คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 28
ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก กระทู้นี้ถูกลบโดยระบบอัตโนมัติทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการสนทนา ของเพื่อนสมาชิกโดยรวมค่ะ
ความคิดเห็นนี้ได้ถูก ppantip.com ลบออกไปจากระบบแล้ว หากเนื้อหาที่ถูกลบยังคงถูกนำไปแสดงใน application หรือเว็บไซต์ใดๆ ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
ความคิดเห็นนี้ได้ถูก ppantip.com ลบออกไปจากระบบแล้ว หากเนื้อหาที่ถูกลบยังคงถูกนำไปแสดงใน application หรือเว็บไซต์ใดๆ ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
“เบญจา” เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น (ชินคอร์ปฯ) ในฐานะอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร ตอนนั้นทำหน้าที่ให้บริการตอบข้อหารือผู้เสียภาษี แต่เป็นประเด็นขึ้นมา คือ “เบญจา” ตอบข้อหารือ กรณีซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ว่า “ไม่ต้องเสียภาษี” จึงกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างแดน กลายเป็นปมจุดประเด็นความขัดแย้งอื่นๆตามมามากมาย
เวลาผ่านมา 5 ปี “เบญจา” ยังยืนยันในหลักการที่เธอวินิจฉัย กรณีซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ก่อนที่คดีนี้จะหมดอายุความในวันที่ 31 มีนาคม 2555 อธิบดีกรมสรรพากรออกมายืนยันซ้ำอีกครั้งว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไม่ต้องเสียภาษี” (อ่านเพิ่ม “ปิดตำนานซุกหุ้นชินคอร์ป สรรพากรยุติบี้ภาษีครอบครัว “ทักษิณ ชินวัตร” – “แก้วสรร” คาใจต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล”) สำหรับ “เบญจา” แล้วเธอคิดอย่างไร ถึงได้กล้าตัดสินใจลงนามในหนังสือตอบข้อหารือฉบับนั้น
เธอเล่าว่า “เรื่องหุ้นมันต้องมีเจ้าของแน่นอน ถ้าจะถามเรื่องนี้ คงต้องย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในอดีต ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเล่นการเมืองได้โอนหุ้นให้กับบริษัท แอมเพิลริช จากนั้นแอมเพิลริชขายหุ้นให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร (โอ๊ค-เอม) บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณในราคาต่ำกว่าราคาตลาด และต่อมาทั้งคู่ได้นำหุ้นไปขายให้กองทุนเทมาเส็กผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ”
ตามหลักการของกฏหมาย หากเป็นกรณีการขายสินค้าและบริการในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง กรมสรรพากรจะใช้มาตรา 65 ทวิ (4) เข้าไปประเมินภาษีผู้ขายได้ แต่ถ้าเป็นกรณีของการขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาดจะใช้มาตรานี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่การขายสินค้าและบริการทั่วไป
ยกตัวอย่าง น้ำอัดลมขวดละ 10 บาท แต่ขาย 8 บาท กรณีนี้กรมสรรพากรใช้อำนาจตามมาตรา 65 ทวิ (4) เข้าไปประเมินภาษีคนขายได้ แต่ถ้าเป็นกรณีหุ้นเพิ่มทุนราคา 10 บาท แต่ขายให้พนักงานแทนโบนัสในราคา 8 บาท ตรงนี้จะไปประเมินภาษีกับคนขายไม่ได้
