ก่อนเข้านอนคืนนี้ขอเล่านิทานค่ะ............
วันนี้บุกมาสายดาร์คเลย ฉบับนิทานเวอร์ชั่นโลกนี้ช่างโหดร้าย... หนูอึน หนูไม่เข้าใจ น้ำตาจะไหล…
ปกติตั้งแต่เด็ก ทรายก็ดูหมดนะ ทั้งโลกสวย ทั้งแนวโหดเถื่อน …ตอนเช้านั่งดูเจ้าขุนทอง เจ้าหญิงนิทรา นางซินได้ ตอนเย็นก็นั่งดูซี่รี่ the X-file,
Alien หรือ Event Horizon (หนังเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน จำติดตาได้ถึงตอนนี้) ได้เหมือนกันนั่นล่ะ...
ช่วงนี้กลับมาดูภาพยนตร์สายโหด ดูแล้วปรับอารมณ์ดีเหมือนกัน จากดูแต่สายสวย สายมันส์ สายฮา ช่วงนี้ก็มาดูอะไรแปลก ๆ ผี ๆ เลือดสาด ๆ … ยิ่งดูยิ่งเฉยชาแล้วฮะ เริ่มชิน [อ่าว shift หาย นี่เราปลูกความจิตในสมองแบบไม่รู้ตัวหรือเป่า] ...แต่คิดว่าถ้าเราดูเพื่อเห็นสัจธรรม ความดิบเถื่อน ความใจหยาบของมนุษย์แล้วล่ะก็ เชื่อว่าเราจะชั่งใจเหตุการณ์บางเรื่องได้ …ถึงอย่างไรเราก็อยากให้ทุกคนมอง positive เหมือนเดิมล่ะ ...แต่ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูเกิดไปอยู่ปากเหว! เราเองจะต้องตัดสินใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจริงหรือไม่ สวยไม่สวย ควรเชื่อแบบไหนเพื่อความอยู่รอด ก็ต้องเชื่อประสบการณ์ของตัวเองแล้วค่ะ… ดังนั้นนิทานสายดาร์คของทรายวันนี้ก็เชื่อว่ามี ข้ อ คิ ด และ คุ ณ ค่ า ในตัวมันอยู่ค่ะ…
ว่าจะกล่าวบทไป… เมื่อหลายเดือนก่อน ทรายได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Tale of Tales เนื้อเรื่องนำเสนอนิทานถึง 3 เรื่อง คิดว่าคนไทยไม่ค่อยได้ยินได้อ่านกันนัก วันนี้จึงได้จังหวะเวลานำมาเล่าให้ฟังกันนะ
กระทู้ครั้งที่แล้วทรายนำเหนอบุคคลในดวงใจ คือตำนานแห่งโลกนิทาน Hans Christian Anderson ค่ะ ซึ่งคิดว่าเมื่อเราเข้าใจตัวตนผู้แต่งมากขึ้น เราก็จะซาบซึ้งและอินกับนิทานมากขึ้นไปอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ บทความเก่า
http://ppantip.com/topic/35349089
สำหรับวันนี้ทรายเลยจะแนะนำนิทานในอีกแบบหนึ่ง จากผู้แต่งนิทานอีกคนหนึ่ง ซึ่งมาคนละสายเลย… คนนี้มาแนวโหดหน่อย ชื่อ Giambattista Basile เป็นกวีชาวอิตาลี และเป็นทหารด้วย [ อุบ๊ะ ไม่น่าล่ะ แต่ละเรื่องงงง ] เค้าแต่งหนังสือชื่อ
Pentamerone [แปลว่า 5 วัน] ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็คือ นิทาน 5 วันของเค้าที่ได้รับความนิยมและเป็นต้นแบบของนักเขียนนิทานอีกหลาย ๆ คน ซึ่งภาพยนตร์
Tale of Tales นี้เองก็หยิบยกเนื้อหามาจากนิทานเล่มนี้ค่ะ
โดยผู้สร้างได้ยกนิทาน 3 เรื่อง ของนิทานวันที่ 1 ของเค้ามาดัดแปลงเนื้อหาและถ่ายทอดเรื่องราวสายดาร์ค [แต่ภาพงดงาม] มาออกโชว์เทศกาลหนังเมืองคานส์ ร่วมทุนสร้างระหว่างประเทศอังกฤษและอิตาลี และใช้นักแสดงมากฝีมือค่ะ
โดยทั้ง 3 เรื่องที่ว่านี้คือ
กวางมหัศจรรย์ La Cerva Fatata (The Enchanted Doe),
ตัวหมัด La Pulce (The Flea),
