สวัสดีครับ ผมอายุ 23 ปี พักอยู่กับพ่อแม่ และเป็นลูกคนเดียวครับ ญาติทางฝั่งพ่อของผมมีเชื้อสายจีนและมีญาติค่อนข้างเยอะ ส่วนทางแม่ก็มีญาติประมาณ 2-3 คนครับ พื้นฐานนิสัยตอนเด็กของผมเป็นเด็กค่อนข้างเอาแต่ใจเนื่องจากเป็นลูกคนเดียว แต่พอโตขึ้นก็มีความคิดอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ เพราะตระหนักว่าครอบครัวฐานะทางบ้านไม่ดีเหมือนตอนเด็กๆแล้ว และครอบครัวผมก็มีปัญหากันค่อนข้างเยอะ เรียกว่าเพิ่งจะมาเป็นเด็กมีปัญหาตอนโตครับ
ปัจจุบันผมทำงานที่ค่อนข้างมั่นคงครับ เรทเงินเดือนก็เหมือนเด็กจบใหม่ทั่วไป ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ช่วยเหลือทางบ้านทั้งหมด
การเป็นเกย์ของผม จริงๆผมสับสนมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าตัวเองชอบผู้ชายหรือเปล่า ตอนเด็กสมัยประถมถึงมัธยมต้น ผมคบแต่เพื่อนผู้หญิงครับ คนก็จะล้อว่าตุ๊ดบ้าง แต่ตอนนั้นผมไม่ยอมรับครับ เพราะผมคิดว่าผมไม่ได้เป็นตุ๊ด ผมแค่คบกับเพื่อนผู้หญิง ซึ่งผมไม่ได้ชอบอาการตุ้งติ้งของผมเลยแม้แต่น้อย แต่ผมก็บังคับตัวเองให้ไม่มีอาการเหล่านั้นไม่ได้ อาจเป็นเพราะตอนเด็กๆชอบเล่นกับเพื่อนผู้หญิง เลยติดกิริยาท่าทางแบบผู้หญิงมา ผมแทบไม่คบกับเพื่อนผู้ชายเลยตอนนั้น เพราะเรารู้สึกเบื่อกีฬาที่ต้องเล่นแรงๆแบบเพื่อนผู้ชายครับ กลัวเจ็บตัว
พอเข้า ม.ปลาย ผมก็ย้ายโรงเรียนครับ และผมอยากเลิกอาการตุ้งติ้งของผม ผมก็เลยคบแต่เพื่อนผู้ชายครับ แต่ยังไงอาการก็ยังออกอยู่ดี แต่ก็น้อยลง ผมรู้สึกว่าการคบเพื่อนผู้ชายนั้นโอเคกว่าการคบเพื่อนผู้หญิงมากเพราะไม่มีปัญหาจุกจิกอะไร ก็คบเป็นเพื่อนสนิทกันมา ในตอนนั้นก็มีจีบหญิง และคบกันเป็นแฟน แต่คบได้ประมาณ 2-3 เดือนก็เลิก โดยผมขอเลิกด้วยเหตุผลว่าผมไม่มีเวลาให้ แต่จริงๆแล้วผมสับสนครับ ว่าผมชอบผู้หญิงจริงๆหรือเปล่า
หลังจากเลิกกับแฟนผู้หญิงคนนั้น ผมก็ครองตัวเป็นโสดเรื่อยมา มีคนเข้ามาคุยเล่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้คบกับใคร (ตอนนั้นไม่มีความคิดคบผู้ชายครับ)
จนผมเรียนจบ และเริ่มทำงานช่วงประมาณอายุ 22 ผมเห็นว่าผมก็มีงานทำแล้ว เริ่มหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว และพอจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ ผมก็ควรทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ไม่ให้มีอะไรอึดอัดใจ นั่นก็คือการเป็นเกย์ของผม ผมจึงลองเปิดใจเข้าไปพูดคุยในสังคมเกย์ดู ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่ จนผมได้คบกับผู้ชายคนๆนึง ผมก็มีความคิดว่าผมควรจะบอกครอบครัวผมว่าผมเป็นเกย์ ซึ่งตอนที่คบกันอยู่นั้นผมมีท่าทีแปลกไป คือกลับบ้านไม่ตรงเวลา บางวันก็ไม่กลับ จนแม่เป็นห่วง
วันที่ผมบอกแม่ว่าเป็นเกย์ช่วงนั้นประมาณเดือน ก.ย. 58 วันนั้นเป็นวันที่ผมพาแม่ไปกินข้าวข้างนอกบ้านครับ แล้วช่วงที่รอกับข้าว ผมก็เล่นมือถือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ แม่ก็คุยกับผมครับ
แม่: ถามจริงๆ แกมีความรักหรอ ?
