คราวนี้ถึงคราวมา Review ที่เที่ยวใน Hong Kong กันบ้างแล้วค่ะ คติประจำกลุ่มเราคือ
"เที่ยวสาย กลับดึก คึกคักตอนเที่ยงคืน" ที่ได้ชื่อนี้ ใช่ว่าจะชอบท่องราตรีหรอกนะคะ แต่การเอามนุษย์จิ๋วไปเที่ยวด้วยนั้น ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับนางนั่นเองค่ะ แต่ละวันจะไม่สามารถกำหนดเวลาออกไปเที่ยวได้แน่นอนเลยค่ะ
ประมาณว่า Slow......... Life จริงๆ
Trip นี้เราวางไว้ 4 วัน 3 คืนค่ะ Schedule วางไว้แบบหลวมๆมาก เน้น Slow Life นั่งจิ๊บกาแฟ หาร้าน Local ทานอาหาร ไหว้พระ และ Check-In Landmark ที่ Hot Hit +++
สายการบินที่เราเลือกคือ Cathey Pacific // สายการบินแห่งชาติฮ่องกง เหตุผลที่เราเลือกสายการบินนี้เพราะ
1. Full Service : ไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม ไม่ต้องซื้ออาหารเพิ่ม
2. Infant Fare ต่ำมาก ถ้าเทียบกับสายการบินอื่น
Adult = 6,360 THB
But Infant = 1,720 THB (27%) เท่านั้น
*** เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ สามารถนั่งตักพ่อแม่ได้ ค่าตั๋วก็จะถูกหน่อยค่ะ ***
3. Flight ทั้งขาไปและขากลับ เวลาดีมากๆ คือสามารถเที่ยวได้แบบเต็มๆ 4 วันค่ะ
Tip !!! ในการเลือกเวลาบิน : คำนวณระยะเวลาในการบิน หักลบเอา กะว่าให้ไปสว่างที่ปลายทาง จะได้ออกเที่ยวได้เลย อาศัยหลับบนเครื่องบินและสนามบินเอาค่ะ
Tip !!! การเลือกที่นั่ง : เลือก Aisle Seat Only... จะได้พามนุษย์จิ๋วเดินได้เวลาเค้าเบื่อ เข้าห้องน้ำสะดวก ไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่นค่ะ
สภาพก็จะเป็นอย่างที่เห็น ข้อดีอีกอย่าง คือเป็นเวลาหลับของมนุษย์จิ๋ว ณ จุดนี้เค้าก็จะไม่กวนตอนเดินทาง และไม่งอแงบนเครื่องบินค่ะ
ข้อสำคัญ !!! ที่จะต้องเตรียมตอนขึ้นเครื่องคือ "น้ำเปล่า" ค่ะ เราสามารถถือผ่าน ตม ได้ จากประสบการณ์ที่บินมา ยังไม่เคยมีสนามบินไหนที่ไม่อนุญาติให้หิ้วน้ำ, นม และอาหารของทารกขึ้นเครื่องนะคะ จุดนี้เค้าจะอนุโลมให้ ทั้งๆที่ปกติจะไม่อนุญาติให้นำของเหลวขึ้นเครื่องมากกว่าปริมาณที่กำหนด อันนี้คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมเชียว เพราะเวลาเครื่อง Take Off หรือ Landing ความดันอากาศเปลี่ยน ลูกจะหูอื้อ ซึ่งเค้ายัง Clear หูไม่เป็น บอกให้กลืนน้ำลายก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง เราก็ให้เค้าดูดน้ำเปล่าค่ะ หูเค้าก็จะหายอื้อ ไม่งอแง *** เทคนิคนี้แม่ใช้กับน้องเมย์ ได้ผลนักเชียว นางไม่ร้องเลย ***
List ของมนุษย์จิ๋วที่ควรพกขึ้นเครื่อง
1. ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
