...สัพเพเหระวันเสาร์ ความรับผิดชอบและการเคารพ กฏ ระเบียบ วินัยของคนอังกฤษ...by วัชรานนท์

อาทิตย์ที่แล้วผมจับความรู้สึกที่ไม่ดีของตัวเองได้ตอนที่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะหาถังขยะในตัวเมืองไม่เจอ   ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนประเภทไม่เคยหงุดหงิดอะไรนะครับเพราะจริงๆ แล้วผมก็หงุดหงิดบ่อยเหมือนกันแหละ  เดี๋ยวบางคนจะหาว่า..โถพ่อคุณเอ้ย...หาถังขยะ(สาธารณะ)ไแค่นี้ก็มาเขียนมาเล่าราวกับว่าเป็นเรื่องใหญ่โต   อ่านต่อไปนะครับ...อาจจะได้แง่คิดอะไรดีๆ และไม่ดีบ้าง


เรื่องของเรื่องก็คือ   หลังจากทานอาหารว่างเสร็จเศษอาหารและพลาสติกที่เหลือก็ต้องทิ้ง   ไม่ใช่เฉพาะผม...เพื่อนๆ ร่วมงานคนอังกฤษด้วยกันก็เดินหาถังขยะที่จะทิ้งอยู่พักหนึ่ง   เพื่อนคนหนึ่งถึงกับเปรยว่า  เห็นทีว่าจะต้องเขียนจดหมายร้องเรียนไปถึงเทศบาล(council)แล้วล่ะ    ทีแรกนึกว่าหมอนี่พูดเล่นๆ....ทีไหนได้??   พอกลับมาถึงที่ทำงานได้แกก็จัดการร่างจดหมายร้องเรียน  เสร็จแล้วก็เอามาวางแหมะบนโต๊ะทำงานผมบอกว่าช่วยเซ็นให้ด้วยว่าผมก็อยู่ในเหตุการณ์(ที่หาถังขยะไม่เจอในรัศมีที่ควรจะมีถังขยะ)  เห็นลายเซ็นต์คนอื่นอีกสองสามคนผมก็เซ็นต์กำชับชื่อไป  (ปล.  จริงๆ จะอีเมล์ส่งไปก็ได้  แต่มันไม่หนักแน่นเท่าเขียนจดหมายพร้อมลายเซ็นต์กำกับ)


ตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่อังกฤษมามากกว่ายี่สิบปี    ผมค้นพบความเปลี่ยนแปลงในตัวเองหลายอย่าง   เรื่องๆ หนึ่งที่ผมออกจะทึ่งตัวเองก็คือเรื่องการทิ้งขยะ   สมัยก่อนผมอยู่เมืองไทย    กินอะไรดื่มอะไรเสร็จแล้วก็โยนทิ้งเรี่ยราดไว้ตรงนั้น   หรือดีไม่ดีเจอหมาเจอแมวเผอิญเดินผ่านมาตรงนั้นก็ปาใส่หัวมันเล่นๆ ด้วยซ้ำ  ยิ่งอยู่ใกล้แม่น้ำ คูคลองยิ่งชอบโยนลงน้ำสะดวกสุดๆ  ส่วนมันจะไปไหลไปบ้านใครหรืออุดตันตรงไหนก็ไม่เกี่ยวกับกรู(ฮา)   เหตุการณ์เมื่อวานที่ผมและเพื่อนๆ เดินหาถังขยะสาธารณะอย่างหงุดหงิดทำให้ผมได้ฉุกคิดถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองและ “จิตสำนึก” ที่รับผิดชอบต่อสาธารณะของคนอังกฤษโดยทั่วๆ ไป   สำหรับเมืองไทยแล้วถือว่าเป็นเรื่องเล็กมาก คือกินเสร็จก็กองทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ  ไม่ใส่ใจที่จะหาถังขยะด้วยซ้ำ


