สวัสดีค่ะทุกคนและสวัสดีโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ได้มีโอกาสมาเล่าเรื่องราวประสบการณ์กาลครั้งหนึ่งในชีวิตของเด็กช่างตัวกลมที่มีอารมย์อินดี้เดินดินผ่านทางตัวอักษรในพื้นที่แห่งนี้ และนี่ก็เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกในชีวิต เพื่ออยากแบ่งปันประสบการณ์ มุมมอง ทัศนคติและความรู้สึกของเจ้าของกระทู้ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ
เวิ่นเว้อร์มาซะยาว ขอแนะนำตัวค่ะ ชื่อปาล์ม ทำงานอยู่ที่แผนกช่างกลโรงงานวิทยาลัยเอกชลชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองซึ่งเป็นวิทยาลัยของโรงงานชั้นนำของประเทศ และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาปาล์มและเพื่อนอีก 4 คน (ช่างกล 2,ปิโตรเคมี 3) ได้รับโอกาสให้ไปพัฒนาตนเองด้านภาษาอังกฤษที่ CMR University ซึ่งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์ประเทศอินเดีย เป็นระยะเวลา 2 เดือน
OMG! อินเดีย ประเทศอินเดีย ตายๆ นั้นคือความรู้สึกแรกที่ได้ยิน ฉันต้องอยู่ที่นั่นหรอจะรอดไหม ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะไปประเทศนี้เลย เพราะทัศนคติที่มีอยู่ก่อนมันค่อนข้างมีแต่เรื่องลบๆทั้งนั้น
1.ภาษาอังกฤษที่เขาพูดแบบติดปีก ลิ้นนี่กระดกรัวๆ (อารมย์ประมาณ เฮ้!ยูบ่นไรอ่ะ) แล้วไอ้เรานี่ก็ได้แค่พอสนทนาได้ ไวยากรณ์นี่วางไว้ได้เลย(คือไม่รู้เรื่องเลย)อาศัยภาษาอังกฤษจากหนัง จากเพลง จากเพจ ไปเรื่อยไม่มีหลักแหล่ง อืม..แล้วจะรอดไหมเนี่ย แต่เอาวะภาษามือเราก็คงพอช่วยได้บ้างแหละน่า
2.คดีอาชญากรรมก็มีบ่อยเหลือเกินโหดๆทั้งนั้น แต่เอ๊ะ! ตัวกลมแบบนี้เราคงไม่ใช่เป้าหมายหรอกมั้ง แต่ก็ไม่ประมาท เพราะเรามีหน้าตาเป็นอาวุธได้
3.กลิ่นจ้ากลิ่น เห้ย!! ฉันต้องฝึกกลั้นหายใจใช่ไหม หรือเราจะเอาโรลออนไปขายเลยดีไหม น่าจะทำรายได้ดีหรือไม่ก็โดนถีบออกมา
4.เครื่องเทศที่ว่าจัดหนักจัดเต็มสีสันจัดจ้าน พลังปากและท้องไส้เราจะรับไหวไหม ส่วนตัวกินเผ็ดได้อยู่แล้วกินจนลำไส้พัง ยาซิคะ เตรียมชุดใหญ่รองรับ
5.อาวุธสำหรับการกินของคนที่นั้น มือ....มือตัวเองนี่แหละ โห++ล้วงอะไรมาสารพัดแล้วก็มาหยิบของกินเนี่ยนะ สบายแหละ สุขอนามัยมาเต็มเนอะ
ุ6.เด็กท่องโลกออนไลน์อย่างเราจะเม้ามอยด์กับพ่อแม่พี่เพื่อนยังไงหละเนี่ย เดี๋ยวนี้มีโรมมิ่งก็ไม่กลัวนะแต่มันก็แพง จะคุ้มไหมซื้อที่โน้นหรือยังไงคิดก่อน
ึ7.อากาศเป็นไง พยากรณ์อากาศทางอินเตอร์เน็ตเชื่อได้ไหม ร้อนตับสุกเลยรึป่าว
8.ไปอินเดียฉันต้องไปสัมผัสแหละน้ำศักดิ์สิทธฺิ์ด้วยมะ ไม่ไหวมั้ง ละไว้ก่อน และอีกบลาๆๆๆๆๆๆในหัวอีกมากมาย
