ส่วนตัวเเล้วตอนเเรกๆคือเคารพมาก รักแกมาก เหมือนเเม่คนนึงเลยคะ
เเม่เคยทะเลาะกับพ่อ เปนเรื่องราวถูกพ่อทำร้ายร่างกาย แถมพ่อยังไปกับผู้หญิงคนใหม่ทิ้งแกไปเลย ตอนนั้นเราก็ดูแลเเม่ของเเฟนเรานะ เอาน้ำอุ่นปะคบตามร่างกายดูแลจุดที่ช้ำๆ
แล้วเพราะเรารุ้ว่าแกเคลียดแกเลยตรอมใจ พยามทำให้แกแฮปปี้มีความสุข พอแก้ป่วยเรากับแฟนก้ไปหาซื้อยามาให้
ชวนไปเที่ยว(แกไม่ แต่ไปพอเราไปกัน แกก็มาน้อยใจ) แรกๆ..ที่เราเคยเข้าใจคือ แกเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือคนนึงเพราะเป็นครู น่าจะมีเหตุผล และแกเป็นคนตลกหัวเราะง่าย
เเต่ทว่า เราสังเกตุจากหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะก่อนที่พ่อจะเลิกแม่ แม่เป็นคนเอาเรื่องของพ่อไปพูดให้คนอื่นฟัง ย้ำนะคะว่าคนอื่น เจอใครเป็นเล่าหมดว่าพ่อไม่ช่วยงานแบบนั้น ไม่ดูแลบ้านแบบนี้ไม่หางานอย่างนั้น บลาๆหลายอย่าง ซ้ำยังเอาแม่ของฝ่ายหญิง(น้องสะใภ้ของแฟนเรา)มานินทา
ซ้ำนั้น...ทุกครั้งที่เราทะเลาะกับแฟนก็เป็นแกอีกเช่นกันที่มาพูดให้ลูกชายแกเลิกคบกับเรา พูดทุกครั้งที่มีโอกาส
บอกตัวเองว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน รู้ว่าอะไรเป็นอะไร(แต่เราก็สงสัยนะว่า ถ้าอาบน้ำร้อนมาก่อนรุ้ว่าอะไรเป็นอะไรทำไมไม่รุ้ละหรืออ่านไม่ออกละว่าสามีตัวเองจะมีคนใหม่..อาจจะเเรงไปก็ขออภัยนะคะ) เเต่สิ่งที่แม่เค้าพูดให้แฟนเราฟัง คือมันไม่ใช่นิสัยของเราเลย(ห้องแม่นอนกับห้องนอนแฟนเราอยุ่ติดกันเวลาแกพูดอะไรเราได้ยินหมด) ไม่ใช่ตัวตนเราเลย นอกจากจะยุให้เเฟนเรามีคนใหม่เเล้วยังยุยงให้เเฟนเราหาเรื่องทะเลาะกับเราอีก แถมยังเคยพูดกับแฟนเราว่าจะให้แต่งกับคนรวยๆเพราะลูกชายจะได้สบาย
เราไม่เคยยุให้แฟนเราแข็งข้อกับแม่ ทุกครั้งที่แฟนเราไม่ลงรอยกับเเม่เค้าเราก็เป็นคนบอกให้เค้าใจเย็นๆเพราะยังไงก็แม่นะ แต่เค้าโทดเค้าหาว่าเพราะเราลูกเค้าถึงแข็งข้อ เพราะเราลูกเค้าถึงไม่มีเวลาให้ เพราะเราทุกอย่างอะไรๆก็เรา ขนาดเราไม่ได้อยู่กับลูกชายเค้าตลอดเวลา ก็ยังเอาเราไปด่าไปว่าได้
ในความเป็นจริงเเฟนเราก่อนทำงานเค้าก็มีเวลาให้ครอบครัวเพราะอยู่ในช่วงวัยเรียน เเละก็ยังเป็นเด็กแถมถูกเลี้ยงตามใจเลี้ยงโอ๋จนคิดจนตัดสินใจอะไรเองไม่เป็น เเต่พอเเฟนเราทำงานเเล้วเข้าสู่วัยทำงาน มีหน้าที่ทำงานทุกวันจันถึงศุกร์บางวันงานก้เยอะ กลับมาก็เหนื่อยก็อยากพักผ่อนเงียบๆบ้าง มีเวลาส่วนตัวบ้าง แถมนิสัยเเฟนเราเป็นคนชอบปลีกวิเวกบ่อยไม่ค่อยเข้าสังคมอยู่แล้ว
