ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ จากใจคนที่เชียร์บียูมากว่า 10 ปี
ผมผ่านประสบการณ์อันไม่น่าเชื่อมาเมื่อ 10 ปีก่อนที่ครั้ง ม.กรุงเทพผงาดคว้าแชมป์ไทยลีกได้แบบหักปากกาเซียน
มันเป็นชัยชนะที่ไม่คาดคิดและเกินกว่าทีมมหาวิทยาลัยจะเอื้อมถึง
ครั้งนั้นมันตราตรึง งดงามและประทับใจมาก
ผ่านไป 10 ปีทุกสิ่งเปลี่ยนหมุนตามกาลเวลา
ยกเว้นทีมที่ผมเชียร์
เราผ่านร้อนผ่านหนาวมา ท่านกลางกระแสฟุตบอลไทยที่เริ่มตื่นตัวขึ้นเรื่อย ๆ
ทีมหาวัทยาลัยเริ่มที่จะต้านทานการเติบโตของลีกไม่ได้
เงินทุนที่เริ่มผลักดันให้ก้าวหน้าสู่ระดับอาชีพมากขึ้นเรื่อย ๆ เราไม่พูดถึงหลักล้านในการทำทีมอีกแล้ว อย่างน้อยเราต้องว่ากันที่ 10 ล้านหรือร้อยล้านขึ้น
ทีมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากมหาวิทยาลัย กระจายออกสู่กรุงเทพมหานคร เรามีนักการเมืองและผู้ร่วมหุ่นรายใหม่เข้ามาร่วมสร้างทีม
จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สู่ Bangkok Umited ไม่ได้สวยงามตามที่เราหวังนัก
แต่เราเริ่มมีพี่น้องหน้าใหม่เข้ามาเริ่มเชียร์ เราเริ่มสร้างกองเชียร์จากเล็ก ๆ ร่วมผ่านประสบการณ์ในร่างใหม่ด้วยกัน
อนิจจา ทีมกรุงเทพมหานคร ภาพความหวังไม่ได้สวยหรูอย่างที่เราหวังไว้นัก
เราเริ่มทีมแตก....เราเริ่มดิ้นรนหนีตกชั้น
และเราก็ตกชั้นท่ามกลางน้ำตาของกองเชียร์พี่น้องแข้งเทพ
แต่สิ่งหนึ่งที่เราภูมิใจเสมอมา นั่นคือเราจะตกหรือเราจะรอดก็ขอให้มันเกิดจากแรงใจของกองเชียร์ผนวกกับฝีเท้าพี่น้องเราในสนามเท่านั้น
เรายอมโดยคนเย้ยหยันมาตลอดกองเชียร์คนน้อย แต่เราไม่ท้อ เรายืน เราร้อง เราเชียร์ เพราะเรารักและเราศรัทธา
เราตกชั้น และเราดิ้นรนฝ่าฟันกว่าจะกลับขึ้นมายืนในจุดทีเรายืนอีกครั้ง
สองปี ไม่มากและไม่น้อยไปในความพยายาม
แม้เราจะล้มอีกกี่ครั้ง เรายังยืนยันและภูมิใจเสมอในเกียรติและศักดิ์ศรีมาตลอด เราพลาดและโดนลงโทษบ่อยครั้งจากการตัดสินที่ผิดพลาด
เหยียบเราจนแทบจมดิน แต่เราก็เชียร์และยิ้มอย่างภูมิใจเสมอ เราขออยู่แบบนี้ ด้วยมือและเท้าของเราเอง
กาลเวลาพัดพาไปตามกระแส กลุ่มทุนใหญ่ที่จับทีมเราอย่างเต็มตัว เริ่มจับทิศทางและเอาจริง
เราดีใจที่เราเริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมาก เรารักโค้ชที่พลิกทีมเราจากทีมหนีตกชั้นจนเริ่มขึ้นมาอยู่หัวแถวไทยลีก
แต่อนิจจา จากสายตาที่เฝ้ามองทีมรักมานับสิบปี ความความชอกช้ำและเปลี่ยนแปลงมากมาย เจ้าเริ่มเปลี่ยนไป....
