----------- บันทึกการเดินทางทรมานตูด บนเส้นทางสายเหนือ-อีสาน ------------
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางด้วยเงินกลางเดือนที่คิดว่าจะเหลือถึงปลายเดือนแน่ๆ แต่ก็ไม่แน่
การเดินทางของเราเริ่มจาก การนั่งรถทัวร์จากขอนแก่นขึ้นไปจังหวัดเชียงรายเพื่อไปหาพี่ที่ขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปฝึกงานที่นั่น จากนั้นก็ลงมาโดยผ่านเส้นทางสายหนือ อีสานแล้วเที่ยวลงมาเรื่อยๆ โดยการขับมอเตอร์ไซค์ตลอดการเดินทาง
-------------------- 15/07/59 เริ่มด้วยเรื่องเขียว ๆ ------------------
.
.
สถานที่แรกคือ "ไร่ชาฉุยฟ่ง"
เราเดินทางจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งคนขับบอกห่างแค่ 10 กิโลเมตรเอง ก็ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน
เรามากันค่อนข้างเช้าคนก็เริ่มเยอะเพราะตรงกับวันหยุด แต่ที่นี่ไม่ค่อยวุ่นวายอารมณ์แบบมาดื่มชากลางธรรมชาติ
ชาเขียวที่นี่ค่อนข้างจะอร่อยมาก เข้าใจคำว่าเต้นกินรำกินก็วันนี้แหละ มีความสุขจนต้องขยับตัวเป็นจังหวะ โจ๊ะๆ
คาเฟ่ที่นี่ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกไอดิน สร้างไว้ที่บนเนินเขาที่สามารถเห็นวิวของไร่ชาด้านล่างได้
-------------------- ธรรมชาติที่นี่เขียวจนต้องร้องขอชีวิต ------------------------------
ต่อกันที่ที่เขียวอีกที่คือดอยตุง ห่างจากไร่ชาราวๆ 20 กิโลเมตร ถึงแค่ทางเข้า เราต้องขับขึ้นเขาไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร
แต่ระยะทางขึ้นเขาไม่เป็นปัญหา เพราะหมอกจางๆและควัญหนาๆทำให้ลืมเรื่องระยะทางไปเลย ต่อให้ขับ 50 กิโลก็ไม่สะท้าน
เพราะเส้นทางนี้เย็นและเขียวมากๆ พยายามจะถ่ายรูปมาแต่คนขับสนุกกับการเล่นโค้งแบบวุ้วๆตลอดทาง คนข้างหน้าก็รักการขับรถ คนข้างหลังก็รักการถ่ายรูป สรุปจะอ้วกให้ได้ก็เลยเอ้อไว้ไปสัมผัสเองละกันเนอะ
พอขึ้นมาถึง เราก็มาซื้อบัตรกันก่อนว่าจะชมอะไรบ้าง หากมีบัตรนักศึกษาก็จะลดราคาไปอีก
เราเลือกเข้าชมสวนและพระตำหนักดอยตุง ราคาประมาณคนละ 70-80 บาท
ปกติเราเป็นคนไม่ชอบดอกไม้หลากๆสีเท่าไหร่ เราชอบแค่สีเขียวเข้มกับเขียวอ่อนเท่านั้น แต่ที่นี่ผสมผสานหลากหลายแบบให้ความรู้สึกเข้าไปในป่าที่อุดมสมบูรณ์มีทุกอย่างในนั้น แม้แต่ตุ๊กแกป่าที่ร้องเสียงดัง และหนอนขนที่ตะเกียกตะกายเต็มพื้น ธรรมชาติล้วนๆไม่มีปูนผสม
ทางเดินขึ้นพระตำหนักนั้นหมอกหนามาก ถ่ายรูปเลยไม่ค่อยจะเห็นอะไรเท่าไหร่ ในพระตำหนักห้ามถ่ายรูปใดๆทั้งสื้นเลยได้แค่ชื่นชมแล้วออกมาเงียบๆ
หลังจากลงมาจากดอยตุงได้สักพักมาแล้วจ้า ฝนแห่ลงมาหนักแล้วเป็นทางภูเขาแล้วก็หลงทางอีก ดีที่ฝนวิ่งตามเราก็เลยรีบแข่งกับฝนจนชนะมาเจอศาลาริมทางนั่งพักเล่นเอ็มวีกันไปนานสองนาน จากฝนตกตัวเปียก ร้องเท้าก็เริ่มหอมกินฝนกัดเท้ากันสนุกสนานก็เลยต้องเก็บกล้องใส่กระเป๋าแล้วบันทึกความทรงจำด้วยหัวใจล้วนๆเลย
ทริปวันแรกเราเดินทางไปแม่สาย แต่เพราะแม่สายคนเยอะมาก และตอนนั้นก็เริ่มเดินลากขากันแล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา มีเพียงข้าวซอยที่ความพอใจเท่ากับการกินก๋วยเตี๋ยวที่โรงอาหารมหาลัย ไม่ได้หวือหวาอะไร แค่ไม่ตายก็พอ
จากนั้นกลับเข้าตัวเมืองอีก 60 กิโล พักกันให้หนำใจสำหรับวันแรก "การเดินทางไปหาหมอกขาวๆในพื้นที่สีเขียว"
[CR] สองล้อ' เที่ยวเมืองเชียงรายกับถนนสาย เหนือ-อีสาน
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางด้วยเงินกลางเดือนที่คิดว่าจะเหลือถึงปลายเดือนแน่ๆ แต่ก็ไม่แน่
การเดินทางของเราเริ่มจาก การนั่งรถทัวร์จากขอนแก่นขึ้นไปจังหวัดเชียงรายเพื่อไปหาพี่ที่ขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปฝึกงานที่นั่น จากนั้นก็ลงมาโดยผ่านเส้นทางสายหนือ อีสานแล้วเที่ยวลงมาเรื่อยๆ โดยการขับมอเตอร์ไซค์ตลอดการเดินทาง
-------------------- 15/07/59 เริ่มด้วยเรื่องเขียว ๆ ------------------
.
