ยังคงถือคติมาช้าดีกว่าไม่มา วันนี้ได้ฤกษ์เบิกโรงรีวิวหนังกับคนอื่นเขาบ้าง หลังจากที่แอบติดตามห้องเฉลิมไทยมาสักพักใหญ่ๆแล้ว คงถึงเวลาที่นักส่องรีวิวอย่างเราจะลงมือเขียนรีวิวด้วยสำนวนตัวเองเสียที ต้องขออภัยด้วยที่ผมเพิ่งมารีวิวขุนพันธ์ ในขณะที่คนอื่นเขาไปรีวิว Star Trek กันหมดแล้ว เรื่องของเรื่องก็เป็นเพราะผมเพิ่งได้ดูขุนพันธ์เมื่อวันเข้าพรรษานี่เอง แถมยังอวตารร่างใหม่มาเพื่อรีวิวหนังโดยเฉพาะ กว่าจะรอยืนยันตัวตนเสร็จก็มาเอาป่านนี้แหละครับ ชี้แจงก่อนเลยนะครับว่าผมเพิ่งเคยรีวิวหนังลงพันทิปเป็นครั้งแรก ผมเองเป็นแค่คนดูหนังทั่วไป ไม่ได้เรียนฟิล์มหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์แต่อย่างใด รีวิวไปตามสิ่งที่สายตาผู้ชมทั่วไปคนหนึ่งมองเห็นเท่านั้นครับ



เอาเป็นว่าผมขอเริ่มเรื่องแรกกับหนังไทยแห่งปีนี้ ปีที่แล้ว หรืออาจจะถึงปีก่อนโน้นเลย เพราะด้วยความที่ “ขุนพันธ์” ประกาศแผนการสร้างตั้งแต่ช่วง Pre-Production มานานปีดีดัก แว่วข่าวมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามรอบว่าจะลงโรงตลอดสองสามปีที่ผ่านมา ไอ้เราเองก็ติดตามหนังของผกก.คนนี้มาบ้าง และต้องถือว่าหนังเขาถูกจริตเราพอดู พอเห็นข่าวขุนพันธ์จะฉายปีไหน ก็ตาลุกวาวเตรียมกุมกระเป๋าตังค์เดินเข้าโรงหนังทันที แต่ค่ายใบโพธิ์ก็ทำกับผมได้ กำหนดฉายนี่เลื่อนแล้วอีกยังกะหนังมหากาพย์หกภาค พอมาต้นปีนี้ก็มีกำหนดฉายใหม่มาอีก และแน่นอนว่าผมจะไม่ตกหลุมพรางค่ายใบโพธิ์อีกแล้ว จนกระทั่งทีเซอร์ตัวแรกออก ผมถึงใจชื้นขึ้นมาบ้าง

ในที่นี้จะไม่บรรยายฉากหรือเนื้อเรื่องมากมายให้มันเสี่ยงกับการสปอยล์นะครับ เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้เปรียบดั่งลายเซ็นที่งดงามแต่ยังไม่สมบูรณ์พร้อมของผู้ชายที่ชื่อ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” หลายฉากในขุนพันธ์ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องเก่าๆของพี่โขม โดยเฉพาะเรื่องอันธพาล ซึ่งเป็นหนังที่มีไทม์ไลน์ใกล้เคียงกับหนังเรื่องนี้ (เรื่องขุนพันธ์อยู่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ราวปี พ.ศ.248X ส่วนเรื่องอันธพาลอยู่ราวๆปี พ.ศ.2500) จึงทำให้กลิ่นอายของทั้งสองเรื่องมีความใกล้เคียงกัน

เกริ่นมายืดยาว หลายท่านคงจะพอทราบแล้วว่าผม “คาดหวัง” กับขุนพันธ์ไว้พอสมควร ซึ่งก็จริงตามนั้นครับ แต่ผมยังไม่คาดหวังถึงขนาดว่าจะเป็นการพลิกวงการภาพยนตร์ไทยขนาดนั้น ผมแค่คิดว่า “มันต้องดีสมกับเป็นหนังก้องเกียรติ” แต่แล้วผลออกมาผิดคาด แต่ไม่ผิดหวังครับ
ผิดคาดคือ มีหลายช่วงหลายตอนที่ผมไม่คิดว่ามันจะมีในหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศในหนัง ฉากรถไฟ รวมถึงบทตัวละครสมทบหลายตัวที่ผิดคาดไปเยอะพอสมควร แต่ไม่ผิดหวัง เพราะผมยังได้ดูหนังไทยที่ทำให้ผมไม่ละสายตาตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงเต็ม ในขณะที่ผมยอมรับว่าเคยแอบดูนาฬิกาตอนที่ดูหนังยักษ์ หนังลูกลิง หนังกำจัดผี หนังเอเลี่ยน และอีกหลายๆเรื่องที่เข้าโรงในช่วงเดือนที่ผ่านมา

คะแนนวิจารณ์ ขุนพันธ์ (2016) 7.0 / 10

รีวิวละเอียด ติดตามต่อด้านล่างเลยครับ

ขอบคุณครับ