ความเสี่ยงของตุรกี กับกองทุนเทอมฟันด์ของไทย
ตามที่เราทราบๆกัน ณ ปัจจุบัน นักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่นิยม ชมชอบ กองทุนเทอมฟันด์
ที่ทางกองทุนประกาศผลตอบแทน ว่าคาดการณ์ว่าจะได้เท่านี้ เมื่อครบอายุโครงการ
จากในอดีตถ้ายังจำกันได้ บลจ ต่างๆพยายามเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลี อายุตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 2ปีก็มี
จนผ่านมาเมื่อเกาหลีให้ผลตอบแทนลดลง ก็เปลี่ยนไปเป็น เงินฝากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง บราซิล จีน ฯ เป็นต้น
จนปัจจุบัน กองทุนเหล่านั้น พยายามสร้างผลตอบแทน โดยการเพิ่มความเสี่ยงของตราสารเพิ่มขึ้นๆ
จนล่าสุด มาตกอยู่ที่เงินฝากประเทศตุรกี เป็นส่วนใหญ่
แต่เหตุการณ์ ครั้งนี้แอบดูน่ากังวลขึ้นมาไม่น้อย ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น เหมือนกับที่ท่านๆทราบดี
ที่ข่าวล่าสุดเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศตุรกี ทำให้ค่าความเสี่ยงของประเทศเพิ่มขึ้นแน่ๆ แต่บางคนอาจจะมองว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่ามีอะไร เพราะเหตุการณืก็จบไปแล้วและทำไม่สำเร็จ แต่ผลระยะยยาวที่ทำให้เกิดความกังวล คือ
ประเทศตุรกี เป็นประเทศที่มีการกู้ในรูปสกุลเงิน USD เป็นหลัก และเงินกู้เหล่านั้น ส่วนมากจะเป็นเงินกู้ระยะสั้น ซะส่วนใหญ่
ผลก็คือ หากตลาดขาดความเชื่อมั่นแล้ว และเงินกู้ที่สามารถระดมมาได้ เกิดไม่สามารถทำการต่ออายุ หรือระดมมาได้เหมือนเดิม
จะยิ่งส่งผล และเพิ่มความเสี่ยงให้กับ ตุรกี เพิ่มมากขึ้น ในช่วงถัดไป ตุรกี อาจจะต้องเพิ่มผลตอบแทนขึ้นไปอีกเพื่อจูงใจนักลงทุน
แต่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับกองทุนประเภท เทอมฟันด์ของไทยละจะเป็นอย่างไร
นักลงทุน กำลังถูกเสนอให้เพิ่มความเสี่ยงของเงินลงทุน
โดยนำเงินไปลงทุนในตุรกีมากกว่า 15-40% ของเงินลงทุนในบางกองทุน
เพิ่อนำมาแลกกับผลตอบแทนที่คาดหวังที่ 1.7%-2% ต่อปี ในการลงทุนกองทุนเทอมฟันด์ อายุ 3-6 เดือน หรือ 1ปี
มันทำให้เกิดคำถามว่า มันคุ้มที่จะเสี่ยงขาดนั้นเลยหรือ ???? เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่จะได้เพิ่มขึ้นมา
กองทุนเทอมฟันด์ไม่ได้ เลวร้าย หรือ ไม่น่าสนใจ
แต่เป็นตราสารที่กองทุนไปลงทุนต่างหากที่น่ากังวล
จริงๆแล้วยังมีกรณี กองทุนเทอมฟันด์ ของไทยอีกกลุ่มหนึ่ง
ที่ไปเน้นลงทุนในตราสารพวก ไม่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ที่น่าติดตามมากๆ
เพราะส่วนมากหากเราไปดูรายชื่อลึกๆแล้ว ก็จะวนเวียน ชื่อตราสารอยู่ไม่กี่ชื่อ
หากกองทุนประเภทนี้ เริ่มไม่ได้รับความสนใจเมื่อไร คนที่ลุกจากโต๊ะคนสุดท้าย เดาว่าคงต้องจ่ายรอบลงแน่ๆ
ลงทุนเทอมฟันด์ ไม่ใช่ไม่ได้ อยากอยากให้เน้นดูตราสารที่ลงทุนให้มากขึ้นในช่วงนี้จะดีกว่านะครับ
