คุณแม่แฝด 4 พร้อมทนายเดินทางตามนัดศาล กรณีถูกอดีตสามีหลอกแต่งงาน ขโมยลูกและเงินกว่า 2 ล้าน ขณะที่ฝ่ายจำเลยส่งทนายมาแทน พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยันไม่จ่ายค่าเลี้ยงดู 25 ล้าน บอกไม่ใช่พ่อเด็กตามกฎหมาย
จากกรณี นางสาวสุธิดา ถึงสงคราม หรือ นุก อายุ 21 ปี คุณแม่แฝด 4 ได้ร้องสื่อหลังถูกอดีตสามีหลอกแต่งงาน ทั้งที่ยังไม่ได้หย่าขาดภรรยาเก่า แถมยังถูกสามีขโมยลูกคนที่ 3 พร้อมทองและเงินกว่า 2 ล้าน ซึ่งนางสาวสุธิดาได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดู 25 ล้านบาทและขอเป็นผู้ปกครองลูกแฝดโดยผู้เดียวนั้น [อ่านข่าว :
คุณแม่แฝด 4 ร้องสื่อ ยื่นฟ้องอดีตสามี 25 ล้าน หลอกแต่งงาน-ขโมยลูก]
ล่าสุด (2 สิงหาคม 2559) นางสาวสุธิดา พร้อมนางษรินทร์ภัฎ รอดจันทร์ มารดา และ นายสมคิด จุลสุรางค์ ทนายความ ได้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนนายตะวัน ไม่ได้มาตามนัด แต่ได้ให้นายพีระพงษ์ โกสัยสุก ทนายความ นำเอกสารสำนวนแก้ต่างมายื่นต่อศาล โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ในเอกสารมีใจความว่า นางสาวสุธิดา รู้มาตั้งแต่ต้นว่าตนยังไม่ได้หย่าขาดกับภรรยา เนื่องจากนางสาวสุธิดา ได้พูดคุยกับทางโทรศัพท์ภรรยาของตนหลายครั้ง และก่อนแต่งงานกับนางสาวสุธิดา ตนก็ได้ไปอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนางสาวสุธิดา ในหอพักที่กรุงเทพฯ ระหว่างที่นางสาวสุธิดามาเรียนต่อ จนกระทั่งกลับมาบ้านตนจึงไปสู่ขอนางสาวสุธิดาจากพ่อแม่ โดยที่ตนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายและสินสอดทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาท ก่อนที่นางสาวสุธิดา จะตั้งครรภ์แฝด 4 หลังจากนั้นตนก็เปิดร้านมินิมาร์ทเลี้ยงดูลูก ๆ มาโดยตลอด โดยที่นางสาวสุธิดา ไม่เคยรบเร้าให้ไปจดทะเบียนสมรส
ส่วนการที่ตนนำ น้องโฟร์ ลูกแฝดชายคนที่ 3 มานั้นเพื่อเลี้ยงดูไม่ได้นำมาหาผลประโยชน์แต่อย่างใด และมองว่าการที่นางสาวสุธิดา ฟ้องร้องค่าเลี้ยงดู 25 ล้านบาทดูมากเกินความเป็นจริง ประกอบกับตนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางสาวสุธิดา ตามกฎหมาย จึงไม่ถือว่าตนเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของแฝดทั้ง 4 คน ตามคำพิพากษาศาลฏีกาเทียบเคียงที่ 452/2553 และตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 ดังนั้นจึงไม่สามารถยื่นฟ้องค่าเลี้ยงดูได้ในฐานะบิดาได้ และในเมื่อแฝดทั้ง 4 ไม่มีฐานะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย นางสาวสุธิดาจึงไม่ใช่ผู้ถูกแย้งสิทธิเพื่อเรียกร้องเงินค่าอุปการะบุตร จึงขอให้ศาลพิจารณายกฟ้องและให้ นางสาวสุธิดาจ่ายค่าฤชาทำธรรมเนียมและค่าทนายความแทนตนด้วย ซึ่งศาลได้กำหนดชี้สองสถานและกำหนดแนวทางดำเนินคดีหรือสืบพยานโจทก์ในวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ในเวลา 13.30 น.