.
สถานที่แรกคือ "ไร่ชาฉุยฟ่ง"
เราเดินทางจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งคนขับบอกห่างแค่ 10 กิโลเมตรเอง ก็ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน
เรามากันค่อนข้างเช้าคนก็เริ่มเยอะเพราะตรงกับวันหยุด แต่ที่นี่ไม่ค่อยวุ่นวายอารมณ์แบบมาดื่มชากลางธรรมชาติ
ชาเขียวที่นี่ค่อนข้างจะอร่อยมาก เข้าใจคำว่าเต้นกินรำกินก็วันนี้แหละ มีความสุขจนต้องขยับตัวเป็นจังหวะ โจ๊ะๆ
คาเฟ่ที่นี่ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกไอดิน สร้างไว้ที่บนเนินเขาที่สามารถเห็นวิวของไร่ชาด้านล่างได้
-------------------- ธรรมชาติที่นี่เขียวจนต้องร้องขอชีวิต ------------------------------
ต่อกันที่ที่เขียวอีกที่คือดอยตุง ห่างจากไร่ชาราวๆ 20 กิโลเมตร ถึงแค่ทางเข้า เราต้องขับขึ้นเขาไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร
แต่ระยะทางขึ้นเขาไม่เป็นปัญหา เพราะหมอกจางๆและควัญหนาๆทำให้ลืมเรื่องระยะทางไปเลย ต่อให้ขับ 50 กิโลก็ไม่สะท้าน
เพราะเส้นทางนี้เย็นและเขียวมากๆ พยายามจะถ่ายรูปมาแต่คนขับสนุกกับการเล่นโค้งแบบวุ้วๆตลอดทาง คนข้างหน้าก็รักการขับรถ คนข้างหลังก็รักการถ่ายรูป สรุปจะอ้วกให้ได้ก็เลยเอ้อไว้ไปสัมผัสเองละกันเนอะ
พอขึ้นมาถึง เราก็มาซื้อบัตรกันก่อนว่าจะชมอะไรบ้าง หากมีบัตรนักศึกษาก็จะลดราคาไปอีก
เราเลือกเข้าชมสวนและพระตำหนักดอยตุง ราคาประมาณคนละ 70-80 บาท
ปกติเราเป็นคนไม่ชอบดอกไม้หลากๆสีเท่าไหร่ เราชอบแค่สีเขียวเข้มกับเขียวอ่อนเท่านั้น แต่ที่นี่ผสมผสานหลากหลายแบบให้ความรู้สึกเข้าไปในป่าที่อุดมสมบูรณ์มีทุกอย่างในนั้น แม้แต่ตุ๊กแกป่าที่ร้องเสียงดัง และหนอนขนที่ตะเกียกตะกายเต็มพื้น ธรรมชาติล้วนๆไม่มีปูนผสม
ทางเดินขึ้นพระตำหนักนั้นหมอกหนามาก ถ่ายรูปเลยไม่ค่อยจะเห็นอะไรเท่าไหร่ ในพระตำหนักห้ามถ่ายรูปใดๆทั้งสื้นเลยได้แค่ชื่นชมแล้วออกมาเงียบๆ
หลังจากลงมาจากดอยตุงได้สักพักมาแล้วจ้า ฝนแห่ลงมาหนักแล้วเป็นทางภูเขาแล้วก็หลงทางอีก ดีที่ฝนวิ่งตามเราก็เลยรีบแข่งกับฝนจนชนะมาเจอศาลาริมทางนั่งพักเล่นเอ็มวีกันไปนานสองนาน จากฝนตกตัวเปียก ร้องเท้าก็เริ่มหอมกินฝนกัดเท้ากันสนุกสนานก็เลยต้องเก็บกล้องใส่กระเป๋าแล้วบันทึกความทรงจำด้วยหัวใจล้วนๆเลย
ทริปวันแรกเราเดินทางไปแม่สาย แต่เพราะแม่สายคนเยอะมาก และตอนนั้นก็เริ่มเดินลากขากันแล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา มีเพียงข้าวซอยที่ความพอใจเท่ากับการกินก๋วยเตี๋ยวที่โรงอาหารมหาลัย ไม่ได้หวือหวาอะไร แค่ไม่ตายก็พอ
จากนั้นกลับเข้าตัวเมืองอีก 60 กิโล พักกันให้หนำใจสำหรับวันแรก "การเดินทางไปหาหมอกขาวๆในพื้นที่สีเขียว"
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น