนี้เวียดนามกำลังก้าวมาทาบพี่ใหญ่ในภูมิภาคอย่างไทยและอินโดฯ อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยชนิดกีฬาที่ถือเป็นสากลไม่ใช่กีฬาพื้นบ้านอีกต่อไป เวียดนามปีนี้ไม่ใช่แค่ยิงปืนเท่านั้น กีฬาอย่างว่ายน้ำ เทควันโด  และพร้อมที่จะก้าวเป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาคอีกไม่ช้า