สวัสดีค่ะ นี่ไม่ใช่กระทู้แรกนะค่ะ แต่เราไม่ได้ตั้งกระทู้ถี่ๆแน่นอน...
ขอเกริ่นก่อนนะค่ะ ว่าเราเป็นคนที่โกรธง่าย หายเร็ว...และชีวิตเรานี่เป็นคนที่ไม่เกลียดใครเลยเลยค่ะ ตั้งแต่เราเกิดมา เราเพิ่งจะเกลียดคนอื่นไปแค่ 2 คน ซึ่งเป็นญาติ 1 คน...และเป็นผู้ชายนอกวงตระกูล 1 คนค่ะ... วันนี้มีปัญหาอยากจะมาถามชาวพันทิปหน่อยนะค่ะ ด้วยความที่เรานี้แก้ปัญหาไม่ออกแล้วจริงๆ เข้าเรื่องเลยนะค่ะ (อาจจะยาวสักเล็กน้อยนะค่ะ)
ย้อนกลับไปสักประมาณ 6 ปี ที่แล้วครอบครัวของเรามีมีพ่อ แม่ พี่สาว และตัวเราค่ะ หลังจากนั้นพี่สาวก็แต่งงานมีหลานอีก 1 คนค่ะ ครอบครัวเราค่อนข้างที่เป็นครอบเพอร์เฟค...การงานมั่นคง มีบ้านพักตากอากาศ...ชีวิตอู้ฟู้ มีร้านอาหาร มีแม่บ้าน...แม่ร้านมือถือ...มีหลายๆอย่างๆที่ชีวิตคนอื่นอยากจะมี...มีรถหลายคัน มีหลายอย่างที่ทุกคนอยากมี....แต่กลับกันนั้น ตัวเรากลับไม่เคยมีความสุขเลย พ่อกับแม่เราเลี้ยงลูกแบบกักขัง ตั้งแต่เด็กเราไม่เคยมีเพื่อนละแวกใกล้บ้านเลย ไปทำรายงานกับเพื่อนก็ไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ในโอวาททั้งหมด เราใช้ชีวิตในบ้าน ไปโรงเรียน และกลับบ้านแบบนี้ตั้งแต่เด็ก...พ่อกับแม่เราเปิดร้านอาหาร และร้านมือถือ เปิดแบบ 7 วัน ไม่มีวันพักเลย วันอาทิตย์ก็เปิด วันหยุด เข้าพรรษา ออกพรรษา สงกรานต์ ปีใหม่ หรือวันสำคัณๆ ที่ร้านอื่นปิด ร้านเราเปิดค่ะ...เราเลยไม่มีโอกาศที่จะไปเที่ยวห้าง หรืออะไรทั้งสิ้น...พูดง่ายๆ ไม่มีเวลาของครอบครัว ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิดเดียว พ่อเราจะมีนิสัยที่ถ้าโกรธใคร กรือใครทำให้ไม่พอใจ ก็จะนอนอยู่อย่างนั้น 7 วันก็ไม่ลุก แล้วจะชอบเรียกเราไปลงไม้ลงมือ บอกว่า "อั้วเป็นพ่อลื้อ อั้วนอนแบบนี้ ทำไมไม่หาข้าวหาน้ำมาให้กินบ้าง"และทั้งแตะ ทั้งตีเรา...ตอนนั้นเราไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม เพราะพ่อเราเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เราเลยเลือกที่จะอยู่ ห่างๆพ่อในวันที่พ่ออารมณ์ไม่ดี...เราเป็นลูกคนเล็ก ใกจะเป็นที่รองรับอารมณ์ของใครๆได้ง่ายเสมอ....จนอยู่มาวันนึง เราไปโรงเรียนตามปรกติ กลับมาบ้ายเห็นพ่อนอนอยู่ เราก็นิ่งๆ เฉยๆ ออกมานั่งหน้าร้านให้มันมืดๆ ค่ำๆ จะได้อาบน้ำเข้านอน... (เพราะถ้าเรากลับบ้านแล้วเข้าห้องเลยจะโดนหาว่าไม่ช่วยงานที่บ้านค่ะ) พ่อไม่ลุกขึ้นเป็นแบบนั้นอยู่เป็นอาทิตย์ มีงานเข้ามา ก็ไม่ลุกขึ้นทำ (บ้านเรารับซ่อมด้วยค่ะ) จนงานกองเป็นภูเขา ก็ไม่มีใครกล้าเรียก เราเลยถามพี่สาวว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมพ่อนอนแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่ได้ทะเลาะกับแม่ด้วยซ้ำ เราก็ได้รู้ความจริงว่า ครอบครัวเรานั้นเริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน พ่อเครียดมาก แต่ไม่ได้เป็นหนี้ แต่ไม่มีเงินในมือ.....พ่อนอนกดดันอยู่นานจนในที่สุด รถคันแรกแม่เอาไปจำ..ได้เงินก้อนมา พ่อเราจึงลุกขึ้นทำงาน แต่พอมีเงิน ก็เป็นหนี้ เหลือรถอีกสองคน...ก็ต้องทำงานส่งหนี้เอารถคันแรกออกมา คราวนี้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้ไม่ทัน จนคันที่สอง คันที่สาม ตามไป รถ บ้าน ไม่เหลืออะไรเลย ครอบครัวเรากลายเป็นบุคคลล้มละลายอย่างเต็มตัว...ต้องย้ายบ้าน พี่สาวไปทำงานที่กทม ครั้งนั้น เป็นครั้งที่เราตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ไม่ใช่เพราะที่บ้านจน แต่เรารับสภาพความกดดันไม่ไหวอีกแล้ว เราออกมาแบบงงๆ มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแค่1 ชุด...แต่เรามีคนรู้จักที่กทม... (ก็แฟนดีๆนี่แหละ) เค้าก็ยังเป็น นศ.อยู่ ต่างคนต่างทำงานไม่เป็น ก็เริ่มอด แต่เราไม่ทิ้งกัน สู้...จนมีเงินเก็บ...จากนั้นพี่สาวก็เริ่มมาขอยืม ราวๆ 6 หมื่น ก็หายเงียบ ไม่คืน (ตอนนั้นเราอายุแค่ 17 เอง) เราไม่พอใจนะที่ยืมไปไม่คืน แต่ทำอะไรไม่ได้....มันเยอะมากสำหรับเราตอนนั้น (ก่อนจะหนีจากบ้านมา เรามีไอโฟน ไอแพด ซื้อเอง ไปจำเอาเงินมาให้ครอบครัวใช้หนี้) เราเริ่มต้นจาก 0 ไม่มีอะไรเลย แม้แต่มือถือใช้....