ต่อมานางษรินทร์ภัฎ พร้อมทนายและนางสาวสุธิดา ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท. จรูญ หนูจันทร์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตามนัด กรณีที่นายตะวันได้ขโมยทองคำและเงินสด รวม 2 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เรียกนายตะวันมาพบ แต่นายตะวันไม่ได้แต่อย่างใด ภายหลังได้มีการคืนทองคำบางส่วนมาให้และยังเหลือเงินที่ต้องนำมาคืนอีก 250,000 บาท และไม่ได้มาตามนัดรอบ 2 ในวันนี้ (2 สิงหาคม 2559) ซึ่งหากพบว่านายตะวันยังไม่มาตามนัดทางพนักงานสอบสวนจะเสนอขอหมายจับตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @MorningNewsTV3
ข่าวจาก : กระปุกดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/140293
พ่อแฝด 4 ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โบ้ยอีกฝ่ายรู้แก่ใจว่ายังไม่หย่า-ปัดจ่ายค่าเลี้ยงดู 25 ล้าน
คุณแม่แฝด 4 พร้อมทนายเดินทางตามนัดศาล กรณีถูกอดีตสามีหลอกแต่งงาน ขโมยลูกและเงินกว่า 2 ล้าน ขณะที่ฝ่ายจำเลยส่งทนายมาแทน พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยันไม่จ่ายค่าเลี้ยงดู 25 ล้าน บอกไม่ใช่พ่อเด็กตามกฎหมาย
จากกรณี นางสาวสุธิดา ถึงสงคราม หรือ นุก อายุ 21 ปี คุณแม่แฝด 4 ได้ร้องสื่อหลังถูกอดีตสามีหลอกแต่งงาน ทั้งที่ยังไม่ได้หย่าขาดภรรยาเก่า แถมยังถูกสามีขโมยลูกคนที่ 3 พร้อมทองและเงินกว่า 2 ล้าน ซึ่งนางสาวสุธิดาได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดู 25 ล้านบาทและขอเป็นผู้ปกครองลูกแฝดโดยผู้เดียวนั้น [อ่านข่าว : คุณแม่แฝด 4 ร้องสื่อ ยื่นฟ้องอดีตสามี 25 ล้าน หลอกแต่งงาน-ขโมยลูก]
ล่าสุด (2 สิงหาคม 2559) นางสาวสุธิดา พร้อมนางษรินทร์ภัฎ รอดจันทร์ มารดา และ นายสมคิด จุลสุรางค์ ทนายความ ได้เดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนนายตะวัน ไม่ได้มาตามนัด แต่ได้ให้นายพีระพงษ์ โกสัยสุก ทนายความ นำเอกสารสำนวนแก้ต่างมายื่นต่อศาล โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ในเอกสารมีใจความว่า นางสาวสุธิดา รู้มาตั้งแต่ต้นว่าตนยังไม่ได้หย่าขาดกับภรรยา เนื่องจากนางสาวสุธิดา ได้พูดคุยกับทางโทรศัพท์ภรรยาของตนหลายครั้ง และก่อนแต่งงานกับนางสาวสุธิดา ตนก็ได้ไปอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนางสาวสุธิดา ในหอพักที่กรุงเทพฯ ระหว่างที่นางสาวสุธิดามาเรียนต่อ จนกระทั่งกลับมาบ้านตนจึงไปสู่ขอนางสาวสุธิดาจากพ่อแม่ โดยที่ตนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายและสินสอดทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาท ก่อนที่นางสาวสุธิดา จะตั้งครรภ์แฝด 4 หลังจากนั้นตนก็เปิดร้านมินิมาร์ทเลี้ยงดูลูก ๆ มาโดยตลอด โดยที่นางสาวสุธิดา ไม่เคยรบเร้าให้ไปจดทะเบียนสมรส
ส่วนการที่ตนนำ น้องโฟร์ ลูกแฝดชายคนที่ 3 มานั้นเพื่อเลี้ยงดูไม่ได้นำมาหาผลประโยชน์แต่อย่างใด และมองว่าการที่นางสาวสุธิดา ฟ้องร้องค่าเลี้ยงดู 25 ล้านบาทดูมากเกินความเป็นจริง ประกอบกับตนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางสาวสุธิดา ตามกฎหมาย จึงไม่ถือว่าตนเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของแฝดทั้ง 4 คน ตามคำพิพากษาศาลฏีกาเทียบเคียงที่ 452/2553 และตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 ดังนั้นจึงไม่สามารถยื่นฟ้องค่าเลี้ยงดูได้ในฐานะบิดาได้ และในเมื่อแฝดทั้ง 4 ไม่มีฐานะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย นางสาวสุธิดาจึงไม่ใช่ผู้ถูกแย้งสิทธิเพื่อเรียกร้องเงินค่าอุปการะบุตร จึงขอให้ศาลพิจารณายกฟ้องและให้ นางสาวสุธิดาจ่ายค่าฤชาทำธรรมเนียมและค่าทนายความแทนตนด้วย ซึ่งศาลได้กำหนดชี้สองสถานและกำหนดแนวทางดำเนินคดีหรือสืบพยานโจทก์ในวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ในเวลา 13.30 น.
ต่อมานางษรินทร์ภัฎ พร้อมทนายและนางสาวสุธิดา ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท. จรูญ หนูจันทร์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตามนัด กรณีที่นายตะวันได้ขโมยทองคำและเงินสด รวม 2 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เรียกนายตะวันมาพบ แต่นายตะวันไม่ได้แต่อย่างใด ภายหลังได้มีการคืนทองคำบางส่วนมาให้และยังเหลือเงินที่ต้องนำมาคืนอีก 250,000 บาท และไม่ได้มาตามนัดรอบ 2 ในวันนี้ (2 สิงหาคม 2559) ซึ่งหากพบว่านายตะวันยังไม่มาตามนัดทางพนักงานสอบสวนจะเสนอขอหมายจับตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @MorningNewsTV3
ข่าวจาก : กระปุกดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/140293