สวัสดีครับ นี่เป็นรีวิวแรกของผมเลย กับการเที่ยวฝรั่งเศสโดยการล่องเรือแม่น้ำ ผมไปเที่ยวกลับมาได้ซักพักแล้วก็ยังฟินไม่หาย และคิดว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนคงยังไม่เคยไป จึงถือโอกาสนี้มารีวิว และแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักไปพร้อมๆ กันเลยครับ
ปล. ยืมแอคเคาท์พี่ชายมาใช้นะครับ ของผมยังเพิ่มรูปไม่ได้เลยครับ
เริ่มจากที่ผมและเพื่อนมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งก็เป็นดินแดนที่ผมใฝ่ฝันว่าสักวันจะต้องไปเยือนให้ได้ เมื่อโอกาสเข้ามา แน่นอนครับว่าผมต้องคว้าเอาไว้
หลังจากที่รู้ตัวว่าจะได้ไปฝรั่งเศส ผมได้จองตั๋วเอาไว้กับบริษัทท่องเที่ยว และคิดว่าไหนๆ จะไปฝรั่งเศสทั้งทีก็ขอไปเที่ยวด้วยเลยละกัน ผมจึงวางแผนเที่ยวต่อหลังจากที่ดูงานเสร็จ ไปดูงานหลายวันน่าจะเหนื่อยเอาการ เลยอยากเที่ยวแบบสบายๆ ผ่อนคลายสักหน่อย จึงขอคำแนะนำไป ทางบริษัทท่องเที่ยวได้แนะนำให้ผมลองไปล่องเรือ Croisi Cruise ซึ่งเป็นการล่องเรือในแม่น้ำของประเทศฝรั่งเศส ผมจึงเกิดความสนใจก็เลยเอาข้อมูลที่เค้าให้มา มาศึกษาดู เออ! มันน่าสนใจดีแฮะ จากที่ผมเดินทางไปท่องเที่ยวมาตั้งหลายประเทศก็ยังไม่เคยล่องเรือในแม่น้ำซักที เอาว๊ะ! ลองซักตั้ง ผมเลยตัดสินใจซื้อแพคเกจเรือ Croisi Cruise กับทาง WonderfulPackage สนนราคาก็ไม่แพงมาก คนละหมื่นกว่าบาท ก็โอเคนะ เพราะเราทำงานเสร็จก็ขอใช้เวลานี้พักผ่อน อีกอย่างจากที่เคยรู้มา ประเทศฝรั่งเศสในอดีต กษัตริย์มักจะสร้างพระราชวัง โบสถ์ หรือ Chateau ไว้ตามริมแม่น้ำ ซึ่งแม่น้ำสายหลักของ Paris ก็คือแม่น้ำ Seine ก็น่าจะได้สัมผัสศิลปะวัฒนธรรมได้อีกแบบหนึ่ง ผมเลือกแพคเกจที่ล่องในแม่น้ำ Seine ในเมืองปารีส แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่าช่วงเวลานั้นน้ำแม่น้ำแซนขึ้นสูง อาจจะล่องเรือได้ไม่สะดวก จึงแนะนำเป็นเส้นทางอื่น ผมจึงเลือกไปเมือง Bordeaux ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ซึ่งการเดินทางก็ใช้เวลาแค่ 4 วัน 3 คืน จะได้ไม่ต้องหาโรงแรมนอนให้เสียเวลา และที่สำคัญมีอาหารที่เป็นฝรั่งเศสแท้ๆ ให้ได้ลิ้มลองด้วย โอเค! จ่ายตังค์ครับ
หน้าตาโบชัวร์เป็นแบบนี้
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ตามไปขึ้นเรือกันเลย หลังจากศึกษาดูงานกันเสร็จก็ได้เวลาเที่ยวแล้วของผมแล้วครับ ผมเดินทางไปยังท่าเรือ ไปถึงประมาณเกือบ 5 โมงเย็น และนี่คือภาพที่เห็นตรงหน้า เรือ Croisi Cruise ลำใหญ่มาก
