.
ลูกหมูตัวนั้นกำลังเดินวนเวียนอยู่รอบๆซากศพของแม่
แม่หมูตัวนี้ผิดเองที่ไม่ได้ศึกษากฎจราจรให้กระจ่างชัด จึงไม่ได้พาลูกข้ามทางม้าลายหรือขึ้นสะพานลอย และถูกชนโดยคนขับรถผู้ที่สอบใบขับขี่ผ่าน ผมเห็นเหตุการณ์พอดีตอนที่รถยนต์มูลค่าคันละล้านวิ่งชนแม่หมูผู้เดินนำหน้าลูกของตัวเอง
แม่หมูแม้ว่าจะไม่เคยดูภาพยนตร์ ซึ่งส่วนใหญ่แสดงด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ หลายเรื่องมีฉากตัวเอกสละตัวเองโดยการผลักตัวเอกอีกตัวให้กระเด็นพ้นภัย ตัวเองยอมรับเคราะห์แทน แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่ ทำให้มันหันหลังกลับผลักลูกสุดแรงกระเด็นขึ้นมาบนทางเท้า ส่วนแม่หมูโดนรถชนกระเด็นแหลกยับพับร่างตามระเบียบ
ลูกหมูไร้เดียงสาเกินไปที่จะรู้ว่าแม่เสียชีวิตแล้ว มันคงแปลกใจว่าทำไมแม่นอนนิ่ง แถมยังทำตัวเลอะเทอะอีก โอ คุณแม่เป็นอะไรไป ทำไมไม่ยอมพูดยอมเดินต่อ
ผู้ชายคนหนึ่งเดินโยกหัวออกมาจากร้านอาหารริมทางเดิน ในมือถือกระทะมาด้วยคาดว่าคงเป็นพ่อครัวเพราะมีผ้ากันเปื้อนคิดตัวมาด้วย ม่านตาของเขากลายเป็นเหรียญเงินแวววาว เขาไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าก้มลงไปหยิบร่างไร้วิญญาณของแม่หมู
“เมียวแดดดู๋......หลูมาบ...เหมืองทรงคู่...ยูหูหมำ...หมอยู...หมิงปู้....มอดถู...หมางยู่”
เขาได้แต่พร่ำบ่นภาษาประหลาดอยู่อย่างกระหยิ่มกับการได้เนื้อหมูไปทำเมนูเด็ดโดยไม่ต้องลงทุน ผมทนดูไม่ได้เพราะถือว่าเป็นการเหยียดหยามย่ำยีกันมากเกินไป จึงกระโดดถีบหมอนั่นเต็มแรงจนเขาผวาออกไปอย่างหมดท่า กระทะในมือหลุดกระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศก่อนหล่นลงมากระแทกศีรษะของเขาอย่างจังเป็นของแถมโดยไม่ต้องเรียกร้อง
พอตั้งตัวได้พ่อครัวตัวแสบก็ฉวยกระทะขึ้นมาเงื้อง่าราคาแพงเป็นพิเศษ เพราะวิญญาณแห่งการค้าเข้าสิง
“คุณมาถีบผมทำไม...” เขาร้องด้วยใบหน้าแค้นเคือง ใบหน้ายังมีเศษน้ำมันและเศษผักเปรอะเปื้อนเพราะกระทะยังไม่ได้ล้าง ไม่กล้าผลีผลามเข้าโจมตี คงนึกเสียดายว่าไม่ได้คว้ามีดทำครัวมาด้วย
“คุณมาเอาเนื้อหมูไปทำไม คุณมีสิทธิอะไร”
“แล้วคุณมีสิทธิอะไรมาห้ามมาถีบผม หมูที่ตายแล้วเป็นของสาธารณะ ปล่อยเอาไว้ก็เน่าเปื่อยเป็นที่เดือดร้อนคนสัญจร ผมอุตส่าห์เสียสละตัวเองเพื่อส่วนรวมยอมเสียเวลาออกมาเก็บกวาดให้โดยไม่คิดมูลค่า เห็นหรือยังว่าผมแสนดีขนาดไหน รู้ไหมว่าผมเป็นใคร ผมน่ะล่ะ ศิษย์เอกของจอมโหดกระทะเหล็กอากิยามะ จาง”
คำพูดของเขาทำเอาผมอ้าปากค้าง ไม่นึกว่าจะเจอศิษย์เอกของจอมโหดกระทะเหล็ก ไม่มีทางสู้กับทายาทโหดของจางได้แน่ แถมผมเองเป็นคนโต้เถียงใครไม่เป็น บู้ก็คงสู้ไม่ได้ บุ๋นก็คงสู้ไม่ได้ ถึงกระนั้นก็พยายามเถียงข้างๆคูๆว่า
“คุณน่าจะแจ้งปอมูลนิธิร่วมกตัญญูหรือปอเต๊กตึ้ง หรือแจ้ง 1112 เพื่อนำไปชันสูตรพลิกศพแล้วแจ้งให้ญาติของหมูมารับศพไปบำเพ็ญกุศล ไม่ใช่มาขโมยศพเอาดื้อๆแบบนี้”