ทำไงล่ะทีนี้ใครจะบอกฉันได้ ฉันต้องตั้งรับกับความคิดจินตนาการยังไง หาข้อมูลซิจะรออะไร มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 สัปดาห์ และโชคก็เขาข้างฉันแล้ว ฉันได้เจอเพจ เพจหนึ่ง ชื่อ ตามติดชีวิตอินเดีย
https://www.facebook.com/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2-851745094916355/?fref=ts กดติดตามไปก่อนเลย และก็ลองสอบถามข้อมูลในอินบล๊อกไว้ หูย!!แอดมินน่ารักค่ะ ช่วยให้ข้อมูลการเตรียมตัวไปใช้ชีวิตที่นั้นได้เป็นอย่างดี ขอบคุณมากๆนะคะน้องขิม
(เสียดายที่อยู่ใกล้กันแต่ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณกับตัวจริงเลย)
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงจ้า เราเดินทางกับสายการบินไทยออกจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 9.00 p.m. ถึงสนามบิน Bengaluru ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เวลาของอินเดียจะช้ากว่าไทย 1.30 ชม. เดินทางกันทั้งหมด 7 คนโดยมีพี่ 2 คนไปช่วยติดต่อประสานงานเบื้องต้นให้ขอเรียกพี่ว่า (เจเจ่)
เจเจ่บอกแค่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ถึงแผ่นดินอินเดียช่วยเหลือตัวเองนะทุกคน เอ้าๆ ท่าไหนล่ะเนี่ย ตม.ด่านแรกจะรอดไหม เอกสารเรามาพร้อมวีซ่าก็มีมาไม่มีไรหรอกชิวไป และแล้วเราก็ถึงดินแดนอินตะระเดียจ้า เฮ้ย!ไมมันเงียบจังอ่ะวังเวงดิ่ เจ้าหน้าที่หน้าตาโหดพร้อมเลย ถ่ายรูป ห้ามเลยจ้า อย่าได้ฝ่าฝืนเชียว ไม่อยากลองของเด็กยังตื่นสถานที่อยู่ และก็เตรียมตัวผ่านด่านเข้าเมืองพี่ๆทุกคนยืนเอกสารแล้วก็ได้ประทับตรากันอย่างง่ายดาย พอถึงเรา OMG! ถามไรนักวะเนี่ย พักที่ไหน มาทำไร ติดต่อกับใคร จะไปที่ไหน มาจากไหน เฮ้ย!เอกสารก็มีดิ้ ไม่อ่านวะ ฮึ่ แล้วก็ดูรูปในวีซ่าแล้วมองหน้าทำหน้า ง.งู ร้อยตัวอยู่บนหน้าแล้วเขาก็ให้มองกล้อง Umm กว่าจะรอดคือไร หน้าตาผิดระเบียบรึป่าว งง ต่อไป เจเจ่หรอ น่ารักมากจ้า ยืนลุ้นยืนยิ้มยืนขำอยู่ ประทับใจจับจิตมากค่ะ น่ารักจริงๆ อยู่ข้างนอกสนามบินแล้วถ่ายได้ จัดไป 1 ภาพ พร้อมกับเดินไปขึ้นรถที่รอรับไปโรงแรม
Oop รถเท่ดีแหะ ภายนอกไม่เท่าไหร่เจอภายในเข้า นึกว่าผับเคลื่อนที่เหอะถ้ามีเพลงตึ๊ดๆ นี่ได้เลยนะ
เอาๆ ขึ้นรถเดินทางไปโรงแรมขอแอร์แบบเย็นฉ่ำถึงปอดหน่อย แต่แล้วก็งงกันทั้งคัน คนขับไม่เปิดแอร์ เปิดแต่กระจกรถด้านหน้าเอ้าแล้วที่นั่งกันข้างในล่ะเป็นหมูอบพอดี คำตอบคือ ถ้าต้อง AC ต้องจ่ายเพิ่มจ้า เอ่อ! มีงี้ด้วยหรอ เจเจ่ก็ต้องจ่ายอ่ะนะ หมูต้องการออกซิเจนด่วนๆ
