***ทริป 13 วัน ชีวิตฉันในพม่า กับราคาแค่ 16000 บาท รวมทุกอย่าง ตั๋วเครื่องบิน กิน นอน เที่ยว***
สวัสดีครับ นี่เป็นรีวิวแรกของเรา ที่พยายามเล่าประสบการณ์ออกมาเป็นตัวอักษร
เราอยากร่วมแชร์ประสบการณ์ในทริปพม่า (ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ สกาย อังวะ พุกาม อินเล พะโค ไจ้ก์ติโย)
ทริปนี้เราเดินทาง 13 วัน (7-19 เมษายน 2559) ช่วงวันหยุดสงกรานต์
ซึ่งเราไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนว่า สงกรานต์ ในพม่าก็เป็นช่วงหยุดยาวเหมือนกัน บริษัทห้างร้านต่างๆปิดทำการแทบทั้งหมด
แม้กระทั่งรถโดยสารระหว่างเมือง ยังปิดให้บริการซะเป็นส่วนใหญ่
เริ่มแรก
เรากับเพื่อนจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าของสายการบินแอร์เอเชีย ไปกลับ กรุงเทพ-ย่างกุ้ง(ในราคาโปรโมชั่น)
เราตกลงเดินทางด้วยกัน 3 คน แต่วันเดินทาง เพื่อน 1 คนติดงาน เลยเทให้เราไปพม่ากัน 2 คน
เรา 2 คนโดนเทไปตามระเบียบ แต่ก็ยืนยันจะไปพม่าให้ได้ เพราะหลงไหลในเสน่ห์และวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านจริงๆ
เมื่อตกลงว่าจะไปพม่า ก็เริ่มหาตั๋วเครื่องบินและวางแผนการเดินทาง
เริ่มทำการบ้าน และหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศพม่ามากขึ้น
โจทย์ของเราคือ ได้ไปไหว้มหาบูชาสถานครบทั้ง 5 สิ่งศักดิ์สิทธิของพม่า
และได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวพม่าในระหว่างการเดินทาง 13 วันของเรา
มาเริ่มเดินทาง แบ่งปันประสบการณ์ กับวันแรกของเรา ไปพร้อมๆกันเลยครับ
วันที่1 (7 เมษายน 2559)
เราบินจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง สู่ย่างกุ้ง ประเทศพม่า
บิน ไฟล์เที่ยง ถึงย่างกุ้งประมาณบ่ายๆ ระยะเวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง
และเวลาที่ย่างกุ้ง ช้ากว่าไทย 30 นาที นะ
ถึงสนามบินย่างกุ้ง เราก็แลกเงินดอลลาร์เป็นเงินพม่า
ที่สนามบินจะมีเคาเตอร์แลกเงิน เราแลกที่นี่เลย
เราตั้งงบไว้ที่ 400 ดอลลาร์ และสำรองเผื่อฉุกเฉินติดกระเป๋าไว้อีก 100 ดอลลาร์
เราแลกเงิน 400 ดอลลาร์เป็นเงินพม่า และเก็บอีก 100 ดอลลาร์ไว้ในกระเป๋า จะไม่ใช้หากไม่จำเป็นจริงๆ
*สิ่งที่ควรรู้คือ เงินดอลลาร์ที่เอาไปแลกเป็นเงินพม่า ต้องไม่ยับ ไม่มีรอยพับ ไม่มีรอยขีดเขียน เพราะเขารับเฉพาะใบใหม่ๆเท่านั้น
แลกเงินเสร็จ เราหารถ TAXI เข้าเมือง เรามองหาคนหารค่ารถ เพราะเราไปกันสองคน ไม่อยากหารกันแพง เลยต้องหาเพื่อนร่วมทาง อิอิ
เราโชคดีได้เพื่อนชาวแคนนาดา มาช่วยหารค่ารถ TAXI เข้าเมือง นั่ง TAXI ครั้งนี้ เลยได้หาร 3 คน
เรานั่ง TAXI มาลงที่สถานีรถไฟย่างกุ้ง เพราะเราตั้งใจจะนั่งรถไฟจากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์ จึงมาลงรถ TAXI ที่สถานีรถไฟ เพื่อหาตั๋วต่อไปมัณฑะเลย์คืนนี้
(เราเลือกนั่งรถในประเทศ จากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์เพราะ เราจองเครื่องบินได้ราคาโปรโมชั่นไปกลับ กทม.-ย่างกุ้ง พอดี)