แต่เเม่เค้ามาโทดเราทุกอย่าง แล้วก็พูดกดดันลุกตัวเองทุกวัน ไม่ได้ดั่งใจก็ประชดประชันจะเอาให้ได้ดั้งใจทุกอย่าง แต่ลูกจะรุ้สึกยังไงเค้าไม่เคยสนใจเเถมไม่เคยฟังสิ่งที่ลูกต้องการว่าชอบหรือไม่ มีแต่บงการตลอดจนเเฟนเราก้กดดัน (และแฟนเราก็ไม่เถียงและไม่เคยพูดปกป้องเรา แฟนเราได้เเต่เงียบแล้วบอกเราว่าไม่อยากทะเลาะ..แต่เเม่เค้าก็ด่าเราหาเรื่องเราไม่เลิก)
แถมเรื่องเงินก็สำคัญมาก ยกตัวอย่างเรื่องค่าเเชร์(งวดล่าสุด) แฟนเราเล่นแชร์กับแม่ เเม่บังคับให้ใส่เป็นชื่อเเม่ไม่ให้ใส่ชื่อแฟน เเต่เงินก็เป็นเงินเดือนเเฟนที่ส่งไป แล้วพอเวลาจะได้ค่าเเชร์ อย่างที่ต้องเอามาให้มันจัน แกก็จะพลัดจะอิดออดเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆจนเลยวันไป4-5วันเเล้วค่อยเอามาให้ เเล้วมาทวงว่าจะให้แกเท่าไหร่ต้องให้แกนะแกไม่มีเงิน แฟนเราก็ให้ไม่ได้เพราะต้องเอาไปเปลี่ยนยางรถยนต์ใช่ไหมคะสี่ล้อ แถมก็ต้องเก็บไว้เป็นกองเงินฉุกเฉินด้วยเพราะตอนนี้แฟนเราไม่เหลืออะไรเลย แม่ก็มาพูดหาว่าเราไปเป่าหูแฟน ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็หลุดออกมาเองว่าต่อไปนี้แกจะเอาตัวเองมาใช้..นั้นมันเหมือนกับว่าแกเอาเงินลูกทั้งๆที่ก็รู้ว่าลูกไม่มีเงิน ทั้งๆที่รู้ว่าลูกก็มีภาระเรื่องหนี้สินต้องผ่อนรถทุกเดือน
แถมเเฟนเราสงสัยว่าทำไมเเม่ถึงเอาบิลค่าเเชร์มาให้ช้า(ตอนแรกแกบอกวันจันจะเอาบิลตัวจริงมาให้แต่ไปๆมาๆแกเอามาให้วันศุกร์) เเต่พอแกเอาบิลมา บิลที่เอามาให้ก็เป็นบิลที่เขียนเองซึ่งเขียนใหม่ ซึ่งไม่ใช่บิลตัวจริงที่เค้าเขียนมาทุกมือเเล้ว ดอกที่ได้ก็น้อยกว่าปกติ เเฟนเราสงสัยก็ถามเเม่ เเต่เเม่ก็โมโห แล้วพาลหาว่าเราเป็นคนพูดใส่ไฟ ซึ่งเราไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆเลย พอจะใช้งานเราก็มาพูดดีกับเรานะ เเต่พอไม่มีประโยชน์ก็พาลเราเอาเราไปด่า เราเลยโคตรเสียความรุ้สึกเอามากๆ
ค่าแชร์งวดก่อนหน้านี้ จุ่ๆแม่ของแฟนก็มานั่งพูดต่อหน้าเราเลยว่าจะเอา แฟนเราเลยโมโหว่าจะเอาได้ยังไง เพราะต้องเก็บไว้เป็นเงินฉุกเงิน แม่เขาก็พูดมาว่า(ข้ออ้างสารพัดที่จะเอาเงิน)
- ต้องให้แกบ้างนะ
