เส้นทางชีวิต จิตปัญญา ทิสุด "หน่อง คลาสสิค"



ผมเป็นคนกรุงเทพ ฯ  เกิดกรุงเทพ ฯ  บ้านผมแถว ๆ  ร่มเกล้า  
ที่บ้านมีกิจการคาร์แคร์   ทำมาหลายปีแล้ว  เกิน 20 ปี  
ตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็ก ๆ ก็เหมือนเด็กทั่วไป  
ตื่นเช้ามาก็ไปโรงเรียน  เลิกเรียนมาตอนเย็นก็ไปเตะบอลกับเพื่อน ๆ ในหมู่บ้านแถวนั้น  
วันเสาร์ อาทิตย์  แถวร่มเกล้าจะมีการฝึกฟุตบอลกัน   ผมก็ไปฝึก  
ตั้งเป็นทีม เดินสายแข่งบอล   ส่วนวันธรรมดาก็ไปเรียนตามปกติ  
ผมมีน้องชายอีกคนครับ  แต่น้องไม่ได้เล่นฟุตบอล

ตอนแรกเลย  ผมเล่นฟุตซอลที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต  
เล่นไปด้วย เรียนไปด้วย  ไปๆ มาๆ  
มีรุ่นพี่คนหนึ่งชวนให้ไปเล่นฟุตบอลกับทีมทองหล่อ  เอฟ ซี   ก็ไปเล่น  
เล่นตั้งแต่ ถ้วย ง ถ้วย ค  ถ้วย ข  
หลังจากจากนั้นก็ไม่ได้กลับไปเล่นฟุตซอลอีกเลย  
เล่นฟุตบอลแรก ๆ  ได้เงินมาไม่กี่ร้อย  ไม่กี่พันก็ดีใจแล้ว

จากนั้นก็มีโอกาสเล่นฟุตบอลให้ทีมสมุทรสาคร อยู่ใน D2  
เล่นได้หนึ่งเลก  ก็ย้ายไปเล่นให้ทีมนครนายก  
เล่นกับนครนายกได้ครึ่งเลก  ก็ย้ายไปอยู่กับเกร็กคู ลูกทัพฟ้า  
เล่นกับเกร็กคูได้ปีหนึ่ง  ชัยนาทก็ติดต่อมา  
จากนั้นก็ได้เข้ามาเล่นในไทยลีก  
เข้ามาซ้อมกับชัยนาทได้สักพัก  ก่อนจะเปิดเลก  ก็บาดเจ็บ  
พักไป 6 เดือน  กว่าจะได้กลับมาก็ท้าย ๆ ฤดูกาลพอดี  
เล่นกับชัยนาทประมาณ 3 ปีครึ่ง  
ก็ย้ายเข้ามาอยู่กับ  บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครับ

ผมเลือกที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง  เพราะชอบในการเล่นในเกมรุก  
ครับ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง  ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอล  
คือก่อนที่จะได้ไปเล่นกับเกร็กคู  ตอนนั้นมีครอบครัว มีลูก  
ก็เลยคิดว่าจะหยุดทางบอล  มาทำคาร์แคร์อยู่บ้าน  
ตอนนั้นก็คิดว่าแค่นี้เราก็อยู่ได้แล้ว  
ก็หยุดไปได้ประมาณเกือบครึ่งปี  
อยู่ ๆ  เพื่อนของพ่อก็โทร.มา   บอกว่าเกร็กคูเปิดคัดตัวนักฟุตบอล  
หน่องสนใจไหม (ชื่อเล่นหน่อง)  คิดไปคิดมา ตัดสินใจไปคัดดู   ได้  
หลังจากนั้นก็กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งหนึ่ง



ฉายา “หน่องคลาสสิค  ได้มาตอนที่เล่นให้กับเกร็กคูครับ  
เพื่อน ๆ ในทีมเขาว่าอย่างนั้น  ก็เลยได้ฉายานี้มา

ครับผม  เกมที่เล่นกับสุพรรณบุรี  ที่สกอร์  1  :  2  นั้น  
ที่มีคนวิจารณ์ว่าเป็นลูกระดับเวิลด์คลาสนั้น  ก็ดีใจครับ  
คือตอนแรกลูกเตะมุมมันกระฉอกมาทางผม  
ผมเหลือบมองไปเห็น  ก็ยิงเลย  
เป็นประตูแรกในทีมใหม่  ไม่ได้ฟลุคครับ  ตั้งใจยิง  

ตอนที่บุรีรัมย์ติดต่อไปนั้น  ผมเองก็อยู่กับชัยนาท  
ซึ่ง ณ ตอนนั้น  สถานการณ์ทีมก็ไม่สู้ดี  
ผมเองก็อยากจะอยู่ช่วยทีมต่อ  แต่ว่าอนาคตเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน  
บุรีรัมย์ ก็เป็นทีมใหญ่  เป็นโอกาสที่สำคัญ  ก็เลยตัดสินใจมา  
การมาบุรีรัมย์  ผมตัดสินใจด้วยตัวเอง  
เมื่อตัดสินใจมาก็เตรียมการ  ให้ครอบครัวย้ายมาก่อน  2  อาทิตย์  
หาที่เรียนให้ลูกเป็นลำดับแรก

การย้ายเข้ามาอยู่กับบุรีรัมย์ ในสถานการณ์แบบนี้ก็มีความกดดันครับ  
ไม่ใช่เพราะว่าทีมกำลังตามหลังทีมอื่นนะครับ  
ที่ว่ากดดันก็คือ  คิดว่า ตัวเองย้ายมาทีมใหญ่แบบนี้  
จะมีโอกาสได้ลงสนามหรือเปล่า  
จะปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นของทีมได้หรือเปล่า  
ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว   มาวันแรกก็ดี  ที่นี่ต้อนรับอย่างอบอุ่น  เป็นกันเอง  
เป็นกันเองแบบว่า โดนแกล้งมากเป็นพิเศษ  
โดนรับน้องตั้งแต่ซ้อมวันแรกเลย  
หลังซ้อม  ท่านประธานฯ เรียกชื่อให้บอกเลิกแถว  
ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าจะโดนแบบนี้  
ก็พูดไป  ปรากฏว่า ผิด  โดนเต็ม ๆ   ....  
ที่อื่นไม่มีรับน้องแบบนี้  รับรอง

ในส่วนของทีมชาติ  ก็เป็นความหวังของนักฟุตบอลทุกคนครับ  
มีโอกาสก็ดี  มันเป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจ  
ส่วนการไปเล่นต่างประเทศ  ไม่เคยคิด  ไม่กล้าคิด  
ได้มาเล่นในระดับนี้ แค่นี้ก็ดีใจที่สุดแล้วครับ

งานอดิเรก  ผมชอบความเร็ว  
แต่ก่อนนั้นเวลาว่าง ๆ  ก็จะไปแข่งรถยนต์ทางตรง  
มาอยู่บุรีรัมย์   สนามช้างอินเตอร์ฯ  ยังไม่มีโอกาสเข้าไปเลย  
ได้แต่มองเห็นไกล ๆ  มีโอกาสจะเข้าไปดู  

ขอขอบคุณแฟนบอลทุกท่าน
ที่ให้การต้อนรับผมอย่างอบอุ่น  
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา  
ขอให้ทุกคนร่วมเป็นกำลังใจ
และเชียร์ทีมอย่างนี้ตลอดไปนะครับ  



http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php/topic,373367.0.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่