มหาลัยเที่ยงคืน - ช่วง 1/3 แรกเละ แต่ตีตื้นได้ที่ 2/3-3/3 ที่ฮาสลับน่ากลัวได้ลงตัวมีเรื่องราว โทนี่เล่นฉีกภาพลักษณ์เดิมได้กระจุย
สวัสดีครับ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "มหาลัยเที่ยงคืน" ในรอบสื่อมวลชน ขอขอบคุณทาง m๓๙ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
"มหาลัยเที่ยงคืน" หนังไทยเรื่องที่สองของค่าย m๓๙ ในปีนี้ ที่ยังคงเป็นหนังผีอีกเช่นเคย ด้วยอาจมองเผื่อไปถึงการส่งออกหนังไปสู๋ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหนังผีไทยได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี การสร้างหนังผี จึงลดความเสี่ยงจากการขาดทุนไปได้ไม่มากก็น้อย
หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับ 3 คน ได้แก่ กฤษดา คณิวิชาภรณ์ (คีต),ปิยะบุตร อธิสุข (หมู),คณิน กุลสุมิตราวงศ์ (หนึ่ง) สามผู้กำกับรุ่นใหม่จากแวดวงหนังสั้นและซีรี่ส์ของ GTH (!!!) ซึ่งดูจากเครดิตแล้วย่อมไม่ธรรมดา
แต่เมื่อได้ชมหนังตัวอย่างที่ปล่อยออกมา อืม.... ก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ดูไม่ได้ดึงดูดขนาดนั้น เพราะเรื่องราวดูน่ากลัว แต่กลับจะเป็นแนวผีตลก ที่ปัจจุบันแทบจะหาช่องทางเล่นมุกไปต่อได้ยากแสนยาก ก็เพราะหนังผีไทยทำมาจนแทบจะหมดสิ้นทั้งมุกทั้งพล็อต จนการทำหนังผีไทยในยุคนี้ อาจยากกว่าหนังตลก หนังรัก หรือแม้แต่หนังอินดี้ด้วยซ้ำ
ช่วงแรก ประมาณ 30-40 นาทีแรก ช่วงก่อนที่จะเข้าห้องเรียน เป็นความหนักใจครั้งหนึ่งในชีวิตการดูหนังผีไทยของผมเลยครับ เพราะหนังมันการ์ตูนญี่ปุ่น แถมเป็นแนวเกินจริงแบบล้นสุดๆ ดูแล้วก็สงสัยว่าคิดกันอย่างไรถึงได้ปูเรื่องด้วยวิธีการเล่า การถ่ายทำ คาแรกเตอร์แบบนี้ บางช่วงพาให้คิดท้อว่า จะรีวิวลงพันทิบยังไงดีเนี่ย ขอให้คำว่า "เพี้ยนจนเละ" ละกันครับ และดูเหมือนว่าการอดทนจนผ่านช่วงแรกนี้ไปได้ผมก็พบสาเหตุของความเละในครั้งนี้
ก็ช่วงกลาง เมื่อหนังเข้าสู่พล็อตที่ควรจะเป็น จะพบเลยว่า หนังวางเรื่องมาได้น่าสนใจ มีการผูกเรื่องราวที่ดี และมุกเจอผีนั้น แต่ละมุกเจ๋งและครีเอทใช้ได้เลย อย่างกับคนละคนทำกับช่วงต้นเรื่องเมื่อกี๊ และดูเหมือนพบจะพบแล้วว่า ช่วงนี้คือเนื้อเรื่อง ส่วนช่วงแรกนั้นมีไว้แค่ปูเรื่อง ที่ดันเสริมเข้าไปจนล้นผิดที่ผิดทาง
ช่วงท้าย หนังก็ยังคงอยู่บนพล็อตหลักที่แข็งแรงพอใช้ และเดินเรื่องไปโอเค และการพาเข้าดราม่า ก็ยังพอไหว ยิ่งชวนให้โมโหหนักเลยว่า ช่วงแรกพวกคุณทำอะไรกับหนัง ทำไมถึงปล่อยให้มันเป็นไปได้ขนาดนั้น ดีนะที่สิงส่วนหลังจนจบเรื่องมันโอเค ไม่อย่างนั้นหนังเรื่องนี้คงโดนเกรด "ไม่น่าดู" จากผมแน่นอน
หนังเรื่องนี้ บอกเลยครับว่าไม่จำเป็นต้องยาว 113 นาทีแบบนี้ก็ได้ ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นและผิดที่ผิดทางเหล่านั้นออกไปจะดีมาก หนังจะเหลือ 80-100 นาที ก็ไม่เห็นจะมีปัญหา หรือจะยืดบางช่วง เล่าเรื่องให้ละเอียดสักนิดในบางจังหวะ ก็ยังพอไหว แต่ไม่ใช่มีพล็อตสำหรับทำหนัง 80 นาที แล้วเอาอะไรไม่รู้ อีก 30 นาทีมาโปะ ไม่ใช่อยากจะทดลองยัดอะไรเข้ามาก็เอามาใส่นะครับ