- คนที่กู้ธนาคารมาไปซื้อรถก็เป็นแกจะไม่ให้ดอกอะไรแกเลยรึไง(ก่อนจะไปซื้อรถกับก่อนกู้แกเป็นคนพูดเองซึ่งเราก็ได้ยินว่า แกไม่เอาดอก เพราะยังไงก็ต้องเสียดอกให้ธนาคารอยู่แล้วเลยจะไม่เก็บดอกจากแฟนเราเพิ่ม)
- คนที่เลี้ยงดูมาก็คือแก
- บอกว่าแฟนเราขับรถเร็ว (ปกติแฟนเราขับไม่เคยเกิน100)
แล้วก็เอาเรื่องในอดีตมาพูด เพื่อที่จะเอาเงิน แต่แฟนเราก็ไม่ยอมตกลงให้อยุ่ดี เค้าก็โมโหด่าว่าเนรคุณ (ทุกวันนี้ เงินเดือนแฟนเรา15,000 หักค่าผ่อนรถเดือนละ7,000 ค่าแชร์อีกเดือนละ2,000 ค่าน้ำมันเดือนนึงตก3,000 เฉลี่ยแล้วคือเติมวันละ100เพราะที่ทำงานใกล้บ้าน เฉลี่ยแล้วเงินที่เหลือของแฟนเราจะเหลือเพียงเดือนละราวๆ3,000-3,500 ซึ่งยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวนะค่ะไม่ว่าจะค่ากินอยู่ของใช้ส่วนตัวหรือเผื่อออกไปธุระปะปังข้างนอกที่ไหน..และละเดือนคือแทบจะไม่เหลือเงินเลยคะแต่แม่ก็ยังขอทุกเดือน)
จริงๆแม่เขาทำงานเป็นครูเอกชน ก็มีเงินเดือนประจำเเต่กลับมาบอกเเฟนเราประจำว่าไม่มีเงินเเล้วนะ(เงินเดือนของแม่แฟนเราก็ตกเดือนละ12000หนี้ก็ไม่มีมันจะหมดเร็วขนาดนั้นหรอคะ)
ทุกวันนี้แฟนเราพยามประหยัด คือประหยัดมากๆ ทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ จะทานน้ำเต้าปาท่องโก๋ เที่ยงไม่มาม่าก็ต้องกลับไปทอดไข่กินที่บ้าน เสาร์เช้าเราจะเป็นคนจัดการ เที่ยงก็ทานที่บ้านครูเดชที่เราไปเรียนตีดาบ เย็นก็ไม่ค่อยกินกัน วันอาทิตก็เช้าเป็นก๋วยเตี๋ยวคนละ20บาท เที่ยงก็ทานที่สำนักดาบที่เราสองคนเรียนกันมีข้าวเลี้ยงประจำฟรี ตกเย็นก็เราจะซื้ออะไรกระจุกกระจิกให้ทานบ้าง หรือบางวันก็จะไม่ทานกันเลย
เราจะไปบ้านแฟนทุกวันเสาร์และอาทิตย์ไปเราก็ทำความสะอาดบ้านชั้นบน(ชั้นล่างน้องสะใภ้ทำ)ปัดกวาดเช็ดถูทุกอย่าง ห้องน้ำก็ขัด เช็ดฝุ่นทุกซอกมุม อะไรที่เป็นอันตรายเราเก็บหมด มีดเอาไว้ชั้นลอยก็เก็บเข้าบ้านหมด บางวันเราไปวันปกติเราต้องอยู่บ้านคนเดียวก็ล้างจานเก็บกวาด ตากผ้ารอ ล้างห้องน้ำรอ เช็ดกระจกรอ ถึงขั้นต่อทีวีด้วยยามที่เราล้างบ้านครั้งใหญ่เพราะด้านบนไม่มีใครทำเลย ขยะก็จับทิ้งหมดจนบ้านโล่งสะอาด เราไม่ได้ไปอยู่ฟรีเเม้นว่าจะไปแค่ตอนเย็นก็เถอะ