ตอนเราหนีออกมา เราก็รู้ความจริงว่า แม่เรารับไม่ได้กับการที่ล้มละลาย แม่เราติดเกมส์ไพ่มาก่อนจะล้มละลาย และติดหนักมากขึ้นหลังล้มละลาย เติมชิปอย่างบ้าคลั่ง แม้จะไม่มีเงินจะกินข้าว เวลาล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี...เรากลับไปบ้านอีกครั้ง กับเงินในมือ 1 ก้อน เราไม่ได้ทะเลาะกับแฟน แต่แม่เราเกลียดแฟนเรา (แฟนเราไม่ชอบครอบครัวเราเพราะชอบไถ่เงินเรื่อยๆ แล้วไม่เคยจะคืนเลยเงินทุกบาทคือหยาดเหงื่อ ในวันที่เราไม่มีเงินจะกินข้าว แค่ 300 บาท พี่สาวเรายังให้ยืมไม่ได้ แต่เราพยายามเข้าใจเพราะพี่สาวก็มีพี่เขยถ้าพี่เขยไม่อยากให้พี่สาวก็ให้ลำบาก) แม่บอกให้เราเลิกกับแฟนคนนี้ ตอนนั้นเราไม่รู้คิดอะไรอยู่ เราเอาเงินที่มีทั้งหมดเก็บไว้ที่ตัว และไม่ให้แฟนเราเลย ทั้งๆที่เราเคยลำบากมาด้วยกันตลอด เราตัดสินใจอยู่บ้าน โดยทิ้งแฟนทั้งๆที่เค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย.....เราซื้อสร้อยให้แม่ ให้พ่อ ทุกอย่างในบ้านรับผิดชอบเองทั้งหมด ซื้อของเค้าบ้านใหม่หมด คืดแค่ว่าที่ผ่านมายังไม่ทำหน้าที่ลูกมากพอ... ตอนเราซื้อทองให้แม่เราขอกับแม่ว่า อน่าเอาทองไปขาย ไปจำ หรืออะไรทั้งสิ้น ขอร้องได้ไหม...... เพราะถ้ามันไปแล้ว ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะซื้อให้ได้อีกครั้ง.....เรากลับมาแล้วก่อนที่จะกลับเราพาแม่ไปตรวจร่างกายแบบละเอียดใช้เงินไปอีก 5000 แล้วแม่ขอตังไว้ใช้เอง หมื่นนึง ไม่ให้ก็ไม่ยอมโกรธเราจะเป็นจะตายสุดท้ายต้องให้ พอผลตรวจออกหมอบอกเป็นมะเร็งลำใส้แม่เราปลงตก ต้องรับกลับบ้านอีก พอไปก็ต้องจ่ายค่ารักษาต่างๆ หมอก็นัดส่องกล้อง เราซื้อข้าวสาร น้ำดื่มทุกอย่างให้แม่ไว้ก่อนขึ้นมากทมอีก ตอนไปหาหมอที่สถาบันมะเร็ง หมอบอกว่าไม่น่าจะใช่ แต่จะนัดส่องกล้องเพื่อความสะบายใจ แต่แม่เราเครียดหนักไปหาหมออีก หมอบอกให้ไปทำ CT ผลออกมาจะได้รู้เลยมะเร็งหรือไม่ใช่มะเร็ง ตอนนั้นเงินเก็บของเราเหลืออีกประมาณ 5 หมื่น...แม่โทรมาหาเรา บอกหมอให้ไปทำ CT ต้องไปทำเอกชนเพื่อจะได้รู้ผลเลย เราโทรเช็คค่ะว่าใช้เงินเท่าไหร่ ปาเข้าไปอีกเกือบสามหมื่น เราให้นะ เดือนนั้นเดือนเดี่ยว เกือบแสน ถ้ารวมที่มาขอตอนเราอยู่บ้านทีละ5พัน 3 พัน แปปๆมาขอ วันสองวันขอ..ก็แสนกว่า ทำCT ผลออกมาไม่ใช่ แต่ตับแข็งแทน เฮ้อ....ยาบำรุงอีกสิค่ะ อัดเข้าไป จ่ายเเช้าไป แต่โล่งนะค่ะ โล่งทั้งใจ โล่งทั้งกระเป๋าเงินเลยค่ะ
ลืมบอกไปค่ะหลังจากที่ล้มละลาย พ่อเราปลงกับชีวิตเปลี่ยนเป็นคนละคน ดีกับครอบครัวตั้งใจทำงาน ไม่หงุดหงิดอะไรง่ายๆ...พ่อ้ปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย แฟนเราก็ง้อเราทั้งๆที่เค้าไม่ผิด...เราตัดสินใจกลับไปหาเค้าอีกครั้ง...และเราก็บอกกับแม่ไว้ว่าอย่าเอาทองไปขาย ไปจำ...ขอร้อง....แม่เรารับปากเป็นหมั้นเป็นเหมาะ แล้วเราก็กลับมากรุงเทพ แค่ไม่ถึง 10 วัน แม่เราเอาทองไปจำ แล้วพ่อรู้พ่อโวยวาย ก็โทรมาบอกให้เราโกหกพ่อให้หน่อยว่าเราเดือดร้อนตัง ต้องใช้ตัง.....