ข้อดีของหนัง - หลายคนอาจจะสงสัยว่า ผมบ่นมายาวขนาดนี้ หนังยังมีข้อดีอีกหรือ จริงๆ หนังมีซีนเด็ดๆ หลายฉากเลยครับ ที่ดีไซน์มาได้อย่างดีเยี่ยม พวกฉากผีหลอกทั้งหลาย ฉากย้อนอดีตที่สวยงามและเท่มากๆ โดยเฉพาะงานภาพ ผมว่าทำได้เจ๋งเข้าขั้น และทำได้ถึงทั้งความฮาและน่ากลัว แน่นอนว่าสิ่งดีๆเหล่านี้อยู่ในสองส่วนหลังของหนัง ต้องทนดูส่วนแรกผ่านมาให้ได้โดยไม่ลุกออกไปก่อน
ด้านการแสดง ผมว่า มาร์กี้ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี โดยเฉพาะสองส่วนหลัง แต่ส่วนแรกผมขอโทษความเฮ้งซวยของบท ช่วงแรกของหนังเล่นเอาผมสงสารมาร์กี้เลยล่ะครับว่า ทำไมถึงยอมมาเล่น คนที่น่าทึ่งมากจริงๆในเรื่องนี้คือ โทนี่ รากแก่น ที่เปิดมาผมก็ตะลึงกับคาแรกเตอร์มากๆ เล่นแบบไม่ห่วงหล่อใดๆ พอหวนนึกถึงที่โทนี่เล่นใน "Snap แค่ได้คิดถึง" ที่ทำไว้ดีมากๆ ก็ร็สึกได้เลยว่า โทนี้ช่างกล้าเหลือเกิน แต่ดูๆไป ชักเริ่มสงสัยว่า โทนี้ดูสนุกกับบทนี้มากๆ 555 ส่วนนักแสดงคนอื่นก็ทำได้ดีครับ ไม่ว่าจะเป็น เบลเยี่ยม, ดีเจอาร์ต , แวน Double Tap และ นี่โน่ ส่วน ตั๊ก บริบูรณ์ ก็ยังคงบ้าคลั่งถึงขั้นเช่นเคย
สรุป - เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้ ถ้าชอบหนังผี ชอบความตลก เป็นแฟนคลับนักแสดงในเรื่อง และไม่ใช่คอหนังที่ซีเรียสกับบท หนังมันก็พอได้อยู่ แต่ด้วยการที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องเดียว ไม่ใช่หนังสั้นสามเรื่อง ที่ดันทำออกมาแล้วใช้ได้สองเรื่อง พังเละเทะไปหนึ่งเรื่อง แล้วคนดูจะรับได้เป็นเรื่องๆไป แต่เมื่อมันเป็นเรื่องเดียว ความเสียหายมันมากกว่าเยอะ ไม่รู้ว่าส่วนแรกนั้นเกิดจากใคร หรือร่วมกันทั้งหมด แต่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรดี อย่าทดลองยัดอะไรที่ไม่จำเป็นเข้ามาในหนังที่มีพล็อตเรื่องดีๆอยู่แล้วแบบนี้ครับ อยากให้กลับไปลงทบทวนดูอีกทีครับว่า อะไรที่ไม่ได้อยู่ในพล็อตหลักของเรื่องน่ะ ทำออกมาโดยผ่านกระบวนการคิดไตร่ตรองอย่างดีแล้วหรือยัง?
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังค่อนข้างต่ำ / แย่กว่าที่หวังไว้
เกรดหนัง – ทนดูได้
คะแนนเฉลี่ย 5.5/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
หมายเหตุ - เนื่องด้วยในรอบสื่อมวลชนของหนังเรื่องนี้ มีหนังสั้นปะหัวให้ดูเรื่องนึงครับ ชื่อ "เรื่องสยอง 2 นาที" ที่เป็นหนึ่งในหนังสั้นปะหัวที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมาในหนังไทย เป็นหนังสั้นอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ทำให้ผมขนลุก สะท้าน สยอง ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้คนแสดง เป็นงานคุณภาพคับแก้วของหนังสั้นอนิเมชั่นไทยที่ส่วนตัวผมมองว่านี่มันระดับเดียวกับ Pixar เลยล่ะครับ และผมก็ยังปลื้มปริ่มกับ 2 นาทีอันมีค่านี้ มากกว่า 113 นาทีหลังจากนั้น.....
