คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ขอตอบคำถามทั้ง 4 ข้อก่อนนะครับ
1. ใช่ครับ
2. รายได้ของปี 59 จะต้องนำไปยื่นภาษีในเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2560 ครับ
3. เข้าใจถูกต้องครับ แต่ก็ต้องซื้อ RMF ต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้อย่างมาก 1 ปี) โดยไม่จำเป็นต้องซื้อกองทุนเดิม และซื้อต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 55 ปีนะครับ
4. จริงๆ แล้ว RMF ที่ลงทุนในหุ้น มีความเสี่ยงที่สูงนะครับ แต่การที่เราลงทุนเป็นเวลานานและสม่ำเสมอจะช่วยให้เราสามารถถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน ทำให้ความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนแบบซื้อครั้งเดียวครับ
ส่วนที่กังวลว่า ปีหน้าที่มีการเพิ่มค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่าย จะทำให้ไม่ต้องเสียภาษีนั้น ขอให้เป็น 2 ทางเลือกครับ
ทางเลือกแรกคือ ลงทุน RMF ในปีนี้ และใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ส่วนในปีหน้าที่อาจจะไม่ต้องเสียภาษีนั้น ก็สามารถลงทุน RMF ต่อได้ครับ เพราะถ้าขาย RMF ก้อนนี้ตอนที่อายุ 55 ปีขึ้นไป กำไรที่ได้จากการลงทุน ก็ไม่ต้องนำมาแสดงเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีครับ ส่วนในปีต่อๆ ไป รายได้ของจขกท.ก็มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จนถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี และใช้ RMF ลดหย่อนภาษีได้ครับ
อีกทางเลือกหนึ่งคือ ในช่วงนี้ให้ลงทุนในกองทุนหุ้นแบบปกติไปก่อน โดยสมัครใช้บริการ Saving Plan ซึ่งเป็นการลงทุนแบบเป็นประจำทุกเดือน วิธีนี้ก็จะเป็นการบังคับให้ตัวเราลงทุนเป็นประจำเพื่อแผนเกษียณอายุได้ครับ เพียงแต่ยอดเงินที่นำไปลงทุนจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้ แต่ก็จะได้เรื่องของสภาพคล่องในการลงทุนเข้ามาทดแทน เผื่อมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน ก็สามารถขายกองทุนออกมาได้ และในอนาคตที่รายได้สูงขึ้น จนถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี ค่อยมาลงทุนใน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นต่อก็ได้ครับ
ขีดเส้นใต้ไว้เลยนะครับ RMF จะขายคืนได้ ก็ต่อเมื่อลงทุน RMF ก้อนแรกมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี ลงทุนต่อเนื่องทุกปี และต้องมีอายุ 55 ปีขึ้นไปครับ
#KExpert #rmf
1. ใช่ครับ
2. รายได้ของปี 59 จะต้องนำไปยื่นภาษีในเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2560 ครับ
3. เข้าใจถูกต้องครับ แต่ก็ต้องซื้อ RMF ต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้อย่างมาก 1 ปี) โดยไม่จำเป็นต้องซื้อกองทุนเดิม และซื้อต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 55 ปีนะครับ
4. จริงๆ แล้ว RMF ที่ลงทุนในหุ้น มีความเสี่ยงที่สูงนะครับ แต่การที่เราลงทุนเป็นเวลานานและสม่ำเสมอจะช่วยให้เราสามารถถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน ทำให้ความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนแบบซื้อครั้งเดียวครับ
ส่วนที่กังวลว่า ปีหน้าที่มีการเพิ่มค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่าย จะทำให้ไม่ต้องเสียภาษีนั้น ขอให้เป็น 2 ทางเลือกครับ
