สวัสดีครับเพื่อนพี่น้องห้องบลูทุกท่าน รีวิวนี้เป็นการท่องเที่ยวประเทศอินโดนีเซียครั้งแรกของผมเพื่อตามรอยภูเขาไฟที่เพื่อนๆพี่ๆในห้องบลูได้รีวิวไว้หลากหลายให้เห็นถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่ทำให้ผมอยากเห็นด้วยตาตัวเองบ้างจึงเกิดทริปนี้ขึ้น โดยทริปนี้เดินทางในช่วงวันที่ 15-19 กรกฎาคม ที่ผ่านมาครับ

สำหรับรีวิวผมใช้โทรศัพท์ Samsung Galaxy S7 Edge ในการถ่ายภาพ ซึ่งภาพอาจจะไม่สวยงามอลังการเท่ากับรีวิวอื่นๆที่มีพี่ๆทำกันไว้ แต่ผมก็อยากมาแบ่งบันเรื่องราวต่างๆของการเดินทาง
เชิญรับชมรีวิวได้เลยครับ

วันที่ 15 กรกฎาคม 2559
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯไปจาการ์ต้าโดยสายการบิน Thai Lion Air (SL118) เวลาเดินทาง 19.05น. สาเหตุที่เลือกบินไปลงที่จาการ์ต้าก่อนเนื่องจากค่าตั๋วในวันเดินทางซึ่งเป็นช่วงหยุดยาว ราคาบินตรงไปกลับกรุงเทพฯ-สุราบายา โดยสายการบิน Indonesia Airasia รวมทุกอย่างอยู่ที่ประมาณ 15,XXX บาท ซึ่งผมมองว่ามันแพงไปนิดนึงสำหรับสายการบิน Low Cost ผมเลยจองสายการบิน Thai Lion Air ซึ่งมีโปรเส้นทางบินใหม่ไปจาการ์ต้าช่วงนั้นพอดี โดยราคาไปกลับกรุงเทพฯ-จาร์กาต้าอยู่ที่ 3,225 บาท

เครื่องบินพร้อมเดินทางละครับ Boeing 737-800 (HS-LUH)

เที่ยวบินนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นชาวอินโดนีเซีย


ที่นั่งแคบพอสมควรครับ ผมสูง 178 cm. แน่นอนเข่าชนเต็มๆ แต่ไม่เป็นไรครับเพราะเป็น Low cost ราคาก็ถูกแล้ว

ขนมและน้ำฟรีบริการบนเครื่อง

ใช้เวลาทำการบินประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ก็เดินทางมาถึงสนามบินจาการ์ต้าครับ บิน Thai Lion Air มาเจอ Lion Air ตัวแม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสายการบินนี้นั่นเอง



พอเข้ามาในอาคารเพื่อรับกระเป๋า เซ็งนิดนึงเพราะรับกระเป๋าพร้อมกัน 3 ไฟท์ ตลาดแตกมาก!!


จากนั้นก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อขึ้น Taxi


Taxi By Blue Bird โดยให้ไปส่งที่โรงแรม ibis budget hotel jakarta airport ระยะทางจากสนามบินถึงโรงแรมประมาณ 2.4 Km ค่ารถ 100,000 IDR คนขับบอกว่าเป็นเรทสนามบินครับ ก็ตามนั้นครับ

ibis budget hotel คืนละประมาณ 1,000 บาทครับ พร้อมอาหารเช้า






วันที่ 16 กรกฎาคม 2559
ออกจากโรงแรมไปสนามบินจาการ์ต้า โดยทางโรงแรมมีบริการรถ shuttle bus ฟรี ไปส่งที่สนามบินครับ
ภาพด้านหน้าโรงแรม

ตารางเวลา shuttle bus



เดินทางจากจาการ์ต้าไปสุราบายาโดยสายการบิน Indonesia Airasia (XT7692) ราคาตั๋วไปกลับจาการ์ต้า-สุราบายา 2,670 บาท

สายการบิน Indonesia Airasia ให้บริการที่สนามบินจาการ์ต้า (เทอร์มินอล 3)

บรรยากาศภายในสนามบินครับ



ออกเดินทางเวลา 11.20น.