“โอ้ย...เรื่องพลิกศพผมก็พลิกได้ ยิ่งโรยเกลือหน่อยพลิกไปมาบนไฟอ่อนๆ ยิ่งอร่อย ดังนั้นโปรดอย่าขัดขวางการทำคุณความดีของผมเลย มือไม่พายอย่าเอาหางราน้ำสิครับ”
ว่าแล้วเขาก็คว้าซากไร้วิญญาณของแม่หมูวิ่งหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
ผมอุ้มลูกหมูน้อยขึ้นมา น้ำตาไหลพรากนองหน้า ตัวของมันเปื้อนเลือด ตัวผมก็พลอยเปื้อนเลือดไปด้วย อนิจจา...สภาพจิตใจของลูกหมูผู้น่าสงสารจะเป็นเช่นไรหนอ กระทั่งร่างของแม่ยังถูกคนผู้มีคุณความดีสูงฉกฉวยไปต่อหน้าต่อตา ขอให้วิญญาณหมูมีจริงและตามไปหลอกหลอนพ่อครัวคนนั้นให้ถึงที่สุด
“ว้าย ซอมบี้กินลูกหมู...!”
เสียงร้องแจ๋วๆดังประสานกันขึ้นข้างตัว เด็กในชุดอนุบาลกลุ่มหนึ่งกำลังพากันจ้องมองผมอย่างหวาดกลัวและตื่นตกใจ คงไม่เห็นเหตุการณ์ว่าเริ่มต้นอย่างไร เลยนึกว่าผมเป็นซอมบี้เพราะเสื้อผ้าเต็มไปด้วยเลือด
“ฆาตกรโรคจิต คนใจร้าย....”
“ลูกหมูที่น่าสงสาร ลูกหมูแพนด้าด้วย”
“อ่า.....ปล่าวนะ....คือว่า..”
ผมลุกขึ้นยืนหันไปมองพยายามอธิบาย แต่เด็กกลุ่มนั้นพากันร้องเสียงลั่นแล้ววิ่งหนีไป เออ....เจริญเถอะเรา จู่ๆก็ถูกเด็กมองว่าเป็นซอมบี้ฆาตกรกินลูกหมูไปเสียแล้ว แต่ว่าไปแล้วจะโทษเด็กก็ไม่ได้ในเมื่อตัวเปื้อนเลือดอย่างนี้ มันก็ชวนให้น่าคิดอยู่หรอก
จะปล่อยลูกหมูไว้ข้างถนนคงไม่ได้ คงไม่แคล้วตามไปเป็นเพื่อนแม่ในยมโลกก่อนวัยอันควรแน่ แต่จะเอาไปปล่อยที่ไหนดีล่ะ จะเอาไปปล่อยหน้าทำเนียบรัฐบาลก็ไม่ได้ เพราะว่าหมูจัดเป็นสัตว์ที่ผู้คนไม่นิยมนำไปปล่อยหน้าทำเนียบ ถ้าเป็นตัวกะปอมเงินกะปอมทองก็ว่าไปอย่าง ดังที่เห็นเป็นข่าวบ่อยๆ และเสี่ยงต่อการถูกเชิญตัวไปปรับทัศนคติเป็นแน่แท้
หรือจะไปปล่อยสวนสัตว์ดี ที่นั่นคงมีเพื่อนเยอะ ลูกหมูคงอบอุ่นกับเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์มากมายหลายหลาก ว่าแต่จะไปอย่างไรเพราะผมเองไม่เคยคิดจะไปอยู่ในสวนสัตว์มาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางใด
ขณะกำลังยืนหันรีหันขวางอยู่นั่นเอง เสียงฝีเท้าคนหลายคนวิ่งตรงมา ผมหันไปมองอย่างตกใจ
ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกนักเรียนนักศึกษายกพวกตีกันตามประเพณี แต่มองไปมาก็เห็นว่าวิ่งตรงมาหาผมเป็นจุดเดียว ในมือพากันถือไม้กวาด ไม้เบสบอล เก้าอี้ มีด ไม้ ปืน ระเบิดขวด มาด้วย
“นั่นไง ซอมบี้ฆาตกรโรคจิต ฆ่าหมูได้ลงคอ ยังจะจับลูกหมูไปกินอีก”
“เฮ้ย......!” ผมร้องเสียงหลง คนพวกนี้เข้าใจผิดกันยกใหญ่แล้ว
“จับมันส่งตำรวจเลย แต่ว่าประชาทัณฑ์เลยน่าจะเท่กว่า”
“เอาเลย จัดการ”