2. นมผง
3. น้ำร้อนใส่กระติกไป และน้ำเย็นเอาไว้ผสม *จะขอบนเครื่องก็ได้ ถ้าไม่สะดวกพกไป
4. เสื้อผ้าสำรอง และผ้าอ้อม *ส่วนตัวจะเอาผ้าห่มลูกไปด้วยค่ะ เค้าจะได้คุ้นชิน และห่มเมื่อหนาว
5. ของเล่น
6. มือถือ Download การ์ตูนที่เค้าชอบดูไป
7. Wiper
กลับมาว่ากันเรื่อง Schedule 4D3N กันดีกว่า ส่วนตัวนะคะ 4 วันเป็นเวลาที่กำลังดี ไม่มาก ไม่น้อยไป เพราะฮ่องกงเป็นประเทศเล็กๆ MTR เชื่อมต่อกันเกือบหมด ใช้เวลาในการเดินทางน้อย และสะดวกมากๆ ดังนั้น 4 วัน พอ
Day 1
5:30 Arrival to HKG
5:30 - 6:30 ล้างหน้าแปรงฟัน ผ่าน ตม ฮ่องกงเข้าไป
6:30 - 7:30 ผู้ใหญ่ก็หากาแฟเติมพลัง เอานมให้มนุษย์จิ๋วกิน ไปรับตั๋วท่องเที่ยวต่างๆที่ Order ไว้ตั้งแต่ประเทศไทย หาซื้อ Octopus บัตรนี้ เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์ค่ะ เป็นบัตรเติมเงิน สามารถหาซื้อได้ที Counter ของ Airport Express หรือ Customer Service ของรถไฟใต้ดินทุกสถานี บัตรนี้เราจะใช้ขึ้น MTR รถเมย์ ซื้อของใน 7-11 ที่สำคัญ !!! บัตรนี้มาพร้อมกับส่วนลด 10% สำหรับค่าขึ้น MTR แต่ละรอบ สามารถเติมเงินได้ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง ผ่านเครื่องเติมเงิน จะมีคำว่า "Add Value Machine" บัตรนี้จะมีค่าซื้อตอนแรก ค่ามัดจำบัตร ตอนกลับก็สามารถเอาเงินคืนได้ค่ะ
# ก็ทุลักทุเลกันไป ดีที่ Trip นี้มีผู้ร่วมชะตากรรมเยอะหน่อยค่ะ
7:30 - 8:30 เดินทางจากสนามบินไปโรงแรม จริงๆแล้วการเดินทางมี 3 ทางเลือกด้วยกัน AE, Shuttle Bus หรือ Taxi ค่ะ เราเลือก AE เพราะเร็ว และเราสามารถใช้บริการ In-Town Check-In ได้ด้วย จุดนี้ดีจริงๆ ตรงที่วันสุดท้ายพอ Check Out โรงแรมแล้ว เราก็เอากระเป๋าไป Check-In ก่อนเลยค่ะ แล้วค่อยเที่ยวต่อ จะได้ไม่ต้องมาแบกกระเป๋าเที่ยว การเดินทางด้วย AE จะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ไปถึงเกาะฮ่องกง
Tips !!! In-Town Check-In จะมีเคาน์เตอร์บริการที่สถานีฮ่องกง (ห้าง IFC Mall) และสถานีเกาลูน (ห้าง Elements) ซึ่งสามารถ Check-In ได้ล่วงหน้า 1 วันเต็มก่อนเครื่องออก เราสามารถ Load สัมภาระได้ และเราจะได้รับ Boarding Pass หลังจาก Check-In เรียบร้อยแล้ว สามารถ Check รายละเอียดเพิ่มเติมกับสายการบินได้ที่
http://www.mtr.com.hk/en/customer/services/checkin_info.html
8:30 - 9:30 Check-In โรงแรมเลยค่ะ จุดนี้ไม่ต้องรอตามข้อกำหนดของโรงแรมนะคะ ที่ว่าสามารถ Check-In ได้หลังบ่าย 2 โมง คือถ้าโรงแรมมีห้องว่างพอดีเค้าก็จะให้เราเข้าห้องได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่ อย่างน้อย เราสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนได้ เค้าจะมี Area ให้ฝากค่ะ อันนี้ก็จะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าเที่ยวนะคะ