หญิงชราผู้ถูกถลกผิวหนัง La Vecchia Scorticata (The Flayed Old Lady)
บทภาพยนตร์น้อมนำทั้ง 3 เรื่องมาปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วนแล้วร้อยต่อกัน สลับฉากไปมา จนจบในเรื่องเดียว
กล่าวคือจุดเด่นของเรื่องนี้ก็ไม่พ้น เนื้อหาที่เข้มข้น ฉากแฟนตาซีที่สวยงาม แล้วยังรวมไปถึงการตัดต่อเปลี่ยนเรื่องของนิทานทั้ง 3 สลับไปมาอีกด้วย ซึ่งวันนี้ทรายจะเน้นนิทานต้นฉบับมากกว่าเนื้อหาในหนังนะฮะ ซึ่งภาพยนตร์จะให้ทุกท่านไปติดตามกันเอง
------- >>> แต่เดี๋ยวก่อน ภาพยนตร์เรื่องนี้ 18+ นะฮะ อะล่างฉ่างโลกสวยเลยฮะ อย่าเปิดดูพร้อมลูกพร้อมหลานโดยเด็ดขาด
.
.
ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องแบบเล่านิทานทั้ง 3 เรื่องไปรวดเดียวเลย เพียงสลับจังหวะของฉากไปมา เหมือนกดรีโมตเปลี่ยนเรื่องไปมา ….แล้วเราจะไม่ งง หรอ คำตอบคือ งง พะยะค่ะ55555 อะไรวะ … แต่เชื่อว่าพออารมณ์เราคงที่แล้วก็จะชินและเก็ทวิธีการเค้าค่ะ สรุปในมุมมองของทรายก็คือ
1. การสลับฉากตามใจผู้กำกับเนี่ยจะทำให้เราเดาเนื้อเรื่องไม่ได้ค่ะ ถ้าโจทย์ของหนังคือนิทาน เป็นนิทานที่คนเคยได้ยินมาแล้ว ฟังมาเยอะ การทำให้คนเดาเรื่องไม่ได้จะเป็นความท้าทายค่า นอกจากเค้าจะดัดแปลงเนื้อเรื่องแล้ว แกยังไม่ยอมให้เราเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อีก
2. จริง ๆ แล้วผู้กำกับทำการบ้านมาดีนะคะ เค้าไม่ได้สลับฉากมั่ว ๆ แต่จงใจเล่นกับอารมณ์ของคนดู คือ ฉากเริ่มต้น ก็จะเป็นการเริ่มต้นของหนังทั้ง 3 เรื่อง ซึ่งเป็นการปูฉากเปิดตัวมาด้วยความใส ๆ ก่อน แล้วพอกลางเรื่องเริ่มมีเหตุ อารมณ์เราเริ่มขุ่นมัว ก็มัวไปพร้อมกัน 3 เรื่องเลยแบบทวีคูณ พีคก็พีคพร้อมกัน พอจบเรื่องก็ขมวดเข้าหากันกลายเป็นเรื่องเดียวได้ [ซะงั้น]
3. อีกมุมมองของทรายเองก็คือ อาจล้อเลียนเหตุการณ์จริงของชีวิต ที่เวลาเกิดเรื่องอะไรคงไม่ได้ผุดมาแค่เรื่องเดียว แต่มักจะผสมปนเปประดังประเดเข้ามาทีเดียวหลาย ๆ เรื่อง ให้เราต้องสับสนและประคองสติให้ได้ … ทรายเลยเชื่อว่าทุกคนจะปรับความเข้าใจได้ค่ะ เพราะแต่ละคนก็ต้องเผชิญอะไรทำนองนี้มาเหมือนกันละวะ 555555555
Thumbs up ให้ Giambattista Basile
หรือหนังเรื่อง Tale of Tales ถ้าชอบกันนะฮะ
ส่วนถ้าต้องการพูดคุย เม้ามอย สอบถามล่ะก็ ได้อินบ๊อคเพจล่ะ
*************************************************
https://www.facebook.com/runtheworld.society
++ ตำนานนิทานโลก(ไม่)สวย จากภาพยนตร์ Tale of Tales [VarinTheTale] ++
วันนี้บุกมาสายดาร์คเลย ฉบับนิทานเวอร์ชั่นโลกนี้ช่างโหดร้าย... หนูอึน หนูไม่เข้าใจ น้ำตาจะไหล…
ปกติตั้งแต่เด็ก ทรายก็ดูหมดนะ ทั้งโลกสวย ทั้งแนวโหดเถื่อน …ตอนเช้านั่งดูเจ้าขุนทอง เจ้าหญิงนิทรา นางซินได้ ตอนเย็นก็นั่งดูซี่รี่ the X-file,
Alien หรือ Event Horizon (หนังเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน จำติดตาได้ถึงตอนนี้) ได้เหมือนกันนั่นล่ะ...