ดูๆ แล้วอาจจะเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อย    แต่....ลองให้เวลากับตัวเองแล้วนั่งตรึกพฤติกรรมตรงนี้ดูก็จะเห็นว่า  พฤติกรรมตรงนี้สื่อให้ถึงการเคารพกฏ ระเบียบ วินัย และความรับผิดชอบต่อสาธารณะของชาวอังกฤษส่วนใหญ่(ส่วนพวกที่กินแล้วทิ้งเรี่ยราดก็ยังมีให้เห็นอยู่  ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย  แต่มีน้อยมากๆ)    ตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ประเทศนี้มา   ผมไม่เคยเห็นการโฆษณาให้ประชาชนทิ้งขยะให้ถูกที่ถูกทางเลย   สมัยลูกผมเรียนอนุบาล  เวลาน้ำเสื้อผ้าชุดนักเรียนเขาไปซัก  ผมหรือภรรยาก็ต้องควักเอาเศษขยะในกระเป๋าเขาเอามาทิ้ง  เศษพลาสติกเล็กๆ ที่ห่อลูกอม ห่อขนม  เขาไม่ยอมทิ้งเรี่ยราด  หาถังขยะไม่เจอก็เอาเก็บใส่กระเป๋าแล้วเอามาทิ้งในถังขยะที่บ้าน  เด็กๆ นักเรียนในอังกฤษจะเป็นอย่างนี้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์   เขาถูกปลูกฝังและทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาตั้งแต่เด็ก    ในขณะที่เมืองไทยเรา  ผมเห็นโฆษณา “อ๊ะ อ๊ะ อย่าทิ้งขยะ  ตาวิเศษเห็นนะ” มาเป็นสามสิบปี  จน “ตาวิเศษ”คู่นั้นฝ้าฝางโรยราไป  นิสัยการทิ้งขยะของคนไทยแทบจะไม่กระเตื้องขึ้นเลย   


เมื่อหลายปีก่อน   ผมเห็นมีการรณรงค์เรื่องแยกขยะเปียกขยะแห้งแต่สุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่า(เสียดายงบประมาณจัง)    นี่ก็พึ่งจะได้ข่าวว่าคนกทม. จะเสียค่าเก็บขยะเพิ่มขึ้นอีก  ผมเองก็ยังแอบหวั่นๆ อยู่ว่า   ถ้าเกิดมันแพงขึ้นๆ อย่างนี้  เกิดชาวบ้านเขาไม่อยากเสียแล้วทิ้งขยะเรี่ยราดหรือแอบขนใส่รถเอาไปทิ้งที่อื่นตอนกลางคืนมันก็จะยุ่งอีก


น่าชื่นชมความมีระเบียบของคนอังกฤษและการดูบริหารเรื่องขยะของภาครัฐ   คือทั้งสองฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันดี    นอกจากถังขยะสาธารณะโดยเฉพาะในตัวเมืองที่มีอยู่ในรัศมีเกือบจะทุกๆ สิบเมตรแล้ว   ถังขยะประจำบ้านเขาให้มาสี่ประเภท  คือขยะเปียก  ขยะแห้ง  แก้ว และพืช(หญ้าหรือต้นไม้ที่ตัดจากสนามบ้าน)    ทุกอย่างจะนำไปรีไซเคิลหมด   นอกจากนั้นทางเทศบาลจะจัดนำตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ไปตั้งประจำไว้ตามจุดชุมชนต่างๆ หรือลานจอดรถขนาดใหญ่    และที่สุดทุกๆ เมืองจะมีที่ทิ้งขยะประจำเมืองขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านขนใส่รถนำไปทิ้งด้วยตัวเองได้ทุกวันและที่นั่นจะมีตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่สิบกว่าตู้เพื่อการแยกขยะอย่างชัดเจน  เช่น เศษพลาสติค  เศษแก้ว  เศษไม้  เศษเหล็ก  เศษเครื่องใช้ไฟฟ้า  เศษน้ำมันเครื่อง  เศษแบตเตอร์รี่   เศษซีเมนต์  เศษสารเคมี   ขยะเหล่านี้จะต้องนำไปทิ้งให้ถูกตู้คอนเทนเนอร์โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยชี้บอกว่าอันไหนทิ้งตรงไหน?   ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อสภาพแวดล้อม  เช่นแบตเตอรี่หรือถ่านไฟฉายเก่าจะเอาไปทิ้งรวมกับขยะอื่นไม่ได้   หรือแม้แต่เศษปูนซีเมนต์ที่ทุบทิ้งมีสารเคมีบางอย่างก็เอาไปทิ้งมั่วๆ ไม่ได้  แต่ต้องทำลายให้ถูกวิธี


