สวัสดีค่ะทุกท่าน (ยืมล็อคอินเพื่อนมานะคะ ส่วนตัวแล้ว จขกท.ไม่มีล็อคอินเป้นของตัวเองน่ะค่ะ)
วันนี้มีเรื่องรบกวนปรึกษา เนื่องจากเป็นเรื่องของกฎหมายแรงงาน ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้ อาจพอทราบบ้าง แต่ไม่ค่อยเข้าใจ เข้าเรื่องเลยนะคะ
ดิฉันขอเล่ารายละเอียดก่อน แล้วจะขอสอบถามเป็นเรื่องๆต่อไปค่ะ
ดิฉันเคยทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทที่ขายรถและให้บริการซ่อมรถยนต์ยี่ห้อดัง ดิฉันอยู่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เป็นงานเกี่ยวกับการพูดคุยกับลูกค้า ให้คำปรึกษา รับเรื่องร้องเรียน โทรติดตามหลังการขายและหลังการซ่อม รวมถึงโทรเชิญลูกค้านำรถเข้าเช็คระยะด้วย เป็น call center ด้วย งานทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งดิฉัน ดิฉันสมัครงานด้วยวุฒิปริญญาตรี ประสบการณ์ทำงานจากรัฐวิสาหกิจอีก 4 ปี เต็ม ทำงาน จันทร์-เสาร์ เงินเดือน 9500 บาทค่ะ
เรื่องที่ 1 เงินเดือนได้รับอยู่ที่เดือนละ 9500 บาท ทุกๆเดือนจะโดนหักค่าประกันสังคมประมาณ 500 บาท และหักค่าประกันงานอีกเดือนละ 500 บาทให้ครบ 10000 บาท** รับสุทธิ 8500 บาท/เดือน
ถามค่ะ – เท่าที่เคยทราบมาว่า การเก็บเงินประกันงานจะเก็บก็ต่อเมื่อส่วนรับผิดชอบของงานเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆ หรือสินค้าต่างๆที่เกิดความเสียหายง่าย ใช่หรือไม่คะ ? เพราะงานของดิฉันที่รับผิดชอบ ไม่เกี่ยวกับเงินเลย โทรคุยกับลุกค้าอย่างเดียว ไม่ได้จับต้องสินค้าในบริษัทด้วย
เรื่องที่ 2 ชุดฟอร์มบริษัท เริ่มแรกการเข้าทำงานต้องใส่เสื้อฝึกงานของบริษัท ซึ่งต้องซื้อ เพราะทางบริษัทไม่ได้แจกฟรี ก็ซื้อตัวละ 150 บาท หลังจากผ่านการทดลองงาน 3 เดือน ก็ได้รับเงินเดือนเท่าเดิม และได้รับผ้าสำหรับตัดชุดฟอร์มบริษัท บริษัทให้ผ้าฟรีค่ะ แต่ให้เราไปตัดเองตามแบบที่บริษัทกำหนดให้ ทั้งหมด 3 ชุด ใช้เงินประมาณ 3000 บาท(เป็นเงินตัวเองทั้งหมดนะคะ)** แล้วก็ในแต่ละวันจะต้องใส่ชุดตามวันที่บริษัทกำหนดซึ่งเป็นเสื้อของบริษัท แต่บริษัทไม่ได้แจก บริษัทให้ซื้ออีก 2 ตัว ตัวละ 370 กับ 290 บาท
ถามค่ะ – ตอนสมัครงานได้อ่านรายละเอียดแล้ว มีหัวข้อที่ว่า สวัสดิการให้ชุดฟอร์มบริษัทฟรี แต่ที่นี่ใส่ 6 ชุด 6 วัน ตัดเอง และซื้อของบริษัทเองหมด แบบนี้ทางบริษัทผิดเงื่อนไขตามที่แจ้งไว้ในใบสมัครงานหรือไม่คะ ?