ช่วงนี้กลับมาดูภาพยนตร์สายโหด ดูแล้วปรับอารมณ์ดีเหมือนกัน จากดูแต่สายสวย สายมันส์ สายฮา ช่วงนี้ก็มาดูอะไรแปลก ๆ ผี ๆ เลือดสาด ๆ … ยิ่งดูยิ่งเฉยชาแล้วฮะ เริ่มชิน [อ่าว shift หาย นี่เราปลูกความจิตในสมองแบบไม่รู้ตัวหรือเป่า] ...แต่คิดว่าถ้าเราดูเพื่อเห็นสัจธรรม ความดิบเถื่อน ความใจหยาบของมนุษย์แล้วล่ะก็ เชื่อว่าเราจะชั่งใจเหตุการณ์บางเรื่องได้ …ถึงอย่างไรเราก็อยากให้ทุกคนมอง positive เหมือนเดิมล่ะ ...แต่ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูเกิดไปอยู่ปากเหว! เราเองจะต้องตัดสินใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจริงหรือไม่ สวยไม่สวย ควรเชื่อแบบไหนเพื่อความอยู่รอด ก็ต้องเชื่อประสบการณ์ของตัวเองแล้วค่ะ… ดังนั้นนิทานสายดาร์คของทรายวันนี้ก็เชื่อว่ามี ข้ อ คิ ด และ คุ ณ ค่ า ในตัวมันอยู่ค่ะ…
ว่าจะกล่าวบทไป… เมื่อหลายเดือนก่อน ทรายได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Tale of Tales เนื้อเรื่องนำเสนอนิทานถึง 3 เรื่อง คิดว่าคนไทยไม่ค่อยได้ยินได้อ่านกันนัก วันนี้จึงได้จังหวะเวลานำมาเล่าให้ฟังกันนะ
กระทู้ครั้งที่แล้วทรายนำเหนอบุคคลในดวงใจ คือตำนานแห่งโลกนิทาน Hans Christian Anderson ค่ะ ซึ่งคิดว่าเมื่อเราเข้าใจตัวตนผู้แต่งมากขึ้น เราก็จะซาบซึ้งและอินกับนิทานมากขึ้นไปอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับวันนี้ทรายเลยจะแนะนำนิทานในอีกแบบหนึ่ง จากผู้แต่งนิทานอีกคนหนึ่ง ซึ่งมาคนละสายเลย… คนนี้มาแนวโหดหน่อย ชื่อ Giambattista Basile เป็นกวีชาวอิตาลี และเป็นทหารด้วย [ อุบ๊ะ ไม่น่าล่ะ แต่ละเรื่องงงง ] เค้าแต่งหนังสือชื่อ Pentamerone [แปลว่า 5 วัน] ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็คือ นิทาน 5 วันของเค้าที่ได้รับความนิยมและเป็นต้นแบบของนักเขียนนิทานอีกหลาย ๆ คน ซึ่งภาพยนตร์ Tale of Tales นี้เองก็หยิบยกเนื้อหามาจากนิทานเล่มนี้ค่ะ
โดยผู้สร้างได้ยกนิทาน 3 เรื่อง ของนิทานวันที่ 1 ของเค้ามาดัดแปลงเนื้อหาและถ่ายทอดเรื่องราวสายดาร์ค [แต่ภาพงดงาม] มาออกโชว์เทศกาลหนังเมืองคานส์ ร่วมทุนสร้างระหว่างประเทศอังกฤษและอิตาลี และใช้นักแสดงมากฝีมือค่ะ
โดยทั้ง 3 เรื่องที่ว่านี้คือ
กวางมหัศจรรย์ La Cerva Fatata (The Enchanted Doe),
ตัวหมัด La Pulce (The Flea),
