เราอยากถามความคิดเห็นหลายๆ ส่วนค่ะ ทั้งดีไม่ดีเรายินดีรับฟัง เผื่อที่เราคิดมันอาจไม่ถูก
ขอพูดก่อนว่าเราเป็นแม่หม่ายลูกติดและลูกก็ใกล้จะเข้าโรงเรียน เราทำงานหาเงินเลี้ยงลูกตัวคนเดียว หลายๆ ครั้งที่แม่เราต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายตัวน้อย จนวันหนึ่งเรามีแฟนใหม่คบกันไม่ถึงปีค่ะ แต่เค้าก็จีบเราตั้งแต่เราตั้งท้องได้ห้าเดือน(หลายคนอาจสงสัยท้องห้าเดือนทำไมถึงมีแฟนใหม่ เป็นเพราะพ่อแม่สามีเก่าให้เราไปเอาเด็กออกค่ะแต่เราไม่ไป เราเลยมีเหตุต้องตัดขาดจากกันจนมามีแฟนใหม่ซึ่งรู้จักกันก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยเรียน)
เข้าเรื่องเลยนะคะ
เรามีแฟนใหม่คบกันจริงๆ จังๆ ไม่ถึงปีดีค่ะ เราก็ได้โอกาสย้ายที่ทำงานใหม่ ซึ่งแฟนเราก็วางแผนว่าจะให้ไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันก่อน แล้วหารกัน ซึ่งเราก็โอเคไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ด้วยความไม่พร้อมเรื่องทรัพย์ทำให้ต้องหยิบยืมเค้าก่อนในช่วงสองเดือนแรกที่ย้ายไป ซึ้งเค้าก็โอเค ต่อมาเค้าบอกกับเราว่า "ช่วยเค้าใช้หนี้บัตนเครดิตปิดบัตรเครดิตด้วยนะ" เราก็เอ๊ะ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้พูดอะไร แล้วเค้าก็บอกมาอีกว่าถ้าอยู่หอให้มาหาใกล้ที่ทำงานเค้าเพราะเค้าจะได้ประหยัดค่าทางด่วน เค้าทำงานแถวบางนา เราทำงานแถวพญาไท เค้ามีรถ แต่เรายังไม่มีรถ เค้าไม่คิดเรื่องการเดินทางของเราเลย เค้าพูดแต่ค่าทางด่วนที่เค้าจะประหยัดได้เท่าไหร่ๆ พอเราเขยิบมาแถวๆ บีทีเอสอ่อนนุช เพราะเราเห็นว่าใกล้เรามาหน่อยก็ยังดี(ซึ้งมันก็ยังโค ตะ ระ ไกล สำหรับเราอยู่ดี)เค้าบอกเราว่าเส้นนั้นเค้ารถติด ทำไมต้องให้เค้าลำบากเรื่องรถติดด้วย เราก็เห้ยอะไรวะ แล้วต่อมาเราบอกเราจะซื้อรถนะ ช่วงปึหน้า เค้าบอกไม่ต้องซื้อรถไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับเรา เอาเงินที่จะซื้อรถไปช่วยเค้าซื้อบ้านซื้อคอนโดดีกว่า(ใช่รถมันไม่จำเป็นสำหรับเรา แต่นั้นมันในความคิดเค้าและมันก็เป็นเงินของเราทุกบาทที่จะซื้อมันมาใช้ขับเพื่อหาเงิน) แต่เค้าก็โวยวายและโมโหทุกครั้งที่เราจะเอาเงินที่เราหามาได้ไปใช้ในเรื่องส่วนตัว
ทีนี้วนไปเรื่องปิดบัตรเครดิตที่เกริ่นมาแต่แรกเราตัดสินใจพูดกับเค้าว่าบัตรเครดิตเธอเปิดใช้ตั้งแต่ยังไม่คบกับเรา เธอเอาไปเปคนนั้นคนนี้ ใช้ชีวิตนั้นนี้ส่วนตัว จ่ายค่าข้าว ค่าช้อปปิ้ง ค่าโรงแรม(รึเปล่า) กับผญ คนอื่น แล้วมาใช้กับเราด้วยช่วงที่คบกันแล้ว แต่ให้เราช่วยจ่ายคนละครึ่งเพื่อปิดบัตรเครดิตให้หมดค่อนแสน!!! เห้ยเราต้องทำขนาดนั้นเลยหรอ เราเก็บเงินตรงนี้ให้ลูกเราดีกว่าไหม ไม่มีประโยคไหนเลยที่เค้าจะเอ่ยถึงลูกเราซักคำ