เรื่องที่ 3 เวลาการทำงาน ที่นี่จะทำงานวันจันทร์-เสาร์ หยุดวันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่หยุด อันนี้เข้าใจ เพราะไม่ใช่หน่วยงานรัฐ ใน 1ปี จะได้หยุดเทศกาลใหญ่แค่ 2 ช่วง คือ วันสงกรานต์ และปีใหม่ และวันหยุดแรงงานแค่นั้น แต่วันหยุดที่เกี่ยวกับประเพณีไทยใหญ่ๆ เช่น วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันวิสาขบูชา วันออกพรรษา ไม่หยุดให้ ซึ่งคนในบริษัทเล่ากันว่าทางเจ้าของบริษัทเป็นคนเชื้อสายจีนจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเพณีไทยมากนัก แต่จะหยุดวันตรุษจีนให้เพราะเค้าเป็นคนจีน ข้อนี้ไม่มีคำถามเป็นการเล่าสู่กันฟังค่ะ
เรื่องที่ 4 ในส่วนของการลางานนั้น กฎบริษัทตั้งไว้ว่าต้องเขียนใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน แต่กฏของแผนกดิฉัน ผจก.ตั้งไว้เองว่า ห้ามลากิจ ถ้าจะลากิจ ให้เขียนเป็นลาป่วย และไปหาใบรับรองแพทย์มาแทน จะป่วยหรือไม่ ก็ต้องหาใบรับรองแพทย์มา เพราะถ้าลากิจจะโดนทางบริษัทหักคะแนนในส่วนของแผนก และทาง ผจก.แผนกก็จะไม่เซ็นใบลาให้ลูกน้อง ลูกน้องก็จะโดนทางบุคคลหักค่าลากิจเป็นค่าแรงขั้นต่ำไป และโดนหักคะแนนด้วย พูดหยาบๆคือ ทาง ผจก.แผนก จะทำทุกทางไม่ให้แผนกโดนหักคะแนนเพราะไม่อยากให้คะแนนต่ำกว่าแผนกอื่น พูดง่ายๆอีกทีคือ ในทุกๆแผนกในบริษัทนี้ต้องทำงานแข่งกัน เพื่อเอาคะแนนจากฝ่ายบุคคล ซึ่งจะมีผลต่อการประเมิณงานตัว ผจก. คะแนนก็เอาไปเฉลี่ยเป็นเกรด เกรดสูงก็มีโอกาสในการขึ้นเงินเดือน โบนัส และการเลื่อนตำแหน่ง ในส่วนนี้ดิฉันพอเข้าใจอยู่บ้าง แต่ดิฉันก็กล้ายอมรับว่าทางแผนกดิฉันนั้นทำเกินไป เพราะ ผจก.ทำทุกทาง รวมถึงการ โกง!!! โกงแผนกอื่น เอาเปรียบ ไม่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้แผนกอื่นหมั่นไส้แผนกเรา และไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย ดีหน่อยที่ดิฉันได้ประจำสาขา ไม่ใช่สำนักงานใหญ่ จึงไม่โดนเขม่นเท่าไหร่ เพราะดิฉันไมได้ทำตามที่ ผจก.สั่งทุกอย่าง ดิฉันก็ทำตามที่ควรจะเป็น ช่วยงานกันตามความเป็นจริง ขนาดช่วยงานแผนกอื่น ต้องหลบๆซ่อนๆไม่ให้ ผจก.รู้ ไม่งั้นก็จะโดนเล่นงานแทน
หากใครป่วยจริง ป่วยกะทันหัน หลังจากที่หยุดงานไปนั้น เช้าวันมาทำงาน พนง.ต้องรีบเขียนใบลาไปส่ง หากลืมส่งหรือมีเหตุผลอื่นที่ไม่ได้ส่งภายในวันนั้น ก็คือต้องโดนหักเงินไปเลย ส่งย้อนหลังไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ซึ่งทุกวันนี้ พนง.ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมต้องโหดอะไรเช่นนั้น และในการลางานกฎของบริษัทนี้คือ ห้ามลาติดกับวันหยุด เช่น เสาร์-อาทิตย์ อาทิตย์-จันทร์ หรือติดกับวันหยุดของบริษัท ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ พนง.อยากรู้คำตอบ ว่าทำไมจึงลาติดวันหยุดไม่ได้ หากใครมีธุระต้องไปไกล ไป ตจว. ถ้าไม่ลาติดวันหยุด แล้วจะต้องทำอย่างไร หยุดวันเดียวจะไปไหนได้ ว่าด้วยเรื่องของลาพักร้อนก็เช่นกัน ทำงานครึ่งปีแรกจะได้วันหยุดพักร้อนครึ่งวัน... ครึ่งวัน จริงๆนะคะ ไม่ได้พิมพ์ผิด แล้วปีต่อๆไปจึงจะค่อยๆเพิ่ม แล้วการลาพักร้อนของที่นี่เนี่ย ในใบลาจะต้องเขียนเหตุผลที่ชัดเจน ว่าไปทำอะไร ที่ไหน และต้องลากับ ผจก.ด้วยวาจาอีกครั้ง ต้องชี้แจงให้ฟังว่า ลาพักร้อนเพื่อไปทำอะไร ที่ไหน แต่เท่าที่ผ่านมาเท่าที่ดิฉันเคยเข้าใจ (ไม่รู้ว่าเข้าใจมาผิดรึป่าว) การลาพักร้อนมันเป็นสิทธิ์ของเราที่ได้รับมาแล้วจากบริษัท เราจะลาไปไหน ทำอะไร กับใคร หรือลาแค่นอนพักอยู่บ้านเฉยๆก็ได้ไม่ใช่หรือ ในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของเรา แต่ที่นี่คือ ถ้าเหตุผลไม่น่าจำเป็น เค้าก็ไม่อนุญาตให้ลาพักร้อน
เรื่องที่ 5 การทำงานในวันหยุด บางครั้งบริษัทจะมีการจัดงาน Event ต่างๆ งานกิจกรรม งานออกบูธ เค้าก็จะเกณฑ์ พนง.ไปทำงาน เช่น ต้อนรับแขก ลงทะเบียน แจกของที่ระลึก กลุ่ม พนง.ช่างก็เอาไปโบกรถในส่วนของที่จอดรถ เก็บของ ยกโต๊ะ นู่นนี่นั่น คือ ทุกครั้งก็ไม่ใช่แผนกของตน แต่ต้องไปถ้าฝ่ายบุคคลระบุมาว่า จะเอาคนจากแผนกไหนบ้าง และเอาจำนวนเท่าไหร่ ผจก.ของแผนกก็จะจัดสรรคนไปทำงานในส่วนนั้น และที่สำคัญ... ผจก.แผนกดิฉันไม่เคยถามความสมัครใจ ไม่เคยถามว่าว่างรึป่าว ไม่เคยถามว่าติดอะไรมั้ย ไปได้มั้ย เดินทางสะดวกมั้ย ที่ดิฉันพูดแบบนี้ เพราะมันเป็นการทำงานในวันหยุด เช่น วันอาทิตย์ วันหยุดบริษัทต่างๆ เหตุผลที่บริษัทใช้วันหยุดในการจัดงาน ก็เพราะไม่อยากปิดศูนย์บริการหรือเสียคนทำงานไป เพราะจะทำให้เสียรายได้ในส่วนนี้ ทุกครั้งที่จัดงาน ทางบริษัทจึงเลือกที่จะใช้เป็นวันหยุดแทน จะได้ไม่เสียรายได้จากการปิดศูนย์ ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ...
