สมัยหนานถัง,ณ.อำเภอตังถู มีหวังหลู่เป็นนายอำเภอ。
นายอำเภอคนนี้เป็นคนละโมบไม่รู้จักพอ,เห็นแก่อามิสสินจ้าง,
เห็นเงินแล้วตาโต,ขอให้มีเงินเท่านั้น จะอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง,
เขาก็พร้อมที่จะแหวกหญ้าให้งูตื่น โดยไม่สนใจความผิดถูกชั่วดี,
กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำทันที ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งนายอำเภอ
ตังถูอยู่นั้น,มีเรื่องราวเละเทะย่ำแย่มากมายเกี่ยวกับการรับสินบนและบิดเบือน
กฎหมาย
ดั่งสุภาษิตที่ว่า,คานข้างบนไม่ตรง คานข้างล่างย่อมบิดเบี้ยวตามฉะนั้น,
ข้าราชการน้อยใหญ่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนายอำเภอท่านนี้ เมื่อผู้บังคับบัญชากิน
สินบาทคาดสินบนเช่นนั้น พอเห็นตำตาอย่างนี้จึงเอาเป็นเยี่ยงอย่างพวกเขาจึง
อาศัยกฎหมาย ทำตัวข่มขู่รีดไถรับสินบน
ค้นหาและรีดนาทาเร้นทรัพย์สินชาวบ้าน แบบมีสารบัญเป็นรายบุคคลทีเดียว
เมื่อข้าราชการน้อยใหญ่ต่างคอรัปชั่น สรุปแล้วข้าราชการสิบคนมีแปดถึงเก้าคน
ประพฤติตัวเยี่ยงนี้ ฉะนั้น ประชาชนในอำเภอนี้จึงเกิดความทุกข์อย่างแสนสาหัส
ทุกผู้คนต่างเคียดแค้นข้าราชการเดรัจฉานเหล่านี้ หวังว่าสักวันจะได้คิดบัญชีลงโทษ
พวกมัน,เพื่อระบายความแค้น
มีอยู่ครั้งหนึ่ง,บังเอิญทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจราชการในท้องที่
เมื่อชาวบ้านเห็นเช่นนั้น ถือว่าโอกาสของเรามาถึงแล้ว ดังนั้นชาวบ้านทุกคนจึง
พร้อมใจเข้าชื่อฟ้องร้องต่อทางการ กล่าวโทษนายอำเภอและข้าราชการทุกคนที่
ประพฤติมิชอบ ถึงเรื่องราวคอรัปชั่นต่างๆที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
เมื่อคำฟ้องแรกส่งไปถึงมือนายอำเภอหวางหลู่ พอเขาอ่านคำฟ้องจากหัวถึง
ท้ายแล้วอย่างลวกๆ ดูแล้วอาจไม่สลักสำคัญ แต่ก็ทำเอานายอำเภอถึงกับหวาดผวา
ทั้งตัวเกิดอาการสั่นเทิ้ม เหงื่อกาฬไหลพรู ที่แท้,ในคำฟ้องของชาวบ้านทุกเรื่องล้วน
เป็นเรื่องจริง รวมถึงเรื่องเลวร้ายแต่ละอย่างที่นายอำเภอเคยประพฤติ อีกทั้งเรื่องราว
เสียๆหายๆมากมายก็ล้วนมีส่วนพัวพันกับตัวเอง
แม้จะเป็นแค่ใบฟ้องร้องข้าราชการเพียงไม่กี่คนก็ตาม แต่เขารู้ว่ามันเหมือนกับ
ฟ้องร้องตัวเขาเองเหมือนกัน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวคราวนี้ต้องหนักหนาสาหัสแน่
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง หากชาวบ้านยังยื่นคำฟ้องร้องต่อไป ไม่ช้าคงต้องฟ้อง
ถึงตัวเองเป็นแน่แท้
เมื่อเป็นเช่นนี้,ทางการเกิดรู้ความจริงเข้าตรวจสอบแล้วนายอำเภอก็มีส่วนพัวพัน
ในเรื่องมั่วซั่วแบบนี้ เห็นทีตัวเองคงไม่แคล้วพบกับความหายนะ!เขาครุ่นคิดแล้วคิดอีก
ความหวาดหวั่นในใจยังไงก็ระงับไว้ไม่อยู่ เขาจึงใช้มืออันสั่นเทาอย่างไม่รู้สึกตัวหยิบพู่กันเขียน
ลงในสมุดเอกสารเพื่อสารภาพความในใจที่แท้จริงออกมา
“แค่ท่านฟาดฟันหญ้า ข้าฯก็หวาดผวาถึงตัวงูแล้ว。”
พอเขียนประโยคนี้เสร็จ,ก็คลายมือลง นั่งอยู่บนเก้าอี้ดั่งเป็นอัมพาต,พู่กันก็ตกลงพื้นเสียแล้ว。
http://hakkapeople.com/node/3233