เย้ๆ ถึงที่พักแล้ว ที่มีนามว่า Shoba suite เป็นห้องชุดที่มีห้องนอนเตียงคู่ 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้องพร้อมเครื่องทำน้ำร้อน-เย็น ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น 1 มี wifi ให้ใช้ เฮ้ย รอดตรงมี wifi นี่แหละ
Good morning ด้วยบรรยากาศด้านหน้าโรงแรมกันหน่อย นี่มันบรรยากาศเมืองอินตะระเดียรึนี่ ทำไมสดชื่นอย่างนี้ อากาศแบบเย็นสบาย โอ๊ยฟินรอบ 2 ไป แต่ช้าก่อนนี่แค่วันแรกที่สัมผัส อีก 2 เดือนมันจะคงสภาพอยู่ไหม รอดูกันไป
และก็ได้เวลาเดินทางไปรายงานกันแบบหน้ามึนๆอึนๆที่มหาวิทยาลัยค่ะ โดยมี director กับ teachers รอรับพวกเราอยู่พร้อมกับการแสดงร้องเพลงสดต้อนรับจากนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เป็นสัญญาณเริ่มต้นการใช้ชีวิตกับภาษาอังกฤษแล้วซินะ เมื่อมีการสนทนากันเกิดขึ้น รัวซิจะรัวไปไหนประสาทหูจับสัญญาณไม่ทัน ต้องจูนสมองแพร๊บ!!!
วันแรกรับตารางเรียนกันไป เราจะเรียนกันวันจันทร์-ศุกร์ หยุด เสาร์ อาทิตย์และมีวันหยุดของเทศกาลอีก
Wow ดวงตาลุกวาวขึ้นมาเลยทีเดียว เวลาเรียนก็เต็มที่ค่ะ ทฤษฎีกันไป แต่พอออกนอกห้องเรียนเท่านั้นแหละ
นี่ซิของจริงที่ชีวิตต้องสัมผัส จะไปไหน จะทำอะไร จะกินอะไร จะไปยังไง ตอนนั้นไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าโลกกว้างกำลังรอฉันให้ไปสัมผัสอยู่
เดี๋ยวกลับมาต่อ ว่าด้วยวิถีชีวิตการกิน
ตามไปลิงค์นี้นะ
http://ppantip.com/topic/35392052
แชร์บันทึกชีวิตของเด็กอินดี้ตัวกลม 2 เดือนในอินเดีย สิ่งที่คิดไว้มันจริงไหมต้องไปสัมผัส (Story indy in Bangalore India)
เวิ่นเว้อร์มาซะยาว ขอแนะนำตัวค่ะ ชื่อปาล์ม ทำงานอยู่ที่แผนกช่างกลโรงงานวิทยาลัยเอกชลชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองซึ่งเป็นวิทยาลัยของโรงงานชั้นนำของประเทศ และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาปาล์มและเพื่อนอีก 4 คน (ช่างกล 2,ปิโตรเคมี 3) ได้รับโอกาสให้ไปพัฒนาตนเองด้านภาษาอังกฤษที่ CMR University ซึ่งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์ประเทศอินเดีย เป็นระยะเวลา 2 เดือน
OMG! อินเดีย ประเทศอินเดีย ตายๆ นั้นคือความรู้สึกแรกที่ได้ยิน ฉันต้องอยู่ที่นั่นหรอจะรอดไหม ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะไปประเทศนี้เลย เพราะทัศนคติที่มีอยู่ก่อนมันค่อนข้างมีแต่เรื่องลบๆทั้งนั้น
1.ภาษาอังกฤษที่เขาพูดแบบติดปีก ลิ้นนี่กระดกรัวๆ (อารมย์ประมาณ เฮ้!ยูบ่นไรอ่ะ) แล้วไอ้เรานี่ก็ได้แค่พอสนทนาได้ ไวยากรณ์นี่วางไว้ได้เลย(คือไม่รู้เรื่องเลย)อาศัยภาษาอังกฤษจากหนัง จากเพลง จากเพจ ไปเรื่อยไม่มีหลักแหล่ง อืม..แล้วจะรอดไหมเนี่ย แต่เอาวะภาษามือเราก็คงพอช่วยได้บ้างแหละน่า