แม่เอาแค่สร้อยข้อมืออย่างเดียวเองที่เอาไปจำ เราเสียใจค่ะแต่ไม่อยากให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันเลยตัดสินใจโกหกพ่อไป แต่พ่อไม่เชื่อค่ะ แล้วพ่อบอกเราว่า แม่เอาทองที่มีไปจำหมด และซื้อทองปลอมมาใส่แทนแม่โอนเงินให้ผู้ชายในเกมส์ไม่รู้กี่ร้อยรอบ แล้วบ้านเราเป็นแบบนี้??จะให้พ่อทำไง(ตอนเรากลับไปบ้านเดือนนึงเราแอบเห็นแม่ไปโอนเงินให้ผู้ชายคนอื่นกับเงินเราที่ขอไปบอกไปซื้อยา5000นั้นแหละเราเลยถามแต่แม่เราแถไปไกลเลยเราเลยเฉยค่ะเพราะถือว่าเราตั้งใจให้ไปแล้ว)....ทำแบบนั้นเพื่ออะไร เราเลยรู้ว่าแม่โกหกเรา ว่าเอาแค่สร้อยข้อมือไป...ตอนนั้นจุกมากหน้าชา คุยกับแม่อีกครั้ง ว่าแม่เอาไปจำไว้เท่าไหร้ทั้งหมด ตอนนั้นเราอยากไถ่คืนค่ะ แต่เราคงจะไปไถ่กลับเองและเอาทองกลับมาด้วย แม่เราบอกแค่หมื่นเดียวเอง....เราคิดไม่ตกจะทำยังไงดี แม่คงไม่ไปไถ่แน่ยอยเพราะเตรียมซื้อของปลอมมาใส่แทนแล้ว...เราเลยขอร้องให้แม่ไปขายทองนั้นเถอะ....แล้วโอนเงินที่เหลือให้เราที....เงินที่เหลือก็ไม่มากไม่น้อยเท่าไหร่แต่มันก็ดีกว่าเป็นแบบนี้....แล้วึอก่อนหน้าที่แม่จะเอาทองไปจำ โทรมาหสเราบอกพ่อกับแม่ไม่มีเงินสักบาทจะกินข้าวก็ไม่มี ตอนนั้นเราจะออกไปทำบุญ เงินก็แทบจะไม่เหลือ ยังโอนให้แม่ไป... (ลืมบอกตังที่เราให้แม่ไว้หมื่นนึง แม่เอาไปทำหายทั้งกระเป๋าเสียเกือบ5พันทำให้ไม่มีเงิน) แม่ตกลงกับเราว่าจะไปขายทองที่เหลือในธนาคารให้เราค่ะ และแม่ก็ไม่ทำตามคำพูด เราโทรหาแม่เป็นสิบสายโทรทั้งวันๆทั้งๆที่นัดกันไว้ช่วงเช้า เราเลยส่งหมายเลขบัญชีไปให้แม่แทน....แมาเงียบหายค่ะ รับสายเอาช่วงเย็นๆ บอก พ่อนอนไม่ลุกขึ้นโกรธแม่นั้นนี่ เรื่องทองแม่ไม่กล้ไปขายแล้ว อายเค้า พ่อก็จ้อง เราเลยบอกว่า ตอนแม่ทำเองโกหกเองว่าหนูเอาทำไมทำได้ ทีตอนนี้หนูจะเอาจริงๆ ทำไมกลัวพ่อขึ้นมา...ทำไมอ่ะแม่ ทำไม....เราร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเลยค่ะ แล้วเราไม่คุยกับแม่อีกคุยกับพี่สาวพี่สาวบอกใจเย็นๆ (พี่สาวยืมเงินเราไปหมื่นห้าตอนที่แม่ป่วยแล้วพี่สาวต้องกลับบ้านกระทันหันทำให้ไม่มีเงิน เท่ากับรายจ่ายในบ้าย ค่ารักษาแม่ รวมทั้งเงินที่พี่สาวยืม อยู่กับเราหมดเลย) เราบอกพี่สาวว่า ให้กลับไปอยู่กับแม่..เงินที่ยืมไปจะไม่เอาคืนสักบาท แต่กลับไปอยู่กับแม่เถอะ เราไม่สามารถกลับไปเจอหน้าแม่ได้อีกแล้ว เราไม่อยากเจออีกแล้ว เราไม่อยากเกลียดแม่ตัวเอง เราด่าแม่ไม่ได้ เราแช่งแม่ไม่ได้ เพราะยั้นคือแม่เรา และเราเกลียดแม่ไม่ได้.....เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่คนเดียวไม่งั้นเราสติแตกแน่นอน...... พี่สาวเราไม่ได้พอใจเราที่เราเป็นบ้าแบบนี้ไม่รู่จะกลับไปอยูากับแม่ไหม แต่พรุ่งนี้เราจะไปบวชชีค่ะ...เราทนไม่ไหวจริงๆ แต่เมื่อกี้แม่ทักไลน์เรามาถามเราว่า...
