สวัสดีค่ะ เราชื่อฟ้า อายุ 19 ปี ตอนนี้เรียนอยู่ปี 2
เราเป็นเด็กเรียนที่มีผลการเรียนดี(4.00) แต่เป็นคนรูปร่างท้วม หน้าตาไม่ดี เลยไม่มีใครมาจีบ 55555
ย้อนเวลาไปตอนเราเรียนอยู่ปี 1 ช่วงเทอมต้นได้มีโอกาสไปค่ายอาสาและรู้จักกับพี่ต่างคณะชื่อ พี่เชน พอกลับจากค่ายพี่เชนก็ทักแชท
มาคุยกับเราบ่อยๆ จนเริ่มสนิทกัน พี่เชนเป็นฝ่ายทักมาคุยกับเราทุกวัน ตอนสอบมิดเทอมก็ช่วยติววิชาประวัติศาสตร์ให้เราอีกด้วย
เรารู้สึกปลื้มพี่เชน เพราะเป็นผู้ชายคนแรกที่เราสนิทสนมด้วย
พี่เชนก็พอจะรู้ว่าเราปลื้มเค้า และก็ใจดีทักมาคุยกับเราทุกวัน ส่วนเพื่อนๆพี่เชนก็ชอบล้อว่าเราจีบพี่เชน
เวลาเจอกันก็แซวว่าพี่เชนอยากเจอ/พี่เชนรออยู่ นั่นทำให้เราไม่ค่อยพอใจ และพยายามหลบหน้าพี่เชนและแก๊งเพื่อน
แต่มันกลับทำให้พี่เชนและเพื่อนๆเค้าเข้าใจว่าเราเขิน โดยส่วนตัวแล้วเรากับพี่เชนไม่เคยคุยกันหรือเคลียร์เรื่องนี้เลย เราคุยแชทกันปกติ
พี่เชนไม่มีท่าทีว่าจะจีบเราด้วยซ้ำ อาจเพราะเราไม่สวย และที่เรากับพี่เชนคุยกันได้ก็เพราะเราชอบแลกเลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวรรณคดี ก็คือเราชอบอะไรเหมือนๆกันนั่นเอง เราก็เจียมตัวนะ คือไม่ได้หวังให้พี่เชนมาชอบเรา เพราะเราก็ไม่ได้ชอบพี่เชนในแบบที่พี่เค้าและเพื่อนๆเข้าใจกัน เราแค่ปลื้มในความเก่งของพี่เค้า
ก่อนสอบไฟนอล เป็นช่วงที่เราทำกิจกรรมหนักมาก แต่เราก็ยังหาเวลาว่างเพื่อที่จะคุยกับพี่เชนเสมอ ยอมรับว่าผูกพันนะ คือพี่เชนเข้ามาในช่วงเวลาที่เราเหงาไง แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่าคำว่าปลื้ม แล้วอยู่ๆ พี่หนึ่ง(เพื่อนสนิทของพี่เชน)ก็ทักแชทเรามา แล้วพี่สองคนก็แกล้งเรา โดยการทักแชทมาพร้อมกัน ถามประโยคเดียวกัน และส่งสติกเกอร์ตัวเดียวกัน เราก็รู้ทันและสนุกไปกับการแกล้งเล้กๆน้อยๆของพี่ทั้งสอง
พี่หนึ่งทักแชทเราบ่อยขึ้น จนกลายเป็นคุยกันทุกวัน หัวข้อหลักในการสนทนาก็คือการโฆษณาว่าพี่เชนดีอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบ
ไม่ได้จีบพี่เชน แต่พี่หนึ่งก็ไม่เลิกอวดอ้างสรรพคุณเพื่อนตัวเอง หลังๆเราเลยแกล้งเออออห่อหมกให้มันแล้วๆ ไป เพื่อตัดความรำคาญ
เราคุยกับพี่ทั้งสองคนทุกวัน พี่เชนเป็นคนมีหลักการมีเหตุผล คุยด้วยแล้วสนุกและได้ความรู้ ส่วนพี่หนึ่งจะชอบเล่าเรื่องรอบตัวต่างๆ ให้เราฟัง
และยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ซึ่งเรากับพี่หนึ่งชอบหยิบยกมาถกเถียงกันเพื่อสร้างอรรถรสและแรงจูงใจในการอ่านเรื่องราวนั้นๆ
เราเริ่มสนิทกับพี่หนึ่งมากขึ้น เริ่มเรียนรู้มุมมองความคิด นิสัยใจคอผ่านทางแชทและการนัดกันไปนั่งอ่านหนังสือและถกเถียงประเด็น
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่หอสมุดบ่อยๆ การเจอกันบ่อยครั้ง มันส่งผลให้เราเริ่มสนใจในตัวพี่หนึ่งมากขึ้น อย่างที่เราไม่เคยรู้สึกกับพี่เชนมาก่อน
