คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
น้ำเจออุณหภูมิระดับเดือด เจอแรงดันพอเหมาะเข้าก็เป็นไอ
น้ำเจอความอุณหภูมิระดับติดลบ เจอแรงดันพอเหมาะเข้าก็เป็นน้ำแข็ง
การเปลี่ยนภพภูมิตามคำสอนในศาสนาพุทธก็คล้ายๆแบบนั้นหละ
(แค่พยายามเทียบคล้ายๆนะครับ ตัวแปรหลักๆต่างกันเยอะพอดู)
สภาพจิตสุดท้าย(อุณหภูมิ) อยู่กับสภาวะไหน
ตอนตาย(แรงดันไม่เหมาะที่จะเอื้อให้คงฟอร์มเดิมใว้ได้) ....
หากสภาวะอารมณ์จิตนั้นๆเข้ากันได้กับภพภูมิไหน
ก็ย่อมไปสู่ภพภูมินั้นๆโดยธรรมชาติ การได้ภพภูมิต่างๆจึงไม่ต้องมีใครตัดสินหรอก
-----------------
แต่กรณีที่มีผู้อื่นตัดสินคือ เมื่อได้ภพภูมินั้นๆเป็นแดนเกิดแล้ว ย่อมต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมนั้นๆในทางใดทางหนึ่ง
เช่น เกิดในภพภูมิที่ไม่มีความสะดวกสบายเลย
บางภพภูมิชีวิตตามสภาพธรรมชาติของภพภูมินั้นต่างก็จ้องจะฆ่ากันอย่างเดียว
ก็ย่อมพบเจอแต่ความทุกข์เป็นส่วนใหญ่
คิดถึงเด็กที่เกิดในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาในบางส่วนของซีเรีย
หรือในกลุ่ม IS ในระหว่างสงครามกลางเมืองดูสิครับ ว่าเขาจะเติบโตได้แบบไหน
รับรู้โลกแบบไหน มีมุมมองต่อคนอื่นไแบบไหน และถ้าโตมาได้จะถูกฝึกฝนให้มีชีวิตแบบไหนบ้าง
เทียบกับเด็กที่เติบโตในประเทศเช่นสิงคโปร์ ญี่ปุ่นแล้วเป็นไงครับ ต่างกันเยอะเลย
นี่คือสภาพสังคมก็มีส่วนตัดสินทิศทางชีวิตของเด็กไปด้วยส่วนหนึ่ง
บางภพภูมิมีชีวิตสองกลุ่มคือกลุ่มที่ไล่ล่าทำร้ายกับกลุ่มหนีตายอย่างเดียว
กลุ่มไล่ล่าทำร้ายเขาทำไปตามค่านิยมของชีวิตกลุ่มเขาในภพภูมินั้น
คล้ายๆเช่นมีการล่านก ล่าสัตว์ป่าเป็นงานอดิเรกในบางประเทศ
กลุ่มหนีตายอาศัยสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดแล้วตายยาก เสพความเจ็บปวดได้มาก
คล้ายเหมือนมดที่จะถูกคนบี้เล่น จึงต้องวนเวียนรับความทุกข์กันไปอย่างนั้นเอง
สภาพจิตวนอยู่แต่การเสพความทุกข์ไม่ละคลาย จนยากที่จะคิดเรื่องดีๆได้
ส่วนกลุ่มที่ไล่ล่าทำร้ายก็เหมือนคนตัวใหญ่ บี้มดตัวเล็กไปเท่าไรอย่างมากก็แค่ถูกกัดคันๆ
การถูกตัดสินโดยชีวิตอื่นๆในแต่ละภพภูมินั้นๆ บางส่วนก็คล้ายถูกจับลงโทษในสังคมทั่วไปนี่หละ
มีอาการคล้ายสัตว์เลี้ยงในคอกปศุสัตว์ถูกเลือกให้ตายบ้าง มีอาการคล้ายสัตว์ในป่าถูกล่าบ้าง
มีอาการคล้ายโดนผู้พิพากษาสั่งลงโทษขังคุกหรือประหารบ้าง
---------------
นั่นคือ การถูกลงโทษในภพภูมินรกโดยชีวิตอื่น (ยมพบาล อะไรก็ว่าไป)
ไม่ได้เกี่ยวอะไรโดยตรงกับการได้ภพภูมิใดๆเป็นแดนเกิดนะครับ
เมื่อสภาพจิตตอนตายเข้ากันได้กับภพภูมิไหน ไปสู่ภพภูมินั้นในทันที
