อยากจัดงานแต่งแบบไทย ทำได้ ทำง่าย สไตล์คุณ...-3-

ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์การจัดงานแต่งงานแบบไทยๆ สำหรับผู้ที่ต้องงานจัดงานด้วยตนเองนะคะ

(ใกล้จะจบละ...ฮึ๊บๆๆ)

2 เดือน ก่อนวันงาน
                    มาถึงเรื่องของงานออกแบบกันบ้างนะคะ เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้เองคะ อันนี้ไม่จำเป็นต้องจบด้านการออกแบบมาโดยตรงนะคะ เอาแค่ชอบเดินแสวงหาของถูกแบบไม่มีเหนื่อยรู้จักการผสมผสาน MIX & MATCH ก็ได้แล้วคะ สิ่งที่เราทำกันเองโดยไม่ได้จ้างหรือสั่งทำจากร้านใดๆ เลยคะ เราเลือกสิ่งที่เราชอบและสอดคล้องกับธีมงานของเราและงบประมาณที่เราตั้งไว้ ทุกอย่างภายใต้งบประมาณนะคะกำหนดไปเลยคะของชำร่วยต่อชิ้นเท่าไร แขกเรากี่คน ถ้าหาซื้อวัตถุดิบแบบยกโหลได้จะยิ่งถูกลงเยอะเลยคะ ของที่เราทำกันเองนี้ได้แก่ การ์ด, กล่องใส่ซอง, ของชำร่วย, ของรับไหว้ผู้ใหญ่, ป้ายโลโก้สำหรับติดหน้างานและมุมรดน้ำสังข์, ซุ้มถ่ายภาพพร้อมแกลลอรี่, ภาพวาดสำหรับลงนิ้วอวยพร, ป้ายชื่อโต๊ะและลำดับโต๊ะ, ตระกร้าสังฆทาน รวมถึงเตรียมเพลงสำหรับบรรเลงในงานด้วยคะ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ภาพรวมของงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือการกำหนดสีของงานหรือธีมงานนั่นเองคะ งานแต่งงานแบบไทยเราต้องการสีที่ไทยๆ แบบไม่ฉูดฉาดมากแต่ก็มีความเป็นร่วมสมัยนิดหน่อยไม่ได้ไทยโบราณจนเกินไป สีที่เลือกใช้จึงเป็นสีน้ำตาล-ครีม-ทอง คะ เมื่อกำหนดสีและอารมณ์ของงานคร่าวๆ แล้วเราก็มาเริ่มออกแบบงานกันเลยคะ

การ์ดเชิญ :
                   เริ่มกันที่การ์ดก่อนเลยนะคะ เรานำโทนสีหลักซึ่งเป็นสีน้ำตาล-ครีม-ทองมาใช้ในการออกแบบ และเลือกใช้ผ้าลูกไม้สีขาวเข้ามาช่วยให้งานดูหวานขึ้นแต่ก็ยังมีความเป็นไทยอยู่ โดยเราจะออกแบบโลโก้ของงานก่อนคะ และก็จัดวางรายละเอียดกำหนดการวันเวลา รวมถึงแผนที่การเดินทางด้วยคอมพิวเตอร์ก่อน หลังจากนั้นก็เลือกวัสดุที่เราจะนำมาใช้ว่ามีอะไรบ้าง พร้อมคำนวณต้นทุนต่อชิ้นแล้วก็ตระเวนดูราคาของวัสดุนั้นๆ ด้วยงบประมาณที่เรากำหนดไว้ อย่าลืมนะคะ งบประมาณสำคัญมากเด่วจะบานปลายคะ ท่องไว้ๆๆ
เราอยากได้การ์ดที่พิมพ์เองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องไปจ้างโรงพิมพ์เป็นจำนวนมากๆ สามารถพิมพ์เพิ่มได้ตามที่เราต้องการและมีงานประดิษฐ์เข้ามาเกี่ยวข้องเล็กน้อยคะ และอยากใช้วัสดุเดียวกันทั้งหมดจะได้ซื้อของทีเดียวในปริมาณมากๆ เพื่อเป็นการลดต้นทุน เราใช้ผ้าลูกไม้สีขาวสำหรับผูกติดกันกระดาษคราฟสีน้ำตาล และพิมพ์รายละเอียดสีเดียวด้วยฟ้อนท์แบบไทยๆ ซึ่งผ้าลูกไม้นี้เราก็สามารถนำไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วย เช่น พวกป้ายสำหรับห้อยของชำร่วย กล่องใส่ซอง รวมถึงม่านลูกไม้สำหรับเป็นฉากถ่ายรูปหน้างานคะ กระดาษคราฟเราหาซื้อที่ร้านเครื่องเขียน (ร้านสมใจตรงข้ามเพาะช่าง) หรือโรงงานทำกระดาษแบบยกโหลก็ได้นะคะ ขนาด A4 หนาประมาณ 230 แกรม ผ้าลูกไม้ก็ซื้อยกม้วนที่สำเพ็งเลยคะ ส่วนซองนี่ก็ร้าน 555 ซื้อแบบยกกล่องคุ้มมากคะมีหลายสีหลายลายด้วยคะ


