ตอนที่ 2 เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองยังไง>>แบบไม่ต้องขับรถเอง 14 วัน กรุงเทพ- ซานฟรานซิสโก
ความเดิมจากตอนแรก เราพูดถึงเรื่องการจองตั๋วไปแล้ว ตอนนี้เราจะมาพูดถึงการเดินทางค่ะ
เริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ การไปอเมริกาแนะนำให้เผื่อเวลาในการมาถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เนื่องจากมีขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อนในการ x-ray กระเป๋า หรือมีขั้นตอนเยอะกว่าประเทศอื่นๆ เผื่อเหลือเผื่อขาด มาก่อนก็ดีค่ะ
หากใครสามารถ Online-Check in จาก website เองก็แนะนำให้ทำเลยค่ะ เพื่อย่นระยะเวลาการต่อแถวเข้าคิวเพื่อ Check-in สนามบิน แต่เนื่องจากตั๋ว type ของเราเป็น hi-so (มากก ) จึงไม่สามารถเช็คอินผ่านทาง website ของสายการบินได้ค่ะ ต้องมาเช็คเองที่สนามบิน เราต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกงด้วย เมื่อเช็คอินแล้วกระเป๋าของเราจะโหลดตรงโลดไปที่ San Francisco เลยค่ะ ไม่ต้องแวะรับที่ฮ่องกง
ส่วนการเดินทางโดยเครื่องบินคาเธ่ย์ เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ เพราะเครื่องขาไปลงฮ่องกงค่อนข้างเก่า เก้าอี้รุ่นเก่านั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เอนเบาะไม่ได้ คือพนักมันจะไม่เลื่อนลง แต่ตัวเบาะนั่งจะเลื่อนไปข้างหน้าแทน สรุปเบาะนั่งไม่โอ เครื่องเก่า แต่อาหารและการบริการโดยรวมโอเคค่ะ
ตามตาราง ต้องแวะพักเครื่องฮ่องกง ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เกือบ 3 ชั่วโมง แต่ของจริงเจอดีเลย์ไปอีก เกือบสองชั่วโมงเลยค่ะ รอกันเงกเลย ดีที่ว่าสนามบินฮ่องกงมีของน่ากินเพียบ และมีอะไรให้ทำบ้าง เลยทำให้การดีเลย์ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เท่าไร
ปัญหาอยู่ที่ว่าเรานัดรถมารับที่สนามบินซานฟราน ก็ต้องรีบติดต่อเลื่อนเวลานัดออกไป
อ้อ ..ลืมบอกไปว่าเรา search หาข้อมูลทางเนต เพื่อหารถเช่ามารับเราไปโรงแรมค่ะ เพราะเราไม่แน่ใจว่าขาลงที่ซานฟราน ไฟล์ทเราลงค่อนข้างดึก จะมีรถ Taxi ไหม เลยเอาชัวร์โดยการจองรถ limo ให้มารับดีกว่าค่ะ เราจองเป็น SUV เพราะจำนวนคนเกินรถเก๋ง ไหนจะกระเป๋าเดินทางอีก 5 ใบ สนนราคาค่ารถประมาณ 80-90 USD แพงหน่อย กะว่าลองดู ไม่อยากให้พ่อแม่ กับลูกต้องทุลักทุเลในการขนกระเป๋าหน่ะค่ะ
ตัดมาที่สนามบินซานฟรานเลยนะคะ การผ่านตม.ของอเมริกาที่ขึ้นชื่อว่ายากเย็น ซึ่งเราว่าไม่เท่าไหร่ค่ะ หรืออาจเป็นเพราะเราและครอบครัวเคยเดินทางมาที่อเมริกาบ้างแล้ว และ ตม.ที่ซานฟรานก็ไม่หิน โหดเท่าที่ LA ค่ะ เทคนิคการผ่าน ตม.ง่ายๆ คือ เจอเค้าก็ทักทาย Good morning , Good evening ไรก็ว่ากันไปค่ะ เค้าถามอะไรก็ตอบไปตามจริง ส่วนใหญ่ข้อมูลของเราจะอยู่ในเครื่องเค้าอยู่แล้วค่ะ ถ้ามาครั้งแรกอาจถามเยอะหน่อย แต่ขอให้ตอบแบบจริงใจๆ หากเรามีจุดประสงค์มาเที่ยวแล้ว เราว่าไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะขั้นตอนโหดหินคือขั้นตอนการขอวีซ่า ซึ่งเราก็ผ่านกันมาแล้ว
พอถึงสนามบินซานฟราน เราเปิด roaming เพื่อโทรหาคนขับรถ ใจก็กลัว จะเจอกันไหมหว่า เค้านัดให้เจอตามจุดนัดพบ สรุปพี่แกมาช้า เราก็รอกันไปซัก 15 นาทีได้ รถก็มาค่ะ