กรรมของเวรล่ะสิ อยู่ดีๆไม่ว่าดี หาหมูใส่หัวเสียแล้ว ผมออกวิ่งสุดชีวิต กอดลูกหมูผู้น่าสงสารแน่นไม่ยอมปล่อย เพราะดูท่าทางปล่อยไว้คงโดนเหยียบตายแน่ ผมวิ่งข้ามสี่แยกทั้งที่ไฟยังไม่แดง(เพิ่งสีชมพูเท่านั้น) ท่ามกลางเสียงร้องเสียงเบรกของรถรา จริงๆแล้วผมเป็นคนเคารพกฎจราจรมาก ขนาดว่าเห็นป้ายจราจรที่ไหนต้องโค้งคำนับ หรือยกมือไหว้เสมอ แต่วันนี้ขอแหกกฎสักวันเถอะ และบังเอิญสายตาเห็นป้ายขนาดใหญ่ข้างทางด้านล่างมีรูปเครื่องบิน ด้านบนมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า “ทางไปสวนสัตว์” ได้การล่ะ....ไปก็ไป ผมออกวิ่งสุดชีวิตไปตาทางเท้าเพราะหาสถานีจำหน่ายตั๋วไปสวนสัตว์ไม่เจอ
ตำรวจจราจรแถวนั้นตาเหลือก บางคนดึงวิทยุติดต่อออกมาจากเอว หลายคนขยับปืน
“ฉุกเฉิน...ฉุกเฉินส่งกำลังมาด่วน มีผู้ร้ายพาตัวประกันหนีไปทางสวนสัตว์ ท่าทางอันตรายมาก ส่งกำลัง และกองหนุนมาด่วน...ย้ำว่าสถานการณ์ร้ายแรงมาก”
พวกเขาคงพูดอย่างนั้นล่ะ... ผมเดาในใจแต่ไม่สนใจอะไร จะต้องพาหมูน้อยผู้น่าสงสาร(ตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่าหมูหรือผมที่น่าสงสารมากกว่ากัน)ไปสวนสัตว์ให้ได้
วิ่งไปทางไหนคนก็แตกฮือ ท่าทางของผมคงเหมือนผู้ร้ายจริงๆ เจ้าหมูก็ร้องไปมาอย่างตกใจเพราะคาดว่าตั้งแต่เกิดมาคงไม่เคยมีใครอุ้มแล้ววิ่งสุดชีวิตอย่างนี้
“ว้าย คนร้ายจับหมูเป็นตัวประกัน”
“สงสัยเอาไปเรียกค่าไถ่ หรือเอาไปกินทั้งเป็น”
“หรือไม่ก็เมายาบ้า ...โอ้ย..อันตราย ตำรวจอยู่ไหน”
โอ...หน้าตาของผมขนาดมองแล้วคิดว่ากินหมูทั้งเป็นได้เชียวหรือ...เสียงสรรเสริญคุณความดีของผมตลอดเส้นทาง ผมวิ่งไปตามทางเท้าโดยมีตำรวจ ทหาร ข้าราชการและพลเรือน รวมถึงประชาชนทั่วไป ทั้งเด็ก สตรี คนชรา หญิงมีครรภ์ ผู้สนอกสนใจหลายกลุ่มวิ่งตามมาแบบตื้อไม่เลิก ต่างคนต่างมีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป บางคนคงคิดว่าเป็นการออกกำลังกายในตัว บางคนคงวิ่งตามความฝันของตัวเอง ขนาดบางคนขาหักใช้ไม้เท้าพยุงตัว พอเห็นกลุ่มคนวิ่งยังอุตส่าห์ทิ้งไม้เท้าออกวิ่งตามในขบวนแบบลืมตัว บางช่วงมีขบวนแห่งานบวชแห่นาค หลายคนพากันลอยหน้ารำเชิ้บๆนำหน้าขบวนอยู่ข้างทาง พอผมวิ่งผ่านไปทุกคนก็พากันวิ่งตามทันที แม้แต่นาคยังกระโดดลงมาจากรถแห่วิ่งตามมาด้วยแบบลืมวัด บาปกรรมเหลือเกินคนเฒ่าคนแก่บางคนก็วิ่งไปรำไปด้วยแบบบูรณาการ เห็นแล้วจะบ้าตาย
บรรดาหาบเร่แผงลอยพากันหลบเป็นจ้าระหวั่น เทศกิจควรจะขอบใจผมในแง่ที่ว่าสามารถเคลียร์พื้นที่ทางเท้าได้รวดเร็วยิ่งกว่ากามนิตหนุ่มร้อยเท่า บางคนเห็นคนโชกเลือดอุ้มลูกหมูผ่านก็พากันหลบให้เป็นแถว เริ่มไม่วิ่งตามเพราะปริมาณคนมากขึ้นจนจะกลายเป็นมวลมหาประชาชนอยู่แล้ว แต่ก็ยังพอมีบางคนเกิดความอยากรู้ แบกหาบเร่และแผงลอยหอบคอนวิ่งปุเลงๆ ตามมาประสาไทยมุงที่ดี
ข้างหน้า หน่วยคอมมานโดหลายหน่วยวิ่งตรงมา ข้างหลังก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว มองไปทางหน้าต่างอาคารบ้านเรือนแถวนั้นก็เห็นหน่วยแม่นปืนอยู่เต็มไปหมด ทั้งประตู หน้าต่าง หลังคา บนเสาไฟฟ้า
