“เอไอเอส” ลั่นสิ้นปี 4G คลุม 98% เร็วกว่ากำหนด 1 ปี
“เอไอเอส” ชี้ตลาดโทรคมปีหน้าแข่งขันดุเดือดกว่าเดิม เพราะในปีนี้ขอใช้เวลาในการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการ ล่าสุด ปรับแผนพื้นที่การให้บริการ 4G เป็นครอบคลุม 98% ภายในสิ้นปี เทียบเท่าการให้บริการ 2G จากเดิมที่คาดการณ์ไว้สิ้นปีที่จะครอบคลุม 80% มั่นใจปีหน้าพร้อมแข่งขันในทุกๆ ด้าน เชื่อคอนเทนต์วิดีโอจะเป็นตัวเร่งให้การใช้งานดาต้าเติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมเฟ้นขยายพาร์ตเนอร์ในกลุ่มรีเทลเพิ่มเติม
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า หลังจากที่ทางเอไอเอสได้คลื่น 1800 MHz มาให้บริการ 4G ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ปัจจุบันได้ให้บริการแล้วครอบคลุม 50% ของประชากร ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ว่าจะสามารถให้บริการได้ 50% ภายในสิ้นปี หลังจากนั้นจึงได้มีการปรับเป้าหมายพื้นที่ครอบคลุมให้เป็น 80% ในสิ้นปี
ล่าสุด หลังจากที่ได้คลื่น 900 MHz มาให้บริการ 4G เพิ่มเติม ทำให้เอไอเอสมีโอกาสที่จะสามารถให้บริการ 4G และ 3G ครอบคลุม 98% ของประชากร หรือเทียบเท่าการให้บริการ 2G เดิมเร็วกว่าที่กำหนดไว้เดิมถึง 1 ปี แม้ว่าจะไม่ได้มีการเพิ่มจำนวนสถานีฐานเพิ่มเติม แต่ใช้วิธีทางวิศวกรในการปรับแต่งการให้บริการให้ครอบคลุมพื้นที่ได้เหมาะสม
“สิ่งที่เอไอเอสทำคือ การเร่งเพิ่มพื้นที่ให้บริการไปพร้อมกับๆ การให้บริการแบบมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้จากคุณภาพในการใช้งานของลูกค้าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้บริการ 4G ทำให้ไม่กังวลถึงการที่คู่แข่งจะออกมาบอกว่าเป็นผู้นำ 4G เพราะให้บริการมาก่อน 2 ปี แต่เอไอเอสสามารถให้บริการได้ทัน และจะเหนือกว่าภายในปีเดียว”
ขณะเดียวกัน การแข่งขันในแง่ของการให้บริการจะหันไปอยู่ที่การให้บริการข้อมูล (ดาต้า) เป็นหลัก เพราะปัจจุบันการให้บริการทางด้านเสียง (วอยซ์) มีสัดส่วนรายได้ลดน้อยลงเรื่อยๆ ในทุกๆ ผู้ให้บริการ และเป็นไปตามกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ผู้ให้บริการจำเป็นต้องหาคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมาให้บริการแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าในเรื่องของสงครามราคาก็จะยังไม่หายไป
“ปีหน้าเอไอเอสจะให้ความสำคัญต่อการให้บริการคอนเทนต์วิดีโอเป็นหลัก ภายใต้แอปพลิเคชันอย่าง AIS Play ที่จะมีการนำคอนเทนต์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่หมดสัญญาไปแล้วก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเพื่อนำมาถ่ายทอดสดผ่านอุปกรณ์โมบาย ซึ่งปัจจุบันมีทีมที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว”
นอกจากนี้ เอไอเอสยังต้องการหาทีมงาน หรือพาร์ตเนอร์มาช่วยในส่วนของการบริหารจัดการช่องทางรีเทลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันการให้บริการเอไอเอส ชอปเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าแล้ว ดังนั้น การที่เห็นเอไอเอสจับมือกับไอสตูดิโอถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการรุกตลาดรีเทล และพร้อมที่จะต่อยอดต่อไปในอนาคต
ในส่วนของเงินลงทุนในปีหน้า นายสมชัย เปิดเผยว่า จะใช้งบประมาณในการลงทุนไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่จะปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานให้ตอบโจทย์คนไทยทุกคนมากยิ่งขึ้น จากเดิมในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ที่ใช้เงินลงทุนไปปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.2 แสนล้านบาทในการขยายสถานีฐาน และโครงข่ายเพื่อให้บริการ
ส่วนความคืบหน้าในแง่การจับมือเป็นพันธมิตรกับทางทีโอที เอไอเอส ย้ำว่าพร้อมที่จะเช่าใช้โครงข่ายตามสัญญาที่กำหนดไว้ เพียงแต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของทางฝั่งทีโอที ดังนั้น เอไอเอสก็จะบริหารโครงข่ายไปเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการก่อน แต่ถ้าไม่สามารถทำสัญญาได้ก็จะให้บริการตามจำนวนคลื่นที่มีอยู่
http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000071281