9:30-11:00 อย่ารอช้าค่ะ หาอาหารทานสิคะ ร้าน Local ที่เราใฝ่ฝัน รสชาติแบบ Original Style ฮ่องกงแท้ๆก็ต้องนี่เลยค่ะ ... บะหมี่แฮม
คือ ออกตัวก่อนนะคะ บ้านเราไม่เน้นไปร้านที่ดังๆ หรือ Must Try แบบว่าเจอร้านไหนดูสะอาด คนทานเยอะก็จัดเลยค่ะ ตอนเช้าคนที่นี่ เท่าที่สังเกตนะคะ เค้าจะทานไม่บะหมี่ ก็โจ๊ก ชานมร้อน Breakfast โจ๊ก อะไรประมาณนี้ สำหรับบ่ะหมี่ชามนี้ โอ้วโหหหห จ๊อด !!! มันยอดมาก คือน้ำซุบเค้าอร่อยจริงค่ะ ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้ แต่อยู่แถว Sheung Wan ค่ะ ร้านอยู่ใกล้ๆโรมแรมที่เราพักค่ะ "The Mercer Hong Kong" โรงแรมนี้ Location ดีค่ะ เดินออกจากสถานี Sheung Wan 100 m. เดินแปบเดียวถึง รอบๆโรงแรมมีร้านสะดวกซื้อเยอะ ร้านอาหารเยอะ ที่สำคัญเดินไปกิน Starbuck ได้ใกล้ๆ
# ช่วงที่เราไปเป็นช่วงตรุษจีน อาม่าเจ้าของร้านใจดี แจกอั่งเป๋าให้น้องเมย์ด้วยค่ะ ดูหน้านาง !!!
Tip !!! เวลาวาง Schedule ให้เผื่อเวลากินเยอะหน่อยนะคะ เพราะเวลาเรากิน เราก็เอาอาหารให้มนุษย์จิ๋วกินด้วย ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ ในการป้อนแต่ละมื้อ
11:00 - 11:30 ได้เวลากางแผนที่ Let's start journey !!! ก่อนอื่นเราต้องมีแผนที่ MTR ก่อนน่ะคะ
การเดินทางแสนจะง่าย ง่ายมากๆจริงๆนะคะ คือใช้ตัวช่วยตาม Link ข้างล่างนี้ เป็น Web Site ของ MTR เค้าจะมีช่องให้กรอก ว่าเราต้องการเดินทางจากไหนไปไหน มันก็จะออกมาเลยค่ะว่าต้องเดินทางยังไง และใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินทาง *** อันนี้สิ เที่ยวเอง ไม่ง้อทัวร์ ***
http://www.mtr.com.hk/en/customer/tourist/index.php
Destination แรกคือ Che Kung Temple (วัดแชกงหมิว) วัดยอดฮิตของคนฮ่องกง
พอออกจากสถานีรถไฟฟ้ามา ก็จะต้องเดินข้ามไปอีกฝั่งนะคะ จะเป็นทางลอด สามารถเดินเชื่อมต่อไปจนถึงวัดได้ ที่สำคัญ ไม่ต้องกลัวหาวัดไม่เจอ ที่ไหนมีควัน ที่นั่นล่ะค่ะ วัด
พอเดินทางมาถึงหน้าวัด แนะนำ ถ้าไปกันหลายคน สลับกันเข้าไปนะคะ ตัวน้องเมย์เอง แม่ก็ไม่เอาเข้าไปค่ะ ควันธูปเยอะมากจริงๆ ขนาดเราผู้ใหญ่เข้าไป น้ำตายังไหลซิกๆ เลยค่ะ ดังนั้น ถ้าเอามนุษย์จิ๋วไปด้วยแนะนำนั่งรอนอกวัดนะคะ เค้าจะมีเก้าอี้ยาวให้นั่งเล่นใต้ต้นไม้
