กระทู้ก่อนหน้า
:::บินสบายๆ กรุงเทพ-ฮ่องกง-ปักกิ่ง และ ปักกิ่ง-ฮ่องกง-กรุงเทพ ชั้นธุรกิจ โดยสายการบิน Cathay Pacific::: >>
http://ppantip.com/topic/33780799
เที่ยวจีน--ปักกิ่ง-เทียนจิน[ทริปเที่ยวที่มาพร้อมกับความสำเร็จ] เดินทางด้วยการการบิน Cathay Pacific >>
http://ppantip.com/topic/35079884
:::ดูไบ ครั้งที่#1_2008 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองในฝันของหลายๆ คน::: >>
http://ppantip.com/topic/35226369
:::ดูไบและอาบูดาบี ครั้งที่#2_2012 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองในฝันของหลายๆ คน พร้อมเที่ยว Burj Khalifa, Ferrari World::: >>
http://ppantip.com/topic/35229703
:::[Review] เที่ยวสิงคโปร์ ครั้งที่#2_2016 และนั่งรถไฟไปมาเลเซีย จัดเต็มแบบครบๆ ครับ:: >>
http://ppantip.com/topic/35240543
:::เวียดนามโฮจิมินห์ - นั่งรถทัวร์ไปดาลัด จัดเต็มแบบครบๆ สไตล์แบ็คแพ็ค::: >>
http://ppantip.com/topic/35247384
:::เสียมราฐ-นครวัด-นครธม ด้วยรถไฟ และรถทัวร์ ข้ามแดนที่ช่องจอม สไตล์แบ็คแพ็ค::: >>
http://ppantip.com/topic/35254754
:::เชียงใหม่ - แม่กำปอง - ร้านกาแฟ The Giant Coffee สัมผัสธรรมชาติช่วงหน้าฝน #ohbuddha::: >>
http://ppantip.com/topic/35326349
สวัสดีครับ และแล้วทริปปลายปีก็เริ่มที่จะผุดขึ้นครับ เริ่มด้วยอยากไปเดินเล่นในสภาพอากาศที่ติดลบสักครั้ง ดังนั้นจึงเริ่มที่จะวางแผน เขียนทริปคล่าวๆ การเดินทางครั้งนี้จะเริ่มจาก กรุงเทพฯ - กัวลาลัมเปอร์ - ปักกิ่ง เที่ยวเมืองๆ ที่สำคัญอย่างเช่น เทียนจิน ขากลับแวะเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ 2 วันครับ มาเริ่มด้วยการปรับทริปต่างๆ คล่าวๆ ดังนี้ครับ
ส่วนช่วงเวลาเดินทางก็คือ 31 ธ.ค. 2559 - 8 มกราคม 2560 ครับ สภาพอากาศนั้น หนาวอย่าบอกใครเชียว
สูงสุดอยู่ที่ 2 องศาเซลเซียส และต่ำสุดอยู่ที่ -9 องศาเซลเซียสครับ
ส่วนการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ นั้นตามรายละเอียดนี้เลยครับ
ส่วน Highlight นี่คือในส่วนของการเดินทางครับ ทริปนี้เดินทางด้วยสารการบิน 5 ดาว อย่างมาเลเซียแอร์ไลน์สครับ หลายๆ คนคงกลัวถ้าได้ยินชื่อนี้แต่ผมไม่กลัว ^^ ราคาตั๋วถูกใจแถมยังเป็นสมาชิกของ One World ด้วย ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะสะสมไมล์ เพราะว่าผมเป็นสมาชิกของ The Marco Polo Club อยู่ด้วยครับ งานนี้สายการบินนี้เอาใจผมไปครองสบายๆ เลยล่ะครับ
หลังจากที่จองผ่าน Expedia.com เสร็จแล้ว ก็อยากจะเปลี่ยนที่นั่งก็เลยต้องติดต่อไปที่สายการบินเพื่อให้สายการบินเปลี่ยนที่นั่งให้ครับ ก็เลยได้ที่นั่งมาตามภาพเลยครับ
มาต่อกันด้วยขั้นตอนการขอวีซ่าของประเทศจีนกันเลยนะครับ เริ่มแรกดาวน์โหลดเอกสารกันก่อนนะครับ ต้องเป็น V2013 นะครับ