(เหมือนไอน้ำหลุดเดี่ยว เป็นโมเลกุล
หรือโมเลกุลควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ
หรือโมเลกุลน้ำยึดตัวกันกลายเป็นน้ำแข็ง
หรือน้ำแข็งกลายเป็นน้ำ จะเห็นได้ว่า น้ำมีคุณสมบัติเข้ากันได้กับฟอร์มแบบไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นไปตามนั้น
เป็นไปตามธรรมชาติ และปกติของสภาพจิตก็เป็นคล้ายๆแบบนั้นเหมือนกัน)
ถ้าภพภูมิที่เป็นแดนเกิดนั้นมีความทุกข์ มีการลงโทษ จึงค่อยพบเจอกับสภาพความทุกข์นั้นๆ
ไม่ใช่มีใครมีอำนาจตัดสินเสียก่อนภายหลังความตาย อย่างที่หลายๆคนเข้าใจศาสนาพุทธผิดไป
จะเห็นว่าการได้ภพภูมินรกสวรรค์หรือกลับมาอยู่ในโลกมนุษย์ตามลักษณะศาสนาพุทธ
เป็นเรื่องที่ต้องระหกระเหินกันไปตามแต่สภาพอารมณ์จิต(ที่สืบเนื่องกันไป)ของแต่ละคน วนเวียนอยู่อย่างนั้นเอง
นอกจากจะไม่ใช่เรื่องที่นอกเหนือกฏแห่งกรรมแล้ว ยังไม่มีอำนาจใดเหนือกฏแห่งกรรมอีกด้วย
แม้นิพพานก็ไม่เหนือเหตุผลของกฏแห่งกรรม (เพราะสิ้นไปจากกิเลส ไม่ทำเหตุแห่งทุกข์ )
น้ำเจอความอุณหภูมิระดับติดลบ เจอแรงดันพอเหมาะเข้าก็เป็นน้ำแข็ง
การเปลี่ยนภพภูมิตามคำสอนในศาสนาพุทธก็คล้ายๆแบบนั้นหละ
(แค่พยายามเทียบคล้ายๆนะครับ ตัวแปรหลักๆต่างกันเยอะพอดู)
สภาพจิตสุดท้าย(อุณหภูมิ) อยู่กับสภาวะไหน
ตอนตาย(แรงดันไม่เหมาะที่จะเอื้อให้คงฟอร์มเดิมใว้ได้) ....
หากสภาวะอารมณ์จิตนั้นๆเข้ากันได้กับภพภูมิไหน
ก็ย่อมไปสู่ภพภูมินั้นๆโดยธรรมชาติ การได้ภพภูมิต่างๆจึงไม่ต้องมีใครตัดสินหรอก
-----------------
แต่กรณีที่มีผู้อื่นตัดสินคือ เมื่อได้ภพภูมินั้นๆเป็นแดนเกิดแล้ว ย่อมต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมนั้นๆในทางใดทางหนึ่ง
เช่น เกิดในภพภูมิที่ไม่มีความสะดวกสบายเลย
บางภพภูมิชีวิตตามสภาพธรรมชาติของภพภูมินั้นต่างก็จ้องจะฆ่ากันอย่างเดียว
ก็ย่อมพบเจอแต่ความทุกข์เป็นส่วนใหญ่
คิดถึงเด็กที่เกิดในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาในบางส่วนของซีเรีย
หรือในกลุ่ม IS ในระหว่างสงครามกลางเมืองดูสิครับ ว่าเขาจะเติบโตได้แบบไหน
รับรู้โลกแบบไหน มีมุมมองต่อคนอื่นไแบบไหน และถ้าโตมาได้จะถูกฝึกฝนให้มีชีวิตแบบไหนบ้าง
เทียบกับเด็กที่เติบโตในประเทศเช่นสิงคโปร์ ญี่ปุ่นแล้วเป็นไงครับ ต่างกันเยอะเลย
นี่คือสภาพสังคมก็มีส่วนตัดสินทิศทางชีวิตของเด็กไปด้วยส่วนหนึ่ง
บางภพภูมิมีชีวิตสองกลุ่มคือกลุ่มที่ไล่ล่าทำร้ายกับกลุ่มหนีตายอย่างเดียว
กลุ่มไล่ล่าทำร้ายเขาทำไปตามค่านิยมของชีวิตกลุ่มเขาในภพภูมินั้น
คล้ายๆเช่นมีการล่านก ล่าสัตว์ป่าเป็นงานอดิเรกในบางประเทศ