ผม: ไม่มี
แม่: เอาดีๆ เป็นห่วง เดี๋ยวนี้กลับบ้านไม่เป็นเวลา บางวันก็ไม่กลับ แกไม่เคยเป็นแบบนี้
ผม: อือ ก็มีคุยๆกัน (ยิ้มใส่แม่)
แม่: ไหนเอารูปมาดูสิ
ผม: ไม่เอาจะดูทำไม (ผมเริ่มหน้าเสียเพราะผมยังไม่ได้คิดจะบอกแม่ในตอนนั้น)
แม่: เออ มีอะไรปิดบังกันนะ นี่เป็นห่วง (แม่เริ่มมีอารมณ์น้อยใจ)
แล้วบทสนทนาก็เงียบลงครับ ผมกับแม่ก็กินข้าวกันไป (ในใจตอนนั้นผมรู้สึกอึดอัดมาก ไม่อยากให้แม่เป็นกังวลหรือห่วงเรา ก็คิดว่าจะบอกดีไม่บอกดี)
จนกินข้าวเสร็จก็นั่งรถกลับบ้านครับ ผมก็เลยคุยกับแม่ต่อ ซึ่งตอนนั้นแม่ก็ยังน้อยใจอยู่
ผม: แม่อยากรู้จริงๆหรอ
แม่: รู้อะไร
ผม: เรื่องที่ผมคบกับใครอยู่อ่ะ
แม่: เออ อยากรู้เป็นห่วง เห็นพฤติกรรมเปลี่ยน
ผม: ถ้าบอกแม่ไปแม่จะรับได้หรอ (น้ำเสียงผมสั่นๆละ)
แม่: ทำไม ไปทำใครท้องหรือเปล่า
ผม: เปล่า
แม่: แล้วทำไมถึงกลัวว่าแม่จะรับไม่ได้
ผม: แม่.. ถ้าผมบอกแม่ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิงอ่ะ
แม่: ห้ะ จริงหรอ ? อย่ามาล้อเล่น (แม่เริ่มนิ่งๆ)
ผม: อือ จริง รับไม่ได้ใช่มั้ย ไม่เป็นไร ไม่น่าบอกไปเลยเนาะ (ผมเริ่มน้ำตาคลอ)
แม่: แกดูไม่เห็นจะเหมือนเลย แกโกหก
ผม: แม่ ผมพูดจริงๆ
จากนั้นแม่ก็เงียบไปพักนึง
ผม: แม่ ผมรู้ตัวมาตั้งนานแล้วว่าเป็น แต่ไม่อยากบอกเพราะกลัวแม่จะรับไม่ได้
แม่: ทำไมจะรับไม่ได้ ลูกชั้นทั้งคน นี่เลี้ยงมากับมือนะ
ผม: ขอบคุณนะแม่
แม่: เออ
จนถึงบ้าน แม่ก็เงียบๆไปครับ ตอนนั้นผมโล่งมาก แต่เหมือนมันจะไปอยู่ที่แม่หมดเลย จนตอนนี้แม่ก็รับได้แล้วครับ ส่วนคนที่คบตอนนั้นรูปก็ไม่ได้ให้แม่ดูครับ คบกันไปเดือนเดียวก็เลิกคบกัน ต่อมาก็คบอีกคนนึงคนนี้พามาเจอแม่ครับ แต่สุดท้ายก็เลิกกันไปเนื่องจากเค้าไม่ได้รักเราครับ
จนตอนนี้หลังจากเลิกกับสองคนนั้นมา ก็มาคบหากับคนปัจจุบันตอนนี้เป็นแฟนกันครับ ก็ไปเจอหน้าแม่ของแต่ละฝ่ายกันแล้วครับ ครอบครัวแต่ละฝ่ายก็รู้ว่าคบกันอยู่ ส่วนพ่อของผม เหมือนท่านจะรู้เพราะแฟนผมมักจะขับรถมาหาที่บ้าน เนื่องจากร้อยวันพันปีไม่เคยมีเพื่อนมารับที่บ้าน แกก็จะแซวๆครับว่า ทะเบียนนี้มาอีกแล้ว , อ่าวจะไปไหนกันอีก ... สำหรับพ่อ ผมยังไม่ได้บอกว่าเป็น แต่ก็เชื่อว่าพ่อจะรับได้เหมือนกับแม่ครับ