ประมาณบ่ายโมงก็เดินทางมาถึงสนามบินสุราบายา (เทอร์มินอล 2) ออกมาก็เจอคนขับรถจาก Pink House ตามที่ได้นัดกันไว้

แต่เซ็งนิดนึงคือพี่คนขับรถแจ้งว่าขอไปเตรียมรถก่อน ผมก็โอเคไม่มีปัญหาทำไงได้ แต่นึกในใจทำไมไม่เตรียมทุกอย่างให้พร้อม พี่เขาหายไปนานมาก มาอีกทีก็ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง พร้อมกับไม่มีคำอธิบายแต่อย่างไร

รถสำหรับพาเที่ยวทริปนี้ครับ

พอออกจากสนามบินพี่เขาก็พามาซื้อซิมเน็ตที่ร้านขายโทรศัพท์มือถือในบริเวณปั้มน้ำมันครับ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะอารมณ์แอบนอยที่เสียเวลาล่าช้าไปหลายชั่วโมง
Sim Pati เล่นเน็ตได้ 4Gb ราคา 65,000 IDR


จากสุราบายาไปคาวาอิเจี้ยนใช้เวลาแสนยาวนานในรถประมาณ 6 ชั่วโมงครับ โดยระหว่างทางแวะกินข้าวที่จุดพักรถ Utama Raya ลักษณะเป็นปั้มน้ำมันและมีร้านค้าร้านอาหารและห้องน้ำไว้บริการ ก็ประมาณจุดพักรถของปั้มปตท.บ้านเราครับ



จากนั้นประมาณเที่ยงคืนก็เดินทางมาถึงคาวาอิเจี้ยน บรรยากาศด้านล่างก่อนเดินขึ้นเขาครับ

เห็นเขากินกันเลยกินบ้าง


แล้วก็เดินขึ้นภูเขาต่อครับ ระยะเวลาเดินประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง คือโครตเหนื่อยมาก รู้สึกว่าเหนื่อยกว่าตอนเดินบนเขาชนไก่สมัยรด.อีก หรือว่าตอนนี้อายุมากขึ้นไม่ฟิตเหมือนสมัยวัยรุ่นรึเปล่าก็ไม่รู้

ภาพบรรยากาศครับ คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากเพราะมีหลายรีวิวอธิบายไว้หมดแล้ว ด้วยความมืดใช้กล้องมือถือถ่ายพยายามสุดๆละครับ




วันที่ 17 กรกฎาคม 2559
แสงยามเช้าทำให้เราได้เห็นถึงสภาพภูมิศาสตร์รอบๆตัวเรา มันยิ่งใหญ่เกินที่จะอธิบาย


แสงสว่างทำให้ถามตัวเองว่าเดินมาถึงจุดนี้ได้ไง เพราะสิ่งที่รู้สึกได้คือมันดูอันตรายมากเหมือนกันครับ ตอนเดินมากลางคืนไม่เห็นอะไรเดินตามไกด์อย่างเดียว แอบคิดว่าถ้าระหว่างเดินแล้วเกิดลื่นหรือมึนๆกำมะถันเป็นลมนี่น่ากลัวเหมือนกัน


แล้วก็เตรียมตัวเดินลงครับ
บรรยากาศด้านบนครับ ส่วนบรรยากาศระหว่างทางลงเขาไม่ได้ถ่ายมาเพราะตอนนั้นปวดขามาก คิดอย่างเดียวว่าเมื่อไหร่จะถึง


จากนั้นมุ่งหน้าสู่ Bromo ไม่ได้แวะที่อื่นอีกเนื่องจากน้ำก็ยังไม่อาบตั้งแต่เมื่อวานและยังไม่ได้นอนเลย

ถึงที่พักสุดฮิตของมหาชนชาวไทยครับ Cemara indah ที่นี่อบอุ่นมากครับเหมือนอยู่เมืองไทย คุยภาษาเดียวกันเกือบทุกคน

ได้อาบน้ำนอนไปหนึ่งตื่นก็ออกมาเดินชมบรรยากาศละแวกโรงแรม
ส่วนมื้อเย็นก็ฝากท้องกับอาหารของโรงแรม