2.คดีอาชญากรรมก็มีบ่อยเหลือเกินโหดๆทั้งนั้น แต่เอ๊ะ! ตัวกลมแบบนี้เราคงไม่ใช่เป้าหมายหรอกมั้ง แต่ก็ไม่ประมาท เพราะเรามีหน้าตาเป็นอาวุธได้
3.กลิ่นจ้ากลิ่น เห้ย!! ฉันต้องฝึกกลั้นหายใจใช่ไหม หรือเราจะเอาโรลออนไปขายเลยดีไหม น่าจะทำรายได้ดีหรือไม่ก็โดนถีบออกมา
4.เครื่องเทศที่ว่าจัดหนักจัดเต็มสีสันจัดจ้าน พลังปากและท้องไส้เราจะรับไหวไหม ส่วนตัวกินเผ็ดได้อยู่แล้วกินจนลำไส้พัง ยาซิคะ เตรียมชุดใหญ่รองรับ
5.อาวุธสำหรับการกินของคนที่นั้น มือ....มือตัวเองนี่แหละ โห++ล้วงอะไรมาสารพัดแล้วก็มาหยิบของกินเนี่ยนะ สบายแหละ สุขอนามัยมาเต็มเนอะ
ุ6.เด็กท่องโลกออนไลน์อย่างเราจะเม้ามอยด์กับพ่อแม่พี่เพื่อนยังไงหละเนี่ย เดี๋ยวนี้มีโรมมิ่งก็ไม่กลัวนะแต่มันก็แพง จะคุ้มไหมซื้อที่โน้นหรือยังไงคิดก่อน
ึ7.อากาศเป็นไง พยากรณ์อากาศทางอินเตอร์เน็ตเชื่อได้ไหม ร้อนตับสุกเลยรึป่าว
8.ไปอินเดียฉันต้องไปสัมผัสแหละน้ำศักดิ์สิทธฺิ์ด้วยมะ ไม่ไหวมั้ง ละไว้ก่อน และอีกบลาๆๆๆๆๆๆในหัวอีกมากมาย
ทำไงล่ะทีนี้ใครจะบอกฉันได้ ฉันต้องตั้งรับกับความคิดจินตนาการยังไง หาข้อมูลซิจะรออะไร มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 สัปดาห์ และโชคก็เขาข้างฉันแล้ว ฉันได้เจอเพจ เพจหนึ่ง ชื่อ ตามติดชีวิตอินเดีย https://www.facebook.com/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2-851745094916355/?fref=ts กดติดตามไปก่อนเลย และก็ลองสอบถามข้อมูลในอินบล๊อกไว้ หูย!!แอดมินน่ารักค่ะ ช่วยให้ข้อมูลการเตรียมตัวไปใช้ชีวิตที่นั้นได้เป็นอย่างดี ขอบคุณมากๆนะคะน้องขิม(เสียดายที่อยู่ใกล้กันแต่ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณกับตัวจริงเลย)
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงจ้า เราเดินทางกับสายการบินไทยออกจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 9.00 p.m. ถึงสนามบิน Bengaluru ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เวลาของอินเดียจะช้ากว่าไทย 1.30 ชม. เดินทางกันทั้งหมด 7 คนโดยมีพี่ 2 คนไปช่วยติดต่อประสานงานเบื้องต้นให้ขอเรียกพี่ว่า (เจเจ่)