ส่วนบรรดาเพื่อนๆ เพื่อนสนิทผมรู้กันอยู่ 2 คนครับเพิ่งบอกไปไม่นานมานี้ ส่วนที่ทำงานไม่มีใครทราบ
ตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป ก็เหมือนกับสมัยยังไม่ได้บอกครอบครัวหรือเพื่อนว่าเป็นเกย์ ถ้ามีใครรู้หรือทราบว่าเป็นเกย์ ก็ไม่คิดจะปิดอะไรอีกแล้วครับ เพราะเรารู้สึกสบายใจ ไม่อึดอัดใจแล้ว ว่าคนที่เราแคร์เค้ารับได้ที่เราเป็นเราก็พอ
นี่ก็เป็นเรื่องราวผมนำมาเล่าครับ ส่วนกระทู้เก่าๆของผม จะเป็นช่วงที่ผมมีปัญหาครอบครัวและช่วงที่ผมยังสับสนเกี่ยวกับสถานะตัวเอง แล้วก็ช่วงอกหักครับ
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านครับ
บอกกับที่บ้านว่าเป็นเกย์
ปัจจุบันผมทำงานที่ค่อนข้างมั่นคงครับ เรทเงินเดือนก็เหมือนเด็กจบใหม่ทั่วไป ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ช่วยเหลือทางบ้านทั้งหมด
การเป็นเกย์ของผม จริงๆผมสับสนมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าตัวเองชอบผู้ชายหรือเปล่า ตอนเด็กสมัยประถมถึงมัธยมต้น ผมคบแต่เพื่อนผู้หญิงครับ คนก็จะล้อว่าตุ๊ดบ้าง แต่ตอนนั้นผมไม่ยอมรับครับ เพราะผมคิดว่าผมไม่ได้เป็นตุ๊ด ผมแค่คบกับเพื่อนผู้หญิง ซึ่งผมไม่ได้ชอบอาการตุ้งติ้งของผมเลยแม้แต่น้อย แต่ผมก็บังคับตัวเองให้ไม่มีอาการเหล่านั้นไม่ได้ อาจเป็นเพราะตอนเด็กๆชอบเล่นกับเพื่อนผู้หญิง เลยติดกิริยาท่าทางแบบผู้หญิงมา ผมแทบไม่คบกับเพื่อนผู้ชายเลยตอนนั้น เพราะเรารู้สึกเบื่อกีฬาที่ต้องเล่นแรงๆแบบเพื่อนผู้ชายครับ กลัวเจ็บตัว
พอเข้า ม.ปลาย ผมก็ย้ายโรงเรียนครับ และผมอยากเลิกอาการตุ้งติ้งของผม ผมก็เลยคบแต่เพื่อนผู้ชายครับ แต่ยังไงอาการก็ยังออกอยู่ดี แต่ก็น้อยลง ผมรู้สึกว่าการคบเพื่อนผู้ชายนั้นโอเคกว่าการคบเพื่อนผู้หญิงมากเพราะไม่มีปัญหาจุกจิกอะไร ก็คบเป็นเพื่อนสนิทกันมา ในตอนนั้นก็มีจีบหญิง และคบกันเป็นแฟน แต่คบได้ประมาณ 2-3 เดือนก็เลิก โดยผมขอเลิกด้วยเหตุผลว่าผมไม่มีเวลาให้ แต่จริงๆแล้วผมสับสนครับ ว่าผมชอบผู้หญิงจริงๆหรือเปล่า