*****ขอโทษด้วยครับ ลืมใส่ดาวข้างล่าง******
V V V V V V V V V V V V
V V V V V V V V V V
V V V V V V V V
V V V V V V
V V V V
V V
V
[SR] [Mr. Coffee รีวิว 7/2559] มหาลัยเที่ยงคืน (ไม่สปอยล์) : ทนเข้าไว้แล้วจะได้ ฮา สยอง ซึ้ง
สวัสดีครับ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "มหาลัยเที่ยงคืน" ในรอบสื่อมวลชน ขอขอบคุณทาง m๓๙ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
"มหาลัยเที่ยงคืน" หนังไทยเรื่องที่สองของค่าย m๓๙ ในปีนี้ ที่ยังคงเป็นหนังผีอีกเช่นเคย ด้วยอาจมองเผื่อไปถึงการส่งออกหนังไปสู๋ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหนังผีไทยได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี การสร้างหนังผี จึงลดความเสี่ยงจากการขาดทุนไปได้ไม่มากก็น้อย
หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับ 3 คน ได้แก่ กฤษดา คณิวิชาภรณ์ (คีต),ปิยะบุตร อธิสุข (หมู),คณิน กุลสุมิตราวงศ์ (หนึ่ง) สามผู้กำกับรุ่นใหม่จากแวดวงหนังสั้นและซีรี่ส์ของ GTH (!!!) ซึ่งดูจากเครดิตแล้วย่อมไม่ธรรมดา
แต่เมื่อได้ชมหนังตัวอย่างที่ปล่อยออกมา อืม.... ก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ดูไม่ได้ดึงดูดขนาดนั้น เพราะเรื่องราวดูน่ากลัว แต่กลับจะเป็นแนวผีตลก ที่ปัจจุบันแทบจะหาช่องทางเล่นมุกไปต่อได้ยากแสนยาก ก็เพราะหนังผีไทยทำมาจนแทบจะหมดสิ้นทั้งมุกทั้งพล็อต จนการทำหนังผีไทยในยุคนี้ อาจยากกว่าหนังตลก หนังรัก หรือแม้แต่หนังอินดี้ด้วยซ้ำ
ช่วงแรก ประมาณ 30-40 นาทีแรก ช่วงก่อนที่จะเข้าห้องเรียน เป็นความหนักใจครั้งหนึ่งในชีวิตการดูหนังผีไทยของผมเลยครับ เพราะหนังมันการ์ตูนญี่ปุ่น แถมเป็นแนวเกินจริงแบบล้นสุดๆ ดูแล้วก็สงสัยว่าคิดกันอย่างไรถึงได้ปูเรื่องด้วยวิธีการเล่า การถ่ายทำ คาแรกเตอร์แบบนี้ บางช่วงพาให้คิดท้อว่า จะรีวิวลงพันทิบยังไงดีเนี่ย ขอให้คำว่า "เพี้ยนจนเละ" ละกันครับ และดูเหมือนว่าการอดทนจนผ่านช่วงแรกนี้ไปได้ผมก็พบสาเหตุของความเละในครั้งนี้
ก็ช่วงกลาง เมื่อหนังเข้าสู่พล็อตที่ควรจะเป็น จะพบเลยว่า หนังวางเรื่องมาได้น่าสนใจ มีการผูกเรื่องราวที่ดี และมุกเจอผีนั้น แต่ละมุกเจ๋งและครีเอทใช้ได้เลย อย่างกับคนละคนทำกับช่วงต้นเรื่องเมื่อกี๊ และดูเหมือนพบจะพบแล้วว่า ช่วงนี้คือเนื้อเรื่อง ส่วนช่วงแรกนั้นมีไว้แค่ปูเรื่อง ที่ดันเสริมเข้าไปจนล้นผิดที่ผิดทาง
ช่วงท้าย หนังก็ยังคงอยู่บนพล็อตหลักที่แข็งแรงพอใช้ และเดินเรื่องไปโอเค และการพาเข้าดราม่า ก็ยังพอไหว ยิ่งชวนให้โมโหหนักเลยว่า ช่วงแรกพวกคุณทำอะไรกับหนัง ทำไมถึงปล่อยให้มันเป็นไปได้ขนาดนั้น ดีนะที่สิงส่วนหลังจนจบเรื่องมันโอเค ไม่อย่างนั้นหนังเรื่องนี้คงโดนเกรด "ไม่น่าดู" จากผมแน่นอน
หนังเรื่องนี้ บอกเลยครับว่าไม่จำเป็นต้องยาว 113 นาทีแบบนี้ก็ได้ ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นและผิดที่ผิดทางเหล่านั้นออกไปจะดีมาก หนังจะเหลือ 80-100 นาที ก็ไม่เห็นจะมีปัญหา หรือจะยืดบางช่วง เล่าเรื่องให้ละเอียดสักนิดในบางจังหวะ ก็ยังพอไหว แต่ไม่ใช่มีพล็อตสำหรับทำหนัง 80 นาที แล้วเอาอะไรไม่รู้ อีก 30 นาทีมาโปะ ไม่ใช่อยากจะทดลองยัดอะไรเข้ามาก็เอามาใส่นะครับ