1.แทบทุกงาน พนง.ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง(คือไปฟรี)
2.มีอาหารกล่องเลี้ยงบ้าง(แต่ไม่ทุกครั้ง ซึ่งหมายความบ้าง บางงาน พนง.ต้องใช้เงินตัวเองซื้อข้าวกิน)
3.การเดินทางไม่มีรถบริษัทรับส่งค่ะ ทั้งที่เป็นบริษัทขายรถ มีรถเยอะแยะมากมาย แต่ไม่อำนวยให้ พนง.เลย พนง.ต้องหารถไปเอง จะใกล้จะไกลก็ต้องไปเอง หากมีรถส่วนตัวก็เติมน้ำมันเอง เบิกบริษัทไม่ได้ หากไม่มีรถก็ รถประจำทางตามอรรถภาพ
**มีอยู่ครั้งหนึ่งจัดงานเปิดตัวรถและทดลองขับที่ห้างสรรพสินค้า จัดวันอาทิตย์ตั้งแต่ 9.00 – 20.00 น. ดิฉันก็โดนสั่งให้ไปทำงานนี้โดยที่ไม่ถามว่าว่างรึป่าวทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ แต่ปฎิเสธไม่ได้ ด้วยคำพูดอะไรหลายๆอย่างของ ผจก.สุดท้ายก็ต้องไป ทำงานกันตั้งแต่ 8.30 – 20.30 จึงได้กลับบ้าน ผ่านไป 2 เดือนจึงได้รับเบี้ยเลี้ยงในการทำงานนั้น ตอนแรกก็นั่งเดากันว่า อย่างน้อยๆก็ต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำ 1วันซิ 300+ แน่ๆ หรืออย่างถูกต้องเลยน่าจะต้องได้ 2 แรงด้วยซ้ำเพราะเป็นวันหยุด แต่สรุปคือได้รับคนละ 150 บาท ค่าเดินทางไม่มี ค่าอาหารไม่มี ได้ข้าวกล่องตอนกลางวันกล่องเดียว ส่วนคนที่โดนงานวันเสาร์คือ 8.00-17.00 น. ทำงานปกติ เสร็จก็มาทำงานอีเว้นต่อถึง 20.30 น. ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยง 100 บาท เพื่อนดิฉันประจำอยู่อีกสาขาหนึ่งที่ไกลพอสมควร ต้องขับรถมาเองแต่เบิกน้ำมันไม่ได้ แล้ว ช่วงเย็น ตจว.ก็ไม่มีรถประจำทางมากนัก ในเมื่อเลือกไม่ได้ ปฎิเสธไม่ได้ ก็ต้องมา 2 เดือนเมื่อได้รับเบี้ยงเลี้ยคนละ 150 บาท พนง.ก็ก่นด่ากันทุกคน บอกตามตรงว่าดิฉันหวังเหลือเกินให้มีกลุ่มประท้วงนี้บ้าง จะร่วมด้วยความเต็มใจ แต่ก็ได้แค่บ่นกัน ไม่มีใครกล้าประท้วง สุดท้ายก็เงียบไป ก็มาห้ำหั่นกันกับงานอื่นอีก
ถามค่ะ – กรณีทำงานวันหยุด แต่ได้รับเบี้ยเลี้ยงไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำ แบบนี้บริษัทผิดหรือไม่คะ ? และอย่างที่ดิฉันเข้าใจว่าควรจะได้ค่าแรง 2 เท่าด้วยซ้ำนี่ ดิฉันเข้าใจถูกหรือไม่คะ ?