แม่"โกรธแม่ไหม"
เรา"มีไรหรือเปล่าแม่"
แม่"เดี่ยวแม่ไปขายทองให้นะใจเย็นนะลูก"
ตอนนั้นเราคิดว่าแม่คงคิดได้นะ ดีใจแหละ..แต่ก็พูดตามคนโกรธ
เรา"ไม่เป็นไรหรอกหนูแค่ไม่มีเงินจะกินข้าวแค่นั้นเอง"
แม่"อืม"
เรา"อืม"
แม่"ส่งรูปหนูมาให้แม่หน่อยสิ เอาแบบที่หน้าสดทาแต่แป้งพอนะ"
เราปรี๊ดแตกมาค่ะ เพราะตอนแม่เล่นเกมส์ แม่จะเอารูปเราขึ่นให้ผู้ชายมาจีบ..คือเรางงกับแม่ ที่แม่ทักมาแบบนั้ยเพราะแม่จะเอารูปเราไม่ได้ง้อจริงๆ เราเลยทักแม่ไปอีกรอบว่าไหนจะไปขายทอง....แล้วของที่ส่งไปให้ลูกค้าก็ไม่ต้องให้ตังหนูค่าของเอาแค่ค่าทอง (เราขายของส่งทางเน็ตและคนแถวบ้านสั่งของเราก็จะมาสั่งกับแม่ค่ะ) สุดท้ายแม่บอกว่าไม่ขายทองแล้ว ค่าของก็จะโอนให้อีก3ชาติ.....
ตอนนี้เราเพลียจิตจริงๆค่ะ เราจะทำไงดีกับชีวิตดี สร้อยทองที่ตัวก็ขายเอาไปรักษาแม่ จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินที่แม่จะให้กลับไปหาเกี่ยวนั้นๆ ตัไม่รู่กี่รอบ เเราหันไปเห็นหน้าแฟน ที่เค้าคอยกอดเรา ปลอบเรา ในตอนที่เราร้องไห้เสียใจ ในตอนที่เห็นเงินในมือแล้วจะประทังชีวิตกันไปได้อีกกี่วัน เราเหมือนเริ่มใหม่อีกครั้งกับชีวิตห่วยๆ เราทำกับเค้าไว้เยอะจริงๆ เราไม่เหลืออะไรเลยตอนนี้เหลือแต่ตัว กับหัวใจอันห่อเหี่ยว แต่เค้าที่กอดเรา และให้เราซบอกตบใหล่เบาๆว่าไม่เป็นไรนะ ตอนเราทะเลาะกับแม่ เราร้องไห้หนัก เค้าเข้ามากอดแต่เราผลักเค้เพราะเราอยากอยู่คนเดียว แต่เค้าก็ยังนั่งลงข้างๆเรา แล้วคอยตบใหล่เราเบาๆ เพราะเราไม่ให้เค้ากอด........
ตอนนี้เราสับสนกับชีวิตจริงค่ะๆ อยากจะฆ่าตัวตายทุกวัน แต่สงสารแฟนเรา...ที่เค้าตามร้องไห้ตอนเราอยู่บ้าน เค้าบอกกับเราว่า ต่อให้ไม่มีอะไรสักอย่างในชีวิต แต่เราขาดเธอไม่ได้จริงๆ...ต่อให้เธอกลับมาหาเราในตอนที่ไม่มีเงินสักบาท....เราก็ยังรักเธอเหมือนเดิม...กลับมานะ.....
จบแล้วค่ะ ที่จะมาเล่า เดี่ยวพรุ่งนี้เราไปบวชชีนะค่ะทุกคน ขอบคุณที่อ่านจนจบ อาจจะมีบางคำผิดพลาด เพราะพิมพ์ในมือถือ แต่พยายามให้ถูกที่สุดแล้วค่ะ...
ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ.....
แท็กส์ผิดห้องขออภับนะค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^
เราควรทำไงกับชีวิตดีค่ะ
ขอเกริ่นก่อนนะค่ะ ว่าเราเป็นคนที่โกรธง่าย หายเร็ว...และชีวิตเรานี่เป็นคนที่ไม่เกลียดใครเลยเลยค่ะ ตั้งแต่เราเกิดมา เราเพิ่งจะเกลียดคนอื่นไปแค่ 2 คน ซึ่งเป็นญาติ 1 คน...และเป็นผู้ชายนอกวงตระกูล 1 คนค่ะ... วันนี้มีปัญหาอยากจะมาถามชาวพันทิปหน่อยนะค่ะ ด้วยความที่เรานี้แก้ปัญหาไม่ออกแล้วจริงๆ เข้าเรื่องเลยนะค่ะ (อาจจะยาวสักเล็กน้อยนะค่ะ)
ย้อนกลับไปสักประมาณ 6 ปี ที่แล้วครอบครัวของเรามีมีพ่อ แม่ พี่สาว และตัวเราค่ะ หลังจากนั้นพี่สาวก็แต่งงานมีหลานอีก 1 คนค่ะ ครอบครัวเราค่อนข้างที่เป็นครอบเพอร์เฟค...การงานมั่นคง มีบ้านพักตากอากาศ...ชีวิตอู้ฟู้ มีร้านอาหาร มีแม่บ้าน...แม่ร้านมือถือ...มีหลายๆอย่างๆที่ชีวิตคนอื่นอยากจะมี...มีรถหลายคัน มีหลายอย่างที่ทุกคนอยากมี....แต่กลับกันนั้น ตัวเรากลับไม่เคยมีความสุขเลย พ่อกับแม่เราเลี้ยงลูกแบบกักขัง ตั้งแต่เด็กเราไม่เคยมีเพื่อนละแวกใกล้บ้านเลย ไปทำรายงานกับเพื่อนก็ไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ในโอวาททั้งหมด เราใช้ชีวิตในบ้าน ไปโรงเรียน และกลับบ้านแบบนี้ตั้งแต่เด็ก...พ่อกับแม่เราเปิดร้านอาหาร และร้านมือถือ เปิดแบบ 7 วัน ไม่มีวันพักเลย วันอาทิตย์ก็เปิด วันหยุด เข้าพรรษา ออกพรรษา สงกรานต์ ปีใหม่ หรือวันสำคัณๆ ที่ร้านอื่นปิด ร้านเราเปิดค่ะ...เราเลยไม่มีโอกาศที่จะไปเที่ยวห้าง หรืออะไรทั้งสิ้น...พูดง่ายๆ ไม่มีเวลาของครอบครัว ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิดเดียว พ่อเราจะมีนิสัยที่ถ้าโกรธใคร กรือใครทำให้ไม่พอใจ ก็จะนอนอยู่อย่างนั้น 7 วันก็ไม่ลุก แล้วจะชอบเรียกเราไปลงไม้ลงมือ บอกว่า "อั้วเป็นพ่อลื้อ อั้วนอนแบบนี้ ทำไมไม่หาข้าวหาน้ำมาให้กินบ้าง"และทั้งแตะ ทั้งตีเรา...ตอนนั้นเราไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม เพราะพ่อเราเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เราเลยเลือกที่จะอยู่ ห่างๆพ่อในวันที่พ่ออารมณ์ไม่ดี...เราเป็นลูกคนเล็ก ใกจะเป็นที่รองรับอารมณ์ของใครๆได้ง่ายเสมอ....จนอยู่มาวันนึง เราไปโรงเรียนตามปรกติ กลับมาบ้ายเห็นพ่อนอนอยู่ เราก็นิ่งๆ เฉยๆ ออกมานั่งหน้าร้านให้มันมืดๆ ค่ำๆ จะได้อาบน้ำเข้านอน... (เพราะถ้าเรากลับบ้านแล้วเข้าห้องเลยจะโดนหาว่าไม่ช่วยงานที่บ้านค่ะ) พ่อไม่ลุกขึ้นเป็นแบบนั้นอยู่เป็นอาทิตย์ มีงานเข้ามา ก็ไม่ลุกขึ้นทำ (บ้านเรารับซ่อมด้วยค่ะ) จนงานกองเป็นภูเขา ก็ไม่มีใครกล้าเรียก เราเลยถามพี่สาวว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมพ่อนอนแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่ได้ทะเลาะกับแม่ด้วยซ้ำ เราก็ได้รู้ความจริงว่า ครอบครัวเรานั้นเริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน พ่อเครียดมาก แต่ไม่ได้เป็นหนี้ แต่ไม่มีเงินในมือ.....พ่อนอนกดดันอยู่นานจนในที่สุด รถคันแรกแม่เอาไปจำ..ได้เงินก้อนมา พ่อเราจึงลุกขึ้นทำงาน แต่พอมีเงิน ก็เป็นหนี้ เหลือรถอีกสองคน...ก็ต้องทำงานส่งหนี้เอารถคันแรกออกมา คราวนี้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้ไม่ทัน จนคันที่สอง คันที่สาม ตามไป รถ บ้าน ไม่เหลืออะไรเลย ครอบครัวเรากลายเป็นบุคคลล้มละลายอย่างเต็มตัว...ต้องย้ายบ้าน พี่สาวไปทำงานที่กทม ครั้งนั้น เป็นครั้งที่เราตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ไม่ใช่เพราะที่บ้านจน แต่เรารับสภาพความกดดันไม่ไหวอีกแล้ว เราออกมาแบบงงๆ มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแค่1 ชุด...แต่เรามีคนรู้จักที่กทม... (ก็แฟนดีๆนี่แหละ) เค้าก็ยังเป็น นศ.อยู่ ต่างคนต่างทำงานไม่เป็น ก็เริ่มอด แต่เราไม่ทิ้งกัน สู้...จนมีเงินเก็บ...จากนั้นพี่สาวก็เริ่มมาขอยืม ราวๆ 6 หมื่น ก็หายเงียบ ไม่คืน (ตอนนั้นเราอายุแค่ 17 เอง) เราไม่พอใจนะที่ยืมไปไม่คืน แต่ทำอะไรไม่ได้....มันเยอะมากสำหรับเราตอนนั้น (ก่อนจะหนีจากบ้านมา เรามีไอโฟน ไอแพด ซื้อเอง ไปจำเอาเงินมาให้ครอบครัวใช้หนี้) เราเริ่มต้นจาก 0 ไม่มีอะไรเลย แม้แต่มือถือใช้....
