เรื่องราวของเจ้าเสือ ต่อจาก มาช่วยเหลือน้องหมากันนะ...[เมื่อวัดไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิง ให้กับหมาจรจัดได้]



เรื่องราวที่เราพบเจอ
เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่มาบวชที่วัด
โดยเราไปจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้
ที่ลานจอดรถตรงข้ามกับเจดีย์ในวัดแห่งนั้น
และเราเจอเจ้าหมาวัดตัวหนึ่ง
มันมาดมๆที่รถและตัวของเรา
เมื่อเราเห็นมัน ด้วยความที่
หมาตัวนี้มีลักษณะพิเศษตรงที่
ขนของมันเป็นสีดำสลับเหลืองไปทั่วตัวเหมือนกับเสือ
เราก็พูดกับมันว่า "อ้าว หวัดดีเจ้าเสือ"
พร้อมกับเอามือลูบหัวมัน
จากนั้นเราก็เดินไปตรงสำนักปฏิบัติธรรมของวัด
เจ้าเสือก็เดินตามมาด้วย
คือปกติแล้วเรามาที่วัดนี้บ่อยมาก
และมักจะลูบหัวหมาเป็นปกติ
ก็ไม่ได้มีหมาตัวไหนเดินตามมา
เพียงแต่กระดิกหางให้เท่านั้น
แต่ครั้งนี้เจ้าเสือที่เราเพิ่งเจอมันเดินตาม
เราก็คิดแค่ว่าเรามาบวชคนเดียว มันก็คงจะเดินตามมาส่งเป็นเพื่อนเท่านั้น
เราไปนั่งรอตรงจุดที่จะลงทะเบียนบวชของวัด
เจ้าเสือก็มานั่งด้วย
แต่มันถูกหมาเจ้าที่ตามขู่และตามไล่
มันจึงวิ่งหนีไป
ตอนนั้นเราก็มัวแต่มองหาพระ
เพราะจะทำเรื่องลงทะเบียน
เราเลยไม่ได้สนใจเจ้าเสือ
แต่มีคนที่ทำงานให้วัดบอกให้เราไปกินข้าวกับคนที่มาปฏิบัติธรรมก่อน
แล้วค่อยมาลงทะเบียน
พอเราลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย
เราก็เดินไปที่รถ และขี่มาจอดหน้าสำนักปฏิบัติธรรม
พอจอดรถได้ เจ้าเสือก็วิ่งมาถึงรถเรา
มันดมๆรถ และดมเราด้วย
กระดิกหางให้
เราก็เออๆ เจ้าเสือนี่น้า ทำตัวน่าเอ็นดู
แล้วเราก็เอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องพัก
จังหวะนั้นมันมัวเดินดมๆแถวๆนั้นอยู่
เมื่อเราลงมา เราก็จะไปขอพระ
ว่าจะไปเอาของที่หอตัวเอง
เจอคนที่ทำงานที่วัดก่อน
เขาก็ให้ไป โดยเราต้องมาให้ทันรับศีลในตอนเช้า
เราก็โอเค ทีนี้ตอนเราขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกนอกวัด
เจ้าเสือก็วิ่งตามมาด้วย
เราเห็นมันจากข้างๆตอนที่ขี่ช้าๆ
เราจึงบิดรถให้เร็วขึ้น
เพื่อไม่ให้มันตามมา
จะได้ไม่เป็นอันตราย เดี๋ยวจะถูกรถชน
เจ้าเสือก็วิ่งตามเรามานอกประตูวัดได้นิดเดียว
แล้วมันก็ต้องเจอกับหมาตัวอื่นขับไล่
จากนั้นเราก็บิดรถให้เร็วขึ้นพร้อมทั้ง
คิดว่าดีนะ ดีกว่าให้มันตามเรามา
ไม่งั้นจะแย่กว่านี้
พอเรากลับจากการเอาของที่ลืมไว้ที่หอแล้ว เราก็ไม่ได้เจอเจ้าเสือเลยในวันนั้น
ทั้งวัน เราก็พยายามเดินรอบวัด
เพื่อหามัน อยู่สามสี่รอบ
แต่ก็ไม่เจอ ไม่รู้มันไปอยู่ที่ไหน