ภาพหน้าสถานีรถไฟย่างกุ้ง
แต่ช่วงที่เราเดินทาง เป็นช่วงวันหยุดของพม่าพอดี เราเลยหารถไปมัณฑะเลย์ยากมาก เพราะคนเดินทางเยอะ และบริษัทเดินรถก็จะหยุด หยุด หยุด และก็หยุดกันหมด
เราเดินเข้าไปที่สถานีรถไฟ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟไปมัณฑะเลย์ ตั๋วก็เต็มหมด เราเลยเดินหารถบัส
ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟเป็นที่ขายตั๋วรถบัส หลายบริษัท
เราหวังว่าคงมีสักบริษัท ที่จะมีที่ว่างให้เราสองคน ได้ตั๋วรถไปมัณฑะเลย์บ้าง
เราเดินหาทุกบริษัทรถบัส และพบว่า “ไม่มีบริษัทไหน มีตั๋วรถไปมัณฑะเลย์ให้เราเลย”
เรากะเพื่อนเริ่มหาแผนสำรองแล้ว ว่าถ้าไม่มีรถจริงๆ จะเอายังไงต่อดี
ถ้านอนในย่างกุ้งก่อนคืนนึง แล้วหารถตอนเช้าวันถัดไปจะดีมั้ย
ระหว่างที่เรากับเพื่อน กำลังหาวิธีว่าจะเอาไงต่อไปนั้น มีหญิงวัยรุ่นพม่าคนนึง เข้ามาช่วยเรา
เขาช่วยหาตั๋วรถบัสให้ เรา
เราได้ตั๋วรถบัสไปมัณฑะเลย์ ในรุ่งเช้าวันที่ 8 เมษายน แต่ต้องไปขึ้นรถบัสที่สถานีรถบัสที่อยู่นอกเมืองไปหน่อย
เรากับเพื่อนเลยขึ้นรถเมล์ไปที่แถวๆสถานีรถบัสนอกเมือง เพื่อจะหาที่พักแถวนั้น ตอนเช้า จะได้ไม่ต้องรีบตื่นมาสถานี ตัดสินใจว่าจะหาที่พักแถวๆสถานีนอนรอขึ้นรถในวันถัดไปเลย
เรามาถึงสถานีรถบัสแล้ว ในขณะที่กำลังเดินหาที่พัก เราก็ได้คุยกับฝรั่งสองคน เพื่อจะถามหาที่พักราคาถูกๆแถวนั้น พร้อมทั้งเล่าแผนของเราให้เขาฟัง ว่าเราจะไปมัณฑะเลย์ แต่หาตั๋วรถคืนนี้ไม่ได้เลย
ฝรั่งสองคนนั้นแนะนำเราว่า แถวนี้ไม่มีที่พักหรอก เขาบอกเราต้องเข้าไปหาในเมืองโน้น
แต่ถ้าเราจะไปมัณฑะเลย์คืนนี้ เขามีบริษัทรถบัสแนะนำให้ เพราะเขาก็เพิ่งซื้อตั๋วไปเหมือนกัน
เราเลยเดินตามฝรั่งสองคนนั้นไป เพื่อหาซื้อตั๋วไปมัณฑะเลย์ในคืนนี้
และแล้ว เราก็ได้ตั๋วมัณฑะเลย์สมใจ ที่บริษัทนี้มีตั๋วว่างให้เรากะเพื่อนในคืนนี้พอดี
เรากะเพื่อนเลยตัดสินใจ ทิ้งตั๋วตอนเช้าวันถัดไปที่ซื้อไว้ แล้ว มาซื้อใหม่กับบริษัทนี้ ที่จะเดินทางในคืนนี้แทน
เราได้ตั๋วรถไปมัณฑะเลย์สมใจ เดินทางกลางคืน ถึงมัณฑะเลย์เช้าๆ ถือว่าได้ประหยัดที่นอนในโรงแรมได้หนึ่งคืน และประหยัดเวลาด้วย
บรรยากาศโดยรอบสถานีรถบัสย่างกุ้ง
ร้านขายของกินข้างทาง ที่คนพม่าส่วนใหญ่กินกัน เราเลยลองกินบ้าง
หมูจุ่ม ขายเป็นไม้ จะเจอตามข้างทางบ่อยๆ
แถวๆสถานีรถบัสมีวัดอยู่วัดนึง เราเข้าไปไหว้พระระหว่างรอขึ้นรถ
ยามเย็นที่วัด สงบดี ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว
ปฏิทินวันหยุดสงกรานต์ของพม่า
รถบัสที่เรานั่งจากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์
วันแรกในพม่า อาจจะวุ่นๆไปกับการหาตั๋วรถไปมัณฑะเลย์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้
มาลุ้นกันต่อไป ว่าวันที่เหลือของเราในพม่า จะตื่นเต้น ตื่นตาแค่ไหน
นี่แค่วันแรกก็ขาลากกับการหาตั๋ว วันต่อไปไม่ต้องกลัว ทำตัวให้ชินจ่ะ!!