ทางเลือกแรกคือ ลงทุน RMF ในปีนี้ และใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ส่วนในปีหน้าที่อาจจะไม่ต้องเสียภาษีนั้น ก็สามารถลงทุน RMF ต่อได้ครับ เพราะถ้าขาย RMF ก้อนนี้ตอนที่อายุ 55 ปีขึ้นไป กำไรที่ได้จากการลงทุน ก็ไม่ต้องนำมาแสดงเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีครับ ส่วนในปีต่อๆ ไป รายได้ของจขกท.ก็มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จนถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี และใช้ RMF ลดหย่อนภาษีได้ครับ
อีกทางเลือกหนึ่งคือ ในช่วงนี้ให้ลงทุนในกองทุนหุ้นแบบปกติไปก่อน โดยสมัครใช้บริการ Saving Plan ซึ่งเป็นการลงทุนแบบเป็นประจำทุกเดือน วิธีนี้ก็จะเป็นการบังคับให้ตัวเราลงทุนเป็นประจำเพื่อแผนเกษียณอายุได้ครับ เพียงแต่ยอดเงินที่นำไปลงทุนจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้ แต่ก็จะได้เรื่องของสภาพคล่องในการลงทุนเข้ามาทดแทน เผื่อมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน ก็สามารถขายกองทุนออกมาได้ และในอนาคตที่รายได้สูงขึ้น จนถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี ค่อยมาลงทุนใน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นต่อก็ได้ครับ
ขีดเส้นใต้ไว้เลยนะครับ RMF จะขายคืนได้ ก็ต่อเมื่อลงทุน RMF ก้อนแรกมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี ลงทุนต่อเนื่องทุกปี และต้องมีอายุ 55 ปีขึ้นไปครับ
#KExpert #rmf
แสดงความคิดเห็น
การซื้อกองทุนประเภท RMF
เนื่องจากตอนนี้มีความสนใจกอง RMF ค่ะ วัตถุประสงค์หลักคืออยากมีเงินออมยามเกษียณ
ที่เลือกลง RMF เนื่องจากเป็นการฝึกวินัยในการออมให้กับตนเอง
ส่วนเรื่องลดหย่อนภาษีอาจจะเป็นผลพลอยได้ค่ะ เพราะคิดว่าหลังจากปรับฐานภาษีปีหน้า
เราอาจไม่ต้องเสียภาษีเลยก็ได้ (###.....ร้องไห้ทั้งน้ำตาT_T)
เรากะจะลงประมาณเดือนละ 2000 เองค่ะ แต่มีบางจุดที่ยังงงๆ เลยอยากจะรบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ ชี้แนะดังนี้ค่ะ
1. ถ้าปี 2559 เราเลือกซื้อกองทุนของ บลจ.A กองทุน aa แต่ปี 2560 หรือปีต่อๆ ไปเราสามารถเลือก
ซื้อกองทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ aa ได้ไหมคะเช่น บลจ.A กองทุน aaaaaa หรือ บลจ.B กองทุน bb เป็นต้น
"นั่นหมายความว่าในแต่ละปีเราไม่จำเป็นต้องซื้อกองทุนเดิมก็ได้"
2. ถ้าปี 2559 เราเลือกซื้อทั้ง บลจ.A กองทุน aa และ บลจ.B กองทุน bb เลยได้ไหมคะ
เวลาเรายื่นภาษีในเดือนเมษายน 2560 เราก็แจ้งว่าเราซื้อยอดรวม RMF เป็นเท่าไหร่
"นั่นหมายความว่าในแต่ละปีเราจะซื้อกอง RMF กี่กองก็ได้ แต่ต้องแจ้งยอดกันของทุกกองรวมเวลาเราคิดภาษี"
3. จากข้อ 1 ถ้าปี 2559 เราเลือกซื้อกองทุนของ บลจ.A กองทุน aa แต่ปีต่อๆ มาเราไม่ได้ซื้อ เราก็ปล่อยกองทุนนั้นไว้
ไม่ต้องยุ่งอะไรกับมัน รอจนอายุ 55 ปี ถึงจะขายกองออกมาได้ใช่ไหมคะ
4. ถ้าตอนนี้เรายังมีเวลาอีก 20-30 ปีกว่าจะอายุ 55 ปี ซึ่งถือว่าระยะเวลาค่อนข้างนาน
ดังนั้นตอนนี้เราสามารถเลือกกอง RMF ซึ่งเป็นกองหุ้นได้ 100% เนื่องจากความเสี่ยงค่อนข้างน้อยเพราะลงทุนนาน
และถ้าเราซื้อกองหุ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนอายุสัก 48 ปี (ก่อนถึงอายุที่ขายได้ 7 ปี) ค่อยหันมาซื้อ
กองทุนที่มีนโยบายผสม หรือกองตราสารหนี้ เนื่องจากระยะเวลาการลงทุนเราเหลือน้อย
แบบนี้เราวางแผนถูกไหมคะ
ถ้าพี่ๆ มีอะไรที่อยากจะชี้แนะเพิ่มเติมบอกได้เลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากๆ ค่ะ