เรื่องที่ 6 ว่าด้วยเรื่องค่าเดินทางไปอบรม ทุกๆปีบริษัทจะต้องส่ง พนง.ไปอบรมตามคอร์สต่างๆตามที่ บริษัทเครือใหญ่จะจัดขึ้นมา นี่ก็เช่นกัน คนท้องก็ต้องไป ป่วยก็ต้องไป ไม่สะดวกก็ต้องไป แม่ลูกอ่อนเพิ่งคลอดก็ต้องไป คือปฎิเสธไม่ได้ เหตุการณ์ที่ว่ามานี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ดิฉันไม่ได้พูดเกินจริง ไปไม่ใช่ใกล้ๆไป ตจว.คนละภาคเลยล่ะ แน่นอน ไปเอง แต่ดีหน่อยให้ค่าเดินทาง 400 บาท จะกี่วันก็ 400 จะไกลแค่ไหนก็ให้แค่ 400 จะไปรถอะไร ต่อรถกี่คันก็ได้แค่ 400 หากว่าค่ารถแพงกว่านั้นก็ต้องควักเงินตัวเองจ่ายค่ะ แต่ก็คิดเอาเถ่อะสมัยนี้เดินทางข้ามหลายจังหวัดไปกลับ 400 มันไม่มีทางพอหรอกค่ะ และก็เป็นมาหลายสิบปีแล้ว แต่ที่พักฟรีเพราะเป็นห้องพักในศูนย์อบรม แต่ต้องซื้ออาหารกินเองทั้ง 3 มื้อ ถ้าคอร์สไหนในกำหนดการมีระบุว่าเลี้ยงข้าวก็จะไม่ได้เบี้ยเลี้ยงค่าอาหาร ถ้าคอร์สไหนไม่เลี้ยงข้าวทางบริษัทจะให้ค่าอาหารวันละ 50 บาท วันละ 50 บาท ซื้อกิน 3 มื้อ นะคะ ยุคไหนเนี่ยให้วันละ 50 บาท สุดท้ายก็ต้องควักเงินตัวเอง กลับมาหากผ่านการอบรม เงินค่าระดับจากการผ่านอบรมก็คือขึ้นให้นะคะ แต่...ให้หลังจากนี้อีก 1 ปี ถ้าเป็นที่อื่น เดือนถัดไปก็ขึ้นให้เลย แต่ที่นี่ไม่ขึ้นค่ะ รออีก 1 ปี ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะกดอะไรนักหนา
ถามค่ะ – ไม่แน่ใจว่าเรื่องค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยงต่างๆ มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานมั้ยคะ เพราะดิฉันรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ เพราะทางบริษัทบังคับให้ไป แต่ค่าใช้จ่ายจำเป็นส่วนใหญ่เป็นเงินตัวเอง
เรื่องที่ 7 อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน กระดาษ กรรไกร ทุกอย่างเบิกได้ แต่...จะเอายอดราคาของที่เบิกทั้งปี ไปเฉลี่ยคิดเป็น % แล้วหักออกจากโบนัสประจำปีที่ พนง.จะได้รับ พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ ที่เบิกของมาใช้กันเนี่ยไม่ได้ใช่ฟรีนะคะ เหมือนเราซื้อใช้ แต่ยังไม่จ่ายตัง ต้องจ่ายค่าอุปกรณ์สำนักงานคืนให้บริษัทช่วงปลายปีโดยหักจากโบนัส หึหึ ตลกมั้ยล่ะค่ะ บางกลุ่ม รวมถึงดิฉันด้วยจึงไม่เบิกอุปกรณ์มาใช้เลย เบิกอย่างเดียวคือกระดาษ A4 นอกนั้นหาซื้อถูกๆมาใช้ค่ะ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เป็นภาระของโบนัสปลายปี
สารพัดสิ่งที่เจอมานี่แค่ทำงานปีเดียวนะคะ แต่เหมือนทำมา 10 ปีเลย เจออะไรเยอะมาก คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า บริษัทใหญ่โต หรูหรา มีชื่อเสียง รถยนต์ยี่ห้อดัง พูดไปใครก็รู้จัก แต่ดิฉันจะไม่พาดพิงถึงแบรนด์ เพราะดีลเลอร์อื่นนั้นเขาก็อยู่ดีมีสุข สวัสดิการปกติ ที่รู้เพราะไปอบรมรวมกับดีลเลอร์อื่น เจอเพื่อนเยอะแยะก็เล่าสู่กันฟัง จนได้รู้ว่า ที่เราทำอยู่เนี่ย นรกแท้ๆ และเป็นที่ตัวเจ้าของดีลเลอร์ เป็นที่ระบบภายใน จึงเป็นสาเหตุที่ไม่ขอกล่าวถึงว่าเป็นบริษัทขายรถยี่ห้อใด ที่สำคัญปัญหาหลายๆอย่างมันเกิดจากตัว ผจก.แผนกดิฉันเอง พูด 10 ปียั้นลูกบวชก็พูดไม่หมด เห้อออออ