กลุ่มหนีตายอาศัยสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดแล้วตายยาก เสพความเจ็บปวดได้มาก
คล้ายเหมือนมดที่จะถูกคนบี้เล่น จึงต้องวนเวียนรับความทุกข์กันไปอย่างนั้นเอง
สภาพจิตวนอยู่แต่การเสพความทุกข์ไม่ละคลาย จนยากที่จะคิดเรื่องดีๆได้
ส่วนกลุ่มที่ไล่ล่าทำร้ายก็เหมือนคนตัวใหญ่ บี้มดตัวเล็กไปเท่าไรอย่างมากก็แค่ถูกกัดคันๆ
การถูกตัดสินโดยชีวิตอื่นๆในแต่ละภพภูมินั้นๆ บางส่วนก็คล้ายถูกจับลงโทษในสังคมทั่วไปนี่หละ
มีอาการคล้ายสัตว์เลี้ยงในคอกปศุสัตว์ถูกเลือกให้ตายบ้าง มีอาการคล้ายสัตว์ในป่าถูกล่าบ้าง
มีอาการคล้ายโดนผู้พิพากษาสั่งลงโทษขังคุกหรือประหารบ้าง
---------------
นั่นคือ การถูกลงโทษในภพภูมินรกโดยชีวิตอื่น (ยมพบาล อะไรก็ว่าไป)
ไม่ได้เกี่ยวอะไรโดยตรงกับการได้ภพภูมิใดๆเป็นแดนเกิดนะครับ
เมื่อสภาพจิตตอนตายเข้ากันได้กับภพภูมิไหน ไปสู่ภพภูมินั้นในทันที
(เหมือนไอน้ำหลุดเดี่ยว เป็นโมเลกุล
หรือโมเลกุลควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ
หรือโมเลกุลน้ำยึดตัวกันกลายเป็นน้ำแข็ง
หรือน้ำแข็งกลายเป็นน้ำ จะเห็นได้ว่า น้ำมีคุณสมบัติเข้ากันได้กับฟอร์มแบบไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นไปตามนั้น
เป็นไปตามธรรมชาติ และปกติของสภาพจิตก็เป็นคล้ายๆแบบนั้นเหมือนกัน)
ถ้าภพภูมิที่เป็นแดนเกิดนั้นมีความทุกข์ มีการลงโทษ จึงค่อยพบเจอกับสภาพความทุกข์นั้นๆ
ไม่ใช่มีใครมีอำนาจตัดสินเสียก่อนภายหลังความตาย อย่างที่หลายๆคนเข้าใจศาสนาพุทธผิดไป
จะเห็นว่าการได้ภพภูมินรกสวรรค์หรือกลับมาอยู่ในโลกมนุษย์ตามลักษณะศาสนาพุทธ
เป็นเรื่องที่ต้องระหกระเหินกันไปตามแต่สภาพอารมณ์จิต(ที่สืบเนื่องกันไป)ของแต่ละคน วนเวียนอยู่อย่างนั้นเอง
นอกจากจะไม่ใช่เรื่องที่นอกเหนือกฏแห่งกรรมแล้ว ยังไม่มีอำนาจใดเหนือกฏแห่งกรรมอีกด้วย
แม้นิพพานก็ไม่เหนือเหตุผลของกฏแห่งกรรม (เพราะสิ้นไปจากกิเลส ไม่ทำเหตุแห่งทุกข์ )
แสดงความคิดเห็น
บทลงโทษทางพระพุทธศาสนารุนแรงเกินไปไหมครับ พอดีไปอ่านเจอมาครับ
บุพกรรม ด้วยผลกรรมที่ทำไว้ในชาติก่อนๆเป็นคนใจอ่อนมัวเมา ประมาท ดื่มสุราเมรัย แสดงอาการคล้ายคนบ้าเป็นเนืองนิจ
(๙). สุนขะนรก เต็มไปด้วยสุนัขนรก ซึ่งมี ๕ พวกคือ หมานรกดำ หมานรกขาว หมานรกเหลือง หมานรกแดง หมานรกต่างๆ และยัง มีฝูงแร้งกา นกตะกรุม สัตว์นรกที่มาเกิดจะถูกสุนัข แร้งกา ไล่ขบกัดตรงลูกตา ปากและส่วนต่างๆ ได้รับทุกขเวทนาจากผลกรรมชั่วทางวจีทุจริต
บุพกรรม คือ ด่าว่าบิดามารดา ปู่ยาตายาย พี่ชายพี่สาวและญาติทั้งหลายไม่เลือกหน้า
ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ตลอดจนพระภิกษุสงฆ์สามเณร