....สัพเพเหระธรรม....
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 180 ค่ะ
ความมหัศจรรย์ของรอยยิ้ม
โดย วรารัตน์ บัญญัตินพรัตน์
หลายคนอ่านจากหัวข้อคงเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมค่ะรอยยิ้มเนี่ยนะ มันมีความมหัศจรรย์ได้อย่างไร อย่าชักช้าเลยค่ะ เราลองมาดูไปพร้อมๆกันดีกว่าค่ะ
1.
การยิ้มไม่ต้องอาศัยเวลาเล่าเรียน ฝึกฝน และเป็นภาษาที่ไม่ต้องการคำอธิบาย เพราะทุกคน ทุกเชื้อชาติต่างเข้าใจความหมายแง่บวกที่สื่อออกไป
2.
เราสามารถส่งรอยยิ้มได้กับทุกคน ไม่ว่าคนๆนั้นจะยากดีมีจนหรือร่ำรวยล้นฟ้า ลูกเด็กเล็กแดงหรือผู้เฒ่าผู้แก่ เป็นคนมีฐานะทางสังคมด้อยหรือสูงกว่าเรา เป็นคนเชื้อชาติใดๆบนโลกใบนี้ และท้ายที่สุดแล้วเรายังสามารถส่งยิ้มให้กับตัวเองได้อีกด้วย คุณลองยิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจกดูสิ รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับทุกครั้งแน่
3.
เราสามารถส่งรอยยิ้มได้ในทุกโอกาส ทั้งในการส่งรอยยิ้มเพื่อการทักทาย การส่งรอยยิ้มร่วมแสดงความยินดี หรือแม้แต่การส่งรอยยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจในยามที่ใครสักคนท้อแท้หรือผิดหวังจากเรื่องใดๆก็ตาม นอกจากนี้ในวงสนทนาถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรกันดี การส่งรอยยิ้มสามารถช่วยแก้สถานการณ์ได้
4.
การยิ้มไม่มีข้อกีดขวางทางวัฒนธรรม ซึ่งจะแตกต่างกับบางวัฒนธรรม เช่น วัฒนธรรมการกราบ โดยเราจะกราบต่อผู้ที่มีอายุมากกว่าหรือผู้ที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่าเราเท่านั้น หรือ วัฒนธรรมการกอด โดยเราจะกอดกับผู้ที่สนิทชิดเชื้อหรือคุ้นเคยกันเท่านั้น
5.
การยิ้มมีอานุภาพ เพราะเมื่อเรายิ้มออกมาจากใจ แม้ว่าจะเป็นการยิ้มชั่วพริบตาเราจะรู้สึกดีขึ้นมาทันที และเมื่อเราได้รับการยิ้มตอบ เราจะรู้สึกดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ข้อนี้ขอยกตัวอย่างให้ดังนี้นะค่ะ ถ้าคุณต้องการจะรู้จักเพื่อนใหม่สักคน คุณเพียงส่งรอยยิ้มแห่งมิตรภาพออกไป คุณจะรู้สึกดีในทันที และถ้าคุณได้รับรอยยิ้มแบบเดียวกันกลับมา คุณจะรู้สึกดียิ่งขึ้นกว่าเดิม นั่นแสดงว่ามิตรภาพได้เริ่มก่อตัวแล้ว การที่จะสานต่อมิตรภาพย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
เห็นไหมค่ะว่า รอยยิ้มมีความมหัศจรรย์ในตัวมันเองมากแค่ไหน เพียงแค่ที่ผ่านมาเราละเลยและมองข้ามมันไป ทั้งๆที่การส่งรอยยิ้มนั้นทำได้แสนง่าย ไม่ต้องลงทุน ลงแรงใดๆเลย ทั้งยังสามารถทำได้ในทุกๆวันไปพร้อมๆกับการทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เรายังได้บุญจากการส่งรอยยิ้มอีกด้วย
เราได้รับบุญจากการส่งรอยยิ้มได้อย่างไร ขอชี้แจงให้ฟังดังนี้นะค่ะ
ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงบุญกิริยาวัตถุ 10 ว่าเป็นการทำบุญพื้นฐานที่เป็นเรื่องใกล้ตัวและทำได้โดยง่าย 10 ประการ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีความอ่อนน้อมถ่อมตน (อปจายนะ) ความอ่อนน้อมถ่อมตน หมายถึง การประพฤติตนต่อผู้ที่เราเจอด้วยท่าทีให้เกียรติอย่างเหมาะสม
ส่วนการส่งรอยยิ้มถือได้ว่า เป็นการแสดงความเป็นมิตร ให้เกียรติ และเห็นคุณค่าของผู้ที่เราส่งรอยยิ้มให้ ดังนั้นถือได้ว่า การส่งรอยยิ้มเป็นหนึ่งในรูปแบบของการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้พบเจอ จึงทำให้เราได้รับบุญเฉกเช่นกับการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน
อานิสงส์ของการอ่อนน้อมถ่อมตน ย่อมทำให้มีคนเคารพ เชื่อฟัง ให้เกียรติเราโดยใจจริง และได้เกิดในตระกูลที่สูง เห็นไหมค่ะว่า อานิสงส์ของมันจะเป็นไปตามสิ่งที่เรากระทำ เมื่อเราแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้คนทั่วไป ย่อมส่งผลให้ผู้คนทั่วไปอ่อนน้อมถ่อมตนต่อเราเช่นกัน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงเห็นแล้วว่าที่ผ่านมา เราพลาดการทำบุญที่ง่ายที่สุดนี้ไปได้อย่างไร ตอนนี้คงยังไม่สาย ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เรายังสามารถทำบุญได้ตราบทุกลมหายใจ ขอเพียงคุณคิดได้และเริ่มต้นทำ ตอนนี้เลยดีไหมค่ะ ลองยิ้มให้กำลังใจตัวเองก่อนก็เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวนะค่ะ
ความมหัศจรรย์ของรอยยิ้ม....สัพเพเหระธรรม.... จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 180 ค่ะ โดย วรารัตน์ บัญญัตินพรัตน์ ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 180 ค่ะ
ความมหัศจรรย์ของรอยยิ้ม
โดย วรารัตน์ บัญญัตินพรัตน์
หลายคนอ่านจากหัวข้อคงเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมค่ะรอยยิ้มเนี่ยนะ มันมีความมหัศจรรย์ได้อย่างไร อย่าชักช้าเลยค่ะ เราลองมาดูไปพร้อมๆกันดีกว่าค่ะ
1. การยิ้มไม่ต้องอาศัยเวลาเล่าเรียน ฝึกฝน และเป็นภาษาที่ไม่ต้องการคำอธิบาย เพราะทุกคน ทุกเชื้อชาติต่างเข้าใจความหมายแง่บวกที่สื่อออกไป
2. เราสามารถส่งรอยยิ้มได้กับทุกคน ไม่ว่าคนๆนั้นจะยากดีมีจนหรือร่ำรวยล้นฟ้า ลูกเด็กเล็กแดงหรือผู้เฒ่าผู้แก่ เป็นคนมีฐานะทางสังคมด้อยหรือสูงกว่าเรา เป็นคนเชื้อชาติใดๆบนโลกใบนี้ และท้ายที่สุดแล้วเรายังสามารถส่งยิ้มให้กับตัวเองได้อีกด้วย คุณลองยิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจกดูสิ รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับทุกครั้งแน่
3. เราสามารถส่งรอยยิ้มได้ในทุกโอกาส ทั้งในการส่งรอยยิ้มเพื่อการทักทาย การส่งรอยยิ้มร่วมแสดงความยินดี หรือแม้แต่การส่งรอยยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจในยามที่ใครสักคนท้อแท้หรือผิดหวังจากเรื่องใดๆก็ตาม นอกจากนี้ในวงสนทนาถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรกันดี การส่งรอยยิ้มสามารถช่วยแก้สถานการณ์ได้