นานๆครั้งจริงๆที่จะมีออกไปกินกันนอกบ้านบ้าง เเต่จะไม่ทานในห้างนะค่ะเพราะเเพง จะพยามเซฟเงินแฟนมาก แล้วเรื่องหนังโรงก็คุยกับแฟนเเล้วว่าอย่าพึ่งเข้าไปดู จริงๆแฟนเราอยากดูหนังโรงบ้างเราก็บอกเเฟนว่าให้หยุดดูหนังโรงไปก่อนให้ดูหนังออนไลน์เอา5555+ แล้วก็เรื่องไปเที่ยวจริงเราไปเองคนเดียวก้ได้เพราะสมัยคนโสดเราไปคนเดียวประจำแต่พอมีแฟนแฟนเราเป็นพวกขี้เป็นห่วงถ้าเราไปเค้าก็ต้องไป เราเลยตัดปัญหาคือไม่ไปไหนซะเพื่อตัดงบที่ไม่จำเป็น (สมัยที่ยังไม่มีภาระเรื่องรถยนต์ที่แม่เค้าเป็นคนอยากได้เราสองคนจะไปดูหนังกันบ่อยเที่ยวกันบ่อยพอสมควรเผื่อให้รางวัลตัวเองและผ่อนคลาย)
เพื่อเก็บเงินในจำนวนที่เหลือน้อยไว้เป็นเงินยามฉุกเฉินเผื่อเวลาที่รถเป็นอะไรขึ้นมา หรือตัวเองหรือคนในบ้านป่วย ก็ไม่มีให้แม่เค้า แต่แม่เค้าก็ยกมาด่าทุกทีว่าเนรคุณ แล้วก็พาลมาลงกับเราว่าเราเป็นคนทำให้ลูกชายเค้าแข็งข้อ ปีกกล้าขาแข็ง เราไปกินชาบูกับเพื่อนกลับมาก็โดนด่า(เราไม่ได้เอาแฟนไปด้วยนะมันจะได้ไม่เปลืองตังค์) ไปธุระกลับมา เค้าทะเลาะกันเองแม่ลูกเรื่องเงิน ก็มาพาลเราอีกเช่นกัน
เราไม่สบายยังหาว่าเรามารยาเลย (เราเป็นคนสุขภาพไม่ดีมาตั้งเเต่เล็กๆเเล้วนิดหน่อยก็ป่วย)
แฟนเราก็เจอมาเยอะตั้งเเต่สมัยเด็กๆ ทุกวันนี้เหมือนเก็บกด หลังๆเริ่มสุดทนเคยพูดกับเราว่าจะหนีออกจากบ้าน เราก็ขอให้เขาทนไปก่อน รอเราเรียนจบหางานทำก่อนเพราะเราใกล้เรียนจบเเล้ว จะได้ช่วยกันผ่อนบ้าน แต่พอพูดเรื่องผ่อนบ้านแม่เค้าก็มาว่าว่าเนรคุณอีก พาลใส่เราอีก (ซึ่งอันนี้เราไม่เถียงว่าเราเองเป็นคนพูดว่าเราไม่แต่งเข้าบ้านเค้า เพราะบ้านเค้าเป็นบ้านที่อยู่ติดโรงงานพม่าคนงานเยอะมาก มีโต๊ะสนุกในบ้าน เสียงดังโวยวายตลอดเวลา คนเมามีตลอดบางวันก็ยิงกันบางวันก็ตีกัน มีหอพักติดบ้านด้วย..แน่นอนว่าไม่มีรั้วกั้น..แล้วคนในหอพักก็ทะเลาะกัน ซ้ำนี้คือ บ้านเค้าไม่มีรั้วกั้นบ้านเหมือนใครจะเดินเข้าเดินออกก็ได้เเบบไม่มีความเป็นส่วนตัวและไม่มีความสงบ )
หลายอย่างที่เราเจอมาสารพัดนึก แต่บอกตามตรงว่ารู้สึกเสียความรู้สึกสุดๆ แต่ก็ต้องทนไปจนกว่าจะถึงวันที่จะมีที่มีทางเป็นของเราสองคนซึ่งทางแฟนเราก็พูดเเล้วเห็นว่าถ้ามีที่ทางเเล้วคงไม่บอกทางบ้านว่าอยู่ที่ไหนเพราะกลัวจะมีปัญหาต่างๆนาๆตามมาอีกที จะกลับไปเยี่ยมครอบครัวเเทนเเบบนานๆทีไม่ได้ทอดทิ้งครอบครัว
จริงๆเราก็กลัวว่าจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกอยู่ดีเพราะเรารู้สึกว่ามันคงไม่จบแค่นี้แน่ๆ...เราคิดมากไปหรือเปล่า