มีเจ้าหน้าที่มารอรับผมที่ท่าเรือ แน่นอนครับว่า ผมและเพื่อน คือคนไทยเพียงคู่เดียวที่มาใช้บริการเรือนี้ นอกนั้นเป็นฝรั่งทั้งหมดครับ ผมได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าหน้าที่บนเรือ มี welcome drink เป็นน้ำผลไม้พื้นเมืองของที่นี่
เจ้าหน้าที่พาผมเข้าห้องพัก ซึ่งห้องพักที่ผมเลือกเป็นแบบ main deck ซึ่งอยู่ชั้น 2 ของเรือ พอเปิดประตูไป โอ้แม่จ้าวว!!! ห้องสวยมาก สะอาดมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สีสันสบายตาเป็นเตียงเดี่ยวหนึ่งเตียง ในห้องมีตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องปรับอากาศ และยังมีช็อคโกแลตรูปหัวใจคอยต้อนรับด้วย
ส่วนห้องน้ำนั้นเล็กกะทัดรัดแต่ไม่แคบจนเกินไปสามารถฉีกแข้งฉีกขาได้สบายๆ และที่สำคัญ สะอาดมากกกกกกกก
ออกไปเดินดูข้างนอกกันครับ
มุมต่างๆ สำหรับนั่งเล่น
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า Gala Dinner จะเริ่มประมาณ 2 ทุ่ม ผมฟังดูก็นึกในใจว่า Gala Dinner เลยหรอ ฉะนั้นแล้วขอแต่งตัวดีดีหน่อยละกัน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว โชคดีที่หยิบเสื้อคลุมคล้ายสูทมาด้วย ผมไปถึงห้องอาหารซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของเรือ เจ้าหน้าที่ยืนรอให้บริการอยู่ที่โต๊ะอาหาร โอ้!!!!!!!!! นี่โต๊ะอาหารหรอเนี่ย อุทานออกมาเสียงดัง มันสวยมากครับ 5 ดาวเลยหล่ะ เป็นวัฒนธรรมแบบตะวันตกจริงๆ บนโต๊ะอาหารมีการจัดเรียงอุปกรณ์อย่างสวยงามมาก เจ้าหน้าที่ของเรือเชิญเรานั่งและนำไวน์มาเสิร์ฟโดยอธิบายที่มาของไวน์ซึ่งไวน์นี้เป็นไวน์ขาวและให้ลองชิมก่อน ด้วยความที่เราเป็นคนไทยเปิดแล้วก็ดื่มได้ครับ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเราไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนได้ แต่ผมคิดว่ารสชาติของไวน์ดีทีเดียว
สำหรับอาหารมื้อนี้จะเสิร์ฟแบบ 3 คอร์สเมนู ซึ่งเริ่มด้วย Foie Gars หรือตับห่านเป็นจานแรกหรือ starter จากนี้ถูกจัดมาอย่างสวยงามทานคู่กับซอสผลไม้พื้นเมืองของที่นี่และมันเข้ากันได้ดีกับไวน์ขาวจริงๆ บอกตรงๆ เลยตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทาน Foie Gars เคยแต่เห็นในทีวี รสชาติมันช่างละมุนลิ้นมากๆ มีซอสผลไม้เพิ่มความสดชื่นของตับห่านเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่วิเศษมากครับ นึกในใจว่า..นี่จ่ายเงินไปได้รับการบริการ 5 ดาวแบบนี้เลยหรอเนี่ย คุ้มมากกับประสบการณ์ครั้งนี้