# ดู Size ธูปแต่ละดอกค่ะ
พอเข้ามาในวัดได้ ก็อย่ารอช้าค่ะ In trend กันหน่อย หากังหันค่ะ เค้ามีให้บูชาหลาย Size หลายขนาด วัดนี้เค้าสร้างเพื่อระลึกถึงท่านแชกง นักรบผู้ปกป้องจักรพรรดิราชองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ่ง ภายในวัดจะมีรูปปั้นของท่านแชกงสูงตระหง่าน ข้างซ้ายและข้างขวาจะมีกังหันสีทอง คนเชื่อว่า ใครได้หมุนกังหันตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ จะนำพาสิ่งดีดี โชคลาภเข้ามา และช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายออกไป คือถ้าใครจริงจังกับการไหว้พระขอพร แนะนำให้ศึกษาวิธีการไหว้มาก่อนนะคะ เพราะตอนเลือกกังหันและชุดไหว้ จะงงมาก ได้ชุดไหว้มา 1 ชุด แต่ไม่รู้จะไหว้ยังไงค่ะ ... มันเยอะมากจริงๆ +++ บ้านเราก็ไหว้แบบตามมีตามเกิดค่ะ ขอแค่ใจศรัทธาก็พอ จริงๆก็ไม่น่าจะยากนะคะ มีตามจุด ก็เดินไปตามจุด แต่พอถึงทางออก ไหนใช้ไม่หมด เหลือเต็มกำมือเลย 55+
# กังหันเราก็เลือกแบบสมฐานะ 55+
# อันนี้ถึงทางออกแล้วค่ะ ชุดไหว้ยังเหลือเต็มกำมือ
สำหรับ Destination แรก วัดแชกงหมิว ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ เวลาเที่ยวสำหรับวัดนี้ ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เป็นอันเสร็จพิธี
Next Station =>>> Diamond Hill ค่ะ เราจะเที่ยว Nan Lian Garden และ Chi Lin Nunnery ...
ติดตามรีวิวเรื่องเที่ยว สไตล์ เ ม ญ่ า แ ฟ มิ ลี่ ได้ที่
https://www.facebook.com/mayyafamily/
พาลูกเที่ยวต่างประเทศ // กู้อีจู้ตะลุยโลกกว้าง by Mayya's Family : EP 2.2 Slow Life @ Hong Kong 4D3N
คราวนี้ถึงคราวมา Review ที่เที่ยวใน Hong Kong กันบ้างแล้วค่ะ คติประจำกลุ่มเราคือ "เที่ยวสาย กลับดึก คึกคักตอนเที่ยงคืน" ที่ได้ชื่อนี้ ใช่ว่าจะชอบท่องราตรีหรอกนะคะ แต่การเอามนุษย์จิ๋วไปเที่ยวด้วยนั้น ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับนางนั่นเองค่ะ แต่ละวันจะไม่สามารถกำหนดเวลาออกไปเที่ยวได้แน่นอนเลยค่ะ
ประมาณว่า Slow......... Life จริงๆ
Trip นี้เราวางไว้ 4 วัน 3 คืนค่ะ Schedule วางไว้แบบหลวมๆมาก เน้น Slow Life นั่งจิ๊บกาแฟ หาร้าน Local ทานอาหาร ไหว้พระ และ Check-In Landmark ที่ Hot Hit +++
สายการบินที่เราเลือกคือ Cathey Pacific // สายการบินแห่งชาติฮ่องกง เหตุผลที่เราเลือกสายการบินนี้เพราะ
1. Full Service : ไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม ไม่ต้องซื้ออาหารเพิ่ม
2. Infant Fare ต่ำมาก ถ้าเทียบกับสายการบินอื่น
Adult = 6,360 THB But Infant = 1,720 THB (27%) เท่านั้น
*** เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ สามารถนั่งตักพ่อแม่ได้ ค่าตั๋วก็จะถูกหน่อยค่ะ ***
3. Flight ทั้งขาไปและขากลับ เวลาดีมากๆ คือสามารถเที่ยวได้แบบเต็มๆ 4 วันค่ะ
Tip !!! ในการเลือกเวลาบิน : คำนวณระยะเวลาในการบิน หักลบเอา กะว่าให้ไปสว่างที่ปลายทาง จะได้ออกเที่ยวได้เลย อาศัยหลับบนเครื่องบินและสนามบินเอาค่ะ
Tip !!! การเลือกที่นั่ง : เลือก Aisle Seat Only... จะได้พามนุษย์จิ๋วเดินได้เวลาเค้าเบื่อ เข้าห้องน้ำสะดวก ไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่นค่ะ
สภาพก็จะเป็นอย่างที่เห็น ข้อดีอีกอย่าง คือเป็นเวลาหลับของมนุษย์จิ๋ว ณ จุดนี้เค้าก็จะไม่กวนตอนเดินทาง และไม่งอแงบนเครื่องบินค่ะ
ข้อสำคัญ !!! ที่จะต้องเตรียมตอนขึ้นเครื่องคือ "น้ำเปล่า" ค่ะ เราสามารถถือผ่าน ตม ได้ จากประสบการณ์ที่บินมา ยังไม่เคยมีสนามบินไหนที่ไม่อนุญาติให้หิ้วน้ำ, นม และอาหารของทารกขึ้นเครื่องนะคะ จุดนี้เค้าจะอนุโลมให้ ทั้งๆที่ปกติจะไม่อนุญาติให้นำของเหลวขึ้นเครื่องมากกว่าปริมาณที่กำหนด อันนี้คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมเชียว เพราะเวลาเครื่อง Take Off หรือ Landing ความดันอากาศเปลี่ยน ลูกจะหูอื้อ ซึ่งเค้ายัง Clear หูไม่เป็น บอกให้กลืนน้ำลายก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง เราก็ให้เค้าดูดน้ำเปล่าค่ะ หูเค้าก็จะหายอื้อ ไม่งอแง *** เทคนิคนี้แม่ใช้กับน้องเมย์ ได้ผลนักเชียว นางไม่ร้องเลย ***
List ของมนุษย์จิ๋วที่ควรพกขึ้นเครื่อง
1. ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
2. นมผง
3. น้ำร้อนใส่กระติกไป และน้ำเย็นเอาไว้ผสม *จะขอบนเครื่องก็ได้ ถ้าไม่สะดวกพกไป
4. เสื้อผ้าสำรอง และผ้าอ้อม *ส่วนตัวจะเอาผ้าห่มลูกไปด้วยค่ะ เค้าจะได้คุ้นชิน และห่มเมื่อหนาว
5. ของเล่น
6. มือถือ Download การ์ตูนที่เค้าชอบดูไป
7. Wiper
กลับมาว่ากันเรื่อง Schedule 4D3N กันดีกว่า ส่วนตัวนะคะ 4 วันเป็นเวลาที่กำลังดี ไม่มาก ไม่น้อยไป เพราะฮ่องกงเป็นประเทศเล็กๆ MTR เชื่อมต่อกันเกือบหมด ใช้เวลาในการเดินทางน้อย และสะดวกมากๆ ดังนั้น 4 วัน พอ
Day 1
5:30 Arrival to HKG
5:30 - 6:30 ล้างหน้าแปรงฟัน ผ่าน ตม ฮ่องกงเข้าไป
6:30 - 7:30 ผู้ใหญ่ก็หากาแฟเติมพลัง เอานมให้มนุษย์จิ๋วกิน ไปรับตั๋วท่องเที่ยวต่างๆที่ Order ไว้ตั้งแต่ประเทศไทย หาซื้อ Octopus บัตรนี้ เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์ค่ะ เป็นบัตรเติมเงิน สามารถหาซื้อได้ที Counter ของ Airport Express หรือ Customer Service ของรถไฟใต้ดินทุกสถานี บัตรนี้เราจะใช้ขึ้น MTR รถเมย์ ซื้อของใน 7-11 ที่สำคัญ !!! บัตรนี้มาพร้อมกับส่วนลด 10% สำหรับค่าขึ้น MTR แต่ละรอบ สามารถเติมเงินได้ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง ผ่านเครื่องเติมเงิน จะมีคำว่า "Add Value Machine" บัตรนี้จะมีค่าซื้อตอนแรก ค่ามัดจำบัตร ตอนกลับก็สามารถเอาเงินคืนได้ค่ะ