หลังจากเลิกกับแฟนผู้หญิงคนนั้น ผมก็ครองตัวเป็นโสดเรื่อยมา มีคนเข้ามาคุยเล่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้คบกับใคร (ตอนนั้นไม่มีความคิดคบผู้ชายครับ)
จนผมเรียนจบ และเริ่มทำงานช่วงประมาณอายุ 22 ผมเห็นว่าผมก็มีงานทำแล้ว เริ่มหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว และพอจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ ผมก็ควรทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ไม่ให้มีอะไรอึดอัดใจ นั่นก็คือการเป็นเกย์ของผม ผมจึงลองเปิดใจเข้าไปพูดคุยในสังคมเกย์ดู ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่ จนผมได้คบกับผู้ชายคนๆนึง ผมก็มีความคิดว่าผมควรจะบอกครอบครัวผมว่าผมเป็นเกย์ ซึ่งตอนที่คบกันอยู่นั้นผมมีท่าทีแปลกไป คือกลับบ้านไม่ตรงเวลา บางวันก็ไม่กลับ จนแม่เป็นห่วง
วันที่ผมบอกแม่ว่าเป็นเกย์ช่วงนั้นประมาณเดือน ก.ย. 58 วันนั้นเป็นวันที่ผมพาแม่ไปกินข้าวข้างนอกบ้านครับ แล้วช่วงที่รอกับข้าว ผมก็เล่นมือถือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ แม่ก็คุยกับผมครับ
แม่: ถามจริงๆ แกมีความรักหรอ ?
ผม: ไม่มี
แม่: เอาดีๆ เป็นห่วง เดี๋ยวนี้กลับบ้านไม่เป็นเวลา บางวันก็ไม่กลับ แกไม่เคยเป็นแบบนี้
ผม: อือ ก็มีคุยๆกัน (ยิ้มใส่แม่)
แม่: ไหนเอารูปมาดูสิ
ผม: ไม่เอาจะดูทำไม (ผมเริ่มหน้าเสียเพราะผมยังไม่ได้คิดจะบอกแม่ในตอนนั้น)
แม่: เออ มีอะไรปิดบังกันนะ นี่เป็นห่วง (แม่เริ่มมีอารมณ์น้อยใจ)
แล้วบทสนทนาก็เงียบลงครับ ผมกับแม่ก็กินข้าวกันไป (ในใจตอนนั้นผมรู้สึกอึดอัดมาก ไม่อยากให้แม่เป็นกังวลหรือห่วงเรา ก็คิดว่าจะบอกดีไม่บอกดี)
จนกินข้าวเสร็จก็นั่งรถกลับบ้านครับ ผมก็เลยคุยกับแม่ต่อ ซึ่งตอนนั้นแม่ก็ยังน้อยใจอยู่
ผม: แม่อยากรู้จริงๆหรอ
แม่: รู้อะไร
ผม: เรื่องที่ผมคบกับใครอยู่อ่ะ
แม่: เออ อยากรู้เป็นห่วง เห็นพฤติกรรมเปลี่ยน
ผม: ถ้าบอกแม่ไปแม่จะรับได้หรอ (น้ำเสียงผมสั่นๆละ)