มาถึง main course กันบ้าง นั่นคือ Veal Steak หรือสเต็กเนื้อลูกวัวราดซอดพริกไทยดำ ผมรักจานนี้มากๆ เนื้อวัวสุกปานกลางยังชุ่มฉ่ำอยู่ ผมโรยพริกไทยเพิ่มไปอีกหน่อยเพราะชอบทานพริกไทย ผมหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอาเข้าปาก โอ้ยย!! อร่อยมากกครับ เนื้อนุ่มมากแทบละลายในปาก ไม่มีกลิ่นเลย น้ำซอสที่ราดไปที่เนื้อมีรสกลมกล่อมเผ็ดนิดๆ จากพริกไทย ลืมบอกไปว่า เมื่อมีสเต็กเนื้อแล้วต้องมีไวน์แดง ทานสเต๊กหนึ่งคำแล้วจิบไวน์แดง มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ไวน์ที่นี่เสิร์ฟไม่อั้นครับ หมดขวดแล้วก็นำขวดใหม่มาให้ทันที ก็แทบเมากันเลยทีเดียว
เสร็จจาก main course ตามด้วยขนนหวาน ขนมหวานก็จัดมาน่าทานมาก เป็นเนยอุ่นๆ ที่ผ่านการอบมาพอละลาย ปกติผมเป็นคนไม่ทานเนยนะครับ แต่ว่ามาแล้วต้องลอง รสชาติแปลกดีแต่ไม่เลี่ยนอาจจะไม่ถูกปากคนไทยมากนักแต่ก็อร่อยครับ จัดมาในจานสวยงามมีผักชิ้นเล็กและผลไม้ท้องถิ่นให้ความรู้สึกสดชื่น และทานคู่กับไวน์ขาว ตามมาอีกด้วย เค้กผลไม้ที่หอมละมุนราดด้วยครีมสตรอเบอร์รี่และสตอรเบอร์รี่สดๆ
ตบท้ายมื้อนี้ด้วยกาแฟอุ่นๆ แก้วเล็ก ซึ่งวัฒนธรรมของคนฝรั่งเศสทุกมื้ออาหารมักจะต้องดื่มกาแฟ แต่มื้อนี้ผมขอปฏิเสธไปเพราะอิ่มมากจริงๆ
หลัง Gala Dinner แสนวิเศษได้จบลงผมย้ายมาอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับปาร์ตี้กัน ผมก็นั่งดื่มไวน์ไปนั่งฟังดนตรีไปแล้วก็ดูนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เต้นรำกัน ก็เป็นการพักผ่อนอีกแบบครับ ผมนั่งดื่มไวน์สักพักก็เข้าห้องนอนพักผ่อน ห้องนอนเก็บเสียงได้ดีมาก เสียงจากฟลอร์เต้นรำเมื่อกี้ ไม่ได้เล็ดลอดเข้ามาเลย คืนนี้นอนหลับสบายจริงๆ
[CR] ไปล่องเรือยุโรปกันเถอะ...รีวิวการล่องเรือแม่น้ำของฝรั่งเศส แบบทื่ฟินจนลืมไม่ลง
ปล. ยืมแอคเคาท์พี่ชายมาใช้นะครับ ของผมยังเพิ่มรูปไม่ได้เลยครับ
เริ่มจากที่ผมและเพื่อนมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งก็เป็นดินแดนที่ผมใฝ่ฝันว่าสักวันจะต้องไปเยือนให้ได้ เมื่อโอกาสเข้ามา แน่นอนครับว่าผมต้องคว้าเอาไว้
หลังจากที่รู้ตัวว่าจะได้ไปฝรั่งเศส ผมได้จองตั๋วเอาไว้กับบริษัทท่องเที่ยว และคิดว่าไหนๆ จะไปฝรั่งเศสทั้งทีก็ขอไปเที่ยวด้วยเลยละกัน ผมจึงวางแผนเที่ยวต่อหลังจากที่ดูงานเสร็จ ไปดูงานหลายวันน่าจะเหนื่อยเอาการ เลยอยากเที่ยวแบบสบายๆ ผ่อนคลายสักหน่อย จึงขอคำแนะนำไป ทางบริษัทท่องเที่ยวได้แนะนำให้ผมลองไปล่องเรือ Croisi Cruise ซึ่งเป็นการล่องเรือในแม่น้ำของประเทศฝรั่งเศส ผมจึงเกิดความสนใจก็เลยเอาข้อมูลที่เค้าให้มา มาศึกษาดู เออ! มันน่าสนใจดีแฮะ จากที่ผมเดินทางไปท่องเที่ยวมาตั้งหลายประเทศก็ยังไม่เคยล่องเรือในแม่น้ำซักที เอาว๊ะ! ลองซักตั้ง ผมเลยตัดสินใจซื้อแพคเกจเรือ Croisi Cruise กับทาง WonderfulPackage สนนราคาก็ไม่แพงมาก คนละหมื่นกว่าบาท ก็โอเคนะ เพราะเราทำงานเสร็จก็ขอใช้เวลานี้พักผ่อน