สำหรับคืนนี้ สวัสดี นอนก่อนนะ คร่อกกก
สรุปค่าใช้จ่าย(หน่วยเงินเป็นเงินพม่า) อัตราการแลกเปลี่ยนเงินเดือนเมษายน 2559
วันที่ 7 เมษายน 2559
Taxi จากสนามบินย่างกุ้ง เข้าตัวเมือง 3,500 MMK
ตั๋วรถบัส ย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ (รอบเช้า ที่เราตัดสินใจทิ้งตั๋ว) 15,000 MMK
รถเมล์จากในเมืองย่างกุ้ง ไปสถานีรถบัส 500 MMK
ตั๋วรถบัส ย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ (รอบดึกที่เพิ่งได้ตั๋วทีหลัง) 25,000 MMK
น้ำดื่ม 400 MMK
มื้อเย็น 500 MMK
หมู่จุ่ม 700 MMK
Pepsi 400 MMK
รวมค่าใช้จ่าย 46,000 MMK = 1,352.61 บาท
ลงท้าย : ภาพทั้งหมดในทริปถ่ายด้วย iphone5 นะครับ
มาต่อกันในวันที่ 2 (8 เมษายน 2559)
วันที่ 2
เรามาถึงมัณฑะเลย์เช้าตรู่ ลงรถที่ท่ารถแล้วต่อ TAXI เข้าไปในเมือง
เพื่อเช็คอินโรงแรมที่จองไว้ล่วงหน้า
เราเลือกพักที่ Fortune Hotel ซึ่งเราจองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่มาจ่ายเงินในวันเข้าพักเลย
(เราเลือกจองไว้บางเมือง และเดินหาบางเมือง เพราะเราเชื่อว่า ถ้าทำการบ้านหาข้อมูลไปล่วงหน้าจะทำให้เราประหยัดเวลาได้เยอะ)
เรานอนที่นี่ 2 คืน คืนละ 18 USD ต่อห้อง ห้องละ 2 คน มีอาหารเช้า ห้องแอร์ Free wifi
แผนของเราวันนี้ คือ Mandalay Royal Palace, Kuthodaw Pagoda, Shwe Nan Daw Monastery, Mandalay Hill
ถึงพี่พัก เก็บกระเป๋า อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เราก็เช่าจักรยานเพื่อปั่นเที่ยวรอบๆเมืองมัณฑะเลย์
ภาพบรรยากาศห้องพักของเรา 2 เตียง ห้องน้ำรวม มีอาหารเช้า มีwifi
เริ่มแรกหลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็เช่าจักรยานแล้วออกไปหาอาหารเช้ากินกัน
อาหารมื้อเช้า ที่เราไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
อิ่มจากมื้อเช้า เราก็ลุยต่อด้วยการปั่นจักรยานไปที่พระราชวังมัณฑะเลย์ ดินแดนแห่งตำนานเพลิงพระนาง
ขอบอกตรงนี้เลยว่า แดดพม่าร้อนมากแม่คุณเอ้ยยย!! ปั่นวนไปจ่ะ!!