เราดีใจที่เจ้าโตขึ้น แต่ความศรัทธาและภูมิเล็ก ๆ ที่เราแอบซ้อนเก็บไว้มันเริ่มหายไป
เราไม่กล้าปฎิเสธที่ทีมเรากลับมาลุ้นแชมป์ แต่ส่วนลึกในใจและตัวตนเรามันบอกเราเองว่า บางอย่างมันไม่เหมือนเดิม
เราไม่ได้อยากเป็นคนที่โดนรังแกเช่นเดิม แต่เราคิดถึงรอยยิ้มเล็ก ๆ จากความภูมิใจน้อย ๆ ของเรา มันเริ่มหายไปแล้วเราคิดถึงมัน
เราไม่สามารถบอกได้จริง มันคือความบังเอิญ หรือความผิดพลาดโดยสุจริต แต่มโนสำนึกเรามันบอกว่า ทำไมมันไม่เหมือนเดิม
ทำไมมันเยอะขึ้น เยอะจนเราพยายามวางเฉยแต่ก็วางไม่ลง
นับเวลาต่อจากนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เราทำได้เต็มที่คือเชียร์ทีมรักของเราต่อไป
เราคือกองเชียร์ไม่ใช่ผู้บริหาร เราทำได้แค่หวัง หวังในแชมป์และหวังในความโปร่งใส
ท้ายที่สุดนี้เราขอสดุดีหัวใจกองเชียร์ทุกทีมทุกท่าน เราเข้าสนามและหวังมิตรภาพเสมอ เราไม่เคยคิดว่าชัยชนะจะยิ่งใหญ่กว่าหัวใจของมิตรภาพ
เรายิ้มให้พวกท่านทุกคน ทุกทีม และเราหวังว่าเราจะได้ยิ้มร่วมกันกับทีมชาติของเรา
ท้ายจริง ๆ จากหัวใจของเรา เราผ่านความยากมากมาย ตกชั้นก็ผ่านมาแล้ว สิบปีไร้แชมป์ไม่เป็นไร เราขออยู่อย่างสบายใจจะดีกว่า...
ด้วยจิตคารวะแฟนบอลทุกท่าน
อยากเชียร์แบบสุขใจ บางครั้งกลับไปหนีตกชั้นยังดีซะกว่า
ผมผ่านประสบการณ์อันไม่น่าเชื่อมาเมื่อ 10 ปีก่อนที่ครั้ง ม.กรุงเทพผงาดคว้าแชมป์ไทยลีกได้แบบหักปากกาเซียน
มันเป็นชัยชนะที่ไม่คาดคิดและเกินกว่าทีมมหาวิทยาลัยจะเอื้อมถึง
ครั้งนั้นมันตราตรึง งดงามและประทับใจมาก
ผ่านไป 10 ปีทุกสิ่งเปลี่ยนหมุนตามกาลเวลา
ยกเว้นทีมที่ผมเชียร์
เราผ่านร้อนผ่านหนาวมา ท่านกลางกระแสฟุตบอลไทยที่เริ่มตื่นตัวขึ้นเรื่อย ๆ
ทีมหาวัทยาลัยเริ่มที่จะต้านทานการเติบโตของลีกไม่ได้
เงินทุนที่เริ่มผลักดันให้ก้าวหน้าสู่ระดับอาชีพมากขึ้นเรื่อย ๆ เราไม่พูดถึงหลักล้านในการทำทีมอีกแล้ว อย่างน้อยเราต้องว่ากันที่ 10 ล้านหรือร้อยล้านขึ้น
ทีมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากมหาวิทยาลัย กระจายออกสู่กรุงเทพมหานคร เรามีนักการเมืองและผู้ร่วมหุ่นรายใหม่เข้ามาร่วมสร้างทีม
จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สู่ Bangkok Umited ไม่ได้สวยงามตามที่เราหวังนัก
แต่เราเริ่มมีพี่น้องหน้าใหม่เข้ามาเริ่มเชียร์ เราเริ่มสร้างกองเชียร์จากเล็ก ๆ ร่วมผ่านประสบการณ์ในร่างใหม่ด้วยกัน
อนิจจา ทีมกรุงเทพมหานคร ภาพความหวังไม่ได้สวยหรูอย่างที่เราหวังไว้นัก