เรากับพี่หนึ่งชวนกันมาอ่านหนังสือที่หอสมุดบ่อยมาก และไปยืนชมวิวที่ดาดฟ้าด้วยกันในบางครั้งโดยที่ไม่ได้ชวนพี่เชนไปด้วย
แต่มีบ้างสักครั้งสองครั้งที่พี่เชนบังเอิญมาเจอเราสองคนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ และพี่เชนก็มีทีท่าไม่ค่อยอยากจะนั่งร่วมโต๊ะกับเรา
อาจเป็นเพราะกลัวเพื่อนล้อเรื่องเราจะจีบพี่เชนมั้ง อันนี้เราเดา 5555
หลังจากสอบไฟนอลเสร็จ เป็นช่วงเวลาที่เราผ่อนคลายและเปิดโอกาสให้ได้ทบทวนตัวเอง และขบคิดอะไๆได้มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เราได้รู้สึกถึงคลื่นความคิดถึงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราเริ่มรู้สึกว่าเราเผลอนึกถึงพี่หนึ่งบ่อยๆ จนกลายเป็นความคิดถึง ส่วนพี่เชนก็เริ่มห่างหายไปจากเรา
ไม่ค่อยทักแชทเราเลยหลังจากที่เห็นเราอยู่กับพี่หนึ่งบ่อยๆ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่เชน เคยคิดเข้าข้างตัวเองเล่นๆว่า
หรือพี่เชนจะชอบเราเลยหึงที่เราใกล้ชิดกับพี่หนึ่งรึเปล่า 5555 คิดเองก็ขำเองนะ คือมันเป็นไปไม่ได้ไง
ก่อนจะปิดเทอม พี่หนึ่งชวนเรามานั่งเล่นด้วยกันที่ศาลาริมบึง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นตอนกลางคืนด้วย เราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วความกลัวก็พ่ายแพ้ต่อความคิดถึงจนได้ เรามาเจอพี่หนึ่งตามนัดและพูดคุยในประเด็นประวัติศาสตร์การเมืองจนเลยเวลา 4 ทุ่มที่หอในปิด ใช่แล้วล่ะ! เราเข้าหอไม่ได้
พี่หนึ่งเลยอาสานั่งคุยเป็นเพื่อเราจนกว่าจะ 6 โมงเช้าซึ่งก็คือเวลาหอเปิด
เรานั่งคุยฆ่าเวลาจนไม่มีอะไรจะคุยแล้ว อยู่ๆ พี่หนึ่งก็ถามขึ้นมาว่า เราชอบพี่เชนรึป่าว เราตอบโดยเร็วว่าป่าว พี่หนึ่งกลั้นขำเราแล้วถามต่อ
ว่าชอบพี่หนึ่งมั้ย เราอึ้งไปพักใหญ่ และเริ่มก้มหน้าต่ำลงเรื่อยๆ เพราะไม่กล้าสบตาและเขินจัด นั่นทำให้พี่หนึ่งรู้ว่าจริงๆแล้วเราชอบใคร
จากนั้นพี่หนึ่งก็ไม่เซ้าซี้อะไรเราอีก ต่างคนต่างนั่งเงียบๆ เราไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้พี่หนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เราในตอนนี้นี่คิดมากจน
เส้นเลือดในสมองจะแตกแล้ว เรากลัวว่าพี่หนึ่งจะเปลี่ยนไป เราไม่ใช่คนสวยที่จะดึงดูดใจให้ใครๆ มารัก เราถึงได้ตั้งใจเรียน
เพื่อให้การเรียนของเราเป็นจุดเด่นไง แต่เราต้องนับถือน้ำใจพี่หนึ่งนะ เพราะพี่เค้าไม่แสดงท่าทีตกใจหรือไม่พอใจอะไรออกมาเลย
เราสองคนนั่งกันเงียบๆ จนเราเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่หนึ่งปลุกเราตอน 6 โมงเช้าเพื่อกลับหอ 5555
หลังจากวันนั้นพี่หนึ่งยังคงทักแชทมาคุยกับเราเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคุยคอล 5555 ช่วงเวลาปิดเทอมเราคุยกันตลอดแต่ไม่ให้พี่เชนและแก๊งเพื่อนพี่เค้ารู้