(เราขอแผนที่เมืองได้จากที่พักของเรา จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปเที่ยวที่ต่างๆตามใจชอบเลย)
มาถึงทางเข้าวังมัณฑะเลย์แล้ว ตรงนี้เราต้องจ่ายค่าเข้าเมือง 10,000 MMK
หลังจากจ่ายค่าเข้าเรียบร้อย เราก็เข้าไปชมบรรยากาศภายในวังได้
ความยิ่งใหญ่ของวังมัณฑะเลย์ เราต้องใช้เวลาพอสมควรในการเที่ยวชม เพื่อให้ได้ครบทุกมุมของวัง
ในแต่ละจุดจะมีบรรยายเกี่ยวกับวังเอาไว้ด้วย คนที่สนใจอยากเที่ยวแนวอิงประวัติศาสตร์ ก็ต้องทำการบ้านเยอะๆหน่อยนะ
หลังจากชมวังมัณฑะเลย์เสร็จ เราก็หาที่นังจิบเบียร์เย็นๆดับร้อนสักหน่อย
หายเหนื่อยแล้ว ก็ลุยกันต่อ
วัดในพม่าจะไม่อนุญาตให้เราใส่รองเท้าเข้าไปในวัด เราต้องถอดไว้นอกวัดหรือถอดแล้วถือเข้าไปเท่านั้น
หลายๆวัดในพม่า เราสามารถเที่ยวได้จากแผนที่ที่โรงแรมให้เรามา
ภาพมณฑปสีขาวที่ประดิษฐานแผ่นศิลาจารึกพระไตรปิฏก 84,000 พระธรรมขันธ์บนแผ่นหินอ่อน 729 แผ่น โดยใช้เวลาในการแกะสลักศิลาจารึกนานถึง 8 ปีเลยทีเดียว
เราจะเห็นมณฑปเยอะมากที่วัดแห่งนี้
ต้นพิกุลยักษ์ในวัด มีทานาคาให้เราไปฝนทาหน้าได้ และนี่แหละคือที่มาของเรื่องเล่าประจำวัน(ติดตามเรื่องเล่าหลังสรุปค่าใช้จ่าย)
เสร็จจากวัดนี้เราก็ไปชมปราสาทเก่า แต่พอปั่นจักรยานไปถึง ก็เย็นมากแล้ว หมดเวลาเข้าชม
เราก็ได้แค่ถ่ายรูปจากด้านนอก และยืนชมความงดงามจากตรงนี้เท่านั้น
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ได้เวลาชมพระอาทิตย์ตกแล้ว เรามุ่งหน้าไปที่ Mandalay Hill
ชมพระอาทิตย์ตกจากยอดเขา แล้วเราก็กลับที่พัก รอความสนุกของวันถัดไป
สรุปค่าใช้จ่าย(หน่วยเงินเป็นเงินพม่า MMK) อัตราการแลกเปลี่ยนเงินเดือนเมษายน 2559
วันที่ 8 เมษายน 2559
Taxi เข้าเมือง 4000
Fortune Hotel 10800
เช่าจักรยาน 1000
อาหารเช้า 800
ค่าเข้าวังมัณฑะเลย์ 10000
โค้ก 500 เบียร์ 2950 น้ำเปล่า 150
โปสการ์ด 1500 แสตมป์ 2500 ภาพวาด 1500
โค้ก 600 น้ำเปล่า 150 ข้าวเย็น 1200
ฝากรองเท้า 50 ค่าวินมอเตอร์ไซด์ขึ้น Mandalay Hill 1500
รวมค่าใช้จ่าย 48,200 MMK = 1,417.30 บาท
>>>>เรื่องเล่าประจำวัน
- กับความดีของทานาคา -
มาพม่าทั้งที เราก็อยากทำตัวกลมกลืมกับคนพื้นเมืองซะหน่อย ก็เลยหาทานาคาเพื่อความชิคและคูลให้กับทริปของเรา...
เรื่องสนุกเกิดขึ้นในวัด หลังจากที่เรากราบพระเสร็จแล้ว ใต้ต้นไม้ใหญ่ในวัด มีทานาคาวางอยู่ เราก็เดินไปฝนทานาคาเพื่อจะเอามาเติมลวดลายที่ใบหน้า...
ท่าทางเก้ๆกังๆในการฝนทานาคาของเรา ดึงดูดใจชาวพม่ายิ่งนัก และไม่นานก็ปรากฎสตรีพม่าผู้แสนดีคนนึง อืม เธอเข้ามาช่วยเราฝนทานาคา และแต่งแต้มลวดลายบนใบหน้าของเรา...
(ใจดีสุดๆเลยอะ)
ชื่นใจกันมาพักใหญ่กับความดีของสตรีพม่าคนนี้ เราเลยเอาของที่ระลึกที่เราเตรียมไปจากเมืองไทย เอาให้เขาเพื่อเป็นการตอบแทน...
สตรีพม่ายิ้มอย่างชื่นใจ มุมปากเบิกกว้าง
และทันใดนั้น เธอก็เสนอขายภาพเขียนเรา!! กรี๊ดสุด! กลยุทธ์การขายเธอแนบเนียนมาก! ตีซี้ก่อน พร้อมตบท้ายด้วยการขายสินค้า โอ้ะโห้ว!!
นักเดินทางชั้นประหยัดอย่างเรา เสียท่าเข้าเต็มๆ เลยต่อรองราคาภาพเขียนอันแสนแพงที่นางเสนอขายเรา 5 ภาพ ต่อรองจนจบลงที่เราซื้อมา 2 ภาพ สบายกระเป๋าไปสิ!!