แต่เราเชื่อในสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของหมา มันน่าจะกลับมาได้
เวลาผ่านไปจนถึงอีกวันหนึ่ง
ตอนใกล้ๆกลางวัน
เราก็เจอเจ้าเสือ
มายืนรอที่หน้าบันไดที่ลงมาจากห้องพัก
เมื่อมันเห็นเราก็ดีใจใหญ่
เอาเท้าหน้าทั้งสองข้างขึ้นมาเกาะเอวเรา ซึ่งติ๊งต่างว่าเป็นมือของมัน
มันจับมือเราแล้วเลียๆข้างขวามาข้างซ้าย
จากนั้นก็ลงไปเลียเท้าเราทั้งสองข้าง
มันกระดิกหางแรงแล้วทำแบบนี้ประมาณสี่ห้ารอบ
เราก็เดินไปเข้าห้องรวมที่จะต้องกินข้าว
เจ้าเสือก็ตามมาด้วย
แต่ตรงนั้นมีประตู
มันก็พยายามจะตามเข้ามา
คนที่จะต้องใช้ประตูต่อก็เดือดร้อน
ต้องมีคนมาไล่มันไป
นี่เริ่มเกิดปัญหาขึ้นแล้ว
เพราะปัญหาที่มันตามเราจะเข้ามาหาที่นั่นที่นี่ให้ได้
ก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ที่มีปฏิบัติทั้งหลาย
เวลากลางคืน หรือตอนที่เราจะขึ้นห้องพัก
ตรงบันไดจะมีประตูกันหมาขึ้นมา
เมื่อเราปิดประตูนี้ใส่มัน
มันก็จะร้องหงิงๆหาเรา
ถ้ามองในมุมมัน มันก็แค่อยากจะอยู่กับเรา
อยากเจอเราเท่านั้นแหละ
มันไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความเดือดร้อนให้ใครเลย
แต่สิ่งที่มันทำนั้นได้กระทบกับผู้คนและตัวมันเอง
มันถูกคนตี เพื่อไล่มัน
เจ้าเสือมันกลัวไม้
เรารู้ได้เลยว่ามันกลัว
ก็จากการที่สำนักปฏิบัติธรรมที่นี่นั้น
จะให้ผู้ที่มาบวชมีการบำเพ็ญบุญ
โดยการทำความสะอาดบริเวณวัด
วันแรกที่เจ้ายิ้มลับมา
ตอนที่ถึงเวลาทำความสะอาด
เราหยิบไม้กวาดขึ้นมา
เจ้าเสือตามมา พอมันเห็นอย่างนั้น
มันก็หมอบลงนิดนึง หางตกลง
สายตาดูหวาดกลัว แล้วจ้องมาที่ด้ามไม้กวาด
เราเห็นอย่างนั้นแล้ว
เราก็ยื่นมือไปหามัน เรียกมันว่า
"เสือ" มันก็เดินมาหาเรา
แต่ก็เกรงๆกับไม้กวาดที่เราถืออยู่
เราดูแล้ว รู้เลยว่ามันคงจะเคยโดนใครใช้ไม้กวาดตีมันมาก่อนแน่นอน
เวลาเราจะเดินไปทำความสะอาดที่อื่น
ในบริเวณวัด เพียงเดินออกไปจากโซนสำนักปฏิบัติธรรม เจ้าเสือก็เจอหมาเจ้าที่ไล่กัดตลอด
เจ้าเสือมันกลัวก็กลัว แต่ก็ยังเดินมากับเรา
และเรารู้สึกเจ็บปวดใจมากที่เจ้าเสือถูกฝูงหมาไล่กัดมัน แต่เราไปช่วยอะไรมันไม่ได้เลย
เรื่องนี้เราสะเทือนใจมาก
ไม่ว่าจะเดินไปโซนไหนเจ้าเสือก็โดนหมาเจ้าที่รุมกัด
แม้กระทั่งน้องมันเอง
เราเจอหมาตัวเล็กกว่าเจ้าเสือ
ที่มีลายดำสลับเหลืองคล้ายๆเจ้าเสือ แต่ตัวนี้สีดำเยอะกว่า
ส่วนเจ้าเสือจะดูมีสีเหลืองมากกว่าและโตกว่านิดหน่อย
เจ้าเสือมันยังเป็นหมาที่โตไม่เต็มวัย
และมันมีอาการคันฟัน ต้องหาอะไรแทะด้วย
เวลาเรานั่งที่โต๊ะซึ่งทำด้วยปูน
เจ้าเสือก็จะเอาฟันมันมางับๆโต๊ะนั้น
บ้างก็หาเศษกิ่งไม้ ใบไม้แห้งๆแข็งๆ
แทะไปเรื่อยๆตามประสามัน