ตอนเราหนีออกมา เราก็รู้ความจริงว่า แม่เรารับไม่ได้กับการที่ล้มละลาย แม่เราติดเกมส์ไพ่มาก่อนจะล้มละลาย และติดหนักมากขึ้นหลังล้มละลาย เติมชิปอย่างบ้าคลั่ง แม้จะไม่มีเงินจะกินข้าว เวลาล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี...เรากลับไปบ้านอีกครั้ง กับเงินในมือ 1 ก้อน เราไม่ได้ทะเลาะกับแฟน แต่แม่เราเกลียดแฟนเรา (แฟนเราไม่ชอบครอบครัวเราเพราะชอบไถ่เงินเรื่อยๆ แล้วไม่เคยจะคืนเลยเงินทุกบาทคือหยาดเหงื่อ ในวันที่เราไม่มีเงินจะกินข้าว แค่ 300 บาท พี่สาวเรายังให้ยืมไม่ได้ แต่เราพยายามเข้าใจเพราะพี่สาวก็มีพี่เขยถ้าพี่เขยไม่อยากให้พี่สาวก็ให้ลำบาก) แม่บอกให้เราเลิกกับแฟนคนนี้ ตอนนั้นเราไม่รู้คิดอะไรอยู่ เราเอาเงินที่มีทั้งหมดเก็บไว้ที่ตัว และไม่ให้แฟนเราเลย ทั้งๆที่เราเคยลำบากมาด้วยกันตลอด เราตัดสินใจอยู่บ้าน โดยทิ้งแฟนทั้งๆที่เค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย.....เราซื้อสร้อยให้แม่ ให้พ่อ ทุกอย่างในบ้านรับผิดชอบเองทั้งหมด ซื้อของเค้าบ้านใหม่หมด คืดแค่ว่าที่ผ่านมายังไม่ทำหน้าที่ลูกมากพอ... ตอนเราซื้อทองให้แม่เราขอกับแม่ว่า อน่าเอาทองไปขาย ไปจำ หรืออะไรทั้งสิ้น ขอร้องได้ไหม...... เพราะถ้ามันไปแล้ว ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะซื้อให้ได้อีกครั้ง.....เรากลับมาแล้วก่อนที่จะกลับเราพาแม่ไปตรวจร่างกายแบบละเอียดใช้เงินไปอีก 5000 แล้วแม่ขอตังไว้ใช้เอง หมื่นนึง ไม่ให้ก็ไม่ยอมโกรธเราจะเป็นจะตายสุดท้ายต้องให้ พอผลตรวจออกหมอบอกเป็นมะเร็งลำใส้แม่เราปลงตก ต้องรับกลับบ้านอีก พอไปก็ต้องจ่ายค่ารักษาต่างๆ หมอก็นัดส่องกล้อง เราซื้อข้าวสาร น้ำดื่มทุกอย่างให้แม่ไว้ก่อนขึ้นมากทมอีก ตอนไปหาหมอที่สถาบันมะเร็ง หมอบอกว่าไม่น่าจะใช่ แต่จะนัดส่องกล้องเพื่อความสะบายใจ แต่แม่เราเครียดหนักไปหาหมออีก หมอบอกให้ไปทำ CT ผลออกมาจะได้รู้เลยมะเร็งหรือไม่ใช่มะเร็ง ตอนนั้นเงินเก็บของเราเหลืออีกประมาณ 5 หมื่น...แม่โทรมาหาเรา บอกหมอให้ไปทำ CT ต้องไปทำเอกชนเพื่อจะได้รู้ผลเลย เราโทรเช็คค่ะว่าใช้เงินเท่าไหร่ ปาเข้าไปอีกเกือบสามหมื่น เราให้นะ เดือนนั้นเดือนเดี่ยว เกือบแสน ถ้ารวมที่มาขอตอนเราอยู่บ้านทีละ5พัน 3 พัน แปปๆมาขอ วันสองวันขอ..ก็แสนกว่า ทำCT ผลออกมาไม่ใช่ แต่ตับแข็งแทน เฮ้อ....ยาบำรุงอีกสิค่ะ อัดเข้าไป จ่ายเเช้าไป แต่โล่งนะค่ะ โล่งทั้งใจ โล่งทั้งกระเป๋าเงินเลยค่ะ
ลืมบอกไปค่ะหลังจากที่ล้มละลาย พ่อเราปลงกับชีวิตเปลี่ยนเป็นคนละคน ดีกับครอบครัวตั้งใจทำงาน ไม่หงุดหงิดอะไรง่ายๆ...พ่อ้ปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย แฟนเราก็ง้อเราทั้งๆที่เค้าไม่ผิด...เราตัดสินใจกลับไปหาเค้าอีกครั้ง...และเราก็บอกกับแม่ไว้ว่าอย่าเอาทองไปขาย ไปจำ...ขอร้อง....แม่เรารับปากเป็นหมั้นเป็นเหมาะ แล้วเราก็กลับมากรุงเทพ แค่ไม่ถึง 10 วัน แม่เราเอาทองไปจำ แล้วพ่อรู้พ่อโวยวาย ก็โทรมาบอกให้เราโกหกพ่อให้หน่อยว่าเราเดือดร้อนตัง ต้องใช้ตัง.....