ฟากหนึ่งกรมสรรพากรไปประเมินภาษีกับคนขาย อีกฟากหนึ่งไปประเมินภาษีกับคนซื้อ กรมสรรพากรไม่สามารถเรียกเก็บภาษี 2 ทางได้ ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ขอยกอีกตัวอย่างหนึ่ง กรณีของเซ็นทรัลการ์ดให้ส่วนลด 5% แก่สมาชิกที่ใช้บัตรรูดซื้อสินค้า ถ้าคนขายไม่มีเหตุผลอันสมควร กรมสรรพากรใช้มาตรา 65 ทวิ (4) เรียกเก็บภาษีกับคนขายได้ แต่จะไปไล่ประเมินภาษีกับคนซื้อไม่ได้
ขณะที่กรณีซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ กรมสรรพากรกลับไปไล่เก็บภาษีเอากับผู้ซื้อ และถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ต้องไปเก็บภาษีกับคนใช้บัตรเซ็นทรัลการ์ดรูดซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงด้วย เพราะได้ส่วนลด 5%
ความหมายที่ยกตัวอย่างขึ้นมาในข้างต้นก็เพื่อจะบอกว่า กรณีขายหุ้นชินคอร์ปฯ ก็ต้องไปเก็บภาษีกับคนที่ขายหุ้น (บริษัท แอมเพิลริช) นี่เป็นแนวทางที่ใช้ในการตอบข้อหารือในสมัยที่เป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ถ้าบริษัทแอมเพิลริชมีสถานประกอบการอยู่ในประเทศไทย ป่านนี้คงถูกกรมสรรพากรไล่เก็บภาษีไปเรียบร้อยแล้ว แต่บังเอิญ บริษัท แอมเพิลริช เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ต่างประเทศ จึงเก็บภาษีไม่ได้ พอเก็บภาษีกับคนขายหุ้นไม่ได้ ก็เลยมาเก็บเอากับคนซื้อหุ้น
http://sakdaper.blogspot.com/2016_07_28_archive.html
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย มันอยู่การตีความว่าเป็น " คนของใคร " ถ้าไม่ใช่ฝ่ายตัวก็ผิดหมด
ป่วยการจะมาถกเถียง ยิ่งคนประเภท " จอมเงิบ และ เน่า " ซะทุกกระทู้
แถมยังนิสัยโจร ชอบแอบลัก ขโมยเอามตีกิน น่าสมเพช
เวลาผ่านมา 5 ปี “เบญจา” ยังยืนยันในหลักการที่เธอวินิจฉัย กรณีซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ก่อนที่คดีนี้จะหมดอายุความในวันที่ 31 มีนาคม 2555 อธิบดีกรมสรรพากรออกมายืนยันซ้ำอีกครั้งว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไม่ต้องเสียภาษี” (อ่านเพิ่ม “ปิดตำนานซุกหุ้นชินคอร์ป สรรพากรยุติบี้ภาษีครอบครัว “ทักษิณ ชินวัตร” – “แก้วสรร” คาใจต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล”) สำหรับ “เบญจา” แล้วเธอคิดอย่างไร ถึงได้กล้าตัดสินใจลงนามในหนังสือตอบข้อหารือฉบับนั้น
เธอเล่าว่า “เรื่องหุ้นมันต้องมีเจ้าของแน่นอน ถ้าจะถามเรื่องนี้ คงต้องย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในอดีต ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเล่นการเมืองได้โอนหุ้นให้กับบริษัท แอมเพิลริช จากนั้นแอมเพิลริชขายหุ้นให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร (โอ๊ค-เอม) บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณในราคาต่ำกว่าราคาตลาด และต่อมาทั้งคู่ได้นำหุ้นไปขายให้กองทุนเทมาเส็กผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ”
ตามหลักการของกฏหมาย หากเป็นกรณีการขายสินค้าและบริการในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง กรมสรรพากรจะใช้มาตรา 65 ทวิ (4) เข้าไปประเมินภาษีผู้ขายได้ แต่ถ้าเป็นกรณีของการขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาดจะใช้มาตรานี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่การขายสินค้าและบริการทั่วไป
ยกตัวอย่าง น้ำอัดลมขวดละ 10 บาท แต่ขาย 8 บาท กรณีนี้กรมสรรพากรใช้อำนาจตามมาตรา 65 ทวิ (4) เข้าไปประเมินภาษีคนขายได้ แต่ถ้าเป็นกรณีหุ้นเพิ่มทุนราคา 10 บาท แต่ขายให้พนักงานแทนโบนัสในราคา 8 บาท ตรงนี้จะไปประเมินภาษีกับคนขายไม่ได้