http://www.china-embassy.org/eng/visas/P020130830084172690840.pdf
กรอกทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ครับ
สำหรับเอกสารเพิ่มเติมการยื่นวีซ่าจีน มีดังนี้ครับ
1. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า
2. หนังสือเดินทาง (Passport) ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทาง และ ต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า
3. รูปถ่ายสี ฉากหลังขาว ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน และไม่ใช่รูปที่ถ่ายเอง (ห้ามใส่เสื้อแขนกุด หรือ ชุดครุย ) ถ้าใช้รูปถ่ายที่ใส่เครื่องแบบราชการ ต้องมีหนังสือรับรองจากต้นสังกัด แนบด้วย
4. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
5. ใบจองที่พัก / โรงแรม
6. เงิน 1,500 บาท
7. เตรียมสำเนา Passport หน้าแรกไปด้วยนะจ๊ะ
เมื่อกรอกเสร็จแล้วหน้าตาเป็นอย่างนี้นะครับ
จากนั้นก็ไปยื่นวีซ่าได้ที่ ศูนย์ยื่นวีซ่า 1550 อาคารธนภูมิ ชั้น 5
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทร 02-207-5999 แฟกซ์ 02-207-5977 Call Center 02-207-5888
วันเปิดทำการ:วันจันทร์ - วันศุกร์ (หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุดราชการ)
เพียงแค่รอ 3 วันก็ได้วีซ่ามาเก็บไว้ เตรียมเดินทางได้แล้วล่ะครับ ต่อไปก็เริ่มทะยอยซื้อของ ที่จำเป็นต้องเตรียมแล้วล่ะครับ
เมื่อถึงวันเดินทางได้เริ่มต้นขึ้น สมาชิกทั้งสี่คนก็ต่างตื่นแต่เช้าเพื่อไปสนามบินครับ หลังจากเช็คอินก็ได้ Boarding Pass มาตามรูปครับ
ได้ Invitation Card เพื่อใช้ Lounge ของ Louis Tavern แต่ไม่ได้เข้าไปใช้ครับ พวกเราไปใช้บริการของ Cathay Pacific แทนครับ เพราะว่า อาหารเยอะ และนั่งสบายกว่าครับ
เมื่อถึงเวลาเดินทางรูทนี้เดินทางด้วย B7373-800 ครับ อาหารอร่อยพอสมควรครับ การบริการถือว่าเยี่ยม
เดินทางราวๆ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งต้องพักที่นี่สี่โชั่วโมงนิดๆ สบายๆ ครับไม่เร่งรีบอะไร ดังนั้นจึงรีบไปที่ Lounge ของสายการบินเลยครับ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากเกทเท่าไรครับ
ภายใน Lounge น่านั่งคนไม่เยอะครับ อาหารก็พอสมควร ไฮไลท์อยู่ที่ก๋วยเตี๋ยวนะครับ ต้องลองเลย
ทอดมันก็แน่นๆ อร่อยดีครับ
บนนี้วิวดีเหมือนกันครับ ^^ เหมาะมากครับถ้าคนที่ชอบนั่งดูเครื่องบินขึ้นและลงชิวๆ
ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ต้องดูนาฬิกาดีดีนะครับ เพราะว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คอยเตือนว่าะถึงเวลาแล้ว หรือว่าเครื่องของเราเปลี่ยนเกทครับ ดีที่ออกมาก่อนประมาณ 30 นาที ตอนแรกอยู่ที่ Main Terminal แต่ไปดูที่จอเปลี่ยนไปเป็น Sattlelight เลยต้องรีบนั่ง Aero Train เพื่อไปอีก Terminal ครับ พอไปถึงเครื่องก็ยังไม่มาเทียบที่เกทเลย สรุปวันนั้นดีเลย์ไปประมาณ เกือบๆ 1 ชั่วโมงครับ