แม่เอาแค่สร้อยข้อมืออย่างเดียวเองที่เอาไปจำ เราเสียใจค่ะแต่ไม่อยากให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันเลยตัดสินใจโกหกพ่อไป แต่พ่อไม่เชื่อค่ะ แล้วพ่อบอกเราว่า แม่เอาทองที่มีไปจำหมด และซื้อทองปลอมมาใส่แทนแม่โอนเงินให้ผู้ชายในเกมส์ไม่รู้กี่ร้อยรอบ แล้วบ้านเราเป็นแบบนี้??จะให้พ่อทำไง(ตอนเรากลับไปบ้านเดือนนึงเราแอบเห็นแม่ไปโอนเงินให้ผู้ชายคนอื่นกับเงินเราที่ขอไปบอกไปซื้อยา5000นั้นแหละเราเลยถามแต่แม่เราแถไปไกลเลยเราเลยเฉยค่ะเพราะถือว่าเราตั้งใจให้ไปแล้ว)....ทำแบบนั้นเพื่ออะไร เราเลยรู้ว่าแม่โกหกเรา ว่าเอาแค่สร้อยข้อมือไป...ตอนนั้นจุกมากหน้าชา คุยกับแม่อีกครั้ง ว่าแม่เอาไปจำไว้เท่าไหร้ทั้งหมด ตอนนั้นเราอยากไถ่คืนค่ะ แต่เราคงจะไปไถ่กลับเองและเอาทองกลับมาด้วย แม่เราบอกแค่หมื่นเดียวเอง....เราคิดไม่ตกจะทำยังไงดี แม่คงไม่ไปไถ่แน่ยอยเพราะเตรียมซื้อของปลอมมาใส่แทนแล้ว...เราเลยขอร้องให้แม่ไปขายทองนั้นเถอะ....แล้วโอนเงินที่เหลือให้เราที....เงินที่เหลือก็ไม่มากไม่น้อยเท่าไหร่แต่มันก็ดีกว่าเป็นแบบนี้....แล้วึอก่อนหน้าที่แม่จะเอาทองไปจำ โทรมาหสเราบอกพ่อกับแม่ไม่มีเงินสักบาทจะกินข้าวก็ไม่มี ตอนนั้นเราจะออกไปทำบุญ เงินก็แทบจะไม่เหลือ ยังโอนให้แม่ไป... (ลืมบอกตังที่เราให้แม่ไว้หมื่นนึง แม่เอาไปทำหายทั้งกระเป๋าเสียเกือบ5พันทำให้ไม่มีเงิน) แม่ตกลงกับเราว่าจะไปขายทองที่เหลือในธนาคารให้เราค่ะ และแม่ก็ไม่ทำตามคำพูด เราโทรหาแม่เป็นสิบสายโทรทั้งวันๆทั้งๆที่นัดกันไว้ช่วงเช้า เราเลยส่งหมายเลขบัญชีไปให้แม่แทน....แมาเงียบหายค่ะ รับสายเอาช่วงเย็นๆ บอก พ่อนอนไม่ลุกขึ้นโกรธแม่นั้นนี่ เรื่องทองแม่ไม่กล้ไปขายแล้ว อายเค้า พ่อก็จ้อง เราเลยบอกว่า ตอนแม่ทำเองโกหกเองว่าหนูเอาทำไมทำได้ ทีตอนนี้หนูจะเอาจริงๆ ทำไมกลัวพ่อขึ้นมา...ทำไมอ่ะแม่ ทำไม....เราร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเลยค่ะ แล้วเราไม่คุยกับแม่อีกคุยกับพี่สาวพี่สาวบอกใจเย็นๆ (พี่สาวยืมเงินเราไปหมื่นห้าตอนที่แม่ป่วยแล้วพี่สาวต้องกลับบ้านกระทันหันทำให้ไม่มีเงิน เท่ากับรายจ่ายในบ้าย ค่ารักษาแม่ รวมทั้งเงินที่พี่สาวยืม อยู่กับเราหมดเลย) เราบอกพี่สาวว่า ให้กลับไปอยู่กับแม่..เงินที่ยืมไปจะไม่เอาคืนสักบาท แต่กลับไปอยู่กับแม่เถอะ เราไม่สามารถกลับไปเจอหน้าแม่ได้อีกแล้ว เราไม่อยากเจออีกแล้ว เราไม่อยากเกลียดแม่ตัวเอง เราด่าแม่ไม่ได้ เราแช่งแม่ไม่ได้ เพราะยั้นคือแม่เรา และเราเกลียดแม่ไม่ได้.....เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่คนเดียวไม่งั้นเราสติแตกแน่นอน...... พี่สาวเราไม่ได้พอใจเราที่เราเป็นบ้าแบบนี้ไม่รู่จะกลับไปอยูากับแม่ไหม แต่พรุ่งนี้เราจะไปบวชชีค่ะ...เราทนไม่ไหวจริงๆ แต่เมื่อกี้แม่ทักไลน์เรามาถามเราว่า...