เอาล่ะสิ ทำไงดี
สะพานลอย.....ใช่แล้ว มีสะพานลอยอยู่ใกล้ๆ เป็นทางเดียวพอจะวิ่งไปได้ ผมอุ้มลูกหมูกระโจนพรวดขึ้นไปทันที
แต่ก็ต้องชะงักอยู่กลางสะพานลอยนั่นเอง หน้าหลังมีตำรวจ ทหาร ข้าราชการ พลเรือน ปรากฏโฉมขวางทางหนีจนหมด ด้านล่างก็มีรถตำรวจจอดเต็ม แหงนหน้าดูด้านบนเผื่อว่าจะเหาะหนีได้ ก็พบเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินวนไปมา เหนือขึ้นไปยังมีเครื่องบิน B-52 บินอยู่ลิบๆ สงสัยจะเล่นงานผมด้วยระเบิดนิวเคลียร์เป็นแน่แท้
“อ่ะเฮ้ย...วางตัวประกันลงเดี๋ยวนี้ อ่ะเฮ้ย..”
เสียงตวาดสุภาพเสียงหล่อกระหึ่มนุ่มหูผ่านลำโพงระบบเตอริโอชั้นดี ซึ่งหน่วยงานคงเชื่อว่าจะสามารถกล่อมคนร้ายให้เชื่อฟังได้ง่ายกว่าลำโพงโทรโข่งที่ให้เสียงกระโชกโฮกฮาก
“อย่าเข้ามานะ” ผมจับลูกหมูแน่น แต่ยิ่งจับมันยิ่งดิ้น เลยดูไปเหมือนว่าผมกำลังบีบคอมัน
“สงสัยมันเมายาบ้า” เสียงพลเรือนคนหนึ่งดังขึ้น
“รีบจัดการเลยครับ เดี๋ยวตัวประกันเป็นอันตรายเหมือนครั้งก่อนที่ปล่อยให้นักศึกษาสาวอยู่ในมือคนร้ายจนตาย เพราะมัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่ ครั้งนี้ขอทีเถอะไอ้ระบบช่วยเหลือตัวประกันแบบเต่าคลานกลัวเสียภาพพจน์น่ะ จัดการเลย”
“เอ้ย.....ผมไม่ใช่ผู้ร้ายนะโว้ย” ผมตาเหลือก ร้องลั่น แต่อาการตาเหลือก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าผมกำลังเมายาบ้าได้ที่ ดังนั้น
เปรี้ยง......!
วินาทีนั้น ผมมองเห็นลูกปืนพุ่งตรงมาอย่างเชื่อช้าจนสามารถแอ่นตัวหลบได้แบบในหนังเรื่อง matrix ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเพราะสวรรค์ปกป้องคุ้มครอง ในเมื่อแม้แต่กระสุนยังหลบได้ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น
เสียงปืนดังขึ้นอีกถี่ยิบ ผมไม่จำเป็นต้องหลบ เพราะนีโอในหนังก็ไม่จำเป็นต้องหลบ ผมแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ลูกกระสุนก็ลอยมาหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้า และเพื่อให้การเลียนแบบได้สมจริงมากขึ้น ผมจึงเอื้อมมือไปจับลูกกระสุนมาพิจารณาดูก่อนปล่อยให้หล่นลงบนพื้น
จะต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่า สาวอลิศแห่งผีชีวะอาจจะโผล่มาแจม หรือเจสันแห่งศุกร์ 13 ก็คงไม่พลาดโอกาสมาด้วย
ผมมองดูท้องฟ้าสีคราม รวมรวมสมาธิเพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองมีอำนาจพิเศษเหนือโลก ก่อนอุ้มลูกหมูโบยบินขึ้นไปยังสวรรค์ บินขึ้นไป....สูงขึ้นไป...... กะว่าจะเอาลูกหมูไปวิ่งเล่นบนสวรรค์สักพัก บนนั้นคงมีสัตว์เลี้ยงแสนรักของผู้คนอยู่มากมาย เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอ้างว้างเดียวดายแล้วนะเจ้าลูกหมู
..........
