พอดีได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์ของคู่[ซายะมิลกี้]
ที่แปลโดยแอด[Vichu] จากเพจ [Jagob]
(ขอบคุณมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ)
https://m.facebook.com/notes/jagob-akb48-fansub/akb48-newspaper-การหันหน้าพูดคุยกันครั้งสุดท้ายของสองตัวท็อปของ-nmb-/583849855129662/
จากที่อ่านๆดูแล้วก็พบว่า "มันมีอะไรในกอไผ่จริงๆ"
เกี่ยวกับการจบการศึกษาของมิลกี้ที่เธออาจตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม พูดออกมาเป็นนัยยะหลายต่อหลาบครั้ง
ฟังดูกำกวม อึมครึม สุดๆ
แต่จากบทสัมภาษณ์เนี้ย ผมตั้งข้อสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า
เหตุผลหนึ่งในหลายๆเหตุผลของการจบการศึกษาคือ
"เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของการเป็น Idol ได้"
ผมว่านี้คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด และเชื่อว่าถ้าใครได้ติดตามเธอมานาน จะเข้าใจทันที พร้อมทั้งผงกหัวยอมรับ
และเรื่องที่ผมยิ่งสงสารและเห็นใจเธอมากที่สุด คือ
เรื่องที่เธอเล่าเกี่ยวกับ
"เสียงกระซิบของปีศาจ"
ผมไม่อยากคาดเดาเท่าไหร่ว่า เสียงนั้น คือเสียงของใคร
แฟนๆในงานจับมือ/คนใกล้ชิด/เสียงในหัวตัวเธอเอง
ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ ผมยังนิยมชมชอบเธอ
ไม่ใช่เพราะเธอน่ารัก
ไม่ใช่เพราะเธอตกแฟนเก่ง
ไม่ใช่เพราะเธอเป็นไอดอล
แต่เธอเพราะเธอคือ วาตานาเบะ มิยุกิ
เด็กสาวที่ยิ้มให้กับทุกสิ่ง
เด็กสาวที่ไม่หวั่นไหวในทางที่ต้องเดิน
เด็กสาวที่พยายามทำทุกๆอย่างเพื่อความฝัน แม้บางคนจะมองว่าเธอคือปีศาจก็ตาม
ไม่ลังเลในทุกวิถีทางมาตลอด 6 ปี ในเส้นทางไอดอล
อย่างน้อยๆ เธอคือ บุคคลที่ควรเอาอย่างในการทำตามฝัน
สุดท้ายยังพอมีเรื่องที่เยียวยาหัวใจบ้าง
กับคำตอบของคำถามที่เป็นเชิงกระเซ้าเย้าแหย่ว่า
" ถึงจะว่าอย่างนั้น หลังจากได้พักแล้วมีหลายคนที่ถวิลหาแสงสปอตไลท์จนต้องหวนคืนวงการก็ไม่น้อยอยู่"
เธอก็ยอมรับแต่โดยดีว่า
" เจ็บใจบอกไม่ถูก ! พอได้ยินแบบนั้น"
อะน่ะ ถึงเธอจะไม่ยอมรับโดยตรง แต่ผมก็เชื่อว่า คนอย่างมิลกี้ ยังไงก็เหมาะกับการยืนหน้าสปอตไลท์ที่สุด
และเรื่องนั้น เธอเองก็รู้ตัวดีที่สุด
จากบทสัมภาษณ์ของซายะมิลกี้[มันมีอะไรในกอไผ่น้า]
ที่แปลโดยแอด[Vichu] จากเพจ [Jagob]
(ขอบคุณมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ)
https://m.facebook.com/notes/jagob-akb48-fansub/akb48-newspaper-การหันหน้าพูดคุยกันครั้งสุดท้ายของสองตัวท็อปของ-nmb-/583849855129662/
จากที่อ่านๆดูแล้วก็พบว่า "มันมีอะไรในกอไผ่จริงๆ"
เกี่ยวกับการจบการศึกษาของมิลกี้ที่เธออาจตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม พูดออกมาเป็นนัยยะหลายต่อหลาบครั้ง
ฟังดูกำกวม อึมครึม สุดๆ
แต่จากบทสัมภาษณ์เนี้ย ผมตั้งข้อสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า
เหตุผลหนึ่งในหลายๆเหตุผลของการจบการศึกษาคือ
"เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของการเป็น Idol ได้"
ผมว่านี้คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด และเชื่อว่าถ้าใครได้ติดตามเธอมานาน จะเข้าใจทันที พร้อมทั้งผงกหัวยอมรับ
และเรื่องที่ผมยิ่งสงสารและเห็นใจเธอมากที่สุด คือ
เรื่องที่เธอเล่าเกี่ยวกับ
"เสียงกระซิบของปีศาจ"
ผมไม่อยากคาดเดาเท่าไหร่ว่า เสียงนั้น คือเสียงของใคร
แฟนๆในงานจับมือ/คนใกล้ชิด/เสียงในหัวตัวเธอเอง
ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่ ผมยังนิยมชมชอบเธอ
ไม่ใช่เพราะเธอน่ารัก
ไม่ใช่เพราะเธอตกแฟนเก่ง
ไม่ใช่เพราะเธอเป็นไอดอล
แต่เธอเพราะเธอคือ วาตานาเบะ มิยุกิ
เด็กสาวที่ยิ้มให้กับทุกสิ่ง
เด็กสาวที่ไม่หวั่นไหวในทางที่ต้องเดิน
เด็กสาวที่พยายามทำทุกๆอย่างเพื่อความฝัน แม้บางคนจะมองว่าเธอคือปีศาจก็ตาม
ไม่ลังเลในทุกวิถีทางมาตลอด 6 ปี ในเส้นทางไอดอล
อย่างน้อยๆ เธอคือ บุคคลที่ควรเอาอย่างในการทำตามฝัน
สุดท้ายยังพอมีเรื่องที่เยียวยาหัวใจบ้าง
กับคำตอบของคำถามที่เป็นเชิงกระเซ้าเย้าแหย่ว่า
" ถึงจะว่าอย่างนั้น หลังจากได้พักแล้วมีหลายคนที่ถวิลหาแสงสปอตไลท์จนต้องหวนคืนวงการก็ไม่น้อยอยู่"
เธอก็ยอมรับแต่โดยดีว่า
" เจ็บใจบอกไม่ถูก ! พอได้ยินแบบนั้น"
อะน่ะ ถึงเธอจะไม่ยอมรับโดยตรง แต่ผมก็เชื่อว่า คนอย่างมิลกี้ ยังไงก็เหมาะกับการยืนหน้าสปอตไลท์ที่สุด
และเรื่องนั้น เธอเองก็รู้ตัวดีที่สุด