ยังไม่หมด แต่จำนวนข้อความเกิน 10000 แล้ว เดี๋ยวขออนุญาตต่อในคอมเม้นนะคะ
มนุษย์เงินเดือน ผู้ถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง ขอคำปรึกษาค่ะ
วันนี้มีเรื่องรบกวนปรึกษา เนื่องจากเป็นเรื่องของกฎหมายแรงงาน ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้ อาจพอทราบบ้าง แต่ไม่ค่อยเข้าใจ เข้าเรื่องเลยนะคะ
ดิฉันขอเล่ารายละเอียดก่อน แล้วจะขอสอบถามเป็นเรื่องๆต่อไปค่ะ
ดิฉันเคยทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทที่ขายรถและให้บริการซ่อมรถยนต์ยี่ห้อดัง ดิฉันอยู่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เป็นงานเกี่ยวกับการพูดคุยกับลูกค้า ให้คำปรึกษา รับเรื่องร้องเรียน โทรติดตามหลังการขายและหลังการซ่อม รวมถึงโทรเชิญลูกค้านำรถเข้าเช็คระยะด้วย เป็น call center ด้วย งานทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งดิฉัน ดิฉันสมัครงานด้วยวุฒิปริญญาตรี ประสบการณ์ทำงานจากรัฐวิสาหกิจอีก 4 ปี เต็ม ทำงาน จันทร์-เสาร์ เงินเดือน 9500 บาทค่ะ
เรื่องที่ 1 เงินเดือนได้รับอยู่ที่เดือนละ 9500 บาท ทุกๆเดือนจะโดนหักค่าประกันสังคมประมาณ 500 บาท และหักค่าประกันงานอีกเดือนละ 500 บาทให้ครบ 10000 บาท** รับสุทธิ 8500 บาท/เดือน
ถามค่ะ – เท่าที่เคยทราบมาว่า การเก็บเงินประกันงานจะเก็บก็ต่อเมื่อส่วนรับผิดชอบของงานเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆ หรือสินค้าต่างๆที่เกิดความเสียหายง่าย ใช่หรือไม่คะ ? เพราะงานของดิฉันที่รับผิดชอบ ไม่เกี่ยวกับเงินเลย โทรคุยกับลุกค้าอย่างเดียว ไม่ได้จับต้องสินค้าในบริษัทด้วย
เรื่องที่ 2 ชุดฟอร์มบริษัท เริ่มแรกการเข้าทำงานต้องใส่เสื้อฝึกงานของบริษัท ซึ่งต้องซื้อ เพราะทางบริษัทไม่ได้แจกฟรี ก็ซื้อตัวละ 150 บาท หลังจากผ่านการทดลองงาน 3 เดือน ก็ได้รับเงินเดือนเท่าเดิม และได้รับผ้าสำหรับตัดชุดฟอร์มบริษัท บริษัทให้ผ้าฟรีค่ะ แต่ให้เราไปตัดเองตามแบบที่บริษัทกำหนดให้ ทั้งหมด 3 ชุด ใช้เงินประมาณ 3000 บาท(เป็นเงินตัวเองทั้งหมดนะคะ)** แล้วก็ในแต่ละวันจะต้องใส่ชุดตามวันที่บริษัทกำหนดซึ่งเป็นเสื้อของบริษัท แต่บริษัทไม่ได้แจก บริษัทให้ซื้ออีก 2 ตัว ตัวละ 370 กับ 290 บาท
ถามค่ะ – ตอนสมัครงานได้อ่านรายละเอียดแล้ว มีหัวข้อที่ว่า สวัสดิการให้ชุดฟอร์มบริษัทฟรี แต่ที่นี่ใส่ 6 ชุด 6 วัน ตัดเอง และซื้อของบริษัทเองหมด แบบนี้ทางบริษัทผิดเงื่อนไขตามที่แจ้งไว้ในใบสมัครงานหรือไม่คะ ?
