ห้องแอร์เย็นฉ่ำ เย็นจนต้องหาเสื้อกันลมมาใส่ทับ เสียงลมหวิว ๆ และเสียงเปาะแปะที่กระทบกระจกยามเย็นก่อนเลิกงาน พนักงานออฟฟิสบางคนรีบออกไปยืนมองออกไปยังถนน ไฟท้ายรถสีแดงแปร๊ดลากยาวเหยียดไปตามท้องถนนจนสุดลูกหูลูกตา บางคนแทนที่จะรีบปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ด้านหน้า กลับเฉยเมยไม่สนใจว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว บางคนรีบมองหาร่มแล้วกระวีกระวาดคว้ากระเป๋าเป้แบกหลังออกจากออฟฟิส บางคนแทนที่จะรีบกลับไปหาครอบครัว ก็นัดหมายกับเพื่อนร่วมงานแวะกินอะไรกันข้าง ๆ ออฟฟิส เป้าหมายเพื่อหลีกหนีจากสภาพความแออัดบนท้องถนน
เสียงสายฝนโปรยปรายตกกระทบกับร่มที่ถืออยู่ กลิ่นไอเสียคละคลุ้ง เสียงอื้ออึงของเครื่องยนต์ เสียงแตรดังลั่นอยู่กลางท้องถนนที่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานไปทั่วเมืองกรุง ผู้คนบนริมฟุตบาทยืนยาวเหยียดเข้าแถวเพื่อรอรถประจำทาง รถแทกซี่ รถตุ๊กตุ๊ก บนสถานีรถไฟฟ้า และใต้ชานชาลาสถานีรถไฟใต้ดิน ผู้คนต่างเบียดเสียดยัดเยียดกันขึ้นไปบนสถานี รถไฟฟ้าหลายขบวนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะมีเพียง 3-4 คนที่สามารถเบียดตัวเองเข้าไปหลบมุมที่มีอยู่ตรงบานประตูรถไฟฟ้า
ผู้คนหลายคนที่เดินอยู่บนฟุตบาทยังคงเดินกางร่มไปพร้อมกับจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างไม่ละสายตา ในขณะที่ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ จนผู้ที่เดินสวนทางจำต้องเดินหลบทางให้ แสงสีฟ้าสว่างสดใสภายในรถยนต์ที่กลางถนน ผู้คนยังคงจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่ค่อยให้ความสนใจกับรถที่จอดนิ่งเรียงรายอยู่ด้านหน้า รถคันหน้าค่อย ๆ ขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วก็หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น 3 ทุ่มกว่าแล้วรถหลายคันก็ค่อย ๆ ทะยอยกันเลี้ยวเข้าสู่ประตูหมู่บ้าน และอีกหลายคันก็กำลังจะขับกลับถึงที่หมาย
สังคมยุคใหม่ที่กำลังจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างให้เลือนหายไปพร้อมกับโลกยุคใหม่ที่ข้อมูลข่าวสารวิ่งข้ามจากอีกมุมหนึ่งของโลกมายังอีกมุมหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน โลกที่จะไม่มีการหลับไหล โลกที่ความเป็นปัจเจกจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ โลกที่เทคโนโลยี่จะเรียนรู้ประสบการณ์ส่วนบุคคล โลกที่ผู้คนจะรู้จักตัวเองน้อยลง
แต่ในอีกด้านหนึ่งของสังคมผู้คนค่อย ๆ เดินย่ำเท้าลัดเลาะเดินไปตามทางลูกรัง สลับกับถนนคอนกรีต หมอกจาง ๆ ผสมกับกลิ่นไอดินยามฝนโปรยปรายปะทะกับจมูก เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานระหว่างเดินทางเป็นภาพที่ยังมีอยู่ในอีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง ทุกคนย่ำเดินอย่างไม่เร่งรีบไปยังท้องนา ท้องไร่ เพื่อความดำรงคงอยู่ของชีวิตที่จะต้องดิ้นรนต่อไป
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน โลกใบเล็กที่ต้องทนกรำแดดกรำฝน ในยามที่จะต้องทำงาน ไม่มีแอร์เย็นฉ่ำให้อยู่ แต่เป็นโลกของความสุขเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องเบียดเสียดยัดเยียดแออัดไปกับฝูงชน ไม่ต้องนั่งทนอยู่บนรถวันละหลาย ๆ ชั่วโมง โลกใบเล็กที่สามารถสูดเอาอากาศที่บริสุทธิ์ และความสดชื่นเข้าไปในร่างกายได้อย่างเต็มปอด