ข้อดีของหนัง - หลายคนอาจจะสงสัยว่า ผมบ่นมายาวขนาดนี้ หนังยังมีข้อดีอีกหรือ จริงๆ หนังมีซีนเด็ดๆ หลายฉากเลยครับ ที่ดีไซน์มาได้อย่างดีเยี่ยม พวกฉากผีหลอกทั้งหลาย ฉากย้อนอดีตที่สวยงามและเท่มากๆ โดยเฉพาะงานภาพ ผมว่าทำได้เจ๋งเข้าขั้น และทำได้ถึงทั้งความฮาและน่ากลัว แน่นอนว่าสิ่งดีๆเหล่านี้อยู่ในสองส่วนหลังของหนัง ต้องทนดูส่วนแรกผ่านมาให้ได้โดยไม่ลุกออกไปก่อน
ด้านการแสดง ผมว่า มาร์กี้ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี โดยเฉพาะสองส่วนหลัง แต่ส่วนแรกผมขอโทษความเฮ้งซวยของบท ช่วงแรกของหนังเล่นเอาผมสงสารมาร์กี้เลยล่ะครับว่า ทำไมถึงยอมมาเล่น คนที่น่าทึ่งมากจริงๆในเรื่องนี้คือ โทนี่ รากแก่น ที่เปิดมาผมก็ตะลึงกับคาแรกเตอร์มากๆ เล่นแบบไม่ห่วงหล่อใดๆ พอหวนนึกถึงที่โทนี่เล่นใน "Snap แค่ได้คิดถึง" ที่ทำไว้ดีมากๆ ก็ร็สึกได้เลยว่า โทนี้ช่างกล้าเหลือเกิน แต่ดูๆไป ชักเริ่มสงสัยว่า โทนี้ดูสนุกกับบทนี้มากๆ 555 ส่วนนักแสดงคนอื่นก็ทำได้ดีครับ ไม่ว่าจะเป็น เบลเยี่ยม, ดีเจอาร์ต , แวน Double Tap และ นี่โน่ ส่วน ตั๊ก บริบูรณ์ ก็ยังคงบ้าคลั่งถึงขั้นเช่นเคย
สรุป - เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้ ถ้าชอบหนังผี ชอบความตลก เป็นแฟนคลับนักแสดงในเรื่อง และไม่ใช่คอหนังที่ซีเรียสกับบท หนังมันก็พอได้อยู่ แต่ด้วยการที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องเดียว ไม่ใช่หนังสั้นสามเรื่อง ที่ดันทำออกมาแล้วใช้ได้สองเรื่อง พังเละเทะไปหนึ่งเรื่อง แล้วคนดูจะรับได้เป็นเรื่องๆไป แต่เมื่อมันเป็นเรื่องเดียว ความเสียหายมันมากกว่าเยอะ ไม่รู้ว่าส่วนแรกนั้นเกิดจากใคร หรือร่วมกันทั้งหมด แต่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรดี อย่าทดลองยัดอะไรที่ไม่จำเป็นเข้ามาในหนังที่มีพล็อตเรื่องดีๆอยู่แล้วแบบนี้ครับ อยากให้กลับไปลงทบทวนดูอีกทีครับว่า อะไรที่ไม่ได้อยู่ในพล็อตหลักของเรื่องน่ะ ทำออกมาโดยผ่านกระบวนการคิดไตร่ตรองอย่างดีแล้วหรือยัง?
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังค่อนข้างต่ำ / แย่กว่าที่หวังไว้
เกรดหนัง – ทนดูได้
คะแนนเฉลี่ย 5.5/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
หมายเหตุ - เนื่องด้วยในรอบสื่อมวลชนของหนังเรื่องนี้ มีหนังสั้นปะหัวให้ดูเรื่องนึงครับ ชื่อ "เรื่องสยอง 2 นาที" ที่เป็นหนึ่งในหนังสั้นปะหัวที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมาในหนังไทย เป็นหนังสั้นอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ทำให้ผมขนลุก สะท้าน สยอง ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้คนแสดง เป็นงานคุณภาพคับแก้วของหนังสั้นอนิเมชั่นไทยที่ส่วนตัวผมมองว่านี่มันระดับเดียวกับ Pixar เลยล่ะครับ และผมก็ยังปลื้มปริ่มกับ 2 นาทีอันมีค่านี้ มากกว่า 113 นาทีหลังจากนั้น.....
*****ขอโทษด้วยครับ ลืมใส่ดาวข้างล่าง******
V V V V V V V V V V V V
V V V V V V V V V V
V V V V V V V V
V V V V V V
V V V V
V V
V