อีกอย่างจากที่เคยรู้มา ประเทศฝรั่งเศสในอดีต กษัตริย์มักจะสร้างพระราชวัง โบสถ์ หรือ Chateau ไว้ตามริมแม่น้ำ ซึ่งแม่น้ำสายหลักของ Paris ก็คือแม่น้ำ Seine ก็น่าจะได้สัมผัสศิลปะวัฒนธรรมได้อีกแบบหนึ่ง ผมเลือกแพคเกจที่ล่องในแม่น้ำ Seine ในเมืองปารีส แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่าช่วงเวลานั้นน้ำแม่น้ำแซนขึ้นสูง อาจจะล่องเรือได้ไม่สะดวก จึงแนะนำเป็นเส้นทางอื่น ผมจึงเลือกไปเมือง Bordeaux ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ซึ่งการเดินทางก็ใช้เวลาแค่ 4 วัน 3 คืน จะได้ไม่ต้องหาโรงแรมนอนให้เสียเวลา และที่สำคัญมีอาหารที่เป็นฝรั่งเศสแท้ๆ ให้ได้ลิ้มลองด้วย โอเค! จ่ายตังค์ครับ
หน้าตาโบชัวร์เป็นแบบนี้
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ตามไปขึ้นเรือกันเลย หลังจากศึกษาดูงานกันเสร็จก็ได้เวลาเที่ยวแล้วของผมแล้วครับ ผมเดินทางไปยังท่าเรือ ไปถึงประมาณเกือบ 5 โมงเย็น และนี่คือภาพที่เห็นตรงหน้า เรือ Croisi Cruise ลำใหญ่มาก
มีเจ้าหน้าที่มารอรับผมที่ท่าเรือ แน่นอนครับว่า ผมและเพื่อน คือคนไทยเพียงคู่เดียวที่มาใช้บริการเรือนี้ นอกนั้นเป็นฝรั่งทั้งหมดครับ ผมได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าหน้าที่บนเรือ มี welcome drink เป็นน้ำผลไม้พื้นเมืองของที่นี่
เจ้าหน้าที่พาผมเข้าห้องพัก ซึ่งห้องพักที่ผมเลือกเป็นแบบ main deck ซึ่งอยู่ชั้น 2 ของเรือ พอเปิดประตูไป โอ้แม่จ้าวว!!! ห้องสวยมาก สะอาดมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สีสันสบายตาเป็นเตียงเดี่ยวหนึ่งเตียง ในห้องมีตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องปรับอากาศ และยังมีช็อคโกแลตรูปหัวใจคอยต้อนรับด้วย
ส่วนห้องน้ำนั้นเล็กกะทัดรัดแต่ไม่แคบจนเกินไปสามารถฉีกแข้งฉีกขาได้สบายๆ และที่สำคัญ สะอาดมากกกกกกกก
ออกไปเดินดูข้างนอกกันครับ
มุมต่างๆ สำหรับนั่งเล่น
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า Gala Dinner จะเริ่มประมาณ 2 ทุ่ม ผมฟังดูก็นึกในใจว่า Gala Dinner เลยหรอ ฉะนั้นแล้วขอแต่งตัวดีดีหน่อยละกัน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว โชคดีที่หยิบเสื้อคลุมคล้ายสูทมาด้วย ผมไปถึงห้องอาหารซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของเรือ เจ้าหน้าที่ยืนรอให้บริการอยู่ที่โต๊ะอาหาร โอ้!!!!!!!!! นี่โต๊ะอาหารหรอเนี่ย อุทานออกมาเสียงดัง มันสวยมากครับ 5 ดาวเลยหล่ะ เป็นวัฒนธรรมแบบตะวันตกจริงๆ บนโต๊ะอาหารมีการจัดเรียงอุปกรณ์อย่างสวยงามมาก เจ้าหน้าที่ของเรือเชิญเรานั่งและนำไวน์มาเสิร์ฟโดยอธิบายที่มาของไวน์ซึ่งไวน์นี้เป็นไวน์ขาวและให้ลองชิมก่อน ด้วยความที่เราเป็นคนไทยเปิดแล้วก็ดื่มได้ครับ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเราไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนได้ แต่ผมคิดว่ารสชาติของไวน์ดีทีเดียว