เรื่องที่ 3 เวลาการทำงาน ที่นี่จะทำงานวันจันทร์-เสาร์ หยุดวันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่หยุด อันนี้เข้าใจ เพราะไม่ใช่หน่วยงานรัฐ ใน 1ปี จะได้หยุดเทศกาลใหญ่แค่ 2 ช่วง คือ วันสงกรานต์ และปีใหม่ และวันหยุดแรงงานแค่นั้น แต่วันหยุดที่เกี่ยวกับประเพณีไทยใหญ่ๆ เช่น วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันวิสาขบูชา วันออกพรรษา ไม่หยุดให้ ซึ่งคนในบริษัทเล่ากันว่าทางเจ้าของบริษัทเป็นคนเชื้อสายจีนจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเพณีไทยมากนัก แต่จะหยุดวันตรุษจีนให้เพราะเค้าเป็นคนจีน ข้อนี้ไม่มีคำถามเป็นการเล่าสู่กันฟังค่ะ
เรื่องที่ 4 ในส่วนของการลางานนั้น กฎบริษัทตั้งไว้ว่าต้องเขียนใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน แต่กฏของแผนกดิฉัน ผจก.ตั้งไว้เองว่า ห้ามลากิจ ถ้าจะลากิจ ให้เขียนเป็นลาป่วย และไปหาใบรับรองแพทย์มาแทน จะป่วยหรือไม่ ก็ต้องหาใบรับรองแพทย์มา เพราะถ้าลากิจจะโดนทางบริษัทหักคะแนนในส่วนของแผนก และทาง ผจก.แผนกก็จะไม่เซ็นใบลาให้ลูกน้อง ลูกน้องก็จะโดนทางบุคคลหักค่าลากิจเป็นค่าแรงขั้นต่ำไป และโดนหักคะแนนด้วย พูดหยาบๆคือ ทาง ผจก.แผนก จะทำทุกทางไม่ให้แผนกโดนหักคะแนนเพราะไม่อยากให้คะแนนต่ำกว่าแผนกอื่น พูดง่ายๆอีกทีคือ ในทุกๆแผนกในบริษัทนี้ต้องทำงานแข่งกัน เพื่อเอาคะแนนจากฝ่ายบุคคล ซึ่งจะมีผลต่อการประเมิณงานตัว ผจก. คะแนนก็เอาไปเฉลี่ยเป็นเกรด เกรดสูงก็มีโอกาสในการขึ้นเงินเดือน โบนัส และการเลื่อนตำแหน่ง ในส่วนนี้ดิฉันพอเข้าใจอยู่บ้าง แต่ดิฉันก็กล้ายอมรับว่าทางแผนกดิฉันนั้นทำเกินไป เพราะ ผจก.ทำทุกทาง รวมถึงการ โกง!!! โกงแผนกอื่น เอาเปรียบ ไม่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้แผนกอื่นหมั่นไส้แผนกเรา และไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย ดีหน่อยที่ดิฉันได้ประจำสาขา ไม่ใช่สำนักงานใหญ่ จึงไม่โดนเขม่นเท่าไหร่ เพราะดิฉันไมได้ทำตามที่ ผจก.สั่งทุกอย่าง ดิฉันก็ทำตามที่ควรจะเป็น ช่วยงานกันตามความเป็นจริง ขนาดช่วยงานแผนกอื่น ต้องหลบๆซ่อนๆไม่ให้ ผจก.รู้ ไม่งั้นก็จะโดนเล่นงานแทน
หากใครป่วยจริง ป่วยกะทันหัน หลังจากที่หยุดงานไปนั้น เช้าวันมาทำงาน พนง.ต้องรีบเขียนใบลาไปส่ง หากลืมส่งหรือมีเหตุผลอื่นที่ไม่ได้ส่งภายในวันนั้น ก็คือต้องโดนหักเงินไปเลย ส่งย้อนหลังไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ซึ่งทุกวันนี้ พนง.ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมต้องโหดอะไรเช่นนั้น และในการลางานกฎของบริษัทนี้คือ ห้ามลาติดกับวันหยุด เช่น เสาร์-อาทิตย์ อาทิตย์-จันทร์ หรือติดกับวันหยุดของบริษัท ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ พนง.อยากรู้คำตอบ ว่าทำไมจึงลาติดวันหยุดไม่ได้ หากใครมีธุระต้องไปไกล ไป ตจว. ถ้าไม่ลาติดวันหยุด แล้วจะต้องทำอย่างไร หยุดวันเดียวจะไปไหนได้ ว่าด้วยเรื่องของลาพักร้อนก็เช่นกัน ทำงานครึ่งปีแรกจะได้วันหยุดพักร้อนครึ่งวัน... ครึ่งวัน จริงๆนะคะ ไม่ได้พิมพ์ผิด แล้วปีต่อๆไปจึงจะค่อยๆเพิ่ม แล้วการลาพักร้อนของที่นี่เนี่ย ในใบลาจะต้องเขียนเหตุผลที่ชัดเจน ว่าไปทำอะไร ที่ไหน และต้องลากับ ผจก.ด้วยวาจาอีกครั้ง ต้องชี้แจงให้ฟังว่า ลาพักร้อนเพื่อไปทำอะไร ที่ไหน แต่เท่าที่ผ่านมาเท่าที่ดิฉันเคยเข้าใจ (ไม่รู้ว่าเข้าใจมาผิดรึป่าว) การลาพักร้อนมันเป็นสิทธิ์ของเราที่ได้รับมาแล้วจากบริษัท เราจะลาไปไหน ทำอะไร กับใคร หรือลาแค่นอนพักอยู่บ้านเฉยๆก็ได้ไม่ใช่หรือ ในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของเรา แต่ที่นี่คือ ถ้าเหตุผลไม่น่าจำเป็น เค้าก็ไม่อนุญาตให้ลาพักร้อน
เรื่องที่ 5 การทำงานในวันหยุด บางครั้งบริษัทจะมีการจัดงาน Event ต่างๆ งานกิจกรรม งานออกบูธ เค้าก็จะเกณฑ์ พนง.ไปทำงาน เช่น ต้อนรับแขก ลงทะเบียน แจกของที่ระลึก กลุ่ม พนง.ช่างก็เอาไปโบกรถในส่วนของที่จอดรถ เก็บของ ยกโต๊ะ นู่นนี่นั่น คือ ทุกครั้งก็ไม่ใช่แผนกของตน แต่ต้องไปถ้าฝ่ายบุคคลระบุมาว่า จะเอาคนจากแผนกไหนบ้าง และเอาจำนวนเท่าไหร่ ผจก.ของแผนกก็จะจัดสรรคนไปทำงานในส่วนนั้น และที่สำคัญ... ผจก.แผนกดิฉันไม่เคยถามความสมัครใจ ไม่เคยถามว่าว่างรึป่าว ไม่เคยถามว่าติดอะไรมั้ย ไปได้มั้ย เดินทางสะดวกมั้ย ที่ดิฉันพูดแบบนี้ เพราะมันเป็นการทำงานในวันหยุด เช่น วันอาทิตย์ วันหยุดบริษัทต่างๆ เหตุผลที่บริษัทใช้วันหยุดในการจัดงาน ก็เพราะไม่อยากปิดศูนย์บริการหรือเสียคนทำงานไป เพราะจะทำให้เสียรายได้ในส่วนนี้ ทุกครั้งที่จัดงาน ทางบริษัทจึงเลือกที่จะใช้เป็นวันหยุดแทน จะได้ไม่เสียรายได้จากการปิดศูนย์ ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ...