เป็นรถ SUV นั่งสบาย ที่สำคัญคือจุมากกก ใส่สัมภาระของพวกเราได้หมดค่ะ นั่งรถไม่นาน ประมาณ 30 นาทีก็ถึงโรงแรมค่ะ
เทคนิคในการที่เราไม่ได้เช่ารถขับอยู่ตรงนี้ค่ะ คือการเลือกโรงแรมเราจะเลือกโรงแรมที่อยู่ในตัวเมือง และสามารถเดินเล่นในเมือง หรือมีรถขนส่งสาธารณะเข้าถึงได้สะดวกค่ะ
จากการศึกษาข้อมูลมาบ้าง หากอยู่ในตัวเมืองซานฟราน เราแทบไม่ต้องใช้รถเลยค่ะ อาศัยเดิน รถราง และรถเมล์ก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
โรงแรมที่เราไปพักครั้งนี้คือ Beresford Arms Hotel ค่ะ ตั้งอยู่ที่ถนน post street ใกล้กับ Market Street ซึ่งเป็นถนนสายหลักใจกลางเมืองซานฟราน เดินไปแค่2-3 blocks ก็ถึง แหล่ง shopping ของซานฟรานแล้วค่ะ
จากรูป โรงเเรม Beresford จะอยู่บน Post street เดินไป 2 -3 Block ก็จะถึง Union Square ย่ายช้อปปิ้ง ใจกลางเมืองซานฟราน ซึ่งเป็นศูนย์รวมทุกอย่างทั้งห้างสรรพสินค้า และจุดซื้อบัตรรถราง และจุดขึ้นรถราง ที่ Powell Station
สนนราคาของโรงแรมต่อคืน ประมาณ 6,000 บาทค่ะ เมื่อเทียบกับขนาดของห้องตามรูป ตอนเปิดห้องเข้าไปก็แอบตกใจเล็กน้อยค่ะ เพราะไม่คิดว่าห้องจะใหญ่ขนาดนี้ คือมี 1 ห้องนอน เตียงควีน 2 เตียง 1 ห้องรับแขกพร้อมโซฟา โต๊ะทานข้าว และห้องครัวค่ะ บอกเลยว่าประทับใจมาก แม้โรงแรมจะเก่า แลดูวังเวงๆ แต่เราอาศัยดูจากรีวิวผู้เข้าพักใน tripadvisor ส่วนใหญ่จะชมว่าพักสบาย และอยู่ไม่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งต่างๆด้วยค่ะ
ตอนที่ 2 เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเอง>>แบบไม่ต้องขับรถเอง 14 วัน--ตะลุย San Francisco
ความเดิมจากตอนแรก เราพูดถึงเรื่องการจองตั๋วไปแล้ว ตอนนี้เราจะมาพูดถึงการเดินทางค่ะ
เริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ การไปอเมริกาแนะนำให้เผื่อเวลาในการมาถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เนื่องจากมีขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อนในการ x-ray กระเป๋า หรือมีขั้นตอนเยอะกว่าประเทศอื่นๆ เผื่อเหลือเผื่อขาด มาก่อนก็ดีค่ะ
หากใครสามารถ Online-Check in จาก website เองก็แนะนำให้ทำเลยค่ะ เพื่อย่นระยะเวลาการต่อแถวเข้าคิวเพื่อ Check-in สนามบิน แต่เนื่องจากตั๋ว type ของเราเป็น hi-so (มากก ) จึงไม่สามารถเช็คอินผ่านทาง website ของสายการบินได้ค่ะ ต้องมาเช็คเองที่สนามบิน เราต้องไปต่อเครื่องที่ฮ่องกงด้วย เมื่อเช็คอินแล้วกระเป๋าของเราจะโหลดตรงโลดไปที่ San Francisco เลยค่ะ ไม่ต้องแวะรับที่ฮ่องกง
ส่วนการเดินทางโดยเครื่องบินคาเธ่ย์ เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ เพราะเครื่องขาไปลงฮ่องกงค่อนข้างเก่า เก้าอี้รุ่นเก่านั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เอนเบาะไม่ได้ คือพนักมันจะไม่เลื่อนลง แต่ตัวเบาะนั่งจะเลื่อนไปข้างหน้าแทน สรุปเบาะนั่งไม่โอ เครื่องเก่า แต่อาหารและการบริการโดยรวมโอเคค่ะ