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เป็นคำกล่าวที่เริ่มเลือนหายไปจากความเข้าใจ และความคิดของคนเมือง เด็ก ๆ ยุคใหม่ไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้ ตรงกันข้ามกับคนเมืองหลาย ๆ คนที่เริ่มโหยหาที่จะย้อนกลับ หรือมีความไฝ่ฝันที่จะกลับไปค้นหา วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง คือสิ่งที่มีหลายคนวาดฝันที่จะกลับไปใช้ในบั้นปลายของชีวิต
::มังกรบุ๋น::
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เด็ก ๆ สมัยนี้ยังรู้จักกันอยู่มั้ยครับ
เสียงสายฝนโปรยปรายตกกระทบกับร่มที่ถืออยู่ กลิ่นไอเสียคละคลุ้ง เสียงอื้ออึงของเครื่องยนต์ เสียงแตรดังลั่นอยู่กลางท้องถนนที่เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานไปทั่วเมืองกรุง ผู้คนบนริมฟุตบาทยืนยาวเหยียดเข้าแถวเพื่อรอรถประจำทาง รถแทกซี่ รถตุ๊กตุ๊ก บนสถานีรถไฟฟ้า และใต้ชานชาลาสถานีรถไฟใต้ดิน ผู้คนต่างเบียดเสียดยัดเยียดกันขึ้นไปบนสถานี รถไฟฟ้าหลายขบวนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะมีเพียง 3-4 คนที่สามารถเบียดตัวเองเข้าไปหลบมุมที่มีอยู่ตรงบานประตูรถไฟฟ้า
ผู้คนหลายคนที่เดินอยู่บนฟุตบาทยังคงเดินกางร่มไปพร้อมกับจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างไม่ละสายตา ในขณะที่ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ จนผู้ที่เดินสวนทางจำต้องเดินหลบทางให้ แสงสีฟ้าสว่างสดใสภายในรถยนต์ที่กลางถนน ผู้คนยังคงจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่ค่อยให้ความสนใจกับรถที่จอดนิ่งเรียงรายอยู่ด้านหน้า รถคันหน้าค่อย ๆ ขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วก็หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น 3 ทุ่มกว่าแล้วรถหลายคันก็ค่อย ๆ ทะยอยกันเลี้ยวเข้าสู่ประตูหมู่บ้าน และอีกหลายคันก็กำลังจะขับกลับถึงที่หมาย
สังคมยุคใหม่ที่กำลังจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างให้เลือนหายไปพร้อมกับโลกยุคใหม่ที่ข้อมูลข่าวสารวิ่งข้ามจากอีกมุมหนึ่งของโลกมายังอีกมุมหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน โลกที่จะไม่มีการหลับไหล โลกที่ความเป็นปัจเจกจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ โลกที่เทคโนโลยี่จะเรียนรู้ประสบการณ์ส่วนบุคคล โลกที่ผู้คนจะรู้จักตัวเองน้อยลง
แต่ในอีกด้านหนึ่งของสังคมผู้คนค่อย ๆ เดินย่ำเท้าลัดเลาะเดินไปตามทางลูกรัง สลับกับถนนคอนกรีต หมอกจาง ๆ ผสมกับกลิ่นไอดินยามฝนโปรยปรายปะทะกับจมูก เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานระหว่างเดินทางเป็นภาพที่ยังมีอยู่ในอีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง ทุกคนย่ำเดินอย่างไม่เร่งรีบไปยังท้องนา ท้องไร่ เพื่อความดำรงคงอยู่ของชีวิตที่จะต้องดิ้นรนต่อไป
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน โลกใบเล็กที่ต้องทนกรำแดดกรำฝน ในยามที่จะต้องทำงาน ไม่มีแอร์เย็นฉ่ำให้อยู่ แต่เป็นโลกของความสุขเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องเบียดเสียดยัดเยียดแออัดไปกับฝูงชน ไม่ต้องนั่งทนอยู่บนรถวันละหลาย ๆ ชั่วโมง โลกใบเล็กที่สามารถสูดเอาอากาศที่บริสุทธิ์ และความสดชื่นเข้าไปในร่างกายได้อย่างเต็มปอด
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เป็นคำกล่าวที่เริ่มเลือนหายไปจากความเข้าใจ และความคิดของคนเมือง เด็ก ๆ ยุคใหม่ไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้ ตรงกันข้ามกับคนเมืองหลาย ๆ คนที่เริ่มโหยหาที่จะย้อนกลับ หรือมีความไฝ่ฝันที่จะกลับไปค้นหา วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง คือสิ่งที่มีหลายคนวาดฝันที่จะกลับไปใช้ในบั้นปลายของชีวิต
::มังกรบุ๋น::