ปัญหาว่าที่แม่ผัวและว่าที่ลูกสะใภ้
เเม่เคยทะเลาะกับพ่อ เปนเรื่องราวถูกพ่อทำร้ายร่างกาย แถมพ่อยังไปกับผู้หญิงคนใหม่ทิ้งแกไปเลย ตอนนั้นเราก็ดูแลเเม่ของเเฟนเรานะ เอาน้ำอุ่นปะคบตามร่างกายดูแลจุดที่ช้ำๆ
แล้วเพราะเรารุ้ว่าแกเคลียดแกเลยตรอมใจ พยามทำให้แกแฮปปี้มีความสุข พอแก้ป่วยเรากับแฟนก้ไปหาซื้อยามาให้
ชวนไปเที่ยว(แกไม่ แต่ไปพอเราไปกัน แกก็มาน้อยใจ) แรกๆ..ที่เราเคยเข้าใจคือ แกเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือคนนึงเพราะเป็นครู น่าจะมีเหตุผล และแกเป็นคนตลกหัวเราะง่าย
เเต่ทว่า เราสังเกตุจากหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะก่อนที่พ่อจะเลิกแม่ แม่เป็นคนเอาเรื่องของพ่อไปพูดให้คนอื่นฟัง ย้ำนะคะว่าคนอื่น เจอใครเป็นเล่าหมดว่าพ่อไม่ช่วยงานแบบนั้น ไม่ดูแลบ้านแบบนี้ไม่หางานอย่างนั้น บลาๆหลายอย่าง ซ้ำยังเอาแม่ของฝ่ายหญิง(น้องสะใภ้ของแฟนเรา)มานินทา
ซ้ำนั้น...ทุกครั้งที่เราทะเลาะกับแฟนก็เป็นแกอีกเช่นกันที่มาพูดให้ลูกชายแกเลิกคบกับเรา พูดทุกครั้งที่มีโอกาส
บอกตัวเองว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน รู้ว่าอะไรเป็นอะไร(แต่เราก็สงสัยนะว่า ถ้าอาบน้ำร้อนมาก่อนรุ้ว่าอะไรเป็นอะไรทำไมไม่รุ้ละหรืออ่านไม่ออกละว่าสามีตัวเองจะมีคนใหม่..อาจจะเเรงไปก็ขออภัยนะคะ) เเต่สิ่งที่แม่เค้าพูดให้แฟนเราฟัง คือมันไม่ใช่นิสัยของเราเลย(ห้องแม่นอนกับห้องนอนแฟนเราอยุ่ติดกันเวลาแกพูดอะไรเราได้ยินหมด) ไม่ใช่ตัวตนเราเลย นอกจากจะยุให้เเฟนเรามีคนใหม่เเล้วยังยุยงให้เเฟนเราหาเรื่องทะเลาะกับเราอีก แถมยังเคยพูดกับแฟนเราว่าจะให้แต่งกับคนรวยๆเพราะลูกชายจะได้สบาย
เราไม่เคยยุให้แฟนเราแข็งข้อกับแม่ ทุกครั้งที่แฟนเราไม่ลงรอยกับเเม่เค้าเราก็เป็นคนบอกให้เค้าใจเย็นๆเพราะยังไงก็แม่นะ แต่เค้าโทดเค้าหาว่าเพราะเราลูกเค้าถึงแข็งข้อ เพราะเราลูกเค้าถึงไม่มีเวลาให้ เพราะเราทุกอย่างอะไรๆก็เรา ขนาดเราไม่ได้อยู่กับลูกชายเค้าตลอดเวลา ก็ยังเอาเราไปด่าไปว่าได้
ในความเป็นจริงเเฟนเราก่อนทำงานเค้าก็มีเวลาให้ครอบครัวเพราะอยู่ในช่วงวัยเรียน เเละก็ยังเป็นเด็กแถมถูกเลี้ยงตามใจเลี้ยงโอ๋จนคิดจนตัดสินใจอะไรเองไม่เป็น เเต่พอเเฟนเราทำงานเเล้วเข้าสู่วัยทำงาน มีหน้าที่ทำงานทุกวันจันถึงศุกร์บางวันงานก้เยอะ กลับมาก็เหนื่อยก็อยากพักผ่อนเงียบๆบ้าง มีเวลาส่วนตัวบ้าง แถมนิสัยเเฟนเราเป็นคนชอบปลีกวิเวกบ่อยไม่ค่อยเข้าสังคมอยู่แล้ว