ตามตาราง ต้องแวะพักเครื่องฮ่องกง ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เกือบ 3 ชั่วโมง แต่ของจริงเจอดีเลย์ไปอีก เกือบสองชั่วโมงเลยค่ะ รอกันเงกเลย ดีที่ว่าสนามบินฮ่องกงมีของน่ากินเพียบ และมีอะไรให้ทำบ้าง เลยทำให้การดีเลย์ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เท่าไร
ปัญหาอยู่ที่ว่าเรานัดรถมารับที่สนามบินซานฟราน ก็ต้องรีบติดต่อเลื่อนเวลานัดออกไป
อ้อ ..ลืมบอกไปว่าเรา search หาข้อมูลทางเนต เพื่อหารถเช่ามารับเราไปโรงแรมค่ะ เพราะเราไม่แน่ใจว่าขาลงที่ซานฟราน ไฟล์ทเราลงค่อนข้างดึก จะมีรถ Taxi ไหม เลยเอาชัวร์โดยการจองรถ limo ให้มารับดีกว่าค่ะ เราจองเป็น SUV เพราะจำนวนคนเกินรถเก๋ง ไหนจะกระเป๋าเดินทางอีก 5 ใบ สนนราคาค่ารถประมาณ 80-90 USD แพงหน่อย กะว่าลองดู ไม่อยากให้พ่อแม่ กับลูกต้องทุลักทุเลในการขนกระเป๋าหน่ะค่ะ
ตัดมาที่สนามบินซานฟรานเลยนะคะ การผ่านตม.ของอเมริกาที่ขึ้นชื่อว่ายากเย็น ซึ่งเราว่าไม่เท่าไหร่ค่ะ หรืออาจเป็นเพราะเราและครอบครัวเคยเดินทางมาที่อเมริกาบ้างแล้ว และ ตม.ที่ซานฟรานก็ไม่หิน โหดเท่าที่ LA ค่ะ เทคนิคการผ่าน ตม.ง่ายๆ คือ เจอเค้าก็ทักทาย Good morning , Good evening ไรก็ว่ากันไปค่ะ เค้าถามอะไรก็ตอบไปตามจริง ส่วนใหญ่ข้อมูลของเราจะอยู่ในเครื่องเค้าอยู่แล้วค่ะ ถ้ามาครั้งแรกอาจถามเยอะหน่อย แต่ขอให้ตอบแบบจริงใจๆ หากเรามีจุดประสงค์มาเที่ยวแล้ว เราว่าไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะขั้นตอนโหดหินคือขั้นตอนการขอวีซ่า ซึ่งเราก็ผ่านกันมาแล้ว
พอถึงสนามบินซานฟราน เราเปิด roaming เพื่อโทรหาคนขับรถ ใจก็กลัว จะเจอกันไหมหว่า เค้านัดให้เจอตามจุดนัดพบ สรุปพี่แกมาช้า เราก็รอกันไปซัก 15 นาทีได้ รถก็มาค่ะ
เป็นรถ SUV นั่งสบาย ที่สำคัญคือจุมากกก ใส่สัมภาระของพวกเราได้หมดค่ะ นั่งรถไม่นาน ประมาณ 30 นาทีก็ถึงโรงแรมค่ะ
เทคนิคในการที่เราไม่ได้เช่ารถขับอยู่ตรงนี้ค่ะ คือการเลือกโรงแรมเราจะเลือกโรงแรมที่อยู่ในตัวเมือง และสามารถเดินเล่นในเมือง หรือมีรถขนส่งสาธารณะเข้าถึงได้สะดวกค่ะ
จากการศึกษาข้อมูลมาบ้าง หากอยู่ในตัวเมืองซานฟราน เราแทบไม่ต้องใช้รถเลยค่ะ อาศัยเดิน รถราง และรถเมล์ก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
โรงแรมที่เราไปพักครั้งนี้คือ Beresford Arms Hotel ค่ะ ตั้งอยู่ที่ถนน post street ใกล้กับ Market Street ซึ่งเป็นถนนสายหลักใจกลางเมืองซานฟราน เดินไปแค่2-3 blocks ก็ถึง แหล่ง shopping ของซานฟรานแล้วค่ะ
จากรูป โรงเเรม Beresford จะอยู่บน Post street เดินไป 2 -3 Block ก็จะถึง Union Square ย่ายช้อปปิ้ง ใจกลางเมืองซานฟราน ซึ่งเป็นศูนย์รวมทุกอย่างทั้งห้างสรรพสินค้า และจุดซื้อบัตรรถราง และจุดขึ้นรถราง ที่ Powell Station
สนนราคาของโรงแรมต่อคืน ประมาณ 6,000 บาทค่ะ เมื่อเทียบกับขนาดของห้องตามรูป ตอนเปิดห้องเข้าไปก็แอบตกใจเล็กน้อยค่ะ เพราะไม่คิดว่าห้องจะใหญ่ขนาดนี้ คือมี 1 ห้องนอน เตียงควีน 2 เตียง 1 ห้องรับแขกพร้อมโซฟา โต๊ะทานข้าว และห้องครัวค่ะ บอกเลยว่าประทับใจมาก แม้โรงแรมจะเก่า แลดูวังเวงๆ แต่เราอาศัยดูจากรีวิวผู้เข้าพักใน tripadvisor ส่วนใหญ่จะชมว่าพักสบาย และอยู่ไม่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งต่างๆด้วยค่ะ