4. การยิ้มไม่มีข้อกีดขวางทางวัฒนธรรม ซึ่งจะแตกต่างกับบางวัฒนธรรม เช่น วัฒนธรรมการกราบ โดยเราจะกราบต่อผู้ที่มีอายุมากกว่าหรือผู้ที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่าเราเท่านั้น หรือ วัฒนธรรมการกอด โดยเราจะกอดกับผู้ที่สนิทชิดเชื้อหรือคุ้นเคยกันเท่านั้น
5. การยิ้มมีอานุภาพ เพราะเมื่อเรายิ้มออกมาจากใจ แม้ว่าจะเป็นการยิ้มชั่วพริบตาเราจะรู้สึกดีขึ้นมาทันที และเมื่อเราได้รับการยิ้มตอบ เราจะรู้สึกดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ข้อนี้ขอยกตัวอย่างให้ดังนี้นะค่ะ ถ้าคุณต้องการจะรู้จักเพื่อนใหม่สักคน คุณเพียงส่งรอยยิ้มแห่งมิตรภาพออกไป คุณจะรู้สึกดีในทันที และถ้าคุณได้รับรอยยิ้มแบบเดียวกันกลับมา คุณจะรู้สึกดียิ่งขึ้นกว่าเดิม นั่นแสดงว่ามิตรภาพได้เริ่มก่อตัวแล้ว การที่จะสานต่อมิตรภาพย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
เห็นไหมค่ะว่า รอยยิ้มมีความมหัศจรรย์ในตัวมันเองมากแค่ไหน เพียงแค่ที่ผ่านมาเราละเลยและมองข้ามมันไป ทั้งๆที่การส่งรอยยิ้มนั้นทำได้แสนง่าย ไม่ต้องลงทุน ลงแรงใดๆเลย ทั้งยังสามารถทำได้ในทุกๆวันไปพร้อมๆกับการทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เรายังได้บุญจากการส่งรอยยิ้มอีกด้วย
เราได้รับบุญจากการส่งรอยยิ้มได้อย่างไร ขอชี้แจงให้ฟังดังนี้นะค่ะ
ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงบุญกิริยาวัตถุ 10 ว่าเป็นการทำบุญพื้นฐานที่เป็นเรื่องใกล้ตัวและทำได้โดยง่าย 10 ประการ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีความอ่อนน้อมถ่อมตน (อปจายนะ) ความอ่อนน้อมถ่อมตน หมายถึง การประพฤติตนต่อผู้ที่เราเจอด้วยท่าทีให้เกียรติอย่างเหมาะสม
ส่วนการส่งรอยยิ้มถือได้ว่า เป็นการแสดงความเป็นมิตร ให้เกียรติ และเห็นคุณค่าของผู้ที่เราส่งรอยยิ้มให้ ดังนั้นถือได้ว่า การส่งรอยยิ้มเป็นหนึ่งในรูปแบบของการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้พบเจอ จึงทำให้เราได้รับบุญเฉกเช่นกับการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน
อานิสงส์ของการอ่อนน้อมถ่อมตน ย่อมทำให้มีคนเคารพ เชื่อฟัง ให้เกียรติเราโดยใจจริง และได้เกิดในตระกูลที่สูง เห็นไหมค่ะว่า อานิสงส์ของมันจะเป็นไปตามสิ่งที่เรากระทำ เมื่อเราแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้คนทั่วไป ย่อมส่งผลให้ผู้คนทั่วไปอ่อนน้อมถ่อมตนต่อเราเช่นกัน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงเห็นแล้วว่าที่ผ่านมา เราพลาดการทำบุญที่ง่ายที่สุดนี้ไปได้อย่างไร ตอนนี้คงยังไม่สาย ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เรายังสามารถทำบุญได้ตราบทุกลมหายใจ ขอเพียงคุณคิดได้และเริ่มต้นทำ ตอนนี้เลยดีไหมค่ะ ลองยิ้มให้กำลังใจตัวเองก่อนก็เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวนะค่ะ