1.แทบทุกงาน พนง.ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง(คือไปฟรี)
2.มีอาหารกล่องเลี้ยงบ้าง(แต่ไม่ทุกครั้ง ซึ่งหมายความบ้าง บางงาน พนง.ต้องใช้เงินตัวเองซื้อข้าวกิน)
3.การเดินทางไม่มีรถบริษัทรับส่งค่ะ ทั้งที่เป็นบริษัทขายรถ มีรถเยอะแยะมากมาย แต่ไม่อำนวยให้ พนง.เลย พนง.ต้องหารถไปเอง จะใกล้จะไกลก็ต้องไปเอง หากมีรถส่วนตัวก็เติมน้ำมันเอง เบิกบริษัทไม่ได้ หากไม่มีรถก็ รถประจำทางตามอรรถภาพ
**มีอยู่ครั้งหนึ่งจัดงานเปิดตัวรถและทดลองขับที่ห้างสรรพสินค้า จัดวันอาทิตย์ตั้งแต่ 9.00 – 20.00 น. ดิฉันก็โดนสั่งให้ไปทำงานนี้โดยที่ไม่ถามว่าว่างรึป่าวทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ แต่ปฎิเสธไม่ได้ ด้วยคำพูดอะไรหลายๆอย่างของ ผจก.สุดท้ายก็ต้องไป ทำงานกันตั้งแต่ 8.30 – 20.30 จึงได้กลับบ้าน ผ่านไป 2 เดือนจึงได้รับเบี้ยเลี้ยงในการทำงานนั้น ตอนแรกก็นั่งเดากันว่า อย่างน้อยๆก็ต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำ 1วันซิ 300+ แน่ๆ หรืออย่างถูกต้องเลยน่าจะต้องได้ 2 แรงด้วยซ้ำเพราะเป็นวันหยุด แต่สรุปคือได้รับคนละ 150 บาท ค่าเดินทางไม่มี ค่าอาหารไม่มี ได้ข้าวกล่องตอนกลางวันกล่องเดียว ส่วนคนที่โดนงานวันเสาร์คือ 8.00-17.00 น. ทำงานปกติ เสร็จก็มาทำงานอีเว้นต่อถึง 20.30 น. ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยง 100 บาท เพื่อนดิฉันประจำอยู่อีกสาขาหนึ่งที่ไกลพอสมควร ต้องขับรถมาเองแต่เบิกน้ำมันไม่ได้ แล้ว ช่วงเย็น ตจว.ก็ไม่มีรถประจำทางมากนัก ในเมื่อเลือกไม่ได้ ปฎิเสธไม่ได้ ก็ต้องมา 2 เดือนเมื่อได้รับเบี้ยงเลี้ยคนละ 150 บาท พนง.ก็ก่นด่ากันทุกคน บอกตามตรงว่าดิฉันหวังเหลือเกินให้มีกลุ่มประท้วงนี้บ้าง จะร่วมด้วยความเต็มใจ แต่ก็ได้แค่บ่นกัน ไม่มีใครกล้าประท้วง สุดท้ายก็เงียบไป ก็มาห้ำหั่นกันกับงานอื่นอีก
ถามค่ะ – กรณีทำงานวันหยุด แต่ได้รับเบี้ยเลี้ยงไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำ แบบนี้บริษัทผิดหรือไม่คะ ? และอย่างที่ดิฉันเข้าใจว่าควรจะได้ค่าแรง 2 เท่าด้วยซ้ำนี่ ดิฉันเข้าใจถูกหรือไม่คะ ?