AIS ลั่น!! สิ้นปี 4G ครอบคลุม 98% เร็วกว่าเดิม 1 ปี เผยพร้อมประมูลฟุตบอล Premier League
“เอไอเอส” ชี้ตลาดโทรคมปีหน้าแข่งขันดุเดือดกว่าเดิม เพราะในปีนี้ขอใช้เวลาในการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการ ล่าสุด ปรับแผนพื้นที่การให้บริการ 4G เป็นครอบคลุม 98% ภายในสิ้นปี เทียบเท่าการให้บริการ 2G จากเดิมที่คาดการณ์ไว้สิ้นปีที่จะครอบคลุม 80% มั่นใจปีหน้าพร้อมแข่งขันในทุกๆ ด้าน เชื่อคอนเทนต์วิดีโอจะเป็นตัวเร่งให้การใช้งานดาต้าเติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมเฟ้นขยายพาร์ตเนอร์ในกลุ่มรีเทลเพิ่มเติม
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า หลังจากที่ทางเอไอเอสได้คลื่น 1800 MHz มาให้บริการ 4G ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ปัจจุบันได้ให้บริการแล้วครอบคลุม 50% ของประชากร ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ว่าจะสามารถให้บริการได้ 50% ภายในสิ้นปี หลังจากนั้นจึงได้มีการปรับเป้าหมายพื้นที่ครอบคลุมให้เป็น 80% ในสิ้นปี
ล่าสุด หลังจากที่ได้คลื่น 900 MHz มาให้บริการ 4G เพิ่มเติม ทำให้เอไอเอสมีโอกาสที่จะสามารถให้บริการ 4G และ 3G ครอบคลุม 98% ของประชากร หรือเทียบเท่าการให้บริการ 2G เดิมเร็วกว่าที่กำหนดไว้เดิมถึง 1 ปี แม้ว่าจะไม่ได้มีการเพิ่มจำนวนสถานีฐานเพิ่มเติม แต่ใช้วิธีทางวิศวกรในการปรับแต่งการให้บริการให้ครอบคลุมพื้นที่ได้เหมาะสม
“สิ่งที่เอไอเอสทำคือ การเร่งเพิ่มพื้นที่ให้บริการไปพร้อมกับๆ การให้บริการแบบมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้จากคุณภาพในการใช้งานของลูกค้าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้บริการ 4G ทำให้ไม่กังวลถึงการที่คู่แข่งจะออกมาบอกว่าเป็นผู้นำ 4G เพราะให้บริการมาก่อน 2 ปี แต่เอไอเอสสามารถให้บริการได้ทัน และจะเหนือกว่าภายในปีเดียว”
ขณะเดียวกัน การแข่งขันในแง่ของการให้บริการจะหันไปอยู่ที่การให้บริการข้อมูล (ดาต้า) เป็นหลัก เพราะปัจจุบันการให้บริการทางด้านเสียง (วอยซ์) มีสัดส่วนรายได้ลดน้อยลงเรื่อยๆ ในทุกๆ ผู้ให้บริการ และเป็นไปตามกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ผู้ให้บริการจำเป็นต้องหาคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมาให้บริการแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าในเรื่องของสงครามราคาก็จะยังไม่หายไป
“ปีหน้าเอไอเอสจะให้ความสำคัญต่อการให้บริการคอนเทนต์วิดีโอเป็นหลัก ภายใต้แอปพลิเคชันอย่าง AIS Play ที่จะมีการนำคอนเทนต์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่หมดสัญญาไปแล้วก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเพื่อนำมาถ่ายทอดสดผ่านอุปกรณ์โมบาย ซึ่งปัจจุบันมีทีมที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว”
นอกจากนี้ เอไอเอสยังต้องการหาทีมงาน หรือพาร์ตเนอร์มาช่วยในส่วนของการบริหารจัดการช่องทางรีเทลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันการให้บริการเอไอเอส ชอปเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าแล้ว ดังนั้น การที่เห็นเอไอเอสจับมือกับไอสตูดิโอถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการรุกตลาดรีเทล และพร้อมที่จะต่อยอดต่อไปในอนาคต
ในส่วนของเงินลงทุนในปีหน้า นายสมชัย เปิดเผยว่า จะใช้งบประมาณในการลงทุนไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่จะปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานให้ตอบโจทย์คนไทยทุกคนมากยิ่งขึ้น จากเดิมในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ที่ใช้เงินลงทุนไปปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.2 แสนล้านบาทในการขยายสถานีฐาน และโครงข่ายเพื่อให้บริการ
ส่วนความคืบหน้าในแง่การจับมือเป็นพันธมิตรกับทางทีโอที เอไอเอส ย้ำว่าพร้อมที่จะเช่าใช้โครงข่ายตามสัญญาที่กำหนดไว้ เพียงแต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของทางฝั่งทีโอที ดังนั้น เอไอเอสก็จะบริหารโครงข่ายไปเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการก่อน แต่ถ้าไม่สามารถทำสัญญาได้ก็จะให้บริการตามจำนวนคลื่นที่มีอยู่
http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000071281