เรื่องหมูๆ
ลูกหมูตัวนั้นกำลังเดินวนเวียนอยู่รอบๆซากศพของแม่
แม่หมูตัวนี้ผิดเองที่ไม่ได้ศึกษากฎจราจรให้กระจ่างชัด จึงไม่ได้พาลูกข้ามทางม้าลายหรือขึ้นสะพานลอย และถูกชนโดยคนขับรถผู้ที่สอบใบขับขี่ผ่าน ผมเห็นเหตุการณ์พอดีตอนที่รถยนต์มูลค่าคันละล้านวิ่งชนแม่หมูผู้เดินนำหน้าลูกของตัวเอง
แม่หมูแม้ว่าจะไม่เคยดูภาพยนตร์ ซึ่งส่วนใหญ่แสดงด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ หลายเรื่องมีฉากตัวเอกสละตัวเองโดยการผลักตัวเอกอีกตัวให้กระเด็นพ้นภัย ตัวเองยอมรับเคราะห์แทน แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่ ทำให้มันหันหลังกลับผลักลูกสุดแรงกระเด็นขึ้นมาบนทางเท้า ส่วนแม่หมูโดนรถชนกระเด็นแหลกยับพับร่างตามระเบียบ
ลูกหมูไร้เดียงสาเกินไปที่จะรู้ว่าแม่เสียชีวิตแล้ว มันคงแปลกใจว่าทำไมแม่นอนนิ่ง แถมยังทำตัวเลอะเทอะอีก โอ คุณแม่เป็นอะไรไป ทำไมไม่ยอมพูดยอมเดินต่อ
ผู้ชายคนหนึ่งเดินโยกหัวออกมาจากร้านอาหารริมทางเดิน ในมือถือกระทะมาด้วยคาดว่าคงเป็นพ่อครัวเพราะมีผ้ากันเปื้อนคิดตัวมาด้วย ม่านตาของเขากลายเป็นเหรียญเงินแวววาว เขาไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าก้มลงไปหยิบร่างไร้วิญญาณของแม่หมู
“เมียวแดดดู๋......หลูมาบ...เหมืองทรงคู่...ยูหูหมำ...หมอยู...หมิงปู้....มอดถู...หมางยู่”
เขาได้แต่พร่ำบ่นภาษาประหลาดอยู่อย่างกระหยิ่มกับการได้เนื้อหมูไปทำเมนูเด็ดโดยไม่ต้องลงทุน ผมทนดูไม่ได้เพราะถือว่าเป็นการเหยียดหยามย่ำยีกันมากเกินไป จึงกระโดดถีบหมอนั่นเต็มแรงจนเขาผวาออกไปอย่างหมดท่า กระทะในมือหลุดกระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศก่อนหล่นลงมากระแทกศีรษะของเขาอย่างจังเป็นของแถมโดยไม่ต้องเรียกร้อง
พอตั้งตัวได้พ่อครัวตัวแสบก็ฉวยกระทะขึ้นมาเงื้อง่าราคาแพงเป็นพิเศษ เพราะวิญญาณแห่งการค้าเข้าสิง
“คุณมาถีบผมทำไม...” เขาร้องด้วยใบหน้าแค้นเคือง ใบหน้ายังมีเศษน้ำมันและเศษผักเปรอะเปื้อนเพราะกระทะยังไม่ได้ล้าง ไม่กล้าผลีผลามเข้าโจมตี คงนึกเสียดายว่าไม่ได้คว้ามีดทำครัวมาด้วย
“คุณมาเอาเนื้อหมูไปทำไม คุณมีสิทธิอะไร”
“แล้วคุณมีสิทธิอะไรมาห้ามมาถีบผม หมูที่ตายแล้วเป็นของสาธารณะ ปล่อยเอาไว้ก็เน่าเปื่อยเป็นที่เดือดร้อนคนสัญจร ผมอุตส่าห์เสียสละตัวเองเพื่อส่วนรวมยอมเสียเวลาออกมาเก็บกวาดให้โดยไม่คิดมูลค่า เห็นหรือยังว่าผมแสนดีขนาดไหน รู้ไหมว่าผมเป็นใคร ผมน่ะล่ะ ศิษย์เอกของจอมโหดกระทะเหล็กอากิยามะ จาง”
คำพูดของเขาทำเอาผมอ้าปากค้าง ไม่นึกว่าจะเจอศิษย์เอกของจอมโหดกระทะเหล็ก ไม่มีทางสู้กับทายาทโหดของจางได้แน่ แถมผมเองเป็นคนโต้เถียงใครไม่เป็น บู้ก็คงสู้ไม่ได้ บุ๋นก็คงสู้ไม่ได้ ถึงกระนั้นก็พยายามเถียงข้างๆคูๆว่า