แต่เเม่เค้ามาโทดเราทุกอย่าง แล้วก็พูดกดดันลุกตัวเองทุกวัน ไม่ได้ดั่งใจก็ประชดประชันจะเอาให้ได้ดั้งใจทุกอย่าง แต่ลูกจะรุ้สึกยังไงเค้าไม่เคยสนใจเเถมไม่เคยฟังสิ่งที่ลูกต้องการว่าชอบหรือไม่ มีแต่บงการตลอดจนเเฟนเราก้กดดัน (และแฟนเราก็ไม่เถียงและไม่เคยพูดปกป้องเรา แฟนเราได้เเต่เงียบแล้วบอกเราว่าไม่อยากทะเลาะ..แต่เเม่เค้าก็ด่าเราหาเรื่องเราไม่เลิก)
แถมเรื่องเงินก็สำคัญมาก ยกตัวอย่างเรื่องค่าเเชร์(งวดล่าสุด) แฟนเราเล่นแชร์กับแม่ เเม่บังคับให้ใส่เป็นชื่อเเม่ไม่ให้ใส่ชื่อแฟน เเต่เงินก็เป็นเงินเดือนเเฟนที่ส่งไป แล้วพอเวลาจะได้ค่าเเชร์ อย่างที่ต้องเอามาให้มันจัน แกก็จะพลัดจะอิดออดเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆจนเลยวันไป4-5วันเเล้วค่อยเอามาให้ เเล้วมาทวงว่าจะให้แกเท่าไหร่ต้องให้แกนะแกไม่มีเงิน แฟนเราก็ให้ไม่ได้เพราะต้องเอาไปเปลี่ยนยางรถยนต์ใช่ไหมคะสี่ล้อ แถมก็ต้องเก็บไว้เป็นกองเงินฉุกเฉินด้วยเพราะตอนนี้แฟนเราไม่เหลืออะไรเลย แม่ก็มาพูดหาว่าเราไปเป่าหูแฟน ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็หลุดออกมาเองว่าต่อไปนี้แกจะเอาตัวเองมาใช้..นั้นมันเหมือนกับว่าแกเอาเงินลูกทั้งๆที่ก็รู้ว่าลูกไม่มีเงิน ทั้งๆที่รู้ว่าลูกก็มีภาระเรื่องหนี้สินต้องผ่อนรถทุกเดือน
แถมเเฟนเราสงสัยว่าทำไมเเม่ถึงเอาบิลค่าเเชร์มาให้ช้า(ตอนแรกแกบอกวันจันจะเอาบิลตัวจริงมาให้แต่ไปๆมาๆแกเอามาให้วันศุกร์) เเต่พอแกเอาบิลมา บิลที่เอามาให้ก็เป็นบิลที่เขียนเองซึ่งเขียนใหม่ ซึ่งไม่ใช่บิลตัวจริงที่เค้าเขียนมาทุกมือเเล้ว ดอกที่ได้ก็น้อยกว่าปกติ เเฟนเราสงสัยก็ถามเเม่ เเต่เเม่ก็โมโห แล้วพาลหาว่าเราเป็นคนพูดใส่ไฟ ซึ่งเราไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆเลย พอจะใช้งานเราก็มาพูดดีกับเรานะ เเต่พอไม่มีประโยชน์ก็พาลเราเอาเราไปด่า เราเลยโคตรเสียความรุ้สึกเอามากๆ
ค่าแชร์งวดก่อนหน้านี้ จุ่ๆแม่ของแฟนก็มานั่งพูดต่อหน้าเราเลยว่าจะเอา แฟนเราเลยโมโหว่าจะเอาได้ยังไง เพราะต้องเก็บไว้เป็นเงินฉุกเงิน แม่เขาก็พูดมาว่า(ข้ออ้างสารพัดที่จะเอาเงิน)
- ต้องให้แกบ้างนะ