ความเสี่ยงของตุรกี กับกองทุนเทอมฟันด์ของไทย
ตามที่เราทราบๆกัน ณ ปัจจุบัน นักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่นิยม ชมชอบ กองทุนเทอมฟันด์
ที่ทางกองทุนประกาศผลตอบแทน ว่าคาดการณ์ว่าจะได้เท่านี้ เมื่อครบอายุโครงการ
จากในอดีตถ้ายังจำกันได้ บลจ ต่างๆพยายามเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลี อายุตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 2ปีก็มี
จนผ่านมาเมื่อเกาหลีให้ผลตอบแทนลดลง ก็เปลี่ยนไปเป็น เงินฝากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง บราซิล จีน ฯ เป็นต้น
จนปัจจุบัน กองทุนเหล่านั้น พยายามสร้างผลตอบแทน โดยการเพิ่มความเสี่ยงของตราสารเพิ่มขึ้นๆ
จนล่าสุด มาตกอยู่ที่เงินฝากประเทศตุรกี เป็นส่วนใหญ่
แต่เหตุการณ์ ครั้งนี้แอบดูน่ากังวลขึ้นมาไม่น้อย ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น เหมือนกับที่ท่านๆทราบดี
ที่ข่าวล่าสุดเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศตุรกี ทำให้ค่าความเสี่ยงของประเทศเพิ่มขึ้นแน่ๆ แต่บางคนอาจจะมองว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่ามีอะไร เพราะเหตุการณืก็จบไปแล้วและทำไม่สำเร็จ แต่ผลระยะยยาวที่ทำให้เกิดความกังวล คือ
ประเทศตุรกี เป็นประเทศที่มีการกู้ในรูปสกุลเงิน USD เป็นหลัก และเงินกู้เหล่านั้น ส่วนมากจะเป็นเงินกู้ระยะสั้น ซะส่วนใหญ่
ผลก็คือ หากตลาดขาดความเชื่อมั่นแล้ว และเงินกู้ที่สามารถระดมมาได้ เกิดไม่สามารถทำการต่ออายุ หรือระดมมาได้เหมือนเดิม
จะยิ่งส่งผล และเพิ่มความเสี่ยงให้กับ ตุรกี เพิ่มมากขึ้น ในช่วงถัดไป ตุรกี อาจจะต้องเพิ่มผลตอบแทนขึ้นไปอีกเพื่อจูงใจนักลงทุน
แต่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับกองทุนประเภท เทอมฟันด์ของไทยละจะเป็นอย่างไร
นักลงทุน กำลังถูกเสนอให้เพิ่มความเสี่ยงของเงินลงทุน
โดยนำเงินไปลงทุนในตุรกีมากกว่า 15-40% ของเงินลงทุนในบางกองทุน
เพิ่อนำมาแลกกับผลตอบแทนที่คาดหวังที่ 1.7%-2% ต่อปี ในการลงทุนกองทุนเทอมฟันด์ อายุ 3-6 เดือน หรือ 1ปี
มันทำให้เกิดคำถามว่า มันคุ้มที่จะเสี่ยงขาดนั้นเลยหรือ ???? เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่จะได้เพิ่มขึ้นมา
กองทุนเทอมฟันด์ไม่ได้ เลวร้าย หรือ ไม่น่าสนใจ
แต่เป็นตราสารที่กองทุนไปลงทุนต่างหากที่น่ากังวล
จริงๆแล้วยังมีกรณี กองทุนเทอมฟันด์ ของไทยอีกกลุ่มหนึ่ง
ที่ไปเน้นลงทุนในตราสารพวก ไม่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ที่น่าติดตามมากๆ
เพราะส่วนมากหากเราไปดูรายชื่อลึกๆแล้ว ก็จะวนเวียน ชื่อตราสารอยู่ไม่กี่ชื่อ
หากกองทุนประเภทนี้ เริ่มไม่ได้รับความสนใจเมื่อไร คนที่ลุกจากโต๊ะคนสุดท้าย เดาว่าคงต้องจ่ายรอบลงแน่ๆ
ลงทุนเทอมฟันด์ ไม่ใช่ไม่ได้ อยากอยากให้เน้นดูตราสารที่ลงทุนให้มากขึ้นในช่วงนี้จะดีกว่านะครับ