แม้กระทั่งเพื่อนเรา เราก็ไม่กล้าบอก มีวันนึงที่เรามามหาลัยเพื่อเลี้ยงสายรหัส เราเจอพี่เชนโดยบังเอิญ พี่เชนแค่รับไหว้เราตามมารยาทแต่ไม่ยิ้มไม่คุยกับเรา หันไปทักทายฝ้าย(เพื่อนสนิทเราที่ไปค่ายอาสาด้วยกัน) คุยกันอย่างสนิทสนม จนเรานี่หน้าเหวอไปเลย เราเล่าให้พี่หนึ่งฟัง พี่หนึ่งก็บอกว่าช่วงนี้พี่เชนก็ห่างหาย ไม่ค่อยได้คุยกัน ไปเที่ยวไม่ชวน มีอะไรก็เลือกไปบอกคนอื่น รู้สึกไม่สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน
เราพยายามไม่คิดมาก จนกระทั่งเปิดเทอม(ปี2) สังเกตได้ชัดเลยว่าพี่เชนพยายามไม่เจอเรา ทำเป็นมองไม่เห็น และพี่หนึ่งกับพี่เชนก็ไม่ได้ตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพื่อนๆ พี่เค้าก็ไม่ล้อเรากับพี่เชนเหมือนเคย แต่เปลี่ยนเป็นมองเราแปลกๆ เราพยายามถามพี่หนึ่ง แต่พี่หนึ่งก็ไม่พูดอะไร บอกว่าเราคิดมาก พี่หนึ่งปลอบเราว่าตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องของเราหรอก แล้วบอกให้เรารอวันที่พี่หนึ่งเคลียร์กับเพื่อนก่อน จากนั้นเราจะไม่ต้องแอบคบอีกต่อไป แต่เราก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เรารู้สึกได้ว่ามันแปลกๆ หรือสิ่งที่เราคิดจะเป็นความจริง นี่พี่เชนชอบเราใช่มั้ย แล้วเราจะทำยังไงดี เราชอบพี่หนึ่งมาก แต่เราก็แคร์ความรู้สึกพี่เชนมากเช่นกัน และที่สำคัญเราไม่อยากให้มิตรภาพของพี่ทั้งสองต้องพังเพราะเรา เราควรทำยังไงดีคะ
เมื่อเพื่อนสนิทชอบผู้หญิงคนเดียวกัน เราเป็นผู้หญิงคนนั้นควรทำยังไง
เราเป็นเด็กเรียนที่มีผลการเรียนดี(4.00) แต่เป็นคนรูปร่างท้วม หน้าตาไม่ดี เลยไม่มีใครมาจีบ 55555
ย้อนเวลาไปตอนเราเรียนอยู่ปี 1 ช่วงเทอมต้นได้มีโอกาสไปค่ายอาสาและรู้จักกับพี่ต่างคณะชื่อ พี่เชน พอกลับจากค่ายพี่เชนก็ทักแชท
มาคุยกับเราบ่อยๆ จนเริ่มสนิทกัน พี่เชนเป็นฝ่ายทักมาคุยกับเราทุกวัน ตอนสอบมิดเทอมก็ช่วยติววิชาประวัติศาสตร์ให้เราอีกด้วย
เรารู้สึกปลื้มพี่เชน เพราะเป็นผู้ชายคนแรกที่เราสนิทสนมด้วย
พี่เชนก็พอจะรู้ว่าเราปลื้มเค้า และก็ใจดีทักมาคุยกับเราทุกวัน ส่วนเพื่อนๆพี่เชนก็ชอบล้อว่าเราจีบพี่เชน
เวลาเจอกันก็แซวว่าพี่เชนอยากเจอ/พี่เชนรออยู่ นั่นทำให้เราไม่ค่อยพอใจ และพยายามหลบหน้าพี่เชนและแก๊งเพื่อน
แต่มันกลับทำให้พี่เชนและเพื่อนๆเค้าเข้าใจว่าเราเขิน โดยส่วนตัวแล้วเรากับพี่เชนไม่เคยคุยกันหรือเคลียร์เรื่องนี้เลย เราคุยแชทกันปกติ
พี่เชนไม่มีท่าทีว่าจะจีบเราด้วยซ้ำ อาจเพราะเราไม่สวย และที่เรากับพี่เชนคุยกันได้ก็เพราะเราชอบแลกเลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวรรณคดี ก็คือเราชอบอะไรเหมือนๆกันนั่นเอง เราก็เจียมตัวนะ คือไม่ได้หวังให้พี่เชนมาชอบเรา เพราะเราก็ไม่ได้ชอบพี่เชนในแบบที่พี่เค้าและเพื่อนๆเข้าใจกัน เราแค่ปลื้มในความเก่งของพี่เค้า