ทริปนี้ทาทานาคาแค่วันเดียว บรัย
>ติดตามตอนต่อไปในคอมเม้นนะจ้ะ
[CR] ทริป 13 วัน ชีวิตฉันในพม่า กับราคาแค่ 16000 บาท รวมทุกอย่าง ตั๋วเครื่องบิน กิน นอน เที่ยว
สวัสดีครับ นี่เป็นรีวิวแรกของเรา ที่พยายามเล่าประสบการณ์ออกมาเป็นตัวอักษร
เราอยากร่วมแชร์ประสบการณ์ในทริปพม่า (ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ สกาย อังวะ พุกาม อินเล พะโค ไจ้ก์ติโย)
ทริปนี้เราเดินทาง 13 วัน (7-19 เมษายน 2559) ช่วงวันหยุดสงกรานต์
ซึ่งเราไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนว่า สงกรานต์ ในพม่าก็เป็นช่วงหยุดยาวเหมือนกัน บริษัทห้างร้านต่างๆปิดทำการแทบทั้งหมด
แม้กระทั่งรถโดยสารระหว่างเมือง ยังปิดให้บริการซะเป็นส่วนใหญ่
เริ่มแรก
เรากับเพื่อนจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าของสายการบินแอร์เอเชีย ไปกลับ กรุงเทพ-ย่างกุ้ง(ในราคาโปรโมชั่น)
เราตกลงเดินทางด้วยกัน 3 คน แต่วันเดินทาง เพื่อน 1 คนติดงาน เลยเทให้เราไปพม่ากัน 2 คน
เรา 2 คนโดนเทไปตามระเบียบ แต่ก็ยืนยันจะไปพม่าให้ได้ เพราะหลงไหลในเสน่ห์และวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านจริงๆ
เมื่อตกลงว่าจะไปพม่า ก็เริ่มหาตั๋วเครื่องบินและวางแผนการเดินทาง
เริ่มทำการบ้าน และหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศพม่ามากขึ้น
โจทย์ของเราคือ ได้ไปไหว้มหาบูชาสถานครบทั้ง 5 สิ่งศักดิ์สิทธิของพม่า
และได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวพม่าในระหว่างการเดินทาง 13 วันของเรา
มาเริ่มเดินทาง แบ่งปันประสบการณ์ กับวันแรกของเรา ไปพร้อมๆกันเลยครับ
วันที่1 (7 เมษายน 2559)
เราบินจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง สู่ย่างกุ้ง ประเทศพม่า
บิน ไฟล์เที่ยง ถึงย่างกุ้งประมาณบ่ายๆ ระยะเวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง
และเวลาที่ย่างกุ้ง ช้ากว่าไทย 30 นาที นะ
ถึงสนามบินย่างกุ้ง เราก็แลกเงินดอลลาร์เป็นเงินพม่า
ที่สนามบินจะมีเคาเตอร์แลกเงิน เราแลกที่นี่เลย
เราตั้งงบไว้ที่ 400 ดอลลาร์ และสำรองเผื่อฉุกเฉินติดกระเป๋าไว้อีก 100 ดอลลาร์
เราแลกเงิน 400 ดอลลาร์เป็นเงินพม่า และเก็บอีก 100 ดอลลาร์ไว้ในกระเป๋า จะไม่ใช้หากไม่จำเป็นจริงๆ
*สิ่งที่ควรรู้คือ เงินดอลลาร์ที่เอาไปแลกเป็นเงินพม่า ต้องไม่ยับ ไม่มีรอยพับ ไม่มีรอยขีดเขียน เพราะเขารับเฉพาะใบใหม่ๆเท่านั้น
แลกเงินเสร็จ เราหารถ TAXI เข้าเมือง เรามองหาคนหารค่ารถ เพราะเราไปกันสองคน ไม่อยากหารกันแพง เลยต้องหาเพื่อนร่วมทาง อิอิ
เราโชคดีได้เพื่อนชาวแคนนาดา มาช่วยหารค่ารถ TAXI เข้าเมือง นั่ง TAXI ครั้งนี้ เลยได้หาร 3 คน
เรานั่ง TAXI มาลงที่สถานีรถไฟย่างกุ้ง เพราะเราตั้งใจจะนั่งรถไฟจากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์ จึงมาลงรถ TAXI ที่สถานีรถไฟ เพื่อหาตั๋วต่อไปมัณฑะเลย์คืนนี้