“คุณน่าจะแจ้งปอมูลนิธิร่วมกตัญญูหรือปอเต๊กตึ้ง หรือแจ้ง 1112 เพื่อนำไปชันสูตรพลิกศพแล้วแจ้งให้ญาติของหมูมารับศพไปบำเพ็ญกุศล ไม่ใช่มาขโมยศพเอาดื้อๆแบบนี้”
“โอ้ย...เรื่องพลิกศพผมก็พลิกได้ ยิ่งโรยเกลือหน่อยพลิกไปมาบนไฟอ่อนๆ ยิ่งอร่อย ดังนั้นโปรดอย่าขัดขวางการทำคุณความดีของผมเลย มือไม่พายอย่าเอาหางราน้ำสิครับ”
ว่าแล้วเขาก็คว้าซากไร้วิญญาณของแม่หมูวิ่งหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
ผมอุ้มลูกหมูน้อยขึ้นมา น้ำตาไหลพรากนองหน้า ตัวของมันเปื้อนเลือด ตัวผมก็พลอยเปื้อนเลือดไปด้วย อนิจจา...สภาพจิตใจของลูกหมูผู้น่าสงสารจะเป็นเช่นไรหนอ กระทั่งร่างของแม่ยังถูกคนผู้มีคุณความดีสูงฉกฉวยไปต่อหน้าต่อตา ขอให้วิญญาณหมูมีจริงและตามไปหลอกหลอนพ่อครัวคนนั้นให้ถึงที่สุด
“ว้าย ซอมบี้กินลูกหมู...!”
เสียงร้องแจ๋วๆดังประสานกันขึ้นข้างตัว เด็กในชุดอนุบาลกลุ่มหนึ่งกำลังพากันจ้องมองผมอย่างหวาดกลัวและตื่นตกใจ คงไม่เห็นเหตุการณ์ว่าเริ่มต้นอย่างไร เลยนึกว่าผมเป็นซอมบี้เพราะเสื้อผ้าเต็มไปด้วยเลือด
“ฆาตกรโรคจิต คนใจร้าย....”
“ลูกหมูที่น่าสงสาร ลูกหมูแพนด้าด้วย”
“อ่า.....ปล่าวนะ....คือว่า..”
ผมลุกขึ้นยืนหันไปมองพยายามอธิบาย แต่เด็กกลุ่มนั้นพากันร้องเสียงลั่นแล้ววิ่งหนีไป เออ....เจริญเถอะเรา จู่ๆก็ถูกเด็กมองว่าเป็นซอมบี้ฆาตกรกินลูกหมูไปเสียแล้ว แต่ว่าไปแล้วจะโทษเด็กก็ไม่ได้ในเมื่อตัวเปื้อนเลือดอย่างนี้ มันก็ชวนให้น่าคิดอยู่หรอก
จะปล่อยลูกหมูไว้ข้างถนนคงไม่ได้ คงไม่แคล้วตามไปเป็นเพื่อนแม่ในยมโลกก่อนวัยอันควรแน่ แต่จะเอาไปปล่อยที่ไหนดีล่ะ จะเอาไปปล่อยหน้าทำเนียบรัฐบาลก็ไม่ได้ เพราะว่าหมูจัดเป็นสัตว์ที่ผู้คนไม่นิยมนำไปปล่อยหน้าทำเนียบ ถ้าเป็นตัวกะปอมเงินกะปอมทองก็ว่าไปอย่าง ดังที่เห็นเป็นข่าวบ่อยๆ และเสี่ยงต่อการถูกเชิญตัวไปปรับทัศนคติเป็นแน่แท้
หรือจะไปปล่อยสวนสัตว์ดี ที่นั่นคงมีเพื่อนเยอะ ลูกหมูคงอบอุ่นกับเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์มากมายหลายหลาก ว่าแต่จะไปอย่างไรเพราะผมเองไม่เคยคิดจะไปอยู่ในสวนสัตว์มาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางใด
ขณะกำลังยืนหันรีหันขวางอยู่นั่นเอง เสียงฝีเท้าคนหลายคนวิ่งตรงมา ผมหันไปมองอย่างตกใจ
ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกนักเรียนนักศึกษายกพวกตีกันตามประเพณี แต่มองไปมาก็เห็นว่าวิ่งตรงมาหาผมเป็นจุดเดียว ในมือพากันถือไม้กวาด ไม้เบสบอล เก้าอี้ มีด ไม้ ปืน ระเบิดขวด มาด้วย
“นั่นไง ซอมบี้ฆาตกรโรคจิต ฆ่าหมูได้ลงคอ ยังจะจับลูกหมูไปกินอีก”
“เฮ้ย......!” ผมร้องเสียงหลง คนพวกนี้เข้าใจผิดกันยกใหญ่แล้ว
“จับมันส่งตำรวจเลย แต่ว่าประชาทัณฑ์เลยน่าจะเท่กว่า”
“เอาเลย จัดการ”