สุดท้ายก็คือ  อุจาระหมา...เจ้าของหมาเกือบทุกคนเวลาพาหมาออกไปเดินเล่นต้องพกถุงพลาสติคเพื่อเก็บอุจจาระของพวกมันด้วย   นอกจากถังขยะเปียก ขยะแห้งที่ตั้งไว้ในสาธารณะแล้ว   ก็ยังต้องตีถังขยะสำหรับใส่อุจจาระน้องหมาด้วยครับ





เมื่อวานนี้  ผมปั่นจักรยานเข้าตัวเมือง  เผลอปั่นขึ้นบนวิถีฟุตบาท(ทางลัด)   หญิงอังกฤษคนหนึ่งเจอ  แกกระโดดกางแขนจังก้าขวางหน้าไม่ให้ผมไปตะโกนใส่ผมว่านี่เป็นฟุตบาทนะ  ไม่ใช่ถนน..ผมรู้สึกผิดและอาย  รีบลนลานลงจากจักรยานจูงเดินเอาเลย    เรื่องการใช้ฟุตบาทที่อังกฤษแล้วเปรียบเทียบกับเมืองไทยก็เป็นอีกเรื่องที่พูดได้อีกยาวครับ  ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าสู่กันฟัง     


ปล.  ภรรยาผมเปรยว่าอยากจะกลับไปอยู่เมืองไทย   ผมบอกว่าเธอต้องปรับตัวเป็นอย่างมากเลยล่ะถ้าจะไปอยู่จริงๆ    อย่างเช่นเรื่องเธอลงทุนจอดรถกลางถนนลงไปต่อคนที่กำลังพูดโทรศัพท์มือถือขณะขับรถนั้น   ถ้าไปทำอย่างนั้นในเมืองไทย   เจอลูกเศรษฐีหรือนักเลงเข้า   เขาอาจจะควักปืนออกมายิงกรอกปากเอาดื้อๆได้    ภรรยาแม่ยอดขมองอิ่มของผมถึงกับอุทานว่า   ขนาดนั้นเลยหรือ??  ฮ่า ฮ่า ฮ่า   รู้จักพี่ไทยน้อยไปแล้วเธอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมว่า  ไม่แค่อังกฤษหรอกครับ
อเมริกา  ยุโรป  ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้  ออสเตรเลียก็แบบนี้ทั้งนั้น
คงเป็นเพราะเรื่องอำนาจทางสิทธิและเสรีภาพ  จนทำให้เกิดความเป็นระเบียบ เป็นความเคารพกฎเกณฑ์ขึ้นมา
เรียกว่า  กลายเป็นวัฒนธรรมอันงดงามขึ้นมา

คือ  ประชาชนด่ารัฐได้  ทวงรัฐได้  ชี้นิ้วสั่งรัฐได้  และรัฐรีบตอบสนอง
อย่างนี้  ประชาชนก็เกรงใจรัฐ  ทำตามกฎระเบียบตามที่รัฐกำหนด (รัฐก็ออกกฎหมาย ระเบียบที่เป็นธรรม)
เป็นเรื่อง 50-50  สำหรับรัฐและประชาชน

สำหรับไทยเรา   มันไม่ใช่งั้นสิครับ
ขนาดจ่ายค่าเก็บขยะ  ยังไม่ได้รับบริการที่ดี   ยังต้องเดินไปตั้งถังขยะที่ล้ม  ยังต้องไปปิดฝาถัง  หลังรถขยะเก็บแล้ว