(เราเลือกนั่งรถในประเทศ จากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์เพราะ เราจองเครื่องบินได้ราคาโปรโมชั่นไปกลับ กทม.-ย่างกุ้ง พอดี)
ภาพหน้าสถานีรถไฟย่างกุ้ง
แต่ช่วงที่เราเดินทาง เป็นช่วงวันหยุดของพม่าพอดี เราเลยหารถไปมัณฑะเลย์ยากมาก เพราะคนเดินทางเยอะ และบริษัทเดินรถก็จะหยุด หยุด หยุด และก็หยุดกันหมด
เราเดินเข้าไปที่สถานีรถไฟ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟไปมัณฑะเลย์ ตั๋วก็เต็มหมด เราเลยเดินหารถบัส
ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟเป็นที่ขายตั๋วรถบัส หลายบริษัท
เราหวังว่าคงมีสักบริษัท ที่จะมีที่ว่างให้เราสองคน ได้ตั๋วรถไปมัณฑะเลย์บ้าง
เราเดินหาทุกบริษัทรถบัส และพบว่า “ไม่มีบริษัทไหน มีตั๋วรถไปมัณฑะเลย์ให้เราเลย”
เรากะเพื่อนเริ่มหาแผนสำรองแล้ว ว่าถ้าไม่มีรถจริงๆ จะเอายังไงต่อดี
ถ้านอนในย่างกุ้งก่อนคืนนึง แล้วหารถตอนเช้าวันถัดไปจะดีมั้ย
ระหว่างที่เรากับเพื่อน กำลังหาวิธีว่าจะเอาไงต่อไปนั้น มีหญิงวัยรุ่นพม่าคนนึง เข้ามาช่วยเรา
เขาช่วยหาตั๋วรถบัสให้ เรา
เราได้ตั๋วรถบัสไปมัณฑะเลย์ ในรุ่งเช้าวันที่ 8 เมษายน แต่ต้องไปขึ้นรถบัสที่สถานีรถบัสที่อยู่นอกเมืองไปหน่อย
เรากับเพื่อนเลยขึ้นรถเมล์ไปที่แถวๆสถานีรถบัสนอกเมือง เพื่อจะหาที่พักแถวนั้น ตอนเช้า จะได้ไม่ต้องรีบตื่นมาสถานี ตัดสินใจว่าจะหาที่พักแถวๆสถานีนอนรอขึ้นรถในวันถัดไปเลย
เรามาถึงสถานีรถบัสแล้ว ในขณะที่กำลังเดินหาที่พัก เราก็ได้คุยกับฝรั่งสองคน เพื่อจะถามหาที่พักราคาถูกๆแถวนั้น พร้อมทั้งเล่าแผนของเราให้เขาฟัง ว่าเราจะไปมัณฑะเลย์ แต่หาตั๋วรถคืนนี้ไม่ได้เลย
ฝรั่งสองคนนั้นแนะนำเราว่า แถวนี้ไม่มีที่พักหรอก เขาบอกเราต้องเข้าไปหาในเมืองโน้น
แต่ถ้าเราจะไปมัณฑะเลย์คืนนี้ เขามีบริษัทรถบัสแนะนำให้ เพราะเขาก็เพิ่งซื้อตั๋วไปเหมือนกัน
เราเลยเดินตามฝรั่งสองคนนั้นไป เพื่อหาซื้อตั๋วไปมัณฑะเลย์ในคืนนี้
และแล้ว เราก็ได้ตั๋วมัณฑะเลย์สมใจ ที่บริษัทนี้มีตั๋วว่างให้เรากะเพื่อนในคืนนี้พอดี
เรากะเพื่อนเลยตัดสินใจ ทิ้งตั๋วตอนเช้าวันถัดไปที่ซื้อไว้ แล้ว มาซื้อใหม่กับบริษัทนี้ ที่จะเดินทางในคืนนี้แทน
เราได้ตั๋วรถไปมัณฑะเลย์สมใจ เดินทางกลางคืน ถึงมัณฑะเลย์เช้าๆ ถือว่าได้ประหยัดที่นอนในโรงแรมได้หนึ่งคืน และประหยัดเวลาด้วย
บรรยากาศโดยรอบสถานีรถบัสย่างกุ้ง
ร้านขายของกินข้างทาง ที่คนพม่าส่วนใหญ่กินกัน เราเลยลองกินบ้าง
หมูจุ่ม ขายเป็นไม้ จะเจอตามข้างทางบ่อยๆ
แถวๆสถานีรถบัสมีวัดอยู่วัดนึง เราเข้าไปไหว้พระระหว่างรอขึ้นรถ
ยามเย็นที่วัด สงบดี ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว
ปฏิทินวันหยุดสงกรานต์ของพม่า
รถบัสที่เรานั่งจากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์
วันแรกในพม่า อาจจะวุ่นๆไปกับการหาตั๋วรถไปมัณฑะเลย์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้
มาลุ้นกันต่อไป ว่าวันที่เหลือของเราในพม่า จะตื่นเต้น ตื่นตาแค่ไหน
นี่แค่วันแรกก็ขาลากกับการหาตั๋ว วันต่อไปไม่ต้องกลัว ทำตัวให้ชินจ่ะ!!