กล่องใส่ซอง :
                  กล่องสำหรับใส่ซองจริงๆ บางสถานที่เค้าก็มีให้นะคะ แต่เราอยากให้ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกันคะ และไม่อยากได้กล่องสี่เหลี่ยมทั่วๆ ไปเหมือนตามงานอื่นๆ และด้วยรูปแบบงานที่ไม่มีการตัดเค้กเหมือนงานแต่งงานตามโรงแรม แหม...ก็นี่มันงานไทยนิคะ จะมีเค้กให้ตัดก็ดูขัดหูขัดตาพิลึกเลย แต่เราชอบเค้กนะ เราเลยอยากให้กล่องใส่ซองเป็นรูปทรงของก้อนเค้กขนาดกำลังดี 2 ชั้น ไปเดินดูแถวๆ พาหุรัดสำเพ็งก็มีนะคะแต่ราคาค่อยข้างสูงเลยคะ เป็นพันนะคะถูกหน่อยก็ 700 ก็ยังแพงไปอยู่ดี และที่สำคัญใช้แค่ครั้งเดียวเอง เราก็เลยทำเองดีกว่าไปยืนมองก้อนเค้กอยู่นานกว่าจะได้ลงมือทำ
วัสดุที่จะนำมาใช้ก็เป็นวัสดุเดียวกันกับที่ทำการ์ดเลยคะ คือกระดาษคราฟและผ้าลูกไม้และริบบิ้นคะ กระดาษคราฟก็หาได้จากร้านเครื่องเขียน (สมใจ) เหมือนเดิมคะ แต่คราวนี้เราใช้เป็นกระดาษคราฟแบบเป็นแผ่นใหญ่ๆ หน่อยคะ เอาแกรมหนาๆ เลยนะคะ เพราะว่าชิ้นงานใหญ่ถ้ากระดาษบางไปอาจจะไม่แข็งแรงได้ สร้างแบบทรงกลมจากคอมพิวเตอร์ก่อนเป็นแพทเทิร์น และเอามาทาบกับกระดาษคราฟตัดตามรูปทรงและติดกาวให้เรียบร้อย คาดและตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้และริบบิ้นก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์คะ เราทำ 2 ชิ้นนะคะ เพื่อความสะดวกของแขกที่มาในงานจะได้ไม่แย่งกันหย่อนซองลงกล่องคะ