เกทข้างๆนี้เป็น Etihad Airways ไปอาบูดาบีครับ
ได้เวลาขึ้นเครื่องครับ ชั้นธุรกิจถูกจัดแบบนี้ โดยรูทนี้บินด้วยเครื่อง A330 ครับ
Welcome Drink ที่จะต้องลองเลยเป็นน้ำฝรั่งสีชมพูครับ อร่อยเลย แต่ไม่มีในรูปนะครับ ส่วนอาหารที่ได้ Pre Order ไว้ก็ได้มาตามที่ต้องการครับ
อิ่มแล้วก็ต้องนอนครับ ชั้นธุรกิจสามารถปรับเอนนอนได้ 180 องศาครับ
ใช้เวลาบินประมาณ 5.50 ชั่วโมงก็ถึงปักกิ่งแล้วล่ะครับ ไปถึงราวๆ เป็นวันขึ้นปีใหม่พอดีครับ อากาศด้านนอกตอนนี้อยู่ที่ -3 องศาครับ หนาวสั่นเลยทีเดียว
มาถึงดึกขนาดนี้แล้วไปโรงแรมยังไงหลายๆ คนก็คงเคยเจอปัญหาใช่ไหมครับ เดินออกมาด้านอกจะมีเจ้าหน้าที่คอยบริการเรียกแท็กซี่ครับ สามารถใช้บริการได้ ราคาเหมาๆ 4 คนรวมแล้ว 250 หยวน หรือราวๆ 1400 บาทบ้านเราครับ แต่ถ้าอยากประหยัดหน่อยก็ต้องต่อคิวครับ ซึ่งคิวยาวพอสมควรเลย โชคดีที่เอาที่อยู่ของโรงแรมเป็นภาษจีนมาด้วย ให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลยครับ
เช้าวันแรกตื่นขึ้นมาและเดินออกมาจากโรงแรมหนาวเอาการเหมือนกันนะครับ ที่รถยนต์หน้าโรงแรมเป็นยังเป็นน้ำแข็งเลยตามภาพครับ
บริเวณหน้าโรงแรมนะครับ โรงแรมถือว่าบริการดีเลยเลยครับ Staff พูดภาษาอังกฤษได้ และช่วยเหลืออย่างดีทุกขั้นตอนครับ อีกอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 5 ด้วย
เช้าวันแรกของพวกผมไปเที่ยวที่ The Temple of Heaven ครับ ส่วนการเดินทางก็อยู่ที่ด้านบนๆ ที่โพสไว้นะครับ เดินทางไม่ยากเท่าไรเลย ค่าเข้าอยู่ที่ราคา 10 หยวนครับ แต่ถ้าอยากเข้าไปดูด้านในตัวอาคารก็ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ
สถานที่ต่อมาก็ยังคงตามแผนนะครับ คือวัดลามะ หรือ Lama Temple คนเยอะพอสมควรนะครับวัดนี้ ค่าเข้าอยู่ที่ 20 หยวนนะครับ พอเข้าไปแล้วเจ้าหน้าที่จะแจกธูปคนละ 1 กล่องเพื่อนำไปไหว้พระด้านในนะครับ
กระถางธูปพันปีภายในวัดนะ จะเห็นคนที่เข้าไปส่วนใหญ่จะโยนเหรียญขึ้นไปบนนั้นเพียบเลย
ไหว้พระทำบุญวันขึ้นปีใหม่เสร็จแล้วก็ออกมาเดินที่ฝั่งตรงข้ามวัดได้เลย บริเวณนั้นจะเป็นย่านเมืองเก่า หรือหูต่งนะครับ บ้านเรือจะเป็นแนวจีนโบราณเลยครับ มีร้านกาแฟน่ารักๆ เพียบเลยล่ะครับ
ตอนบ่ายของวันนั้นยังเดินทั้งวันไม่หยุดหย่อน ในเมื่ออากาศมันหนาวมากก็ออกไปท้าลมหนาวกันต่อที่จตุรัสเทียนอันเหมินครับ คนเยอะเช่นเตย ส่วนหมอกก็เยอะเหมือน เอ หรือว่าเป็นมลพิษกัน
เดินผ่านพิพิธภัณฑ์รถไฟของจีนด้วยครับ แต่ผม่ได้เข้าไปนะครับ ถ้าอยากอ่านเข้าไปที่กระทู้เก่าของผมนะครับ ^^