ประเทศไทย  หากรัฐทำให้ประชาชนก่อน  ทำให้ประชาชนเกรงใจเพราะบริการดี
ความร่วมมือร่วมใจก็จะเกิด  ทุกอย่างก็จะเข้ารูปเข้ารอย
แต่ที่เห็น  มักเป็นฝ่ายรัฐที่ชี้นิ้วสั่งประชาชนมากกว่า

ดูบริการของเอกชนอย่างธนาคารก็ได้ครับ
เขาบริการดี  เอาใจส่งลูกค้า    ลูกค้าก็เคารพกฎของธนาคาร  ไม่มีปัญหา  กดบัตรคิวรอตามระเบียบ
เทียบกับของราชการ  มีบัตรคิวเหมือนกัน  แต่บริหารสุดห่วย   ใครมันอยากรอคิว  ใครมันอยากทำตามระบบระเบียบ

เป็นแค่ความคิดมุมมองครับ
อมยิ้ม01
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
การเคารพ กฎ กติกา และความมีวินัย เป็นพื้นฐานของการพัฒนาประเทศ

ประเทศไทยดูไปแล้วประชาชนน่าจะต้องมีวินัยกันมากๆ ตั้งแต่เด็กไปโรงเรียนก็ต้องตัดผมทรงนักเรียน แต่งเครื่องแบบ เป๊ะทุกกระเบียดยังกับออกมาจากโรงงานเดียวกัน มีค่านิยมเด็กดี มีคำขวัญ มีสโลแกนโตไปไม่โกง ทำดีให้เด็กดู มีสารพัดกลุ่มคนดีที่จะมาปฏิรูปนั่นนี่ ฯลฯ

แต่ผลกลับกลายเป็นว่าคนไทยไร้ระเบียบวินัย มิหนำซ้ำยังขาดความคิดสร้างสรรค์ !!!

ก็เพราะว่าระบบสองมาตรฐาน ระบบเส้นสาย เจ้าขุนมูลนาย คนรวยมีอิสิทธิ์มากกว่าคนจน คนบางพวกทำอะไรไม่ผิด มีพวกเจ้าเล่ห์หัวหมอหาช่องโหว่กฎหมายเพื่อเอาตัวรอดจากความผิด มีการประดิษฐ์คำว่า ...แบบไทยๆ เอาไว้รองรับการไม่เคารพกฎ กติกาสากล

การเรียนการสอนก็ให้เด็กท่องจำ ไม่ได้ให้เกิดจากความเข้าใจ ปิดกั้นสิ่งที่จะให้เด็กๆ หรือประชาชนได้แสดงออกอย่างเสรีเพื่อกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

ยกตัวอย่าง การปลูกจิตสำนึกเรื่องการทิ้งขยะ การแยกขยะ

เมืองไทย - ครูบอกเด็กว่า พรุ่งนี้ให้หาขยะหลายๆ ประเภทมาส่งคนละ 10 ชิ้นนะ ผลคือ เดือดร้อนผู้ปกครองไปหาขวดน้ำ กล่องขนม เศษกระดาษ ฯลฯ ให้เด็กเพื่อไปรับคะแนนวันรุ่งขึ้น เด็กก็ไม่ได้รู้สึกตระหนักอะไรนอกจากรู้ว่าขยะมีกี่ประเภท

เมืองนอก - ครูให้เด็กพกถุงดำไปโรงเรียน บอกว่าใครทานอะไร หรือทำให้เกิดขยะอะไรก็ทิ้งในถุงนี้และนำติดตัวไปด้วยทั้งบ้านและโรงเรียน เมื่อหลายวันผ่านไปครบกำหนด ก็มาอภิปรายกัน ผลคือ เด็กๆ เรียนรู้ว่าตัวเองทำให้เกิดขยะมากแค่ไหน คราวนี้จะกินอะไร จะใช้อะไรก็จะคิดก่อน และเกิดเข้าใจว่าคนเก็บขยะจะลำบากแค่ไหน แต่ละคนสร้างปัญหาเรื่องขยะแก่โลกแค่ไหน เขาก็เกิดจิตสำนึกจริงๆ โดยไม่ต้องมีสโลแกนใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่