แม่: ทำไม ไปทำใครท้องหรือเปล่า
ผม: เปล่า
แม่: แล้วทำไมถึงกลัวว่าแม่จะรับไม่ได้
ผม: แม่.. ถ้าผมบอกแม่ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิงอ่ะ
แม่: ห้ะ จริงหรอ ? อย่ามาล้อเล่น (แม่เริ่มนิ่งๆ)
ผม: อือ จริง รับไม่ได้ใช่มั้ย ไม่เป็นไร ไม่น่าบอกไปเลยเนาะ (ผมเริ่มน้ำตาคลอ)
แม่: แกดูไม่เห็นจะเหมือนเลย แกโกหก
ผม: แม่ ผมพูดจริงๆ
จากนั้นแม่ก็เงียบไปพักนึง
ผม: แม่ ผมรู้ตัวมาตั้งนานแล้วว่าเป็น แต่ไม่อยากบอกเพราะกลัวแม่จะรับไม่ได้
แม่: ทำไมจะรับไม่ได้ ลูกชั้นทั้งคน นี่เลี้ยงมากับมือนะ
ผม: ขอบคุณนะแม่
แม่: เออ
จนถึงบ้าน แม่ก็เงียบๆไปครับ ตอนนั้นผมโล่งมาก แต่เหมือนมันจะไปอยู่ที่แม่หมดเลย จนตอนนี้แม่ก็รับได้แล้วครับ ส่วนคนที่คบตอนนั้นรูปก็ไม่ได้ให้แม่ดูครับ คบกันไปเดือนเดียวก็เลิกคบกัน ต่อมาก็คบอีกคนนึงคนนี้พามาเจอแม่ครับ แต่สุดท้ายก็เลิกกันไปเนื่องจากเค้าไม่ได้รักเราครับ
จนตอนนี้หลังจากเลิกกับสองคนนั้นมา ก็มาคบหากับคนปัจจุบันตอนนี้เป็นแฟนกันครับ ก็ไปเจอหน้าแม่ของแต่ละฝ่ายกันแล้วครับ ครอบครัวแต่ละฝ่ายก็รู้ว่าคบกันอยู่ ส่วนพ่อของผม เหมือนท่านจะรู้เพราะแฟนผมมักจะขับรถมาหาที่บ้าน เนื่องจากร้อยวันพันปีไม่เคยมีเพื่อนมารับที่บ้าน แกก็จะแซวๆครับว่า ทะเบียนนี้มาอีกแล้ว , อ่าวจะไปไหนกันอีก ... สำหรับพ่อ ผมยังไม่ได้บอกว่าเป็น แต่ก็เชื่อว่าพ่อจะรับได้เหมือนกับแม่ครับ
ส่วนบรรดาเพื่อนๆ เพื่อนสนิทผมรู้กันอยู่ 2 คนครับเพิ่งบอกไปไม่นานมานี้ ส่วนที่ทำงานไม่มีใครทราบ
ตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป ก็เหมือนกับสมัยยังไม่ได้บอกครอบครัวหรือเพื่อนว่าเป็นเกย์ ถ้ามีใครรู้หรือทราบว่าเป็นเกย์ ก็ไม่คิดจะปิดอะไรอีกแล้วครับ เพราะเรารู้สึกสบายใจ ไม่อึดอัดใจแล้ว ว่าคนที่เราแคร์เค้ารับได้ที่เราเป็นเราก็พอ
นี่ก็เป็นเรื่องราวผมนำมาเล่าครับ ส่วนกระทู้เก่าๆของผม จะเป็นช่วงที่ผมมีปัญหาครอบครัวและช่วงที่ผมยังสับสนเกี่ยวกับสถานะตัวเอง แล้วก็ช่วงอกหักครับ
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านครับ