[CR] :::บินสบายๆ กรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง แวะเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ ชั้นธุรกิจ ด้วยสายการบิน Malaysia Airlines:
:::บินสบายๆ กรุงเทพ-ฮ่องกง-ปักกิ่ง และ ปักกิ่ง-ฮ่องกง-กรุงเทพ ชั้นธุรกิจ โดยสายการบิน Cathay Pacific::: >> http://ppantip.com/topic/33780799
เที่ยวจีน--ปักกิ่ง-เทียนจิน[ทริปเที่ยวที่มาพร้อมกับความสำเร็จ] เดินทางด้วยการการบิน Cathay Pacific >> http://ppantip.com/topic/35079884
:::ดูไบ ครั้งที่#1_2008 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองในฝันของหลายๆ คน::: >> http://ppantip.com/topic/35226369
:::ดูไบและอาบูดาบี ครั้งที่#2_2012 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองในฝันของหลายๆ คน พร้อมเที่ยว Burj Khalifa, Ferrari World::: >> http://ppantip.com/topic/35229703
:::[Review] เที่ยวสิงคโปร์ ครั้งที่#2_2016 และนั่งรถไฟไปมาเลเซีย จัดเต็มแบบครบๆ ครับ:: >> http://ppantip.com/topic/35240543
:::เวียดนามโฮจิมินห์ - นั่งรถทัวร์ไปดาลัด จัดเต็มแบบครบๆ สไตล์แบ็คแพ็ค::: >> http://ppantip.com/topic/35247384
:::เสียมราฐ-นครวัด-นครธม ด้วยรถไฟ และรถทัวร์ ข้ามแดนที่ช่องจอม สไตล์แบ็คแพ็ค::: >> http://ppantip.com/topic/35254754
:::เชียงใหม่ - แม่กำปอง - ร้านกาแฟ The Giant Coffee สัมผัสธรรมชาติช่วงหน้าฝน #ohbuddha::: >> http://ppantip.com/topic/35326349
สวัสดีครับ และแล้วทริปปลายปีก็เริ่มที่จะผุดขึ้นครับ เริ่มด้วยอยากไปเดินเล่นในสภาพอากาศที่ติดลบสักครั้ง ดังนั้นจึงเริ่มที่จะวางแผน เขียนทริปคล่าวๆ การเดินทางครั้งนี้จะเริ่มจาก กรุงเทพฯ - กัวลาลัมเปอร์ - ปักกิ่ง เที่ยวเมืองๆ ที่สำคัญอย่างเช่น เทียนจิน ขากลับแวะเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ 2 วันครับ มาเริ่มด้วยการปรับทริปต่างๆ คล่าวๆ ดังนี้ครับ
ส่วนช่วงเวลาเดินทางก็คือ 31 ธ.ค. 2559 - 8 มกราคม 2560 ครับ สภาพอากาศนั้น หนาวอย่าบอกใครเชียว
สูงสุดอยู่ที่ 2 องศาเซลเซียส และต่ำสุดอยู่ที่ -9 องศาเซลเซียสครับ
ส่วนการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ นั้นตามรายละเอียดนี้เลยครับ
ส่วน Highlight นี่คือในส่วนของการเดินทางครับ ทริปนี้เดินทางด้วยสารการบิน 5 ดาว อย่างมาเลเซียแอร์ไลน์สครับ หลายๆ คนคงกลัวถ้าได้ยินชื่อนี้แต่ผมไม่กลัว ^^ ราคาตั๋วถูกใจแถมยังเป็นสมาชิกของ One World ด้วย ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะสะสมไมล์ เพราะว่าผมเป็นสมาชิกของ The Marco Polo Club อยู่ด้วยครับ งานนี้สายการบินนี้เอาใจผมไปครองสบายๆ เลยล่ะครับ
หลังจากที่จองผ่าน Expedia.com เสร็จแล้ว ก็อยากจะเปลี่ยนที่นั่งก็เลยต้องติดต่อไปที่สายการบินเพื่อให้สายการบินเปลี่ยนที่นั่งให้ครับ ก็เลยได้ที่นั่งมาตามภาพเลยครับ