ฟากหนึ่งกรมสรรพากรไปประเมินภาษีกับคนขาย อีกฟากหนึ่งไปประเมินภาษีกับคนซื้อ กรมสรรพากรไม่สามารถเรียกเก็บภาษี 2 ทางได้ ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ขอยกอีกตัวอย่างหนึ่ง กรณีของเซ็นทรัลการ์ดให้ส่วนลด 5% แก่สมาชิกที่ใช้บัตรรูดซื้อสินค้า ถ้าคนขายไม่มีเหตุผลอันสมควร กรมสรรพากรใช้มาตรา 65 ทวิ (4) เรียกเก็บภาษีกับคนขายได้ แต่จะไปไล่ประเมินภาษีกับคนซื้อไม่ได้
ขณะที่กรณีซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ กรมสรรพากรกลับไปไล่เก็บภาษีเอากับผู้ซื้อ และถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ต้องไปเก็บภาษีกับคนใช้บัตรเซ็นทรัลการ์ดรูดซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงด้วย เพราะได้ส่วนลด 5%
ความหมายที่ยกตัวอย่างขึ้นมาในข้างต้นก็เพื่อจะบอกว่า กรณีขายหุ้นชินคอร์ปฯ ก็ต้องไปเก็บภาษีกับคนที่ขายหุ้น (บริษัท แอมเพิลริช) นี่เป็นแนวทางที่ใช้ในการตอบข้อหารือในสมัยที่เป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ถ้าบริษัทแอมเพิลริชมีสถานประกอบการอยู่ในประเทศไทย ป่านนี้คงถูกกรมสรรพากรไล่เก็บภาษีไปเรียบร้อยแล้ว แต่บังเอิญ บริษัท แอมเพิลริช เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ต่างประเทศ จึงเก็บภาษีไม่ได้ พอเก็บภาษีกับคนขายหุ้นไม่ได้ ก็เลยมาเก็บเอากับคนซื้อหุ้น
http://sakdaper.blogspot.com/2016_07_28_archive.html
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย มันอยู่การตีความว่าเป็น " คนของใคร " ถ้าไม่ใช่ฝ่ายตัวก็ผิดหมด
ป่วยการจะมาถกเถียง ยิ่งคนประเภท " จอมเงิบ และ เน่า " ซะทุกกระทู้
แถมยังนิสัยโจร ชอบแอบลัก ขโมยเอามตีกิน น่าสมเพช
ความคิดเห็นที่ 30
คห.25 ไอเดน เอ๊ย
เอาข่าวมาแปะ ก็แปะไปแบบไม่รู้เรื่อง
เอางี้ จะอธิบายให้ฟัง เรื่องราวเป็นไงมาไง ไม่ใช่มีแค่ข่าวสั้น ๆ จากอิศราเท่านั้น
ปี 2542 (ถ้าจำไม่ผิด)
ทักษิณตั้ง บ.แอมเพิลริช แล้วขายหุ้นชินคอร์ปให้แอมเพิลริชไป 320 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท
ต่อมาทักษิณโอนหุ้นของชินคอร์ป แอมเพิลริช ให้ลูก ๆ แล้วเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง
ลูกสาวและลูกชายทักษิณ จึงถือหุ้นทั้งในชินคอร์ป และในแอมเพิลริช
ปี 2549
ก่อนการขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กทั้งหมดเพียงวันเดียว
แอมเพิลริชได้ขายหุ้นให้กับลูก ๆ ทักษิณ(ในฐานะผู้ถือหุ้นชินคอร์ป) ในราคาหุ้นละ 1 บาท เป็นการซื้อขายนอกตลาด
23 ม.ค. 2549 ชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กหมด
พอมีรัฐประหาร 2549 คตส.เข้ามา ก็หาทางเอาผิดทักษิณให้ได้ในเรื่องซุกหุ้นในแอมเพิลริช
แต่ไม่สามารถเอาผิดได้ จึงหันมาเล่นเรื่องภาษีกับลูก ๆ ทักษิณ
ด้วยการอ้างว่า ลูก ๆ ทักษิณถือหุ้นในแอมเพิลริช แล้วแอมเพิลริชขายหุ้นให้ในราคา 1 บาทนั้น
ทำให้ลูก ๆ ทักษิณมีกำไร เพราะมูลค่าตามตลาดคือ 49.25 บาท(ราคาที่ขายให้เทมาเส็ก)
คือกำไร 48.25 บาทต่อหุ้น จากหุ้นทั้งหมด 320 ล้านหุ้น
คิดภาษี ค่าปรับ ค่าอะไร ๆ แล้วเป็นเงินหมื่นกว่าล้าน
ประเด็นคือ คสต. มองว่า เมื่อลูก ๆ ทักษิณซื้อหุ้นต่ำกว่าราคาตลาดจากบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของ
จึงถือว่าได้กำไร ต้องเสียภาษี
แต่ทางเจ้าหน้าที่สรรพากรในขณะนั้น เขามองว่าไม่ต้องเสียภาษี
หากจะเก็บภาษี ก็ต้องเก็บจากผู้ขาย คือแอมเพิลริช แต่ก็ไม่สามารถเก็บได้ เพราะอยู่ต่างประเทศ และซื้อขายกันนอกตลาด
คตส. มองว่า การที่บริษัทขายหุ้นในราคาต่ำกว่าตลาดให้พนักงาน ก็เหมือนเป็นการให้โบนัส ต้องเสียภาษี
แต่สรรพากร เขามองว่า แอมเพิลริช เป็นนิติบุคคลตั้งอยู่ ณ ต่างประเทศ ผู้ซื้อไม่ต้องเสียภาษี
เรื่องคร่าว ๆ มีแบบนี้ อาจไม่ละเอียด เพราะไม่ได้ค้น ใช้แค่ความจำที่เคยศึกษามา
ฉะนั้น ประเด็นก็คือ คตส.เห็นว่าควรเสียภาษี สรรพากรเห็นว่าไม่ต้องเสีย
คตส.หมดอายุ ก็ส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช.
ป.ป.ช.ก็ส่งฟ้องเจ้าหน้าที่สรรพากรและผู้เกี่ยวข้อง ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที มาตรา 157 เมื่อปลายปี 58
เป็นเรื่องที่ศาลเชื่อตามคำฟ้อง ป.ป.ช. ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่สรรพากรก็ต้องหาหลักฐานมาต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
เอาข่าวมาแปะ ก็แปะไปแบบไม่รู้เรื่อง
เอางี้ จะอธิบายให้ฟัง เรื่องราวเป็นไงมาไง ไม่ใช่มีแค่ข่าวสั้น ๆ จากอิศราเท่านั้น
ปี 2542 (ถ้าจำไม่ผิด)
ทักษิณตั้ง บ.แอมเพิลริช แล้วขายหุ้นชินคอร์ปให้แอมเพิลริชไป 320 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท
ต่อมาทักษิณโอนหุ้นของชินคอร์ป แอมเพิลริช ให้ลูก ๆ แล้วเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง
ลูกสาวและลูกชายทักษิณ จึงถือหุ้นทั้งในชินคอร์ป และในแอมเพิลริช
ปี 2549
ก่อนการขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กทั้งหมดเพียงวันเดียว
แอมเพิลริชได้ขายหุ้นให้กับลูก ๆ ทักษิณ(ในฐานะผู้ถือหุ้นชินคอร์ป) ในราคาหุ้นละ 1 บาท เป็นการซื้อขายนอกตลาด
23 ม.ค. 2549 ชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กหมด
พอมีรัฐประหาร 2549 คตส.เข้ามา ก็หาทางเอาผิดทักษิณให้ได้ในเรื่องซุกหุ้นในแอมเพิลริช
แต่ไม่สามารถเอาผิดได้ จึงหันมาเล่นเรื่องภาษีกับลูก ๆ ทักษิณ
ด้วยการอ้างว่า ลูก ๆ ทักษิณถือหุ้นในแอมเพิลริช แล้วแอมเพิลริชขายหุ้นให้ในราคา 1 บาทนั้น
ทำให้ลูก ๆ ทักษิณมีกำไร เพราะมูลค่าตามตลาดคือ 49.25 บาท(ราคาที่ขายให้เทมาเส็ก)
คือกำไร 48.25 บาทต่อหุ้น จากหุ้นทั้งหมด 320 ล้านหุ้น
คิดภาษี ค่าปรับ ค่าอะไร ๆ แล้วเป็นเงินหมื่นกว่าล้าน
ประเด็นคือ คสต. มองว่า เมื่อลูก ๆ ทักษิณซื้อหุ้นต่ำกว่าราคาตลาดจากบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของ
จึงถือว่าได้กำไร ต้องเสียภาษี
แต่ทางเจ้าหน้าที่สรรพากรในขณะนั้น เขามองว่าไม่ต้องเสียภาษี
หากจะเก็บภาษี ก็ต้องเก็บจากผู้ขาย คือแอมเพิลริช แต่ก็ไม่สามารถเก็บได้ เพราะอยู่ต่างประเทศ และซื้อขายกันนอกตลาด
คตส. มองว่า การที่บริษัทขายหุ้นในราคาต่ำกว่าตลาดให้พนักงาน ก็เหมือนเป็นการให้โบนัส ต้องเสียภาษี
แต่สรรพากร เขามองว่า แอมเพิลริช เป็นนิติบุคคลตั้งอยู่ ณ ต่างประเทศ ผู้ซื้อไม่ต้องเสียภาษี
เรื่องคร่าว ๆ มีแบบนี้ อาจไม่ละเอียด เพราะไม่ได้ค้น ใช้แค่ความจำที่เคยศึกษามา
ฉะนั้น ประเด็นก็คือ คตส.เห็นว่าควรเสียภาษี สรรพากรเห็นว่าไม่ต้องเสีย
คตส.หมดอายุ ก็ส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช.