ก่อนสอบไฟนอล เป็นช่วงที่เราทำกิจกรรมหนักมาก แต่เราก็ยังหาเวลาว่างเพื่อที่จะคุยกับพี่เชนเสมอ ยอมรับว่าผูกพันนะ คือพี่เชนเข้ามาในช่วงเวลาที่เราเหงาไง แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกมากไปกว่าคำว่าปลื้ม แล้วอยู่ๆ พี่หนึ่ง(เพื่อนสนิทของพี่เชน)ก็ทักแชทเรามา แล้วพี่สองคนก็แกล้งเรา โดยการทักแชทมาพร้อมกัน ถามประโยคเดียวกัน และส่งสติกเกอร์ตัวเดียวกัน เราก็รู้ทันและสนุกไปกับการแกล้งเล้กๆน้อยๆของพี่ทั้งสอง
พี่หนึ่งทักแชทเราบ่อยขึ้น จนกลายเป็นคุยกันทุกวัน หัวข้อหลักในการสนทนาก็คือการโฆษณาว่าพี่เชนดีอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบ
ไม่ได้จีบพี่เชน แต่พี่หนึ่งก็ไม่เลิกอวดอ้างสรรพคุณเพื่อนตัวเอง หลังๆเราเลยแกล้งเออออห่อหมกให้มันแล้วๆ ไป เพื่อตัดความรำคาญ
เราคุยกับพี่ทั้งสองคนทุกวัน พี่เชนเป็นคนมีหลักการมีเหตุผล คุยด้วยแล้วสนุกและได้ความรู้ ส่วนพี่หนึ่งจะชอบเล่าเรื่องรอบตัวต่างๆ ให้เราฟัง
และยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ซึ่งเรากับพี่หนึ่งชอบหยิบยกมาถกเถียงกันเพื่อสร้างอรรถรสและแรงจูงใจในการอ่านเรื่องราวนั้นๆ
เราเริ่มสนิทกับพี่หนึ่งมากขึ้น เริ่มเรียนรู้มุมมองความคิด นิสัยใจคอผ่านทางแชทและการนัดกันไปนั่งอ่านหนังสือและถกเถียงประเด็น
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่หอสมุดบ่อยๆ การเจอกันบ่อยครั้ง มันส่งผลให้เราเริ่มสนใจในตัวพี่หนึ่งมากขึ้น อย่างที่เราไม่เคยรู้สึกกับพี่เชนมาก่อน
เรากับพี่หนึ่งชวนกันมาอ่านหนังสือที่หอสมุดบ่อยมาก และไปยืนชมวิวที่ดาดฟ้าด้วยกันในบางครั้งโดยที่ไม่ได้ชวนพี่เชนไปด้วย
แต่มีบ้างสักครั้งสองครั้งที่พี่เชนบังเอิญมาเจอเราสองคนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ และพี่เชนก็มีทีท่าไม่ค่อยอยากจะนั่งร่วมโต๊ะกับเรา
อาจเป็นเพราะกลัวเพื่อนล้อเรื่องเราจะจีบพี่เชนมั้ง อันนี้เราเดา 5555
หลังจากสอบไฟนอลเสร็จ เป็นช่วงเวลาที่เราผ่อนคลายและเปิดโอกาสให้ได้ทบทวนตัวเอง และขบคิดอะไๆได้มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เราได้รู้สึกถึงคลื่นความคิดถึงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราเริ่มรู้สึกว่าเราเผลอนึกถึงพี่หนึ่งบ่อยๆ จนกลายเป็นความคิดถึง ส่วนพี่เชนก็เริ่มห่างหายไปจากเรา
ไม่ค่อยทักแชทเราเลยหลังจากที่เห็นเราอยู่กับพี่หนึ่งบ่อยๆ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่เชน เคยคิดเข้าข้างตัวเองเล่นๆว่า
หรือพี่เชนจะชอบเราเลยหึงที่เราใกล้ชิดกับพี่หนึ่งรึเปล่า 5555 คิดเองก็ขำเองนะ คือมันเป็นไปไม่ได้ไง
ก่อนจะปิดเทอม พี่หนึ่งชวนเรามานั่งเล่นด้วยกันที่ศาลาริมบึง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นตอนกลางคืนด้วย เราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วความกลัวก็พ่ายแพ้ต่อความคิดถึงจนได้ เรามาเจอพี่หนึ่งตามนัดและพูดคุยในประเด็นประวัติศาสตร์การเมืองจนเลยเวลา 4 ทุ่มที่หอในปิด ใช่แล้วล่ะ! เราเข้าหอไม่ได้
