เรียบร้อยแล้วครับ เป็นไปตามคาด ผู้ตัดสินเกมคู่ระหว่าง ขอนแก่นยูไนเต็ด ที่แพ้ให้กับ อ่างทอง 0-1 สรพงษ์ ไกรเนตร โดนไม้ฟาดกบาลสลบเหมือดระหว่างออกไปทานข้าวหลังจบเกม

        เป็นการประเดิมความรุนแรงของปีนี้หลังจากปีก่อนๆ เคยมีมาหมดแล้วทั้งดักยิงผู้ตัดสิน ขว้างบ้าน ไล่กระทืบ ปีนี้ก็สังหรณ์ละว่าถ้ายังตัดสินอย่างนี้อยู่เดี๋ยวมีแน่
        ผมไม่กล้าใช้คำว่า มาตรฐานเพราะผู้ตัดสินไทยยุคนี้ ไม่มีมาตรฐานให้ใช้คำนี้จริงๆครับ ซึ่งมันดำดิ่งมาก และทุกครั้งที่มีเรื่องราวความรุนแรงเกิดขึ้น ก็มาจากการคาดคะเนของแฟนบอลของทีมข่าวรั่วบ้างว่าจะปกป้องทีมนั้น ทีมนี้ แล้วสุดท้ายการตัดสินมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งเป็นการโหมไฟในใจให้ลุกโพรง
        อย่างที่บอกนะครับว่า ผู้ตัดสินก็เป็นคน ผิดพลาดได้ ยิ่งมีเวลาแค่ไม่กี่วินาที ยังไงก็ต้องพลาด แต่ต้องเป็นการพลาดอย่างไม่มีเจตนา ที่สำคัญต้องมี บรรทัดฐานว่า แบบไหนถูก แบบไหนผิด ตามกติกา
        เอาแค่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มี 2 เคสใหญ่ๆ ทั้งเกมระหว่าง บีอีซี เทโรศาสน กับแบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งกำลังลุ้นแชมป์กับเมืองทอง อยู่ และเขาก็พูดกันมาตลอดว่าได้จุดโทษแบบกังขามาตลอดทุกนัด เกมนี้ตามหลังเทโรฯ อยู่ 1-2 มาได้จุดโทษปัญหาอีกแล้วจากมาริโอ ยูรอฟสกี้
        นั่นยังไม่เท่าไหร่ ในจังหวะที่ รูคัส ของเทโรฯ หลุดเดี่ยว แล้ว กิตติพงษ์ ภูแถวเชือกออกมาคว้าตัวนอกกรอบเขตโทษ มาตรฐานทั่วไปการทำฟาวล์แบบนี้ยังไงก็ต้องใบแดง แต่ได้แค่ใบเหลือง เช่นเดียวกับเกมก่อนหน้านั้นกับ บีบีซียู มานูเอล ทอม กองหลังแบงค็อกคนสุดท้ายไปคว้าเอว จูเลียส ของ บีบีซียู ที่กำลังจะหลุดเดี่ยวก็เป็นแค่ใบเหลือง
        จบเกมขนาด กิตติพงษ์ นายทวารแบงค็อก ยังเดินเข้าไปขอโทษ บุญคง อรรคบุตร โค้ชประตูของบีอีซี เลยว่า "ผมขอโทษพี่ผมนึกว่าจะโดนใบแดงแล้ว" ที่ผ่านมามีแต่นักเตะมั่นใจ เถียงกรรมการว่า ไม่น่าโดนแดง แต่นี่นักเตะเชื่อว่าโดนแดง แต่ผู้ตัดสินไม่ให้
        เหตุการณ์วันเสาร์ ทำให้เกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ วันอาทิตย์ แฟนบอลเลยจับตาว่า น่าจะมีอะไรดีๆ ให้ได้เฮกันในศึกเมืองทอง พบบุรีรัมย์แล้วก็มีจริงๆ ทั้งจังหวะ ดีโอโก้ ต่อยไปทีที่ท้อง คริสตัน โด 3-4 หมัดต่อหน้าผู้ตัดสิน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีโอโก้ คนเดิมเตะ ธีราทร ป้าบๆๆ 3-4 ดอก ผู้ตัดสินไม่เป่าสุดท้ายเจ้าอุ้มนอนถีบเข้าบ้าง โดนใบเหลืองทั้งคู่ หรือเหตุการณ์ที่นักเตะปราสาทสายฟ้า ไล่รวบแข้งเมืองทอง 3-4 คนล้มระเนระนาดแล้วเชิ้ตดำให้เล่นต่อ ล้วนเรียกเสียงโห่ดังลั่นสนาม
        ที่พีกที่สุดก็คือจังหวะจุดโทษ ที่มาของศัพท์ใหม่ "บอดี้เช็ก" ถ้าจังหวะนั้นเป็นจุดโทษแต่ละเกมคงเสียจุดโทษกันเป็นสิบลูก นี่ไงครับที่บอกว่า บรรทัดฐานการตัดสิน กฎ กติกา มันอยู่ตรงไหน อันนี้ไม่ใช่ว่าพลาด ไม่พลาดนะครับ แต่มันไม่มีบรรทัดฐานเป็นตลกที่ขำไม่ออก ไม่มีอะไรต้องอายกันไปแล้ว
        นัดนี้ผมนั่งข้างๆ มร.เบนจามิน ตันประธานฝ่ายคลับไลเซนซิ่ง และ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทยดูไปส่ายหน้าไป ผมหันไปถาม เบนจามิน ตัน เพื่อนรักกันมา 20 กว่าปีตั้งแต่สมัยผมเป็นนักข่าวอยู่เอสลีก สิงคโปร์ เขายังเป็นเจ้าหน้าที่สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ ซึ่งวันนี้สมาคมยุคแฟร์จ้างมาบริหารงาน ว่าคิดยังไงกับเกมนี้
        เขาบอก "แฟร์" นั่นหมายถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ไม่มีข้อผิดพลาด ดีสมบูรณ์แบบ การพิจารณาผู้ตัดสินที่จะออกมาก็คงเป็นรูปเดียวกับครั้งก่อนๆ คือผู้ตัดสินถูกต้องแล้ว
        ผมอยากจะบอกว่า ถ้ามาตรฐานของผู้บริหารสิงคโปร์บอกว่าแฟร์ ก็ไม่แปลกหรอก ที่วันนี้ฟุตบอลเอสลีก สิงคโปร์ คนดูรวมกันทั้งฤดูกาลหมื่นกว่าคน เฉลี่ยนัดละ 300 คน จากเมื่อก่อนเต็มสนาม
        อีกไม่นานไทยลีกก็จะเป็นแบบเอสลีก คือคนดู หลักร้อยคน เพราะ "แฟร์" แบบนี้แหละครับ

ปูเป้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.siamsport.co.th/Column/160726_070.html