สำหรับอาหารมื้อนี้จะเสิร์ฟแบบ 3 คอร์สเมนู ซึ่งเริ่มด้วย Foie Gars หรือตับห่านเป็นจานแรกหรือ starter จากนี้ถูกจัดมาอย่างสวยงามทานคู่กับซอสผลไม้พื้นเมืองของที่นี่และมันเข้ากันได้ดีกับไวน์ขาวจริงๆ บอกตรงๆ เลยตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทาน Foie Gars เคยแต่เห็นในทีวี รสชาติมันช่างละมุนลิ้นมากๆ มีซอสผลไม้เพิ่มความสดชื่นของตับห่านเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่วิเศษมากครับ นึกในใจว่า..นี่จ่ายเงินไปได้รับการบริการ 5 ดาวแบบนี้เลยหรอเนี่ย คุ้มมากกับประสบการณ์ครั้งนี้
มาถึง main course กันบ้าง นั่นคือ Veal Steak หรือสเต็กเนื้อลูกวัวราดซอดพริกไทยดำ ผมรักจานนี้มากๆ เนื้อวัวสุกปานกลางยังชุ่มฉ่ำอยู่ ผมโรยพริกไทยเพิ่มไปอีกหน่อยเพราะชอบทานพริกไทย ผมหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอาเข้าปาก โอ้ยย!! อร่อยมากกครับ เนื้อนุ่มมากแทบละลายในปาก ไม่มีกลิ่นเลย น้ำซอสที่ราดไปที่เนื้อมีรสกลมกล่อมเผ็ดนิดๆ จากพริกไทย ลืมบอกไปว่า เมื่อมีสเต็กเนื้อแล้วต้องมีไวน์แดง ทานสเต๊กหนึ่งคำแล้วจิบไวน์แดง มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ไวน์ที่นี่เสิร์ฟไม่อั้นครับ หมดขวดแล้วก็นำขวดใหม่มาให้ทันที ก็แทบเมากันเลยทีเดียว
เสร็จจาก main course ตามด้วยขนนหวาน ขนมหวานก็จัดมาน่าทานมาก เป็นเนยอุ่นๆ ที่ผ่านการอบมาพอละลาย ปกติผมเป็นคนไม่ทานเนยนะครับ แต่ว่ามาแล้วต้องลอง รสชาติแปลกดีแต่ไม่เลี่ยนอาจจะไม่ถูกปากคนไทยมากนักแต่ก็อร่อยครับ จัดมาในจานสวยงามมีผักชิ้นเล็กและผลไม้ท้องถิ่นให้ความรู้สึกสดชื่น และทานคู่กับไวน์ขาว ตามมาอีกด้วย เค้กผลไม้ที่หอมละมุนราดด้วยครีมสตรอเบอร์รี่และสตอรเบอร์รี่สดๆ
ตบท้ายมื้อนี้ด้วยกาแฟอุ่นๆ แก้วเล็ก ซึ่งวัฒนธรรมของคนฝรั่งเศสทุกมื้ออาหารมักจะต้องดื่มกาแฟ แต่มื้อนี้ผมขอปฏิเสธไปเพราะอิ่มมากจริงๆ
หลัง Gala Dinner แสนวิเศษได้จบลงผมย้ายมาอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับปาร์ตี้กัน ผมก็นั่งดื่มไวน์ไปนั่งฟังดนตรีไปแล้วก็ดูนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เต้นรำกัน ก็เป็นการพักผ่อนอีกแบบครับ ผมนั่งดื่มไวน์สักพักก็เข้าห้องนอนพักผ่อน ห้องนอนเก็บเสียงได้ดีมาก เสียงจากฟลอร์เต้นรำเมื่อกี้ ไม่ได้เล็ดลอดเข้ามาเลย คืนนี้นอนหลับสบายจริงๆ