แน่นอนเราเลี้ยงลูกเราคนเดียวได้เพราะไม่ใช่ลูกเค้าแท้ๆ แต่ไหนคือความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดีเกี่ยวกับลูกเราบ้าง ไม่เคยมีประโยคไหนเลยที่เอ่ยกับเราว่าเก็บเงินส่วนี้ให้ลูกเธอไว้ใช้เถอะหรืออะไร แต่ทุกๆ ครั้งที่เราบอกว่าเรามีลูกนะเราต้องเก็บเงินทุนไว้ให้ลูกเรียนลูกใช้ ทำประกันชีวิตอารมณ์เค้าจะเปลี่ยนทันที และพูดประมานทวงบุญทุนที่ทำมาทั้งหมด
เรายอมรับเค้าช่วยเหลือเราเยอะตอนเราลำบาก รวมๆ เงินจากบัตรของเค้าที่มาช่วยเราน่าจะอยู่ที่สองหมื่นนิดๆ ไม่เกินนี้แน่นอน ไม่รวมค่าการหาความสุขร่วมกันต่างๆ นาๆ(อันนี้คนอ่านคิดกันตามอัธยาศัยแบบคนโตได้เลยค่ะ ว่าคือค่าอะไรบ้าง) และก็มีนาฬิกาเราอีกเจ็ดพัน ที่เค้าซื้อให้เราตอนที่นาฬิกาเราพัง เราเลยบอกเค้าว่าจะให้เราเอาเงินให้เท่าไหร่บอกเรามา รวมค่าทุกอย่างมาเลย เพื่อความสบายใจ เราจะให้ในส่วนที่เราติดค้างทั้งหมด จะได้สบายใจ
ซึ่งเราจะให้เค้าจริงๆ ค่ะ
สรุปคือเราผิดมากเลยไหมค่ะ กับสิ่งที่เราไม่ช่วยเค้าจ่ายหนี้ ไม่ช่วยเค้าผ่อนบ้านเพราะยังไม่ได้มั่นใจกับคนๆ นี้ เพราะชั้นบอกว่าถ้าไม่อยู่ด้วยกันเป็นเรื่องราวไม่ผ่อนร่วมค่ะ เพราะตัวอย่างพังๆ ก็เห็นอยู่บ่อยๆ เราผิดมากไม่คะที่คิดถึงแม่กับลูก ผิดมากไหมที่เราจะเงินที่หามาได้ซื้อรถเพื่อทำมาหากินให้ครอบครัวเราไม่ต้องลำบาก เราควรจะต้องทำยังไงดีคะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้จริงๆ ค่ะ
เป็นSingle mom เลี้ยงลูกคนเดียว มีแฟนใหม่ แฟนให้ช่วยชำระหนี้ เราปฏิเสธเราผิดมากหรอคะ
ขอพูดก่อนว่าเราเป็นแม่หม่ายลูกติดและลูกก็ใกล้จะเข้าโรงเรียน เราทำงานหาเงินเลี้ยงลูกตัวคนเดียว หลายๆ ครั้งที่แม่เราต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายตัวน้อย จนวันหนึ่งเรามีแฟนใหม่คบกันไม่ถึงปีค่ะ แต่เค้าก็จีบเราตั้งแต่เราตั้งท้องได้ห้าเดือน(หลายคนอาจสงสัยท้องห้าเดือนทำไมถึงมีแฟนใหม่ เป็นเพราะพ่อแม่สามีเก่าให้เราไปเอาเด็กออกค่ะแต่เราไม่ไป เราเลยมีเหตุต้องตัดขาดจากกันจนมามีแฟนใหม่ซึ่งรู้จักกันก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยเรียน)
เข้าเรื่องเลยนะคะ
เรามีแฟนใหม่คบกันจริงๆ จังๆ ไม่ถึงปีดีค่ะ เราก็ได้โอกาสย้ายที่ทำงานใหม่ ซึ่งแฟนเราก็วางแผนว่าจะให้ไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันก่อน แล้วหารกัน ซึ่งเราก็โอเคไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ด้วยความไม่พร้อมเรื่องทรัพย์ทำให้ต้องหยิบยืมเค้าก่อนในช่วงสองเดือนแรกที่ย้ายไป ซึ้งเค้าก็โอเค ต่อมาเค้าบอกกับเราว่า "ช่วยเค้าใช้หนี้บัตนเครดิตปิดบัตรเครดิตด้วยนะ" เราก็เอ๊ะ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้พูดอะไร แล้วเค้าก็บอกมาอีกว่าถ้าอยู่หอให้มาหาใกล้ที่ทำงานเค้าเพราะเค้าจะได้ประหยัดค่าทางด่วน เค้าทำงานแถวบางนา