สำหรับคืนนี้ สวัสดี นอนก่อนนะ คร่อกกก
สรุปค่าใช้จ่าย(หน่วยเงินเป็นเงินพม่า) อัตราการแลกเปลี่ยนเงินเดือนเมษายน 2559
วันที่ 7 เมษายน 2559
Taxi จากสนามบินย่างกุ้ง เข้าตัวเมือง 3,500 MMK
ตั๋วรถบัส ย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ (รอบเช้า ที่เราตัดสินใจทิ้งตั๋ว) 15,000 MMK
รถเมล์จากในเมืองย่างกุ้ง ไปสถานีรถบัส 500 MMK
ตั๋วรถบัส ย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์ (รอบดึกที่เพิ่งได้ตั๋วทีหลัง) 25,000 MMK
น้ำดื่ม 400 MMK
มื้อเย็น 500 MMK
หมู่จุ่ม 700 MMK
Pepsi 400 MMK
รวมค่าใช้จ่าย 46,000 MMK = 1,352.61 บาท
ลงท้าย : ภาพทั้งหมดในทริปถ่ายด้วย iphone5 นะครับ
มาต่อกันในวันที่ 2 (8 เมษายน 2559)
วันที่ 2
เรามาถึงมัณฑะเลย์เช้าตรู่ ลงรถที่ท่ารถแล้วต่อ TAXI เข้าไปในเมือง
เพื่อเช็คอินโรงแรมที่จองไว้ล่วงหน้า
เราเลือกพักที่ Fortune Hotel ซึ่งเราจองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่มาจ่ายเงินในวันเข้าพักเลย
(เราเลือกจองไว้บางเมือง และเดินหาบางเมือง เพราะเราเชื่อว่า ถ้าทำการบ้านหาข้อมูลไปล่วงหน้าจะทำให้เราประหยัดเวลาได้เยอะ)
เรานอนที่นี่ 2 คืน คืนละ 18 USD ต่อห้อง ห้องละ 2 คน มีอาหารเช้า ห้องแอร์ Free wifi
แผนของเราวันนี้ คือ Mandalay Royal Palace, Kuthodaw Pagoda, Shwe Nan Daw Monastery, Mandalay Hill
ถึงพี่พัก เก็บกระเป๋า อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เราก็เช่าจักรยานเพื่อปั่นเที่ยวรอบๆเมืองมัณฑะเลย์
ภาพบรรยากาศห้องพักของเรา 2 เตียง ห้องน้ำรวม มีอาหารเช้า มีwifi
เริ่มแรกหลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็เช่าจักรยานแล้วออกไปหาอาหารเช้ากินกัน
อาหารมื้อเช้า ที่เราไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
อิ่มจากมื้อเช้า เราก็ลุยต่อด้วยการปั่นจักรยานไปที่พระราชวังมัณฑะเลย์ ดินแดนแห่งตำนานเพลิงพระนาง
ขอบอกตรงนี้เลยว่า แดดพม่าร้อนมากแม่คุณเอ้ยยย!! ปั่นวนไปจ่ะ!!
