[CR] อกหักเรื่องเล็ก อดเที่ยวเรื่องใหญ่ เที่ยวแบบเปลี่ยวๆที่สิงคโปร์

ขอกล่าวนำก่อนครับว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม หลังจากอ่านกระทู้บนพันทิปมามากมายขอมีไว้เป็นของตัวเองซักทีนะครับ

พอดีจองตั๋วเครื่องบินจะไปหาแฟนที่เป็นคนสิงคโปร์ตอนช่วงหยุดยาวแต่ดันมาเลิกกันก่อนซะงั้น (ทำไมเธอเปลี่ยนไป T T) แต่ด้วยความเสียดายน่ะครับ ไปคนเดียวก็ได้ ยังนับว่าโชคดีที่มีเพื่อนสมัยเรียนอยู่หลายคนเลยอาศัยนอนบ้านเพื่อนประหยัดค่าโรงแรมซะเลย ในกระทู้นี้ก็จะเน้นเป็นสถานที่สวยๆฮิตๆที่ใครๆก็ไปกันนะครับ


ตอนไปนั่งสายการบิน Nok Scoot จากสนามบินดอนเมืองใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เบื่อใช้ได้ครับพยายามหลับแล้วหลับอีก
พอเครื่องลงแล้วกัปตันก็เปิดไฟสีรุ้งด้วย มีความฟรุ้งฟริ้งทำให้หายง่วงดีนะครับ

ลงเครื่องมาเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี เพื่อนรอรับอยู่แล้วครับซื้อเหล้าซื้อเบียร์ฝากเป็นสินน้ำใจ ให้เหล้าเท่ากับอยากดริ้งด้วยนะครับ

ตื่นขึ้นมาเช้าอีกวันเลยเก็บภาพวิวจากแฟลตของเพื่อนก่อนเลย มองไปต้นไม้ใหญ่ๆเยอะมากเหมือนกับไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ อยากให้ผู้ว่ากทม.มาดูเป็นตัวอย่างนะครับ


บ้านเพื่อนผมค่อนข้างบ้านนอกเลยไม่มีรถไฟฟ้าแต่รถเมล์ที่นี่สะดวกมากนั่งต่อเดียวถึงที่เลยแถมยังสะอาดสะอ้านอยากกลับไปบ้านแล้วบอกเพื่อนว่าคืนนี้นอนรถเมล์ละ Your house is f***ing dirty!!!


รถเมล์มาส่งที่ Marina Bay Sands หรือ MBS (คนประเทศนี้ชอบย่อครับ ไม่ปวดขากันมั่งหรือไง) ยังไม่อยากลงแอร์เย็นเหลือเกินนน
บ่ายนี้ก็เดินเล่นรอบๆอ่าวครับ ตากแดดซักหน่อยคนชอบว่าขาวเกินไป เก็บรูป Marina Bay Sands, Central Business District, Esplanade Concert Hall และ Victoria Theatre and Concert Hall มาครับ

เซลฟี่นิดนึง กระจกห้องน้ำที่บ้านเล็กไป







พอตกเย็นพระอาทิตย์เริ่มตกผมก็ไปที่มุมที่เล็งไว้ตอนเดินสำรวจช่วงบ่าย เป็นมุม skyline ของ Central Business District จากด้านหน้า Esplanade Concert Hall หรือโดมทุเรียนนั่นเองครับ คิดแล้วยังเหม็นๆอยู่



วันแรกขาก็ลากซะแล้ว คิดถึงร้านนวดเท้าที่บ้านขึ้นมาทันใด T T

วันที่สองตั้งใจจะตื่นเช้ามาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นหลัง   Marina Bay Sands แต่ด้วยความเคยชิน ไม่ตื่น! เพื่อนบอกว่าเดินเอาเท้ามาเขี่ยสองทียังไม่ตื่น ปลุกดีๆได้มั้ยเนี่ยยย

ด้วยความที่ตื่นสายและตอนเที่ยงๆบ่ายๆนี่ไม่รู้จะถ่ายอะไรเลยไปเที่ยว Garden by the Bay ที่ตอนเรียนอยู่ไม่เคยคิดจะเสียเงินเข้าไปดู พอได้ดูแล้วรู้สึกคุ้มค่าเงิน  16 เหรียญมากๆเลยครับ ผมซื้อบัตรสำหรับเข้า Cloud Forest Dome ที่เอาน้ำตกมาไว้ในตึกนะครับ จากที่อ่านดูตามนิทรรศการคือการจำลองบรรยากาศของยอดเขาสูงในภูมิอากาศแบบ Tropical หรือ เขตร้อนนั่นเองครับ มีเงืนอย่างเดียวทำไม่ได้จริงๆ (หน้าเลนส์เปียกเลย T T)