เราทำงานแถวพญาไท เค้ามีรถ แต่เรายังไม่มีรถ เค้าไม่คิดเรื่องการเดินทางของเราเลย เค้าพูดแต่ค่าทางด่วนที่เค้าจะประหยัดได้เท่าไหร่ๆ พอเราเขยิบมาแถวๆ บีทีเอสอ่อนนุช เพราะเราเห็นว่าใกล้เรามาหน่อยก็ยังดี(ซึ้งมันก็ยังโค ตะ ระ ไกล สำหรับเราอยู่ดี)เค้าบอกเราว่าเส้นนั้นเค้ารถติด ทำไมต้องให้เค้าลำบากเรื่องรถติดด้วย เราก็เห้ยอะไรวะ แล้วต่อมาเราบอกเราจะซื้อรถนะ ช่วงปึหน้า เค้าบอกไม่ต้องซื้อรถไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับเรา เอาเงินที่จะซื้อรถไปช่วยเค้าซื้อบ้านซื้อคอนโดดีกว่า(ใช่รถมันไม่จำเป็นสำหรับเรา แต่นั้นมันในความคิดเค้าและมันก็เป็นเงินของเราทุกบาทที่จะซื้อมันมาใช้ขับเพื่อหาเงิน) แต่เค้าก็โวยวายและโมโหทุกครั้งที่เราจะเอาเงินที่เราหามาได้ไปใช้ในเรื่องส่วนตัว
ทีนี้วนไปเรื่องปิดบัตรเครดิตที่เกริ่นมาแต่แรกเราตัดสินใจพูดกับเค้าว่าบัตรเครดิตเธอเปิดใช้ตั้งแต่ยังไม่คบกับเรา เธอเอาไปเปคนนั้นคนนี้ ใช้ชีวิตนั้นนี้ส่วนตัว จ่ายค่าข้าว ค่าช้อปปิ้ง ค่าโรงแรม(รึเปล่า) กับผญ คนอื่น แล้วมาใช้กับเราด้วยช่วงที่คบกันแล้ว แต่ให้เราช่วยจ่ายคนละครึ่งเพื่อปิดบัตรเครดิตให้หมดค่อนแสน!!! เห้ยเราต้องทำขนาดนั้นเลยหรอ เราเก็บเงินตรงนี้ให้ลูกเราดีกว่าไหม ไม่มีประโยคไหนเลยที่เค้าจะเอ่ยถึงลูกเราซักคำ
แน่นอนเราเลี้ยงลูกเราคนเดียวได้เพราะไม่ใช่ลูกเค้าแท้ๆ แต่ไหนคือความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดีเกี่ยวกับลูกเราบ้าง ไม่เคยมีประโยคไหนเลยที่เอ่ยกับเราว่าเก็บเงินส่วนี้ให้ลูกเธอไว้ใช้เถอะหรืออะไร แต่ทุกๆ ครั้งที่เราบอกว่าเรามีลูกนะเราต้องเก็บเงินทุนไว้ให้ลูกเรียนลูกใช้ ทำประกันชีวิตอารมณ์เค้าจะเปลี่ยนทันที และพูดประมานทวงบุญทุนที่ทำมาทั้งหมด
เรายอมรับเค้าช่วยเหลือเราเยอะตอนเราลำบาก รวมๆ เงินจากบัตรของเค้าที่มาช่วยเราน่าจะอยู่ที่สองหมื่นนิดๆ ไม่เกินนี้แน่นอน ไม่รวมค่าการหาความสุขร่วมกันต่างๆ นาๆ(อันนี้คนอ่านคิดกันตามอัธยาศัยแบบคนโตได้เลยค่ะ ว่าคือค่าอะไรบ้าง) และก็มีนาฬิกาเราอีกเจ็ดพัน ที่เค้าซื้อให้เราตอนที่นาฬิกาเราพัง เราเลยบอกเค้าว่าจะให้เราเอาเงินให้เท่าไหร่บอกเรามา รวมค่าทุกอย่างมาเลย เพื่อความสบายใจ เราจะให้ในส่วนที่เราติดค้างทั้งหมด จะได้สบายใจ
ซึ่งเราจะให้เค้าจริงๆ ค่ะ
สรุปคือเราผิดมากเลยไหมค่ะ กับสิ่งที่เราไม่ช่วยเค้าจ่ายหนี้ ไม่ช่วยเค้าผ่อนบ้านเพราะยังไม่ได้มั่นใจกับคนๆ นี้ เพราะชั้นบอกว่าถ้าไม่อยู่ด้วยกันเป็นเรื่องราวไม่ผ่อนร่วมค่ะ เพราะตัวอย่างพังๆ ก็เห็นอยู่บ่อยๆ เราผิดมากไม่คะที่คิดถึงแม่กับลูก ผิดมากไหมที่เราจะเงินที่หามาได้ซื้อรถเพื่อทำมาหากินให้ครอบครัวเราไม่ต้องลำบาก เราควรจะต้องทำยังไงดีคะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้จริงๆ ค่ะ