ของรับไหว้ :
                มาถึงของรับไหว้กันบ้างนะคะ เป็นของที่จะใช้สำหรับมอบให้ผู้ใหญ่เป็นการขอบคุณสำหรับคำอวยพร ทั้งพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพคะ ของส่วนใหญ่ที่เคยเห็นทั่วๆ ไปก็จะเป็นพวกผ้าเช็ดตัว / ผ้านุ่งผ้าไหมผ้าขาวม้า / หรือดีหน่อยก็เป็นชุดเครื่องแก้ว/ชุดถ้วยชาม เป็นต้น
                เราอยากได้ของที่ใช้งานได้ สามารถทำเองได้ดูแพงดูมีราคาหาซื้อไม่ได้เป็นเอกลักษณ์ของเราเองที่สำคัญต้องถูกด้วย และทุกอย่างก็ต้องเข้ากันด้วยในเรื่องสีและวัสดุ เราแบ่งของสำหรับที่จะให้คุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายกับญาติผู้ใหญ่เป็นของสองประเภทคะ ของที่ให้พ่อแม่นั้นเป็นหมอนอิง ปักโลโก้ของงานสีน้ำตาลคาดด้วยลูกไม้ที่เย็บติดเป็นโบว์อย่างสวยงาม ส่วนของสำหรับผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือนั้นเราจะให้เป็นข้าวคะ เพราะต้องทำจำนวนเยอะหน่อย ถ้าจะปักหมอนทั้งหมดนั้นงบบานเป็นแน่แท้ เราสั่งข้าวไรด์เบอร์รี่ชั้นดีมาบรรจุลงในกล่องกระดาษคราฟที่มีหูหิ้วเพื่อง่ายสำหรับขนย้าย แถมยังสามารถถือกลับบ้านได้เลย สะดวกและก็น่ารักแถมราคาไม่แพงมาก ผูกโบว์ด้วยผ้าลูกไม้อีกหน่อยก็ดูไฉไลไปอีกแบบคะ
เราซื้อปลอกหมอนในราคาใบละ 70 บาทที่สวนจตุจักรเป็นปลอกผ้าไหมสีน้ำตาล และไปจ้างร้านปักผ้าที่โบ้เบ้ปักโลโก้ตามแบบที่เราส่งให้จากนั้นราก็นำผ้าลูกไม้มาเย็บเข้ากับตัวหมอนอีกทีพร้อมจับจีบให้สวยงามด้วยริบบิ้นเท่านี้ ก็เสร็จเรียบร้อยคะ


ของชำร่วย :
                   “หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า” เป็นที่มาของของชำร่วยในงานเราคะ ปกติเวลาไปงานแต่งงานของชำร่วยส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ใช้เท่าไรพวกช้อน/ตะเกียบ/พวงกุญแจ..... อะไรๆ ที่เดิมๆ ก็จะไม่ค่อยได้ใช้และอยู่ในถุงแบบนั้นแหละ ก็เลยอยากให้เป็นของกินไปเลยมีความหวานสื่อความหมายได้ เราเลยสั่งน้ำผึ้งเดือนห้าจากเชียงใหม่มาบรรจุขวดและแพคเอง โดยการนำโลโก้ที่เราออกแบบไว้พิมพ์ลงบนกระดาษคราฟตัดเป็นรูปวงกลม เจาะรูตรงกลางสำหรับร้อยด้วยเชือกปอไม่ย้อมสีคะ หลังจากบรรจุน้ำผึ้งลงขวดแก้วใสเรียบร้อยแล้วก็ปิดฝาให้แน่นนะคะ ใช้ผ้าดิบซ้อนกับผ้าลูกไม้เคลุมฝาขวดให้แน่นรัดด้วยเชือกและคล้องแทคขอบคุณแขกเข้าไปด้วย เท่านี้ของชำร่วยเราก็เสร็จเรียบร้อยคะ กิ๊ฟเก๋งามแงะ
                   เราและทีมงานร่วมกันทำอย่างขยันขันแข็งทั้งน้องสาว พ่อแม่ และว่าที่สามี เกณฑ์มาทำให้หมด เราตั้งใจและใส่ใจมากจะได้เป็นของชำร่วยที่หว๊าน หวานยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ทำเสร็จก็ปิดจ๊อบด้วยแฮปปี้ซีฟู๊ดจ้า