(เราขอแผนที่เมืองได้จากที่พักของเรา จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปเที่ยวที่ต่างๆตามใจชอบเลย)
มาถึงทางเข้าวังมัณฑะเลย์แล้ว ตรงนี้เราต้องจ่ายค่าเข้าเมือง 10,000 MMK
หลังจากจ่ายค่าเข้าเรียบร้อย เราก็เข้าไปชมบรรยากาศภายในวังได้
ความยิ่งใหญ่ของวังมัณฑะเลย์ เราต้องใช้เวลาพอสมควรในการเที่ยวชม เพื่อให้ได้ครบทุกมุมของวัง
ในแต่ละจุดจะมีบรรยายเกี่ยวกับวังเอาไว้ด้วย คนที่สนใจอยากเที่ยวแนวอิงประวัติศาสตร์ ก็ต้องทำการบ้านเยอะๆหน่อยนะ
หลังจากชมวังมัณฑะเลย์เสร็จ เราก็หาที่นังจิบเบียร์เย็นๆดับร้อนสักหน่อย
หายเหนื่อยแล้ว ก็ลุยกันต่อ
วัดในพม่าจะไม่อนุญาตให้เราใส่รองเท้าเข้าไปในวัด เราต้องถอดไว้นอกวัดหรือถอดแล้วถือเข้าไปเท่านั้น
หลายๆวัดในพม่า เราสามารถเที่ยวได้จากแผนที่ที่โรงแรมให้เรามา
ภาพมณฑปสีขาวที่ประดิษฐานแผ่นศิลาจารึกพระไตรปิฏก 84,000 พระธรรมขันธ์บนแผ่นหินอ่อน 729 แผ่น โดยใช้เวลาในการแกะสลักศิลาจารึกนานถึง 8 ปีเลยทีเดียว
เราจะเห็นมณฑปเยอะมากที่วัดแห่งนี้
ต้นพิกุลยักษ์ในวัด มีทานาคาให้เราไปฝนทาหน้าได้ และนี่แหละคือที่มาของเรื่องเล่าประจำวัน(ติดตามเรื่องเล่าหลังสรุปค่าใช้จ่าย)
เสร็จจากวัดนี้เราก็ไปชมปราสาทเก่า แต่พอปั่นจักรยานไปถึง ก็เย็นมากแล้ว หมดเวลาเข้าชม
เราก็ได้แค่ถ่ายรูปจากด้านนอก และยืนชมความงดงามจากตรงนี้เท่านั้น
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ได้เวลาชมพระอาทิตย์ตกแล้ว เรามุ่งหน้าไปที่ Mandalay Hill
ชมพระอาทิตย์ตกจากยอดเขา แล้วเราก็กลับที่พัก รอความสนุกของวันถัดไป
สรุปค่าใช้จ่าย(หน่วยเงินเป็นเงินพม่า MMK) อัตราการแลกเปลี่ยนเงินเดือนเมษายน 2559
วันที่ 8 เมษายน 2559
Taxi เข้าเมือง 4000
Fortune Hotel 10800
เช่าจักรยาน 1000
อาหารเช้า 800
ค่าเข้าวังมัณฑะเลย์ 10000
โค้ก 500 เบียร์ 2950 น้ำเปล่า 150
โปสการ์ด 1500 แสตมป์ 2500 ภาพวาด 1500
โค้ก 600 น้ำเปล่า 150 ข้าวเย็น 1200
ฝากรองเท้า 50 ค่าวินมอเตอร์ไซด์ขึ้น Mandalay Hill 1500
รวมค่าใช้จ่าย 48,200 MMK = 1,417.30 บาท
>>>>เรื่องเล่าประจำวัน
- กับความดีของทานาคา -
มาพม่าทั้งที เราก็อยากทำตัวกลมกลืมกับคนพื้นเมืองซะหน่อย ก็เลยหาทานาคาเพื่อความชิคและคูลให้กับทริปของเรา...
เรื่องสนุกเกิดขึ้นในวัด หลังจากที่เรากราบพระเสร็จแล้ว ใต้ต้นไม้ใหญ่ในวัด มีทานาคาวางอยู่ เราก็เดินไปฝนทานาคาเพื่อจะเอามาเติมลวดลายที่ใบหน้า...
ท่าทางเก้ๆกังๆในการฝนทานาคาของเรา ดึงดูดใจชาวพม่ายิ่งนัก และไม่นานก็ปรากฎสตรีพม่าผู้แสนดีคนนึง อืม เธอเข้ามาช่วยเราฝนทานาคา และแต่งแต้มลวดลายบนใบหน้าของเรา...
(ใจดีสุดๆเลยอะ)
ชื่นใจกันมาพักใหญ่กับความดีของสตรีพม่าคนนี้ เราเลยเอาของที่ระลึกที่เราเตรียมไปจากเมืองไทย เอาให้เขาเพื่อเป็นการตอบแทน...
สตรีพม่ายิ้มอย่างชื่นใจ มุมปากเบิกกว้าง
และทันใดนั้น เธอก็เสนอขายภาพเขียนเรา!! กรี๊ดสุด! กลยุทธ์การขายเธอแนบเนียนมาก! ตีซี้ก่อน พร้อมตบท้ายด้วยการขายสินค้า โอ้ะโห้ว!!
นักเดินทางชั้นประหยัดอย่างเรา เสียท่าเข้าเต็มๆ เลยต่อรองราคาภาพเขียนอันแสนแพงที่นางเสนอขายเรา 5 ภาพ ต่อรองจนจบลงที่เราซื้อมา 2 ภาพ สบายกระเป๋าไปสิ!!
ทริปนี้ทาทานาคาแค่วันเดียว บรัย
>ติดตามตอนต่อไปในคอมเม้นนะจ้ะ