ย้อนอดีตพรีเมียร์ลีก! ค่าลิขสิทธิ์สูงขึ้นทุกปี เราเองก็ติดอันดับ 2 ของโลก! แล้วปีนี้ล่ะ?


พรีเมียร์ลีก! ค่าลิขสิทธิ์สูงขึ้นทุกปี เราเองก็ถูกจัดให้สูงขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก! แพงแบบนี้จะกระเทือนคนดูไหม?
พอใกล้ถึงฤดู Premiere League ผมและกลุ่มเพื่อนก็เริ่มคิดละ ว่าสรุปปีนี้เราจะรวมตัวดูกันที่ไหน ถึงจะได้ลุ้นได้อย่างเต็มที่ เมามัน หรือไม่พลาดแมชต์สำคัญ  เมื่อหาข้อมูลผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่ไทย เรา ใจป๋า สำหรับลีกนี้เป็น อันดับ 2 ของโลก!
แต่เราก็เติบโตมาพร้อมกับบอลพรีเมียร์ลีกนี้จริงๆเนอะ! แต่ส่วนตัวแล้วถึงจะให้จ่ายตังแพงแค่ไหน คนคลั่งบอลอย่างเรา ก็ขอพลีให้ครับ บ่องตรงไม่กระเทือน (มั๊ง) !! ผมคงหงุดหงิด ถ้าต้องดูแล้วติดๆดับๆ ตะกุกตะกัก หรืออดดูแมชต์สำคัญ ต้องมานั่งเปิด highlight กันย้อนหลังนี่คงไม่ใช่วิถีของพวกเรา

ปล.  ก่อนจะได้ดูพรีเมียร์ลีกและมาพูดถึงแมชต์สำคัญกัน วันนี้ผมเลยนำข้อมูลค่าลิขสิทธิ์แสนแพงในอดีตกาลถึงปัจจุบันมาให้เราได้ระลึกกันอีกครั้งครับ ซึ่งข้อมูลไม่ได้เป็นข้อมูลที่ผมทำขึ้น แต่ผมนำมาจากข่าวบนเว็บไซท์เท่านั้นครับ อย่างไรถ้ามีการอั๊ปเดท รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ
------------------------------
ราคาพรีเมียร์ลีกผู้ดีพุ่ง "พม่า" แชมป์จ่ายแพงสุด (เทียบเป็น%) "ไทย" อันดับ 2

หลายคนอาจตกตะลึงกับตัวเลขราคาประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013-2016 ของเมืองไทยที่ "ซีทีเอช" ทุ่มเงินไปถึง 202 ล้านปอนด์ (ราว 9,900 ล้านบาท) ขึ้นแท่นประเทศที่จ่ายค่าลิขสิทธิ์แพงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากกลุ่มประเทศในโซนแอฟริกา-ซาฮาร่า ที่ทุ่มไป 205 ล้านปอนด์ (ราว 10,000 ล้านบาท) ปาดหน้าเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมและตัวเต็งอย่าง "ทรูวิชั่นส์" ไปอย่างหน้าตาเฉย

เนื่องจากราคาดังกล่าวนับได้ว่ามากกว่าครั้งก่อน (ฤดูกาล 2010-2013) ที่ทรูฯจ่ายไปเพียง 38 ล้านปอนด์ (ราว 1,800 ล้านบาท) ถึง 432 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบวกลบคูณหารส่วนต่างแล้วถือว่าประเทศไทยจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเงินถึง 164 ล้านปอนด์ (ราว 8,000 ล้านบาท)

ประเทศที่ยอมจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดลีกเมืองผู้ดีในฤดูกาลต่อไปเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่มากที่สุดในโลกคือ "เมียนมาร์" หนึ่งในประเทศที่ยากจนมากที่สุดในโลก โดยยอมจ่ายไป 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,200 ล้านบาท) มากกว่าครั้งก่อนที่จ่ายไป 2 แสนปอนด์ (ราว 9 ล้านบาท) ถึง 12,400 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเป็นเครื่องยืนยันในความแรงของพรีเมียร์ลีก อังกฤษได้เป็นอย่างดี

ส่วนการเพิ่มขึ้นของประเทศอื่น ๆ ในโซนเอเชียที่น่าสนใจ คือ เวียดนาม ที่จ่ายไป 22 ล้านปอนด์ (ราว 1,000 ล้านบาท) จากที่ครั้งก่อนจ่ายไป 6 ล้านปอนด์ (ราว 294 ล้านบาท), อินเดีย จ่ายไป 91 ล้านปอนด์ (ราว 4,400 ล้านบาท) ซึ่งครั้งก่อนจ่ายไป 28 ล้านปอนด์ (ราว 1,300 ล้านบาท) และมาเลเซีย จ่ายไป 139 ล้านปอนด์ (ราว 6,800 ล้านบาท) จากที่เคยจ่ายไป 65 ล้านปอนด์ (ราว 3,100 ล้านบาท)