ป้ายชื่อโต๊ะ และป้ายบอกตำแหน่งโต๊ะ :
                  เราจัดงานในวันเดียวจบเพราะฉะนั้นหลังจากจบเรื่องพิธีการแล้วเราก็ทำงานเลี้ยงขอบคุณแขกเลยคะ เป็นมื้อกลางวันพอดีเลย เราจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนคะเพื่อสะดวกต่อแขกผู้ใหญ่ด้วยคะ ถ้าเป็นบุฟเฟ่หรือคอกเทลแขกที่มาร่วมงานก็คงไม่สะดวกเท่าไร และด้วยจำนวนแขกที่มีมากมายการจัดลำดับโต๊ะตามกลุ่มเพื่อนๆ ก็จะช่วยให้เรารู้ตำแหน่งของญาติ เพื่อนที่เรียน เพื่อนที่ทำงานกันได้อย่างชัดเจน กรุ๊ปไหนใหญ่หน่อยก็จัดโซนไปในพื้นที่กว้างหน่อย แขกจะได้ไม่อึดอัดและคุ้นเคยกันดีด้วย เราจึงต้องทำป้ายบอกตำแหน่งโต๊ะว่ากลุ่มไหนอยู่โต๊ะไหนกันบ้าง และแต่ละโต๊ะเรียงลำดับยังไง เพื่อแขกจะได้เดินไปที่โต๊ะตามที่เราจัดเตรียมไว้ได้เลยคะ แต่วันงานเพื่อนเจ้าสาวก็จะคอยบอกและคอยดูแลแขกที่มางานอีกทีคะ
                   เมื่อทราบจำนวนโต๊ะทั้งหมดแล้วเราก็แบ่งกลุ่มให้พอเหมาะกับจำนวนโต๊ะคะ พร้อมกับทำป้ายบอกลำดับให้เรียบร้อย เราทำง่ายๆ คะ ปริ้นท์บนกระดาษใส่ในกรอบรูปสวยงามวางไว้หน้างานตรงบริเวณโต๊ะลงทะเบียน
                   ส่วนป้ายลำดับของโต๊ะนั้นจะมีการทำง่ายๆ อีกเช่นกันนะคะ เนื่องด้วยเราอยากให้มีแจกันดอกไม้วางไว้บนโต๊ะจัดเลี้ยงด้วยเราเลยทำลำดับโต๊ะนี้เป็นป้ายแจกันดอกไม้ไปด้วยในตัวคะ โดยการนำน้ำตาลทรายขาวใส่ลงในแก้วพลาสติก ปักด้วยช้อนซ่อมเพื่อใช้สำหรับเสียบป้าย พร้อมประดับด้วยดอกไม้ที่ทำจากกระดาษทิชชูพ่นสีนะคะ งบประมาณไม่สูงมากแต่ก็ออกมาน่ารักดีคะ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ จนครบตามจำนวนแล้วนำไปจัดกันอีกทีที่หน้างานคะ


ภาพหน้างาน :
                    ส่วนใหญ่ภาพที่เห็นบริเวณหน้างานหรือโต๊ะลงทะเบียนนั้นจะเป็นภาพที่มาจากการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งซะส่วนใหญ่คะ แต่เราไม่ได้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งคะเพราะอยากจะประหยัดงบ (อีกละ อิอิ) ซึ่งเราก็ถ่ายรูปกันเองอยู่แล้วเวลาไปเที่ยวไหน เราจึงไม่มีรูปที่ใส่ชุดแต่งงานจากพรีเวดดิ้งคะ และเราอยากให้ภาพนี้เป็นภาพที่สามารถนำกลับมาประดับหรือตกแต่งบ้านเราได้ด้วยคะ
                    เราอยากได้ภาพวาดสีน้ำมันที่เป็นรูปเราสองคนในชุดไทยคะ ครั้นจะวาดเองก็จะไม่ทันกาลต้องทำอีกหลายอย่างแถมไปซื้ออุปกรณ์พวกสีต่างๆ นี่ไม่ถูกนะคะ จ้างเลยคะจบ เราไปเจอพี่คนนี้ในเว็บคะ เพราะว่ารุ่นพี่ที่ศิลปากรไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เราดูผลงานเค้าก็โอเคใช้ได้และราคาอยู่ในงบที่เราวางไว้ ภาพวาดพร้อมใส่กรอบสวยงามคะ


.
.
.

อยากจัดงานแต่งแบบไทย ทำได้ ทำง่าย สไตล์คุณ...-1-    http://ppantip.com/topic/35431649
อยากจัดงานแต่งแบบไทย ทำได้ ทำง่าย สไตล์คุณ...-2-    http://ppantip.com/topic/35431776
อยากจัดงานแต่งแบบไทย ทำได้ ทำง่าย สไตล์คุณ...-3-    http://ppantip.com/topic/35431920
อยากจัดงานแต่งแบบไทย ทำได้ ทำง่าย สไตล์คุณ...-4-    http://ppantip.com/topic/35432252
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่