# ก็ทุลักทุเลกันไป ดีที่ Trip นี้มีผู้ร่วมชะตากรรมเยอะหน่อยค่ะ
7:30 - 8:30 เดินทางจากสนามบินไปโรงแรม จริงๆแล้วการเดินทางมี 3 ทางเลือกด้วยกัน AE, Shuttle Bus หรือ Taxi ค่ะ เราเลือก AE เพราะเร็ว และเราสามารถใช้บริการ In-Town Check-In ได้ด้วย จุดนี้ดีจริงๆ ตรงที่วันสุดท้ายพอ Check Out โรงแรมแล้ว เราก็เอากระเป๋าไป Check-In ก่อนเลยค่ะ แล้วค่อยเที่ยวต่อ จะได้ไม่ต้องมาแบกกระเป๋าเที่ยว การเดินทางด้วย AE จะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ไปถึงเกาะฮ่องกง
Tips !!! In-Town Check-In จะมีเคาน์เตอร์บริการที่สถานีฮ่องกง (ห้าง IFC Mall) และสถานีเกาลูน (ห้าง Elements) ซึ่งสามารถ Check-In ได้ล่วงหน้า 1 วันเต็มก่อนเครื่องออก เราสามารถ Load สัมภาระได้ และเราจะได้รับ Boarding Pass หลังจาก Check-In เรียบร้อยแล้ว สามารถ Check รายละเอียดเพิ่มเติมกับสายการบินได้ที่
http://www.mtr.com.hk/en/customer/services/checkin_info.html
8:30 - 9:30 Check-In โรงแรมเลยค่ะ จุดนี้ไม่ต้องรอตามข้อกำหนดของโรงแรมนะคะ ที่ว่าสามารถ Check-In ได้หลังบ่าย 2 โมง คือถ้าโรงแรมมีห้องว่างพอดีเค้าก็จะให้เราเข้าห้องได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่ อย่างน้อย เราสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนได้ เค้าจะมี Area ให้ฝากค่ะ อันนี้ก็จะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าเที่ยวนะคะ
9:30-11:00 อย่ารอช้าค่ะ หาอาหารทานสิคะ ร้าน Local ที่เราใฝ่ฝัน รสชาติแบบ Original Style ฮ่องกงแท้ๆก็ต้องนี่เลยค่ะ ... บะหมี่แฮม
คือ ออกตัวก่อนนะคะ บ้านเราไม่เน้นไปร้านที่ดังๆ หรือ Must Try แบบว่าเจอร้านไหนดูสะอาด คนทานเยอะก็จัดเลยค่ะ ตอนเช้าคนที่นี่ เท่าที่สังเกตนะคะ เค้าจะทานไม่บะหมี่ ก็โจ๊ก ชานมร้อน Breakfast โจ๊ก อะไรประมาณนี้ สำหรับบ่ะหมี่ชามนี้ โอ้วโหหหห จ๊อด !!! มันยอดมาก คือน้ำซุบเค้าอร่อยจริงค่ะ ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้ แต่อยู่แถว Sheung Wan ค่ะ ร้านอยู่ใกล้ๆโรมแรมที่เราพักค่ะ "The Mercer Hong Kong" โรงแรมนี้ Location ดีค่ะ เดินออกจากสถานี Sheung Wan 100 m. เดินแปบเดียวถึง รอบๆโรงแรมมีร้านสะดวกซื้อเยอะ ร้านอาหารเยอะ ที่สำคัญเดินไปกิน Starbuck ได้ใกล้ๆ