เรื่องที่ 6 ว่าด้วยเรื่องค่าเดินทางไปอบรม ทุกๆปีบริษัทจะต้องส่ง พนง.ไปอบรมตามคอร์สต่างๆตามที่ บริษัทเครือใหญ่จะจัดขึ้นมา นี่ก็เช่นกัน คนท้องก็ต้องไป ป่วยก็ต้องไป ไม่สะดวกก็ต้องไป แม่ลูกอ่อนเพิ่งคลอดก็ต้องไป คือปฎิเสธไม่ได้ เหตุการณ์ที่ว่ามานี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ดิฉันไม่ได้พูดเกินจริง ไปไม่ใช่ใกล้ๆไป ตจว.คนละภาคเลยล่ะ แน่นอน ไปเอง แต่ดีหน่อยให้ค่าเดินทาง 400 บาท จะกี่วันก็ 400 จะไกลแค่ไหนก็ให้แค่ 400 จะไปรถอะไร ต่อรถกี่คันก็ได้แค่ 400 หากว่าค่ารถแพงกว่านั้นก็ต้องควักเงินตัวเองจ่ายค่ะ แต่ก็คิดเอาเถ่อะสมัยนี้เดินทางข้ามหลายจังหวัดไปกลับ 400 มันไม่มีทางพอหรอกค่ะ และก็เป็นมาหลายสิบปีแล้ว แต่ที่พักฟรีเพราะเป็นห้องพักในศูนย์อบรม แต่ต้องซื้ออาหารกินเองทั้ง 3 มื้อ ถ้าคอร์สไหนในกำหนดการมีระบุว่าเลี้ยงข้าวก็จะไม่ได้เบี้ยเลี้ยงค่าอาหาร ถ้าคอร์สไหนไม่เลี้ยงข้าวทางบริษัทจะให้ค่าอาหารวันละ 50 บาท วันละ 50 บาท ซื้อกิน 3 มื้อ นะคะ ยุคไหนเนี่ยให้วันละ 50 บาท สุดท้ายก็ต้องควักเงินตัวเอง กลับมาหากผ่านการอบรม เงินค่าระดับจากการผ่านอบรมก็คือขึ้นให้นะคะ แต่...ให้หลังจากนี้อีก 1 ปี ถ้าเป็นที่อื่น เดือนถัดไปก็ขึ้นให้เลย แต่ที่นี่ไม่ขึ้นค่ะ รออีก 1 ปี ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะกดอะไรนักหนา
ถามค่ะ – ไม่แน่ใจว่าเรื่องค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยงต่างๆ มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานมั้ยคะ เพราะดิฉันรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ เพราะทางบริษัทบังคับให้ไป แต่ค่าใช้จ่ายจำเป็นส่วนใหญ่เป็นเงินตัวเอง
เรื่องที่ 7 อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน กระดาษ กรรไกร ทุกอย่างเบิกได้ แต่...จะเอายอดราคาของที่เบิกทั้งปี ไปเฉลี่ยคิดเป็น % แล้วหักออกจากโบนัสประจำปีที่ พนง.จะได้รับ พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ ที่เบิกของมาใช้กันเนี่ยไม่ได้ใช่ฟรีนะคะ เหมือนเราซื้อใช้ แต่ยังไม่จ่ายตัง ต้องจ่ายค่าอุปกรณ์สำนักงานคืนให้บริษัทช่วงปลายปีโดยหักจากโบนัส หึหึ ตลกมั้ยล่ะค่ะ บางกลุ่ม รวมถึงดิฉันด้วยจึงไม่เบิกอุปกรณ์มาใช้เลย เบิกอย่างเดียวคือกระดาษ A4 นอกนั้นหาซื้อถูกๆมาใช้ค่ะ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เป็นภาระของโบนัสปลายปี
สารพัดสิ่งที่เจอมานี่แค่ทำงานปีเดียวนะคะ แต่เหมือนทำมา 10 ปีเลย เจออะไรเยอะมาก คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า บริษัทใหญ่โต หรูหรา มีชื่อเสียง รถยนต์ยี่ห้อดัง พูดไปใครก็รู้จัก แต่ดิฉันจะไม่พาดพิงถึงแบรนด์ เพราะดีลเลอร์อื่นนั้นเขาก็อยู่ดีมีสุข สวัสดิการปกติ ที่รู้เพราะไปอบรมรวมกับดีลเลอร์อื่น เจอเพื่อนเยอะแยะก็เล่าสู่กันฟัง จนได้รู้ว่า ที่เราทำอยู่เนี่ย นรกแท้ๆ และเป็นที่ตัวเจ้าของดีลเลอร์ เป็นที่ระบบภายใน จึงเป็นสาเหตุที่ไม่ขอกล่าวถึงว่าเป็นบริษัทขายรถยี่ห้อใด ที่สำคัญปัญหาหลายๆอย่างมันเกิดจากตัว ผจก.แผนกดิฉันเอง พูด 10 ปียั้นลูกบวชก็พูดไม่หมด เห้อออออ
ยังไม่หมด แต่จำนวนข้อความเกิน 10000 แล้ว เดี๋ยวขออนุญาตต่อในคอมเม้นนะคะ