เจเจ่บอกแค่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ถึงแผ่นดินอินเดียช่วยเหลือตัวเองนะทุกคน เอ้าๆ ท่าไหนล่ะเนี่ย ตม.ด่านแรกจะรอดไหม เอกสารเรามาพร้อมวีซ่าก็มีมาไม่มีไรหรอกชิวไป และแล้วเราก็ถึงดินแดนอินตะระเดียจ้า เฮ้ย!ไมมันเงียบจังอ่ะวังเวงดิ่ เจ้าหน้าที่หน้าตาโหดพร้อมเลย ถ่ายรูป ห้ามเลยจ้า อย่าได้ฝ่าฝืนเชียว ไม่อยากลองของเด็กยังตื่นสถานที่อยู่ และก็เตรียมตัวผ่านด่านเข้าเมืองพี่ๆทุกคนยืนเอกสารแล้วก็ได้ประทับตรากันอย่างง่ายดาย พอถึงเรา OMG! ถามไรนักวะเนี่ย พักที่ไหน มาทำไร ติดต่อกับใคร จะไปที่ไหน มาจากไหน เฮ้ย!เอกสารก็มีดิ้ ไม่อ่านวะ ฮึ่ แล้วก็ดูรูปในวีซ่าแล้วมองหน้าทำหน้า ง.งู ร้อยตัวอยู่บนหน้าแล้วเขาก็ให้มองกล้อง Umm กว่าจะรอดคือไร หน้าตาผิดระเบียบรึป่าว งง ต่อไป เจเจ่หรอ น่ารักมากจ้า ยืนลุ้นยืนยิ้มยืนขำอยู่ ประทับใจจับจิตมากค่ะ น่ารักจริงๆ อยู่ข้างนอกสนามบินแล้วถ่ายได้ จัดไป 1 ภาพ พร้อมกับเดินไปขึ้นรถที่รอรับไปโรงแรม
Oop รถเท่ดีแหะ ภายนอกไม่เท่าไหร่เจอภายในเข้า นึกว่าผับเคลื่อนที่เหอะถ้ามีเพลงตึ๊ดๆ นี่ได้เลยนะ
เอาๆ ขึ้นรถเดินทางไปโรงแรมขอแอร์แบบเย็นฉ่ำถึงปอดหน่อย แต่แล้วก็งงกันทั้งคัน คนขับไม่เปิดแอร์ เปิดแต่กระจกรถด้านหน้าเอ้าแล้วที่นั่งกันข้างในล่ะเป็นหมูอบพอดี คำตอบคือ ถ้าต้อง AC ต้องจ่ายเพิ่มจ้า เอ่อ! มีงี้ด้วยหรอ เจเจ่ก็ต้องจ่ายอ่ะนะ หมูต้องการออกซิเจนด่วนๆ
เย้ๆ ถึงที่พักแล้ว ที่มีนามว่า Shoba suite เป็นห้องชุดที่มีห้องนอนเตียงคู่ 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้องพร้อมเครื่องทำน้ำร้อน-เย็น ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น 1 มี wifi ให้ใช้ เฮ้ย รอดตรงมี wifi นี่แหละ
Good morning ด้วยบรรยากาศด้านหน้าโรงแรมกันหน่อย นี่มันบรรยากาศเมืองอินตะระเดียรึนี่ ทำไมสดชื่นอย่างนี้ อากาศแบบเย็นสบาย โอ๊ยฟินรอบ 2 ไป แต่ช้าก่อนนี่แค่วันแรกที่สัมผัส อีก 2 เดือนมันจะคงสภาพอยู่ไหม รอดูกันไป
และก็ได้เวลาเดินทางไปรายงานกันแบบหน้ามึนๆอึนๆที่มหาวิทยาลัยค่ะ โดยมี director กับ teachers รอรับพวกเราอยู่พร้อมกับการแสดงร้องเพลงสดต้อนรับจากนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เป็นสัญญาณเริ่มต้นการใช้ชีวิตกับภาษาอังกฤษแล้วซินะ เมื่อมีการสนทนากันเกิดขึ้น รัวซิจะรัวไปไหนประสาทหูจับสัญญาณไม่ทัน ต้องจูนสมองแพร๊บ!!! วันแรกรับตารางเรียนกันไป เราจะเรียนกันวันจันทร์-ศุกร์ หยุด เสาร์ อาทิตย์และมีวันหยุดของเทศกาลอีก
Wow ดวงตาลุกวาวขึ้นมาเลยทีเดียว เวลาเรียนก็เต็มที่ค่ะ ทฤษฎีกันไป แต่พอออกนอกห้องเรียนเท่านั้นแหละ
นี่ซิของจริงที่ชีวิตต้องสัมผัส จะไปไหน จะทำอะไร จะกินอะไร จะไปยังไง ตอนนั้นไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าโลกกว้างกำลังรอฉันให้ไปสัมผัสอยู่
เดี๋ยวกลับมาต่อ ว่าด้วยวิถีชีวิตการกิน
ตามไปลิงค์นี้นะ http://ppantip.com/topic/35392052