# ช่วงที่เราไปเป็นช่วงตรุษจีน อาม่าเจ้าของร้านใจดี แจกอั่งเป๋าให้น้องเมย์ด้วยค่ะ ดูหน้านาง !!!
Tip !!! เวลาวาง Schedule ให้เผื่อเวลากินเยอะหน่อยนะคะ เพราะเวลาเรากิน เราก็เอาอาหารให้มนุษย์จิ๋วกินด้วย ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ ในการป้อนแต่ละมื้อ
11:00 - 11:30 ได้เวลากางแผนที่ Let's start journey !!! ก่อนอื่นเราต้องมีแผนที่ MTR ก่อนน่ะคะ
การเดินทางแสนจะง่าย ง่ายมากๆจริงๆนะคะ คือใช้ตัวช่วยตาม Link ข้างล่างนี้ เป็น Web Site ของ MTR เค้าจะมีช่องให้กรอก ว่าเราต้องการเดินทางจากไหนไปไหน มันก็จะออกมาเลยค่ะว่าต้องเดินทางยังไง และใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินทาง *** อันนี้สิ เที่ยวเอง ไม่ง้อทัวร์ ***
http://www.mtr.com.hk/en/customer/tourist/index.php
Destination แรกคือ Che Kung Temple (วัดแชกงหมิว) วัดยอดฮิตของคนฮ่องกง
พอออกจากสถานีรถไฟฟ้ามา ก็จะต้องเดินข้ามไปอีกฝั่งนะคะ จะเป็นทางลอด สามารถเดินเชื่อมต่อไปจนถึงวัดได้ ที่สำคัญ ไม่ต้องกลัวหาวัดไม่เจอ ที่ไหนมีควัน ที่นั่นล่ะค่ะ วัด
พอเดินทางมาถึงหน้าวัด แนะนำ ถ้าไปกันหลายคน สลับกันเข้าไปนะคะ ตัวน้องเมย์เอง แม่ก็ไม่เอาเข้าไปค่ะ ควันธูปเยอะมากจริงๆ ขนาดเราผู้ใหญ่เข้าไป น้ำตายังไหลซิกๆ เลยค่ะ ดังนั้น ถ้าเอามนุษย์จิ๋วไปด้วยแนะนำนั่งรอนอกวัดนะคะ เค้าจะมีเก้าอี้ยาวให้นั่งเล่นใต้ต้นไม้
# ดู Size ธูปแต่ละดอกค่ะ
พอเข้ามาในวัดได้ ก็อย่ารอช้าค่ะ In trend กันหน่อย หากังหันค่ะ เค้ามีให้บูชาหลาย Size หลายขนาด วัดนี้เค้าสร้างเพื่อระลึกถึงท่านแชกง นักรบผู้ปกป้องจักรพรรดิราชองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ่ง ภายในวัดจะมีรูปปั้นของท่านแชกงสูงตระหง่าน ข้างซ้ายและข้างขวาจะมีกังหันสีทอง คนเชื่อว่า ใครได้หมุนกังหันตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ จะนำพาสิ่งดีดี โชคลาภเข้ามา และช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายออกไป คือถ้าใครจริงจังกับการไหว้พระขอพร แนะนำให้ศึกษาวิธีการไหว้มาก่อนนะคะ เพราะตอนเลือกกังหันและชุดไหว้ จะงงมาก ได้ชุดไหว้มา 1 ชุด แต่ไม่รู้จะไหว้ยังไงค่ะ ... มันเยอะมากจริงๆ +++ บ้านเราก็ไหว้แบบตามมีตามเกิดค่ะ ขอแค่ใจศรัทธาก็พอ จริงๆก็ไม่น่าจะยากนะคะ มีตามจุด ก็เดินไปตามจุด แต่พอถึงทางออก ไหนใช้ไม่หมด เหลือเต็มกำมือเลย 55+
# กังหันเราก็เลือกแบบสมฐานะ 55+
# อันนี้ถึงทางออกแล้วค่ะ ชุดไหว้ยังเหลือเต็มกำมือ
สำหรับ Destination แรก วัดแชกงหมิว ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ เวลาเที่ยวสำหรับวัดนี้ ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เป็นอันเสร็จพิธี
Next Station =>>> Diamond Hill ค่ะ เราจะเที่ยว Nan Lian Garden และ Chi Lin Nunnery ...
ติดตามรีวิวเรื่องเที่ยว สไตล์ เ ม ญ่ า แ ฟ มิ ลี่ ได้ที่
https://www.facebook.com/mayyafamily/