เราเริ่มทีมแตก....เราเริ่มดิ้นรนหนีตกชั้น
และเราก็ตกชั้นท่ามกลางน้ำตาของกองเชียร์พี่น้องแข้งเทพ
แต่สิ่งหนึ่งที่เราภูมิใจเสมอมา นั่นคือเราจะตกหรือเราจะรอดก็ขอให้มันเกิดจากแรงใจของกองเชียร์ผนวกกับฝีเท้าพี่น้องเราในสนามเท่านั้น
เรายอมโดยคนเย้ยหยันมาตลอดกองเชียร์คนน้อย แต่เราไม่ท้อ เรายืน เราร้อง เราเชียร์ เพราะเรารักและเราศรัทธา
เราตกชั้น และเราดิ้นรนฝ่าฟันกว่าจะกลับขึ้นมายืนในจุดทีเรายืนอีกครั้ง
สองปี ไม่มากและไม่น้อยไปในความพยายาม
แม้เราจะล้มอีกกี่ครั้ง เรายังยืนยันและภูมิใจเสมอในเกียรติและศักดิ์ศรีมาตลอด เราพลาดและโดนลงโทษบ่อยครั้งจากการตัดสินที่ผิดพลาด
เหยียบเราจนแทบจมดิน แต่เราก็เชียร์และยิ้มอย่างภูมิใจเสมอ เราขออยู่แบบนี้ ด้วยมือและเท้าของเราเอง
กาลเวลาพัดพาไปตามกระแส กลุ่มทุนใหญ่ที่จับทีมเราอย่างเต็มตัว เริ่มจับทิศทางและเอาจริง
เราดีใจที่เราเริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมาก เรารักโค้ชที่พลิกทีมเราจากทีมหนีตกชั้นจนเริ่มขึ้นมาอยู่หัวแถวไทยลีก
แต่อนิจจา จากสายตาที่เฝ้ามองทีมรักมานับสิบปี ความความชอกช้ำและเปลี่ยนแปลงมากมาย เจ้าเริ่มเปลี่ยนไป....
เราดีใจที่เจ้าโตขึ้น แต่ความศรัทธาและภูมิเล็ก ๆ ที่เราแอบซ้อนเก็บไว้มันเริ่มหายไป
เราไม่กล้าปฎิเสธที่ทีมเรากลับมาลุ้นแชมป์ แต่ส่วนลึกในใจและตัวตนเรามันบอกเราเองว่า บางอย่างมันไม่เหมือนเดิม
เราไม่ได้อยากเป็นคนที่โดนรังแกเช่นเดิม แต่เราคิดถึงรอยยิ้มเล็ก ๆ จากความภูมิใจน้อย ๆ ของเรา มันเริ่มหายไปแล้วเราคิดถึงมัน
เราไม่สามารถบอกได้จริง มันคือความบังเอิญ หรือความผิดพลาดโดยสุจริต แต่มโนสำนึกเรามันบอกว่า ทำไมมันไม่เหมือนเดิม
ทำไมมันเยอะขึ้น เยอะจนเราพยายามวางเฉยแต่ก็วางไม่ลง
นับเวลาต่อจากนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เราทำได้เต็มที่คือเชียร์ทีมรักของเราต่อไป
เราคือกองเชียร์ไม่ใช่ผู้บริหาร เราทำได้แค่หวัง หวังในแชมป์และหวังในความโปร่งใส
ท้ายที่สุดนี้เราขอสดุดีหัวใจกองเชียร์ทุกทีมทุกท่าน เราเข้าสนามและหวังมิตรภาพเสมอ เราไม่เคยคิดว่าชัยชนะจะยิ่งใหญ่กว่าหัวใจของมิตรภาพ
เรายิ้มให้พวกท่านทุกคน ทุกทีม และเราหวังว่าเราจะได้ยิ้มร่วมกันกับทีมชาติของเรา
ท้ายจริง ๆ จากหัวใจของเรา เราผ่านความยากมากมาย ตกชั้นก็ผ่านมาแล้ว สิบปีไร้แชมป์ไม่เป็นไร เราขออยู่อย่างสบายใจจะดีกว่า...
ด้วยจิตคารวะแฟนบอลทุกท่าน