ป.ป.ช.ก็ส่งฟ้องเจ้าหน้าที่สรรพากรและผู้เกี่ยวข้อง ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที มาตรา 157 เมื่อปลายปี 58
เป็นเรื่องที่ศาลเชื่อตามคำฟ้อง ป.ป.ช. ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่สรรพากรก็ต้องหาหลักฐานมาต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
ความคิดเห็นที่ 16
ไอ้คนตั้งกระทู้ก็ไม่รู้เรื่อง
ยิ่งไอ้ คห.5 ยิ่งไม่รู้เรื่อง
ถามหน่อยเหอะ เห็นแค่คำพิพากษาว่าจำคุกจ้าหน้าที่
แล้วเคยศึกษาไหมว่าเรื่องราวเป็นไงมาไง
รู้เรื่องไหม ?
ถามหน่อย เจ้าหน้าที่โดนพิพากษาว่าผิดมาตรา 157 นี่ เพราะไม่เก็บภาษียังไง ?
อ่อ แถมนิด โชว์ความฉลาดของจอมเกรียน คห.5 ในทู้นี้ให้เห็นสักหน่อย
จากทู้ http://ppantip.com/topic/35425238/comment1
ความคิดเห็นที่ 1
เปล่าครับ ทักษิณหน้าเหลี่ยมรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการลอยตัวค่าเงินบาท ปี 40 ตอนนั้นทำให้บิ๊กจิ่วเสียผู้เสียคนจนต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ลองไปหาดูว่าทักแม้วรู้ได้ยังไงว่าจะมีการลอยตัวค่าเงินบาท แล้วคิดดูถ้ารู้ว่ามีการลอยค่าเงินแน่ ๆ เครือบริษัทของทักแม้วทำอะไรกับเหตุการณ์นี้) ^^
สมาชิกหมายเลข 3298374
วันอังคาร เวลา 22:40 น. [IP: 171.100.76.51]
มีแต่คนที่ง่าวสุดดักดานเท่านั้น ที่จะโพสต์อย่างนี้ได้ ไม่รู้เรื่องราว เกรียนอย่างเดียว
ยิ่งไอ้ คห.5 ยิ่งไม่รู้เรื่อง
ถามหน่อยเหอะ เห็นแค่คำพิพากษาว่าจำคุกจ้าหน้าที่
แล้วเคยศึกษาไหมว่าเรื่องราวเป็นไงมาไง
รู้เรื่องไหม ?
ถามหน่อย เจ้าหน้าที่โดนพิพากษาว่าผิดมาตรา 157 นี่ เพราะไม่เก็บภาษียังไง ?