ซึ่งก็ดูเสี่ยงที่มันอาจจะกัดใครได้ด้วยเช่นกัน ถ้ามันคันฟันมากๆ
เราคิดว่านะ เพราะเราก็ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับหมา
บ้านเราไม่ได้เลี้ยง
แม้แต่ในคืนวันอาสาฬหบูชา
เจ้าเสือก็ยังเดินตามเราไปเวียนเทียนด้วย มันคอยตามหาเราตลอด
และที่เรารู้สึกดีที่อย่างน้อยมันก็ยังฟังเราคือตอนที่เรานั่งอยู่
แล้วมีผีเสื้อปีกสีฟ้าตัวหนึ่งมาอยู่ตรงพื้น
เจ้าเสือเห็นก็เข้าๆไปดม กำลังจะเอาเท้าเขี่ย
เราก็เรียกมัน
"เสือ" เจ้าเสือก็หันมาทันที
ทิ้งผีเสื้อไว้ข้างหลัง และวิ่งมาหาเรา
แม้แต่ตอนที่วันแรกๆมีคนมาให้ข้าวมัน
ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้ให้ข้าวมันเลย
คนอื่นนำอาหารมาให้มัน แต่เจ้าเสือก็ถูกหมาเจ้าที่ที่สำนักปฏิบัติธรรมไล่กัดมัน
จนคนนั้นก็นำอาหารไปให้เจ้าเสืออีกที่
มันก็กิน แต่ยังกินไม่เสร็จ
พอเห็นเราเดินมาล้างจาน
มันก็ทิ้งอาหารแล้วตามเรามา
เหตุการณ์ที่หมาไล่กัดเจ้าเสือ
ทำให้คนอื่นไม่เอาอาหารมาให้มัน
วันต่อมาเราเลยเอาอาหารมาให้มัน
และวันนั้นก็มีข้าวเปล่ากับเห็ดหอม
มันเลยกินนิดเดียว
คนอื่นก็เอาอาหารมาให้มันอีก
นิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งก็เห็นมีคนเดียวที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดรุ่นๆเดียวกับเรา
เราเลยเอามาม่ามาให้มันกิน มาม่านี้มาจากการที่คนใส่บาตรพระมา

ที่สำนักปฏิบัติธรรมบางคนก็เอ็นดูเจ้าเสือ จับหัวมันบ้าง หรือมีคนให้อาหาร
มันก็ไม่ตามเหมือนกับที่ตามเรา
ในช่วงที่เราอยู่
แต่ทุกๆครั้งมันจะคอยเฝ้ามอง เฝ้ารอแต่เรา
และดีใจมากเวลาที่ได้เจอเรา
มีคนที่มาปฏิบัติธรรมเขาก็พูดกับเราว่า
หมามันชอบเป็นบางคน
เรากับมันอาจเป็นคนรู้จักกันมาก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม
คนที่มาปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้เอาอาหารมาให้หมา เพราะที่นั่นจะมีเครื่องย่อยกากอาหาร
เราคิดว่าอาจจะเอาไปทำปุ๋ย
ซึ่งอันนี้เราก็ไม่รู้
แต่ที่รู้คือไม่มีใครเอาอาหารมาให้มัน
เพราะคิดว่าคนที่ทำงานให้วัด
จะเอามาให้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
คนที่ทำงานให้วัดเพียงแค่เรียกชื่อหมาสองตัวที่เคยอยู่มาก่อนแล้วเท่านั้น
โดยเจ้าสองตัวนั้นถูกเลี้ยงดีกว่าหมาตัวอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้น
ส่วนหมาอย่างเจ้าเสือก็ไม่ได้กิน
ถ้าวันแรกๆคนที่มาปฏิบัติธรรมคนนึงไม่ได้เอามาให้มัน
มันก็คงไม่ได้กิน
ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ เราก็ไม่ได้ให้เจ้าเสือกิน
เพราะเราคิดว่าเดี๋ยวอาหารเหลือจากห้องครัวแล้ว