กรรมของเวรล่ะสิ อยู่ดีๆไม่ว่าดี หาหมูใส่หัวเสียแล้ว ผมออกวิ่งสุดชีวิต กอดลูกหมูผู้น่าสงสารแน่นไม่ยอมปล่อย เพราะดูท่าทางปล่อยไว้คงโดนเหยียบตายแน่ ผมวิ่งข้ามสี่แยกทั้งที่ไฟยังไม่แดง(เพิ่งสีชมพูเท่านั้น) ท่ามกลางเสียงร้องเสียงเบรกของรถรา จริงๆแล้วผมเป็นคนเคารพกฎจราจรมาก ขนาดว่าเห็นป้ายจราจรที่ไหนต้องโค้งคำนับ หรือยกมือไหว้เสมอ แต่วันนี้ขอแหกกฎสักวันเถอะ และบังเอิญสายตาเห็นป้ายขนาดใหญ่ข้างทางด้านล่างมีรูปเครื่องบิน ด้านบนมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า “ทางไปสวนสัตว์” ได้การล่ะ....ไปก็ไป ผมออกวิ่งสุดชีวิตไปตาทางเท้าเพราะหาสถานีจำหน่ายตั๋วไปสวนสัตว์ไม่เจอ
ตำรวจจราจรแถวนั้นตาเหลือก บางคนดึงวิทยุติดต่อออกมาจากเอว หลายคนขยับปืน
“ฉุกเฉิน...ฉุกเฉินส่งกำลังมาด่วน มีผู้ร้ายพาตัวประกันหนีไปทางสวนสัตว์ ท่าทางอันตรายมาก ส่งกำลัง และกองหนุนมาด่วน...ย้ำว่าสถานการณ์ร้ายแรงมาก”
พวกเขาคงพูดอย่างนั้นล่ะ... ผมเดาในใจแต่ไม่สนใจอะไร จะต้องพาหมูน้อยผู้น่าสงสาร(ตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่าหมูหรือผมที่น่าสงสารมากกว่ากัน)ไปสวนสัตว์ให้ได้
วิ่งไปทางไหนคนก็แตกฮือ ท่าทางของผมคงเหมือนผู้ร้ายจริงๆ เจ้าหมูก็ร้องไปมาอย่างตกใจเพราะคาดว่าตั้งแต่เกิดมาคงไม่เคยมีใครอุ้มแล้ววิ่งสุดชีวิตอย่างนี้
“ว้าย คนร้ายจับหมูเป็นตัวประกัน”
“สงสัยเอาไปเรียกค่าไถ่ หรือเอาไปกินทั้งเป็น”
“หรือไม่ก็เมายาบ้า ...โอ้ย..อันตราย ตำรวจอยู่ไหน”
โอ...หน้าตาของผมขนาดมองแล้วคิดว่ากินหมูทั้งเป็นได้เชียวหรือ...เสียงสรรเสริญคุณความดีของผมตลอดเส้นทาง ผมวิ่งไปตามทางเท้าโดยมีตำรวจ ทหาร ข้าราชการและพลเรือน รวมถึงประชาชนทั่วไป ทั้งเด็ก สตรี คนชรา หญิงมีครรภ์ ผู้สนอกสนใจหลายกลุ่มวิ่งตามมาแบบตื้อไม่เลิก ต่างคนต่างมีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป บางคนคงคิดว่าเป็นการออกกำลังกายในตัว บางคนคงวิ่งตามความฝันของตัวเอง ขนาดบางคนขาหักใช้ไม้เท้าพยุงตัว พอเห็นกลุ่มคนวิ่งยังอุตส่าห์ทิ้งไม้เท้าออกวิ่งตามในขบวนแบบลืมตัว บางช่วงมีขบวนแห่งานบวชแห่นาค หลายคนพากันลอยหน้ารำเชิ้บๆนำหน้าขบวนอยู่ข้างทาง พอผมวิ่งผ่านไปทุกคนก็พากันวิ่งตามทันที แม้แต่นาคยังกระโดดลงมาจากรถแห่วิ่งตามมาด้วยแบบลืมวัด บาปกรรมเหลือเกินคนเฒ่าคนแก่บางคนก็วิ่งไปรำไปด้วยแบบบูรณาการ เห็นแล้วจะบ้าตาย
บรรดาหาบเร่แผงลอยพากันหลบเป็นจ้าระหวั่น เทศกิจควรจะขอบใจผมในแง่ที่ว่าสามารถเคลียร์พื้นที่ทางเท้าได้รวดเร็วยิ่งกว่ากามนิตหนุ่มร้อยเท่า บางคนเห็นคนโชกเลือดอุ้มลูกหมูผ่านก็พากันหลบให้เป็นแถว เริ่มไม่วิ่งตามเพราะปริมาณคนมากขึ้นจนจะกลายเป็นมวลมหาประชาชนอยู่แล้ว แต่ก็ยังพอมีบางคนเกิดความอยากรู้ แบกหาบเร่และแผงลอยหอบคอนวิ่งปุเลงๆ ตามมาประสาไทยมุงที่ดี
ข้างหน้า หน่วยคอมมานโดหลายหน่วยวิ่งตรงมา ข้างหลังก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว มองไปทางหน้าต่างอาคารบ้านเรือนแถวนั้นก็เห็นหน่วยแม่นปืนอยู่เต็มไปหมด ทั้งประตู หน้าต่าง หลังคา บนเสาไฟฟ้า