พี่หนึ่งเลยอาสานั่งคุยเป็นเพื่อเราจนกว่าจะ 6 โมงเช้าซึ่งก็คือเวลาหอเปิด
เรานั่งคุยฆ่าเวลาจนไม่มีอะไรจะคุยแล้ว อยู่ๆ พี่หนึ่งก็ถามขึ้นมาว่า เราชอบพี่เชนรึป่าว เราตอบโดยเร็วว่าป่าว พี่หนึ่งกลั้นขำเราแล้วถามต่อ
ว่าชอบพี่หนึ่งมั้ย เราอึ้งไปพักใหญ่ และเริ่มก้มหน้าต่ำลงเรื่อยๆ เพราะไม่กล้าสบตาและเขินจัด นั่นทำให้พี่หนึ่งรู้ว่าจริงๆแล้วเราชอบใคร
จากนั้นพี่หนึ่งก็ไม่เซ้าซี้อะไรเราอีก ต่างคนต่างนั่งเงียบๆ เราไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้พี่หนึ่งกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เราในตอนนี้นี่คิดมากจน
เส้นเลือดในสมองจะแตกแล้ว เรากลัวว่าพี่หนึ่งจะเปลี่ยนไป เราไม่ใช่คนสวยที่จะดึงดูดใจให้ใครๆ มารัก เราถึงได้ตั้งใจเรียน
เพื่อให้การเรียนของเราเป็นจุดเด่นไง แต่เราต้องนับถือน้ำใจพี่หนึ่งนะ เพราะพี่เค้าไม่แสดงท่าทีตกใจหรือไม่พอใจอะไรออกมาเลย
เราสองคนนั่งกันเงียบๆ จนเราเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่หนึ่งปลุกเราตอน 6 โมงเช้าเพื่อกลับหอ 5555
หลังจากวันนั้นพี่หนึ่งยังคงทักแชทมาคุยกับเราเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคุยคอล 5555 ช่วงเวลาปิดเทอมเราคุยกันตลอดแต่ไม่ให้พี่เชนและแก๊งเพื่อนพี่เค้ารู้
แม้กระทั่งเพื่อนเรา เราก็ไม่กล้าบอก มีวันนึงที่เรามามหาลัยเพื่อเลี้ยงสายรหัส เราเจอพี่เชนโดยบังเอิญ พี่เชนแค่รับไหว้เราตามมารยาทแต่ไม่ยิ้มไม่คุยกับเรา หันไปทักทายฝ้าย(เพื่อนสนิทเราที่ไปค่ายอาสาด้วยกัน) คุยกันอย่างสนิทสนม จนเรานี่หน้าเหวอไปเลย เราเล่าให้พี่หนึ่งฟัง พี่หนึ่งก็บอกว่าช่วงนี้พี่เชนก็ห่างหาย ไม่ค่อยได้คุยกัน ไปเที่ยวไม่ชวน มีอะไรก็เลือกไปบอกคนอื่น รู้สึกไม่สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน
เราพยายามไม่คิดมาก จนกระทั่งเปิดเทอม(ปี2) สังเกตได้ชัดเลยว่าพี่เชนพยายามไม่เจอเรา ทำเป็นมองไม่เห็น และพี่หนึ่งกับพี่เชนก็ไม่ได้ตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพื่อนๆ พี่เค้าก็ไม่ล้อเรากับพี่เชนเหมือนเคย แต่เปลี่ยนเป็นมองเราแปลกๆ เราพยายามถามพี่หนึ่ง แต่พี่หนึ่งก็ไม่พูดอะไร บอกว่าเราคิดมาก พี่หนึ่งปลอบเราว่าตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องของเราหรอก แล้วบอกให้เรารอวันที่พี่หนึ่งเคลียร์กับเพื่อนก่อน จากนั้นเราจะไม่ต้องแอบคบอีกต่อไป แต่เราก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เรารู้สึกได้ว่ามันแปลกๆ หรือสิ่งที่เราคิดจะเป็นความจริง นี่พี่เชนชอบเราใช่มั้ย แล้วเราจะทำยังไงดี เราชอบพี่หนึ่งมาก แต่เราก็แคร์ความรู้สึกพี่เชนมากเช่นกัน และที่สำคัญเราไม่อยากให้มิตรภาพของพี่ทั้งสองต้องพังเพราะเรา เราควรทำยังไงดีคะ