คงมีใครเอามาให้ แต่ปรากฏว่าไม่มี
นั่นแหละเราก็เริ่มคิดแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ให้อาหารมัน
ได้รู้ก็วันสุดท้ายที่เราตัดสินใจจะออกจากวัดนั่นแหละ
เราเสียใจมาก แต่เราไม่อยากให้เจ้าเสือมันถูกใครตีมันเพราะมันพยายามจะมาหาเราอีก
เราไม่อยากให้มันต้องถูกหมาตัวอื่นไล่กัดมันจากการที่มันพยายามจะตามเราไปทุกที่
ซึ่งการที่เราออกจากวัดมาก่อนกำหนด
อาจทำให้มันต้องอดอาหารด้วย
แต่เราจำเป็นต้องออกวันนั้นเพราะเราบอกพ่อกับแม่ แล้วท่านก็ได้มารับเรากลับบ้านจากต่างจังหวัดในวันนั้น
เราค่อนข้างจะใจหายเมื่อพระบอกว่าวัดจะไม่ให้อาหารมัน
เราคิดต่อไปอีกว่า
แล้วหมาตัวอื่นๆในวัดนี้
มันอาจจะมีก็ได้ที่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆตามป่าแบบเจ้าเสือ
คือเจ้าเสือนี่เวลามันหนีหมาตัวอื่น
มันจะวิ่งเข้าป่าแล้ววิ่งขนาบข้างตามเรามา ดูความพยายามของมันแล้ว
เราก็เห็นใจมันมาก ถึงขนาดที่อยากเอามันมาเลี้ยงเลย
เราคิดสารพัดจะพามันไปคุมกำเนิด
ฉีดยาต่างๆ แล้วก็อาบน้ำให้มัน
เราเห็นแล้วสงสารมันมาก
คือแมลงวี่ ยุงต่างๆจะไล่ตอมตามตัวมัน
กัดมันตลอดเวลา ไหนจะเห็บ จะหมัดอีก
ยิ่งตรงอวัยวะเพศมันก็มีเหล่าแมลงวี่บินวนอยู่ด้วย เจ้าเสือมันเป็นหมาตัวเมีย
เห็นแล้วสงสารจับใจจริงๆ
หมาจรจัดตัวอื่นๆก็คงไม่ต่างกันหรอก
แค่นี้ ตัวมันก็ทุกข์มากแล้ว
ดันไม่ได้กินอาหารอีก
เรากลับบ้านมาแล้วเมื่อวานนี้
ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าเสือจะเป็นอย่างไรบ้าง
แล้วจะมีหมาที่ต้องเจออะไรเลวร้ายแบบเจ้าเสือมากขนาดไหน
การที่เราเอาเรื่องจริงมาเล่า
ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเสือจะเป็นอันตรายไหม
แต่อีกด้านนึงคือคนที่มาทำบุญ มีใจเป็นบุญอยู่แล้ว
หากพบเห็นมันเราก็อยากให้เขาเมตตาเห็นใจมันด้วย และหมาตัวอื่นๆเช่นกัน
เราก็อย่าไปคิดไว้ใจว่าหมามันอยู่ในวัด
มันคงได้กินอิ่มแล้ว
เราไม่ได้จะให้ใครมาโจมตีกับทางวัด
ที่ไม่ต้องการจะให้มีหมาเยอะหรอก
เพราะยังไงมันก็คือเหตุผลของเขา
แต่เราว่าเรื่องนี้มันน่าจะมีทางออกที่ดี
ร่วมกัน ระหว่างคนใจบุญกับทางวัด
เกี่ยวกับเรื่องหมาจรจัด แมวจรจัด
หรือสัตว์อื่นๆด้วย
เพราะวัดในปัจจุบัน
ท่ามกลางระบบทุนนิยม
เรื่องหมาจรจัด แมวจรจัด
จะให้ทางวัดรับผิดชอบฝ่ายเดียว
ก็คงไม่ได้ เราเข้าใจ
แต่ก็ควรจะมีพื้นที่สำหรับน้องหมา น้องแมวที่เกิดมาจากตัวที่ถูกนำมาปล่อยไว้ข้างทาง
หากใครอยากจะเลี้ยงหมา
ก็หันมาเลี้ยงหมาวัดก็ได้
อย่างน้อยก็ให้มัน
ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เราว่าถ้าเรากลับเชียงใหม่ ก็คงจะไปหาเจ้าเสือที่วัด