ขณะที่ประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ยังคงจ่ายในราคาเท่าเดิม คือ 144 ล้านปอนด์ (ราว 7,100 ล้านบาท) และ 189 ล้านปอนด์ (ราว 9,300 ล้านบาท) ตามลำดับ
ที่มา: http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1354866639

-----------------
ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ถูกประมูลล่าสุดโดยสกายสปอร์ต และบีที สปอร์ต ปรากฏว่ามีมูลค่าสูงกว่าครั้งก่อนถึง 70 เปอร์เซ็นต์

ฟุตบอลลีกที่นิยมที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ข้อสรุปลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดปี 2016 - 2019 แล้ว โดย สกายสปอร์ต และบีที สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์เดิม คว้าลิขสิทธิ์นี้ไปครองอีกครั้ง ด้วยมูลค่ารวม 5,136 ล้านปอนด์ หรือกว่า 265,000 ล้านบาท มูลค่าดังกล่าวสูงขึ้นจากการประมูลครั้งก่อน ซึ่งลิขสิทธิ์ในปี 2013 - 2016 อยู่ที่ 3,018 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มสูงขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ และหากย้อนไปปี 2007 - 2010 และ 2010 - 2013 จะเห็นว่าค่าลิขสิทธิ์อยู่ที่ 1,700 ล้านปอนด์ หมายความว่าช่วงเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกสูงขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์

มูลค่าลิขสิทธิ์ที่สูงขึ้นในทุกครั้ง ส่งผลดีกับจำนวนเงินรางวัล และส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ของสโมสร คาดกันว่าในฤดูกาล 2016 - 2017 แม้ว่าจะเป็นทีมตกชั้นในพรีเมียร์ลีกก็จะได้เงิน 2 ส่วนนี้รวมกันถึง 99 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ คาร์ดิฟฟ์ ทีมอันดับสุดท้ายฤดูกาลก่อนได้รับ 63.7 ล้านปอนด์ และเงินรางวัลสูงสุดอาจไปสูงถึง 156 ล้านปอนด์ จากเดิมที่แมนซิตี้ได้รับในฤดูกาลที่แล้ว 97.7 ล้านปอนด์
ที่มา: http://sport.sanook.com/132197/

--------------
แล้วปีนี้ล่ะ?
ย้อนอดีต TrueVisions ในช่วง 3 ปีที่ไม่มีพรีเมียร์ลีก
ในกลุ่มผู้ให้บริการเคเบิ้ลทีวีนั้น ก็ทราบดีว่าคอนเทนต์เรียกลูกค้าที่สุดก็คือฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เกมมีการเปลี่ยนมือเมื่อบริษัท CTH ชนะการประมูลเป็นเวลา 3 ปี จากเดิมที่คอนเทนต์นี้แทบจะผูกขาดโดยทรูวิชั่นส์ ซึ่ง CTH ก็กวาดลูกค้าไปได้พอสมควร แต่ทาง CTH ก็มีปัญหาไม่สามารถคุ้มทุนจากรายการนี้ได้

ตอนนี้เกมจะเปลี่ยนอีกรอบ เมื่อผลการประมูลพรีเมียร์ลีก 3 ปีลอตใหม่ เริ่มฤดูกาล 2016-17 กลายเป็น BeIN Sport สื่อใหญ่จากตะวันออกกลางเป็นผู้ชนะประมูลการออกอากาศในไทย ซึ่งดีลคล้ายๆ ESPN+Start Sports ได้สิทธิเมื่อหลายปีก่อน (รายละเอียดข่าวตามลิงก์นี้)

BeIN Sport นั้นถือว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทรูวิชั่นส์ ปัจจุบันฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก BeIN ก็เป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์ และมีทรูวิชั่นส์เป็นผู้นำมาออกอากาศต่อ โดยไม่มี CTH เข้าร่วม จึงคาดกันว่าฟุตบอลพรีเมียร์ลีกรอบนี้ ทรูวิชั่นส์ก็น่าจะได้ออกอากาศเพียงรายเดียว...
ที่มา: http://www.arjin.com/2015/11/truevisions-in-last-3-years-ago.html
--------------
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการประกาศใดๆอย่างเป็นทางการแต่จากการติดตามข่าว ก็เป็นไปได้ว่าปีนี้ทรูวิชันจะได้ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกด้วยหลังจากที่อัดอั้นอดฉายมาตลอด 3 ปี ซึ่งจะได้ข้อสรุปอย่างไรต้องติดตามต่อครับ
จากข่าวล่าสุด http://www.dailynews.co.th/sports/365258
เดาะบอล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่