- คนที่กู้ธนาคารมาไปซื้อรถก็เป็นแกจะไม่ให้ดอกอะไรแกเลยรึไง(ก่อนจะไปซื้อรถกับก่อนกู้แกเป็นคนพูดเองซึ่งเราก็ได้ยินว่า แกไม่เอาดอก เพราะยังไงก็ต้องเสียดอกให้ธนาคารอยู่แล้วเลยจะไม่เก็บดอกจากแฟนเราเพิ่ม)
- คนที่เลี้ยงดูมาก็คือแก
- บอกว่าแฟนเราขับรถเร็ว (ปกติแฟนเราขับไม่เคยเกิน100)
แล้วก็เอาเรื่องในอดีตมาพูด เพื่อที่จะเอาเงิน แต่แฟนเราก็ไม่ยอมตกลงให้อยุ่ดี เค้าก็โมโหด่าว่าเนรคุณ (ทุกวันนี้ เงินเดือนแฟนเรา15,000 หักค่าผ่อนรถเดือนละ7,000 ค่าแชร์อีกเดือนละ2,000 ค่าน้ำมันเดือนนึงตก3,000 เฉลี่ยแล้วคือเติมวันละ100เพราะที่ทำงานใกล้บ้าน เฉลี่ยแล้วเงินที่เหลือของแฟนเราจะเหลือเพียงเดือนละราวๆ3,000-3,500 ซึ่งยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวนะค่ะไม่ว่าจะค่ากินอยู่ของใช้ส่วนตัวหรือเผื่อออกไปธุระปะปังข้างนอกที่ไหน..และละเดือนคือแทบจะไม่เหลือเงินเลยคะแต่แม่ก็ยังขอทุกเดือน)
จริงๆแม่เขาทำงานเป็นครูเอกชน ก็มีเงินเดือนประจำเเต่กลับมาบอกเเฟนเราประจำว่าไม่มีเงินเเล้วนะ(เงินเดือนของแม่แฟนเราก็ตกเดือนละ12000หนี้ก็ไม่มีมันจะหมดเร็วขนาดนั้นหรอคะ)
ทุกวันนี้แฟนเราพยามประหยัด คือประหยัดมากๆ ทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ จะทานน้ำเต้าปาท่องโก๋ เที่ยงไม่มาม่าก็ต้องกลับไปทอดไข่กินที่บ้าน เสาร์เช้าเราจะเป็นคนจัดการ เที่ยงก็ทานที่บ้านครูเดชที่เราไปเรียนตีดาบ เย็นก็ไม่ค่อยกินกัน วันอาทิตก็เช้าเป็นก๋วยเตี๋ยวคนละ20บาท เที่ยงก็ทานที่สำนักดาบที่เราสองคนเรียนกันมีข้าวเลี้ยงประจำฟรี ตกเย็นก็เราจะซื้ออะไรกระจุกกระจิกให้ทานบ้าง หรือบางวันก็จะไม่ทานกันเลย
เราจะไปบ้านแฟนทุกวันเสาร์และอาทิตย์ไปเราก็ทำความสะอาดบ้านชั้นบน(ชั้นล่างน้องสะใภ้ทำ)ปัดกวาดเช็ดถูทุกอย่าง ห้องน้ำก็ขัด เช็ดฝุ่นทุกซอกมุม อะไรที่เป็นอันตรายเราเก็บหมด มีดเอาไว้ชั้นลอยก็เก็บเข้าบ้านหมด บางวันเราไปวันปกติเราต้องอยู่บ้านคนเดียวก็ล้างจานเก็บกวาด ตากผ้ารอ ล้างห้องน้ำรอ เช็ดกระจกรอ ถึงขั้นต่อทีวีด้วยยามที่เราล้างบ้านครั้งใหญ่เพราะด้านบนไม่มีใครทำเลย ขยะก็จับทิ้งหมดจนบ้านโล่งสะอาด เราไม่ได้ไปอยู่ฟรีเเม้นว่าจะไปแค่ตอนเย็นก็เถอะ