อ่อ แถมนิด โชว์ความฉลาดของจอมเกรียน คห.5 ในทู้นี้ให้เห็นสักหน่อย
จากทู้ http://ppantip.com/topic/35425238/comment1
ความคิดเห็นที่ 1
เปล่าครับ ทักษิณหน้าเหลี่ยมรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการลอยตัวค่าเงินบาท ปี 40 ตอนนั้นทำให้บิ๊กจิ่วเสียผู้เสียคนจนต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ลองไปหาดูว่าทักแม้วรู้ได้ยังไงว่าจะมีการลอยตัวค่าเงินบาท แล้วคิดดูถ้ารู้ว่ามีการลอยค่าเงินแน่ ๆ เครือบริษัทของทักแม้วทำอะไรกับเหตุการณ์นี้) ^^
สมาชิกหมายเลข 3298374
วันอังคาร เวลา 22:40 น. [IP: 171.100.76.51]
มีแต่คนที่ง่าวสุดดักดานเท่านั้น ที่จะโพสต์อย่างนี้ได้ ไม่รู้เรื่องราว เกรียนอย่างเดียว
ความคิดเห็นที่ 24
คห.23 ไอเดน เอ๊ย ว่าแล้วต้องมามุขนี้
ตั้งกระทู้แบบไม่รู้เรื่องที่ตัวเองตั้ง พอโดนถาม ก็ออกลูกแถ
และไม่ใช่แถธรรมดา แถแบบชี้นิ้วใส่คนอื่นว่าแถซะด้วย
แล้วอีกหน่อย พอจนมุม พอโดนถามซ้ำ ก็จะออกลูกเลิกดีกว่า พูดไม่รู้เรื่อง
คือก่อนตั้งทู้ โดยเฉพาะทู้เหน็บแนมคนอื่นนี่ ทำไมไม่ศึกษาเรื่องราวซะก่อน
มาตั้งทู้แบบไม่รู้เรื่องนี่ ทำได้ไง
ประเด็นคือ กล่าวหาว่าลูกทักษิณหนีภาษี ตอบได้ไหม รู้ไหม เขาหนีภาษียังไง ?
อ้างคำพิพากษาจำคุกเจ้าหน้าที่ ตอบได้ไหม เขาผิดด้วยเหตุผลใด กฎหมายข้อไหน ?
ต้องคุยกันในประเด็นของเรื่องราวก่อน ก่อนที่จะถกต่อว่า อะไรเป็นอะไร
ไม่ใช่โหวกเหวกมาแต่ไกล แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอโดนถามก็แถตะบัน
พอแย้งไปก็ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น
ถามอีกครั้ง รู้ไหมว่าเจ้าหน้าที่น่ะ เขาผิดว่าไม่เก็บภาษียังไง ?
ตั้งกระทู้แบบไม่รู้เรื่องที่ตัวเองตั้ง พอโดนถาม ก็ออกลูกแถ
และไม่ใช่แถธรรมดา แถแบบชี้นิ้วใส่คนอื่นว่าแถซะด้วย
แล้วอีกหน่อย พอจนมุม พอโดนถามซ้ำ ก็จะออกลูกเลิกดีกว่า พูดไม่รู้เรื่อง
คือก่อนตั้งทู้ โดยเฉพาะทู้เหน็บแนมคนอื่นนี่ ทำไมไม่ศึกษาเรื่องราวซะก่อน
มาตั้งทู้แบบไม่รู้เรื่องนี่ ทำได้ไง
ประเด็นคือ กล่าวหาว่าลูกทักษิณหนีภาษี ตอบได้ไหม รู้ไหม เขาหนีภาษียังไง ?
อ้างคำพิพากษาจำคุกเจ้าหน้าที่ ตอบได้ไหม เขาผิดด้วยเหตุผลใด กฎหมายข้อไหน ?
ต้องคุยกันในประเด็นของเรื่องราวก่อน ก่อนที่จะถกต่อว่า อะไรเป็นอะไร
ไม่ใช่โหวกเหวกมาแต่ไกล แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอโดนถามก็แถตะบัน
พอแย้งไปก็ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น
ถามอีกครั้ง รู้ไหมว่าเจ้าหน้าที่น่ะ เขาผิดว่าไม่เก็บภาษียังไง ?
แสดงความคิดเห็น
พี่น้องเสื้อแดงว่าไง โอ๊ค เอม เลี่ยงภาษี ศาลอาญาตัดสินเนื่องจากทำให้รัฐเสียหายกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท (By Identity Idea)
ไมค์แพงยังด่า เพระรัฐสูญเสียงบ ประเทศเสียหาย กล้องแพงเราก็ด่ากัน อะไรแพงหรือทำให้รัฐเสียหาย เราก็ควรด่าว่าพวกนี้ อิอิ แหมมีคนแบบนี้สังคมอยู่ยาก
ที่มาข่าว http://hilight.kapook.com/view/140083