แม่"โกรธแม่ไหม"
เรา"มีไรหรือเปล่าแม่"
แม่"เดี่ยวแม่ไปขายทองให้นะใจเย็นนะลูก"
ตอนนั้นเราคิดว่าแม่คงคิดได้นะ ดีใจแหละ..แต่ก็พูดตามคนโกรธ
เรา"ไม่เป็นไรหรอกหนูแค่ไม่มีเงินจะกินข้าวแค่นั้นเอง"
แม่"อืม"
เรา"อืม"
แม่"ส่งรูปหนูมาให้แม่หน่อยสิ เอาแบบที่หน้าสดทาแต่แป้งพอนะ"
เราปรี๊ดแตกมาค่ะ เพราะตอนแม่เล่นเกมส์ แม่จะเอารูปเราขึ่นให้ผู้ชายมาจีบ..คือเรางงกับแม่ ที่แม่ทักมาแบบนั้ยเพราะแม่จะเอารูปเราไม่ได้ง้อจริงๆ เราเลยทักแม่ไปอีกรอบว่าไหนจะไปขายทอง....แล้วของที่ส่งไปให้ลูกค้าก็ไม่ต้องให้ตังหนูค่าของเอาแค่ค่าทอง (เราขายของส่งทางเน็ตและคนแถวบ้านสั่งของเราก็จะมาสั่งกับแม่ค่ะ) สุดท้ายแม่บอกว่าไม่ขายทองแล้ว ค่าของก็จะโอนให้อีก3ชาติ.....
ตอนนี้เราเพลียจิตจริงๆค่ะ เราจะทำไงดีกับชีวิตดี สร้อยทองที่ตัวก็ขายเอาไปรักษาแม่ จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินที่แม่จะให้กลับไปหาเกี่ยวนั้นๆ ตัไม่รู่กี่รอบ เเราหันไปเห็นหน้าแฟน ที่เค้าคอยกอดเรา ปลอบเรา ในตอนที่เราร้องไห้เสียใจ ในตอนที่เห็นเงินในมือแล้วจะประทังชีวิตกันไปได้อีกกี่วัน เราเหมือนเริ่มใหม่อีกครั้งกับชีวิตห่วยๆ เราทำกับเค้าไว้เยอะจริงๆ เราไม่เหลืออะไรเลยตอนนี้เหลือแต่ตัว กับหัวใจอันห่อเหี่ยว แต่เค้าที่กอดเรา และให้เราซบอกตบใหล่เบาๆว่าไม่เป็นไรนะ ตอนเราทะเลาะกับแม่ เราร้องไห้หนัก เค้าเข้ามากอดแต่เราผลักเค้เพราะเราอยากอยู่คนเดียว แต่เค้าก็ยังนั่งลงข้างๆเรา แล้วคอยตบใหล่เราเบาๆ เพราะเราไม่ให้เค้ากอด........
ตอนนี้เราสับสนกับชีวิตจริงค่ะๆ อยากจะฆ่าตัวตายทุกวัน แต่สงสารแฟนเรา...ที่เค้าตามร้องไห้ตอนเราอยู่บ้าน เค้าบอกกับเราว่า ต่อให้ไม่มีอะไรสักอย่างในชีวิต แต่เราขาดเธอไม่ได้จริงๆ...ต่อให้เธอกลับมาหาเราในตอนที่ไม่มีเงินสักบาท....เราก็ยังรักเธอเหมือนเดิม...กลับมานะ.....
จบแล้วค่ะ ที่จะมาเล่า เดี่ยวพรุ่งนี้เราไปบวชชีนะค่ะทุกคน ขอบคุณที่อ่านจนจบ อาจจะมีบางคำผิดพลาด เพราะพิมพ์ในมือถือ แต่พยายามให้ถูกที่สุดแล้วค่ะ...
ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ.....
แท็กส์ผิดห้องขออภับนะค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^