นานๆครั้งจริงๆที่จะมีออกไปกินกันนอกบ้านบ้าง เเต่จะไม่ทานในห้างนะค่ะเพราะเเพง จะพยามเซฟเงินแฟนมาก แล้วเรื่องหนังโรงก็คุยกับแฟนเเล้วว่าอย่าพึ่งเข้าไปดู จริงๆแฟนเราอยากดูหนังโรงบ้างเราก็บอกเเฟนว่าให้หยุดดูหนังโรงไปก่อนให้ดูหนังออนไลน์เอา5555+ แล้วก็เรื่องไปเที่ยวจริงเราไปเองคนเดียวก้ได้เพราะสมัยคนโสดเราไปคนเดียวประจำแต่พอมีแฟนแฟนเราเป็นพวกขี้เป็นห่วงถ้าเราไปเค้าก็ต้องไป เราเลยตัดปัญหาคือไม่ไปไหนซะเพื่อตัดงบที่ไม่จำเป็น (สมัยที่ยังไม่มีภาระเรื่องรถยนต์ที่แม่เค้าเป็นคนอยากได้เราสองคนจะไปดูหนังกันบ่อยเที่ยวกันบ่อยพอสมควรเผื่อให้รางวัลตัวเองและผ่อนคลาย)
เพื่อเก็บเงินในจำนวนที่เหลือน้อยไว้เป็นเงินยามฉุกเฉินเผื่อเวลาที่รถเป็นอะไรขึ้นมา หรือตัวเองหรือคนในบ้านป่วย ก็ไม่มีให้แม่เค้า แต่แม่เค้าก็ยกมาด่าทุกทีว่าเนรคุณ แล้วก็พาลมาลงกับเราว่าเราเป็นคนทำให้ลูกชายเค้าแข็งข้อ ปีกกล้าขาแข็ง เราไปกินชาบูกับเพื่อนกลับมาก็โดนด่า(เราไม่ได้เอาแฟนไปด้วยนะมันจะได้ไม่เปลืองตังค์) ไปธุระกลับมา เค้าทะเลาะกันเองแม่ลูกเรื่องเงิน ก็มาพาลเราอีกเช่นกัน
เราไม่สบายยังหาว่าเรามารยาเลย (เราเป็นคนสุขภาพไม่ดีมาตั้งเเต่เล็กๆเเล้วนิดหน่อยก็ป่วย)
แฟนเราก็เจอมาเยอะตั้งเเต่สมัยเด็กๆ ทุกวันนี้เหมือนเก็บกด หลังๆเริ่มสุดทนเคยพูดกับเราว่าจะหนีออกจากบ้าน เราก็ขอให้เขาทนไปก่อน รอเราเรียนจบหางานทำก่อนเพราะเราใกล้เรียนจบเเล้ว จะได้ช่วยกันผ่อนบ้าน แต่พอพูดเรื่องผ่อนบ้านแม่เค้าก็มาว่าว่าเนรคุณอีก พาลใส่เราอีก (ซึ่งอันนี้เราไม่เถียงว่าเราเองเป็นคนพูดว่าเราไม่แต่งเข้าบ้านเค้า เพราะบ้านเค้าเป็นบ้านที่อยู่ติดโรงงานพม่าคนงานเยอะมาก มีโต๊ะสนุกในบ้าน เสียงดังโวยวายตลอดเวลา คนเมามีตลอดบางวันก็ยิงกันบางวันก็ตีกัน มีหอพักติดบ้านด้วย..แน่นอนว่าไม่มีรั้วกั้น..แล้วคนในหอพักก็ทะเลาะกัน ซ้ำนี้คือ บ้านเค้าไม่มีรั้วกั้นบ้านเหมือนใครจะเดินเข้าเดินออกก็ได้เเบบไม่มีความเป็นส่วนตัวและไม่มีความสงบ )
หลายอย่างที่เราเจอมาสารพัดนึก แต่บอกตามตรงว่ารู้สึกเสียความรู้สึกสุดๆ แต่ก็ต้องทนไปจนกว่าจะถึงวันที่จะมีที่มีทางเป็นของเราสองคนซึ่งทางแฟนเราก็พูดเเล้วเห็นว่าถ้ามีที่ทางเเล้วคงไม่บอกทางบ้านว่าอยู่ที่ไหนเพราะกลัวจะมีปัญหาต่างๆนาๆตามมาอีกที จะกลับไปเยี่ยมครอบครัวเเทนเเบบนานๆทีไม่ได้ทอดทิ้งครอบครัว
จริงๆเราก็กลัวว่าจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกอยู่ดีเพราะเรารู้สึกว่ามันคงไม่จบแค่นี้แน่ๆ...เราคิดมากไปหรือเปล่า