หญิงชราผู้ถูกถลกผิวหนัง La Vecchia Scorticata (The Flayed Old Lady)
บทภาพยนตร์น้อมนำทั้ง 3 เรื่องมาปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วนแล้วร้อยต่อกัน สลับฉากไปมา จนจบในเรื่องเดียว
กล่าวคือจุดเด่นของเรื่องนี้ก็ไม่พ้น เนื้อหาที่เข้มข้น ฉากแฟนตาซีที่สวยงาม แล้วยังรวมไปถึงการตัดต่อเปลี่ยนเรื่องของนิทานทั้ง 3 สลับไปมาอีกด้วย ซึ่งวันนี้ทรายจะเน้นนิทานต้นฉบับมากกว่าเนื้อหาในหนังนะฮะ ซึ่งภาพยนตร์จะให้ทุกท่านไปติดตามกันเอง
------- >>> แต่เดี๋ยวก่อน ภาพยนตร์เรื่องนี้ 18+ นะฮะ อะล่างฉ่างโลกสวยเลยฮะ อย่าเปิดดูพร้อมลูกพร้อมหลานโดยเด็ดขาด
.
ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องแบบเล่านิทานทั้ง 3 เรื่องไปรวดเดียวเลย เพียงสลับจังหวะของฉากไปมา เหมือนกดรีโมตเปลี่ยนเรื่องไปมา ….แล้วเราจะไม่ งง หรอ คำตอบคือ งง พะยะค่ะ55555 อะไรวะ … แต่เชื่อว่าพออารมณ์เราคงที่แล้วก็จะชินและเก็ทวิธีการเค้าค่ะ สรุปในมุมมองของทรายก็คือ
1. การสลับฉากตามใจผู้กำกับเนี่ยจะทำให้เราเดาเนื้อเรื่องไม่ได้ค่ะ ถ้าโจทย์ของหนังคือนิทาน เป็นนิทานที่คนเคยได้ยินมาแล้ว ฟังมาเยอะ การทำให้คนเดาเรื่องไม่ได้จะเป็นความท้าทายค่า นอกจากเค้าจะดัดแปลงเนื้อเรื่องแล้ว แกยังไม่ยอมให้เราเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อีก
2. จริง ๆ แล้วผู้กำกับทำการบ้านมาดีนะคะ เค้าไม่ได้สลับฉากมั่ว ๆ แต่จงใจเล่นกับอารมณ์ของคนดู คือ ฉากเริ่มต้น ก็จะเป็นการเริ่มต้นของหนังทั้ง 3 เรื่อง ซึ่งเป็นการปูฉากเปิดตัวมาด้วยความใส ๆ ก่อน แล้วพอกลางเรื่องเริ่มมีเหตุ อารมณ์เราเริ่มขุ่นมัว ก็มัวไปพร้อมกัน 3 เรื่องเลยแบบทวีคูณ พีคก็พีคพร้อมกัน พอจบเรื่องก็ขมวดเข้าหากันกลายเป็นเรื่องเดียวได้ [ซะงั้น]
3. อีกมุมมองของทรายเองก็คือ อาจล้อเลียนเหตุการณ์จริงของชีวิต ที่เวลาเกิดเรื่องอะไรคงไม่ได้ผุดมาแค่เรื่องเดียว แต่มักจะผสมปนเปประดังประเดเข้ามาทีเดียวหลาย ๆ เรื่อง ให้เราต้องสับสนและประคองสติให้ได้ … ทรายเลยเชื่อว่าทุกคนจะปรับความเข้าใจได้ค่ะ เพราะแต่ละคนก็ต้องเผชิญอะไรทำนองนี้มาเหมือนกันละวะ 555555555
หรือหนังเรื่อง Tale of Tales ถ้าชอบกันนะฮะ
ส่วนถ้าต้องการพูดคุย เม้ามอย สอบถามล่ะก็ ได้อินบ๊อคเพจล่ะ
*************************************************
https://www.facebook.com/runtheworld.society