打草驚蛇: แค่ท่านฟาดฟันหญ้า ข้าฯก็หวาดผวาถึงตัวงูแล้ว
สมัยหนานถัง,ณ.อำเภอตังถู มีหวังหลู่เป็นนายอำเภอ。
นายอำเภอคนนี้เป็นคนละโมบไม่รู้จักพอ,เห็นแก่อามิสสินจ้าง,
เห็นเงินแล้วตาโต,ขอให้มีเงินเท่านั้น จะอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง,
เขาก็พร้อมที่จะแหวกหญ้าให้งูตื่น โดยไม่สนใจความผิดถูกชั่วดี,
กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำทันที ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งนายอำเภอ
ตังถูอยู่นั้น,มีเรื่องราวเละเทะย่ำแย่มากมายเกี่ยวกับการรับสินบนและบิดเบือน
กฎหมาย
ดั่งสุภาษิตที่ว่า,คานข้างบนไม่ตรง คานข้างล่างย่อมบิดเบี้ยวตามฉะนั้น,
ข้าราชการน้อยใหญ่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนายอำเภอท่านนี้ เมื่อผู้บังคับบัญชากิน
สินบาทคาดสินบนเช่นนั้น พอเห็นตำตาอย่างนี้จึงเอาเป็นเยี่ยงอย่างพวกเขาจึง
อาศัยกฎหมาย ทำตัวข่มขู่รีดไถรับสินบน
ค้นหาและรีดนาทาเร้นทรัพย์สินชาวบ้าน แบบมีสารบัญเป็นรายบุคคลทีเดียว
เมื่อข้าราชการน้อยใหญ่ต่างคอรัปชั่น สรุปแล้วข้าราชการสิบคนมีแปดถึงเก้าคน
ประพฤติตัวเยี่ยงนี้ ฉะนั้น ประชาชนในอำเภอนี้จึงเกิดความทุกข์อย่างแสนสาหัส
ทุกผู้คนต่างเคียดแค้นข้าราชการเดรัจฉานเหล่านี้ หวังว่าสักวันจะได้คิดบัญชีลงโทษ
พวกมัน,เพื่อระบายความแค้น
มีอยู่ครั้งหนึ่ง,บังเอิญทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจราชการในท้องที่
เมื่อชาวบ้านเห็นเช่นนั้น ถือว่าโอกาสของเรามาถึงแล้ว ดังนั้นชาวบ้านทุกคนจึง
พร้อมใจเข้าชื่อฟ้องร้องต่อทางการ กล่าวโทษนายอำเภอและข้าราชการทุกคนที่
ประพฤติมิชอบ ถึงเรื่องราวคอรัปชั่นต่างๆที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
เมื่อคำฟ้องแรกส่งไปถึงมือนายอำเภอหวางหลู่ พอเขาอ่านคำฟ้องจากหัวถึง
ท้ายแล้วอย่างลวกๆ ดูแล้วอาจไม่สลักสำคัญ แต่ก็ทำเอานายอำเภอถึงกับหวาดผวา
ทั้งตัวเกิดอาการสั่นเทิ้ม เหงื่อกาฬไหลพรู ที่แท้,ในคำฟ้องของชาวบ้านทุกเรื่องล้วน
เป็นเรื่องจริง รวมถึงเรื่องเลวร้ายแต่ละอย่างที่นายอำเภอเคยประพฤติ อีกทั้งเรื่องราว
เสียๆหายๆมากมายก็ล้วนมีส่วนพัวพันกับตัวเอง
แม้จะเป็นแค่ใบฟ้องร้องข้าราชการเพียงไม่กี่คนก็ตาม แต่เขารู้ว่ามันเหมือนกับ
ฟ้องร้องตัวเขาเองเหมือนกัน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวคราวนี้ต้องหนักหนาสาหัสแน่
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง หากชาวบ้านยังยื่นคำฟ้องร้องต่อไป ไม่ช้าคงต้องฟ้อง
ถึงตัวเองเป็นแน่แท้
เมื่อเป็นเช่นนี้,ทางการเกิดรู้ความจริงเข้าตรวจสอบแล้วนายอำเภอก็มีส่วนพัวพัน
ในเรื่องมั่วซั่วแบบนี้ เห็นทีตัวเองคงไม่แคล้วพบกับความหายนะ!เขาครุ่นคิดแล้วคิดอีก
ความหวาดหวั่นในใจยังไงก็ระงับไว้ไม่อยู่ เขาจึงใช้มืออันสั่นเทาอย่างไม่รู้สึกตัวหยิบพู่กันเขียน
ลงในสมุดเอกสารเพื่อสารภาพความในใจที่แท้จริงออกมา
“แค่ท่านฟาดฟันหญ้า ข้าฯก็หวาดผวาถึงตัวงูแล้ว。”
พอเขียนประโยคนี้เสร็จ,ก็คลายมือลง นั่งอยู่บนเก้าอี้ดั่งเป็นอัมพาต,พู่กันก็ตกลงพื้นเสียแล้ว。
http://hakkapeople.com/node/3233