มาต่อกันด้วยขั้นตอนการขอวีซ่าของประเทศจีนกันเลยนะครับ เริ่มแรกดาวน์โหลดเอกสารกันก่อนนะครับ ต้องเป็น V2013 นะครับ
http://www.china-embassy.org/eng/visas/P020130830084172690840.pdf
กรอกทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ครับ
สำหรับเอกสารเพิ่มเติมการยื่นวีซ่าจีน มีดังนี้ครับ
1. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า
2. หนังสือเดินทาง (Passport) ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทาง และ ต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า
3. รูปถ่ายสี ฉากหลังขาว ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน และไม่ใช่รูปที่ถ่ายเอง (ห้ามใส่เสื้อแขนกุด หรือ ชุดครุย ) ถ้าใช้รูปถ่ายที่ใส่เครื่องแบบราชการ ต้องมีหนังสือรับรองจากต้นสังกัด แนบด้วย
4. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
5. ใบจองที่พัก / โรงแรม
6. เงิน 1,500 บาท
7. เตรียมสำเนา Passport หน้าแรกไปด้วยนะจ๊ะ
เมื่อกรอกเสร็จแล้วหน้าตาเป็นอย่างนี้นะครับ
จากนั้นก็ไปยื่นวีซ่าได้ที่ ศูนย์ยื่นวีซ่า 1550 อาคารธนภูมิ ชั้น 5
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทร 02-207-5999 แฟกซ์ 02-207-5977 Call Center 02-207-5888
วันเปิดทำการ:วันจันทร์ - วันศุกร์ (หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุดราชการ)
เพียงแค่รอ 3 วันก็ได้วีซ่ามาเก็บไว้ เตรียมเดินทางได้แล้วล่ะครับ ต่อไปก็เริ่มทะยอยซื้อของ ที่จำเป็นต้องเตรียมแล้วล่ะครับ
เมื่อถึงวันเดินทางได้เริ่มต้นขึ้น สมาชิกทั้งสี่คนก็ต่างตื่นแต่เช้าเพื่อไปสนามบินครับ หลังจากเช็คอินก็ได้ Boarding Pass มาตามรูปครับ
ได้ Invitation Card เพื่อใช้ Lounge ของ Louis Tavern แต่ไม่ได้เข้าไปใช้ครับ พวกเราไปใช้บริการของ Cathay Pacific แทนครับ เพราะว่า อาหารเยอะ และนั่งสบายกว่าครับ
เมื่อถึงเวลาเดินทางรูทนี้เดินทางด้วย B7373-800 ครับ อาหารอร่อยพอสมควรครับ การบริการถือว่าเยี่ยม
เดินทางราวๆ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งต้องพักที่นี่สี่โชั่วโมงนิดๆ สบายๆ ครับไม่เร่งรีบอะไร ดังนั้นจึงรีบไปที่ Lounge ของสายการบินเลยครับ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากเกทเท่าไรครับ
ภายใน Lounge น่านั่งคนไม่เยอะครับ อาหารก็พอสมควร ไฮไลท์อยู่ที่ก๋วยเตี๋ยวนะครับ ต้องลองเลย
ทอดมันก็แน่นๆ อร่อยดีครับ
บนนี้วิวดีเหมือนกันครับ ^^ เหมาะมากครับถ้าคนที่ชอบนั่งดูเครื่องบินขึ้นและลงชิวๆ
ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ต้องดูนาฬิกาดีดีนะครับ เพราะว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คอยเตือนว่าะถึงเวลาแล้ว หรือว่าเครื่องของเราเปลี่ยนเกทครับ ดีที่ออกมาก่อนประมาณ 30 นาที ตอนแรกอยู่ที่ Main Terminal แต่ไปดูที่จอเปลี่ยนไปเป็น Sattlelight เลยต้องรีบนั่ง Aero Train เพื่อไปอีก Terminal ครับ พอไปถึงเครื่องก็ยังไม่มาเทียบที่เกทเลย สรุปวันนั้นดีเลย์ไปประมาณ เกือบๆ 1 ชั่วโมงครับ
เกทข้างๆนี้เป็น Etihad Airways ไปอาบูดาบีครับ
ได้เวลาขึ้นเครื่องครับ ชั้นธุรกิจถูกจัดแบบนี้ โดยรูทนี้บินด้วยเครื่อง A330 ครับ
Welcome Drink ที่จะต้องลองเลยเป็นน้ำฝรั่งสีชมพูครับ อร่อยเลย แต่ไม่มีในรูปนะครับ ส่วนอาหารที่ได้ Pre Order ไว้ก็ได้มาตามที่ต้องการครับ
อิ่มแล้วก็ต้องนอนครับ ชั้นธุรกิจสามารถปรับเอนนอนได้ 180 องศาครับ
ใช้เวลาบินประมาณ 5.50 ชั่วโมงก็ถึงปักกิ่งแล้วล่ะครับ ไปถึงราวๆ เป็นวันขึ้นปีใหม่พอดีครับ อากาศด้านนอกตอนนี้อยู่ที่ -3 องศาครับ หนาวสั่นเลยทีเดียว
มาถึงดึกขนาดนี้แล้วไปโรงแรมยังไงหลายๆ คนก็คงเคยเจอปัญหาใช่ไหมครับ เดินออกมาด้านอกจะมีเจ้าหน้าที่คอยบริการเรียกแท็กซี่ครับ สามารถใช้บริการได้ ราคาเหมาๆ 4 คนรวมแล้ว 250 หยวน หรือราวๆ 1400 บาทบ้านเราครับ แต่ถ้าอยากประหยัดหน่อยก็ต้องต่อคิวครับ ซึ่งคิวยาวพอสมควรเลย โชคดีที่เอาที่อยู่ของโรงแรมเป็นภาษจีนมาด้วย ให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลยครับ
เช้าวันแรกตื่นขึ้นมาและเดินออกมาจากโรงแรมหนาวเอาการเหมือนกันนะครับ ที่รถยนต์หน้าโรงแรมเป็นยังเป็นน้ำแข็งเลยตามภาพครับ
บริเวณหน้าโรงแรมนะครับ โรงแรมถือว่าบริการดีเลยเลยครับ Staff พูดภาษาอังกฤษได้ และช่วยเหลืออย่างดีทุกขั้นตอนครับ อีกอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 5 ด้วย
เช้าวันแรกของพวกผมไปเที่ยวที่ The Temple of Heaven ครับ ส่วนการเดินทางก็อยู่ที่ด้านบนๆ ที่โพสไว้นะครับ เดินทางไม่ยากเท่าไรเลย ค่าเข้าอยู่ที่ราคา 10 หยวนครับ แต่ถ้าอยากเข้าไปดูด้านในตัวอาคารก็ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ
สถานที่ต่อมาก็ยังคงตามแผนนะครับ คือวัดลามะ หรือ Lama Temple คนเยอะพอสมควรนะครับวัดนี้ ค่าเข้าอยู่ที่ 20 หยวนนะครับ พอเข้าไปแล้วเจ้าหน้าที่จะแจกธูปคนละ 1 กล่องเพื่อนำไปไหว้พระด้านในนะครับ
กระถางธูปพันปีภายในวัดนะ จะเห็นคนที่เข้าไปส่วนใหญ่จะโยนเหรียญขึ้นไปบนนั้นเพียบเลย
ไหว้พระทำบุญวันขึ้นปีใหม่เสร็จแล้วก็ออกมาเดินที่ฝั่งตรงข้ามวัดได้เลย บริเวณนั้นจะเป็นย่านเมืองเก่า หรือหูต่งนะครับ บ้านเรือจะเป็นแนวจีนโบราณเลยครับ มีร้านกาแฟน่ารักๆ เพียบเลยล่ะครับ
ตอนบ่ายของวันนั้นยังเดินทั้งวันไม่หยุดหย่อน ในเมื่ออากาศมันหนาวมากก็ออกไปท้าลมหนาวกันต่อที่จตุรัสเทียนอันเหมินครับ คนเยอะเช่นเตย ส่วนหมอกก็เยอะเหมือน เอ หรือว่าเป็นมลพิษกัน
เดินผ่านพิพิธภัณฑ์รถไฟของจีนด้วยครับ แต่ผม่ได้เข้าไปนะครับ ถ้าอยากอ่านเข้าไปที่กระทู้เก่าของผมนะครับ ^^