ไปดูว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง
แล้วก็เอาข้าวไปให้มันด้วย
ถ้ามันยังอยู่ที่วัดนั้นอยู่
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
เราอาจจะไม่ได้เจอมันอีกเลยก็ได้
เราเองก็กลัวเหมือนกันในเรื่องนั้น
ซึ่งกว่าเราจะกลับเชียงใหม่ก็คงอีกหลายวัน
ไม่รู้ว่าเจ้าเสือจะได้กินอาหารจากใครบ้างรึยัง หรือมันจะออกจากวัดนั้นแล้ว
หรือว่ามันจะกลับไปที่สำนักปฏิบัติธรรมเพื่อรอเรากลับไป
เรายอมถูกคนด่าเรา มากกว่าที่จะให้เจ้าเสือไม่ได้กินอาหาร
หรือหมาตัวอื่นๆในวัดที่จะไม่ได้กินอาหารเช่นกัน
ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ในวัดทั่วไปใครจะรู้

วัดสำหรับเราแล้วควรจะเป็นที่พึ่งพิงได้
สำหรับคนเราและสัตว์อื่นๆ
คนเราเข้าวัด เพราะเชื่อว่าวัดดี
โดยวัดในที่นี้ที่เราพูดถึง
หมายความถึงวัดที่มีคนในวัดคิดดี
ทำดี พูดดี ไม่ใช่วัดที่เป็นเพียงสถานที่เท่านั้น
วัดที่ดี ใครๆก็อยากเข้าเพราะได้ทำบุญอย่างแท้จริง
แต่วัดบางวัดหรือหลายๆวัด
เรื่องการทำบุญกลับเป็นการทำแบบบุญนิยม คืออิงระบบทุนนิยม
ต้องใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์
กอบโกยจากผู้คนที่มาทำบุญ
คนเราคงไม่ต้องการวัดแบบนี้ใช่ไหม
วัดที่ต้องการกอบโกยแต่อาหารและเงินทองโดยที่สัตว์อื่นไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้เลย รวมถึงคนเราด้วย
แล้วอย่างนี้ก็ต้องตั้งคำถามกันแล้วว่า
เงินที่เราทำบุญไปนั้นมันเกิดผลดีต่อเราจริงหรือ
ถ้าหากว่าที่ไปของเงินนั้นมันกลืนหายไป โดยที่ไม่ได้ช่วยเผื่อแผ่แก่สังคม
ในด้านใดด้านหนึ่งเลย
เราไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของศาสนาพุทธต้องออกมาในรูปแบบเช่นนี้ตามที่ปรากฏที่วัดโดยส่วนมากเลย
เพราะเราเคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่งมา อยู่ที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ที่นั่นพระเทศน์สอนดีมาก แล้วก็ไม่เสียเงินสักบาท
มีอาหารให้ทาน ซึ่งมาจากการที่มีคนใจบุญเลี้ยงคนที่มาปฏิบัติธรรมจริงๆ
และในบริเวณวัดก็ไม่มีตู้บริจาคด้วย
มีเพียงจุดเดียวที่สามารถติดต่อขอบริจาคเงินได้
เราว่าวัดแบบนี้สามารถพึ่งพิงได้จริงๆ
เพราะคนเราไม่ควรเบียดเบียนกัน
และก็ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อื่นเบียดเบียนกันเอง
เมื่อเราพบว่ามันลำบาก
เราก็ควรช่วยเหลือ
มิใช่ปล่อยให้มันลำบาก
เพราะถ้านึกว่าตัวเราต้องมาเจอ
แบบนี้บ้าง เราก็คงต้องการความช่วยเหลือ
มากกว่าจะถูกหยิบยื่นความทุกข์มาซ้ำเติมให้ชีวิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่