ตรงนี้มีการนำตัวต่อ LEGO มาทำเป็นพันธุ์ไม้กินแมลงครับ น่ารักจริงๆ



พอออกมาจากโดมฝนก็เทลงมาแบบเหมือนไม่ได้ตกมาสามปี นับว่าเป็นเรื่องดีครับเพราะวันนี้ที่มีหมอกควันในอากาศเยอะมีฝนมาชะล้างไปบ้าง

หลังจากฝนหยุดฟ้าใสก็ทำการเดินทางไปจุดที่จะไปเก็บภาพเย็นนี้คือ Reflections at Kepple Bay ซึ่งเป็นคอนโดที่มีการออกแบบแบบโลกอนาคตมากๆ Keppel Bay นั้นแต่ก่อนเป็นอู่เรือสินค้าซึ่งปัจจุบันถูกดัดแปลงเป็น   Marina สำหรับจอดเรือยอชของเหล่าคนรวยที่นี่ครับ ภาพนี้พลาดตรงที่ฝนตกลงมาระหว่างถ่ายอยู่ทำให้ตอนหลังต้องมาถ่ายใหม่โดยอัด   ISO3200   ขอบคุณกล้องคู่ใจที่ทำให้รอดมาได้   ^3^


วันต่อมาเนื่องจากความเมื่อยล้า(อีกแล้ว)จากการเดินและดื่มเบียร์มากเกินไปจึงนอนเฉยๆจนบ่ายครับ วันหยุดก็ต้องพักผ่อนบ้างนะๆๆ ตอนบ่ายวันนี้ก็ไปเดินเล่นแถวๆตัวเมืองที่เดิมอีกแล้ว แต่วันนี้ไปดู City Hall ที่ถูกดัดแปลงเป็น National Gallery ครับ อยากบอกว่าเป็นการรีโนเวตที่เจ๋งมากๆ ดูกันเลยครับ




เย็นนี้มีนัดกับเพื่อนหลายคนกินข้าวและสังสรรค์เล็กน้อย ไอเพื่อนตัวดีพาไปเลยโรงแรม Swissotel ชั้น 70 ร้านหรูมากขนาดที่ว่าชีวิตนี้ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมานั่งกิน แล้วพอดูเมนูเท่านั้น จานละเกือบสองพันบาท! เกิดการปลงและทำใจว่ามาเที่ยวอย่าคิดเยอะเลยเดินไปตั้งกล้องถ่ายรูปเรียบร้อย ดูเหมือนพนักงานไม่ให้ถ่ายแต่ผมก็อ้อนวอนจนเค้ายอม (หรือรำคาญแล้วปล่อยๆไป) แต่คุณพระคุณเจ้า ด้วยความเกรงใจรีบตั้งกล้องมาดูอีกทีเงาสะท้อนและคราบน้ำบนกระจกเต็ม หรือจะเป็นคราบน้ำตาของผมเอง T T

ไม่ลดละจากเหตุการณ์กระเป๋าตังค์ถูกทำร้าย เราก็ไปต่อที่บาร์ LeVel 33 ที่ฝั่งตรงข้ามทันที กลับบ้านไปจะสมัครสมาชิกมาม่าในฐานะลูกค้าประจำแล้วครับ




พอเมากรึ่มๆได้ที่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่บังเอิญก่อนนอนฝนเทลงมาพร้อมฟ้าผ่าแบบโลกจะแตกดังสายฟ้าผ่าลงกลางใจ T T
เราก็อยากนอน ไอเพื่อนนี่ก็ฉุดกระชากลากถูให้มาถ่ายฟ้าผ่า เลยตื่นมาถ่ายด้วยความรำคาญแต่บร๊ะเจ้า ถ่ายติดมาเต็ม กราบงามๆเพื่อนรัก


วันสุดท้ายแล้วครับ สุดท้ายไม่ได้ไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นอีกเพราะเมื่อคืนถ่ายรูปฟ้าผ่าจนตีสาม ไม่รู้จะผ่าไปถึงไหน

ทริปนี้ทำให้ผมได้เห็นสิงคโปร์ในหลายๆมุมมองที่ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยสนใจมาก่อน นับว่าคุ้มค่ามาก แถมยังสอนให้ผมรู้ว่าไม่มีเค้าเราก็อยู่ได้อีกด้วยครับ T T ขอฝากรูปที่ถ่ายจากหน้าต่างเครื่องบินไว้ด้วยนะครับ เป็นรูปชายฝั่งของสิงคโปร์กับสะพานทางหลวงของมาเลเซียครับ



อุปกรณ์คู่ใจตลอดทริป
กล้อง Nikon D610
เลนส์ Nikon 16-35mm f/4N
ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านและขอให้มีความสุขโดยทั่วกันครับ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (ผิดงาน)
ชื่อสินค้า:   สิงคโปร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่