เอาล่ะสิ ทำไงดี
สะพานลอย.....ใช่แล้ว มีสะพานลอยอยู่ใกล้ๆ เป็นทางเดียวพอจะวิ่งไปได้ ผมอุ้มลูกหมูกระโจนพรวดขึ้นไปทันที
แต่ก็ต้องชะงักอยู่กลางสะพานลอยนั่นเอง หน้าหลังมีตำรวจ ทหาร ข้าราชการ พลเรือน ปรากฏโฉมขวางทางหนีจนหมด ด้านล่างก็มีรถตำรวจจอดเต็ม แหงนหน้าดูด้านบนเผื่อว่าจะเหาะหนีได้ ก็พบเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินวนไปมา เหนือขึ้นไปยังมีเครื่องบิน B-52 บินอยู่ลิบๆ สงสัยจะเล่นงานผมด้วยระเบิดนิวเคลียร์เป็นแน่แท้
“อ่ะเฮ้ย...วางตัวประกันลงเดี๋ยวนี้ อ่ะเฮ้ย..”
เสียงตวาดสุภาพเสียงหล่อกระหึ่มนุ่มหูผ่านลำโพงระบบเตอริโอชั้นดี ซึ่งหน่วยงานคงเชื่อว่าจะสามารถกล่อมคนร้ายให้เชื่อฟังได้ง่ายกว่าลำโพงโทรโข่งที่ให้เสียงกระโชกโฮกฮาก
“อย่าเข้ามานะ” ผมจับลูกหมูแน่น แต่ยิ่งจับมันยิ่งดิ้น เลยดูไปเหมือนว่าผมกำลังบีบคอมัน
“สงสัยมันเมายาบ้า” เสียงพลเรือนคนหนึ่งดังขึ้น
“รีบจัดการเลยครับ เดี๋ยวตัวประกันเป็นอันตรายเหมือนครั้งก่อนที่ปล่อยให้นักศึกษาสาวอยู่ในมือคนร้ายจนตาย เพราะมัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่ ครั้งนี้ขอทีเถอะไอ้ระบบช่วยเหลือตัวประกันแบบเต่าคลานกลัวเสียภาพพจน์น่ะ จัดการเลย”
“เอ้ย.....ผมไม่ใช่ผู้ร้ายนะโว้ย” ผมตาเหลือก ร้องลั่น แต่อาการตาเหลือก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าผมกำลังเมายาบ้าได้ที่ ดังนั้น
เปรี้ยง......!
วินาทีนั้น ผมมองเห็นลูกปืนพุ่งตรงมาอย่างเชื่อช้าจนสามารถแอ่นตัวหลบได้แบบในหนังเรื่อง matrix ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเพราะสวรรค์ปกป้องคุ้มครอง ในเมื่อแม้แต่กระสุนยังหลบได้ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น
เสียงปืนดังขึ้นอีกถี่ยิบ ผมไม่จำเป็นต้องหลบ เพราะนีโอในหนังก็ไม่จำเป็นต้องหลบ ผมแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ลูกกระสุนก็ลอยมาหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้า และเพื่อให้การเลียนแบบได้สมจริงมากขึ้น ผมจึงเอื้อมมือไปจับลูกกระสุนมาพิจารณาดูก่อนปล่อยให้หล่นลงบนพื้น
จะต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่า สาวอลิศแห่งผีชีวะอาจจะโผล่มาแจม หรือเจสันแห่งศุกร์ 13 ก็คงไม่พลาดโอกาสมาด้วย
ผมมองดูท้องฟ้าสีคราม รวมรวมสมาธิเพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองมีอำนาจพิเศษเหนือโลก ก่อนอุ้มลูกหมูโบยบินขึ้นไปยังสวรรค์ บินขึ้นไป....สูงขึ้นไป...... กะว่าจะเอาลูกหมูไปวิ่งเล่นบนสวรรค์สักพัก บนนั้นคงมีสัตว์เลี้ยงแสนรักของผู้คนอยู่มากมาย เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอ้างว้างเดียวดายแล้วนะเจ้าลูกหมู
..........