รบกวนสอบถาม function " I feel " และ Eco ของair mitsubishi ว่ามันทำงานอย่างไร

กระทู้คำถาม
ขอสอบถามถึง function ของAir Mitsuibishi รุ่น Mister Slimครับ
" I feel  "  ทำงานอย่างไร และควรที่จะใช้งานในfunctionนี้ ตอนไหน
" Dry " เราจะใช้function นี้ตลอดทั้งคืนได้หรือไม่ครับ
" Eco " ทำงานอย่างไรและถ้าจะใช้function นี้จะต้องตั้งtemp ไว้ประมาณเท่าไหร่ดี เพราะที่ทดลองดูเมื่อตั้งtemp แล้วกดมาใช้function นี้ temp จะเพิ่มขึ้นทันที่ 2 องศา
รบกวนผู้รู้ด้วยนะครับ เพราะอยากใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในคู่มือมีคำอธิบายคร่าวๆถึงวิธีใช้เท่านั้นเองครับ  ไม่บอกถึงเหตุผลหรือไม่อธิบายมากนัก ถามช่างแอร์ก็ตอบเพียงแต่ว่าใช้ที่cool เท่านั้นเอง ผมก็สงสัยว่าถ้าใช้ที่cool ดีที่สุดแล้วเค้าจะทำfunction มาทำไมให้เยอะแยะครับ
ขอบคุณครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
i feel ก็คือโหมดที่เราตั้งอุณหภูมิแบบไม่สนใจตัวเลของศาเมื่อเข้าโหมดนี้รีโหมดจะไม่แสดงอุณหภูมิถ้าเปิดแล้วเรายังรู้สึกเย็นไม่พอใจเราก็กดลดอุณภูมิลงไปเรื่อยๆจนพอใจ
dry เป็นโหมดกำจัดความชื่นในห้องเปิดโหมดนี้แล้วจะรู้สึกอึดอัดเวลาคอมตัดพัดลมในตัวแฟนคอยล์จะหยุดเพื่อให้น้ำไปกลั่นตัวและระบายออกไปเหมาะกับเปิดบ้านที่ช่วงฝนตกชื้นมากๆ
eco เป็นโหมดที่เปิดแล้วอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 1-2 องศาจากโหมดปกติเช่นในโหมด cool เปิด 23องศา พอกด econo จะเป็น 25 แต่การเปิดโหมดนี้เราก็ตั้งอุณหภูมิตามที่เราพอใจได้เลยครับสังเกตุแล้วก็ดูจะเหมือนๆกันไม่ได้ต่างมาก

ที่เค้าต้องทำมาหลาย function เพราะถ้าแอร์มีฟังชั่นเดียวคงไม่มีใครซื้อแต่ซื้อมาแล้วแอร์ก็คือแอร์เราก็ซื้อมาเปิดแค่ให้มันเย็นอย่างอื่นเราคงไม่ค่อยได้ใช้ครับ แต่ผมแอบชอบ ifeel ครับเวลาแม่มาดูแม่ไม่เห็นเลขแม่สบายใจ555555
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ตอบจากประสบการณ์นะ ไม่ขอรับรองความถูกผิด

ปูพื้นก่อน

ความชื้นในอากาศ (humidity) คือตัวแสบที่เราต้องจัดการ

ถ้าให้อุณหภูมิ ล็อกเป็นค่าคงที่ (เช่น 30 องศาเซลเซียส)
แล้วเราปรับให้ค่าความชื้นสูงขึ้น (เช่น 90%)
เราจะรู้สึก "ร้อนกว่าเดิม"

ในทางกลับกัน
ถ้าให้อุณหภูมิ ล็อกเป็นค่าคงที่ (เช่น 30 องศาเซลเซียส)
แล้วเราปรับให้ค่าความชื้นลดลง (เช่น 45%)
เราจะรู้สึก "เย็นฉ่ำกว่าเดิม"

https://www.google.com/search?q=humidex&sxsrf=ALeKk03tkMgZChtQ27mm5Ad5pd5sPpOyvg:1587779986967&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=2ahUKEwix6eqwvYLpAhWMXSsKHe8KCoQQ_AUoAXoECBEQAw

โดยปกติ ระดับความชื้นในอากาศ ที่ทำให้เรารู้สึกสบายตัวจะอยู่ที่ราว ๆ 30-50%
-----

ทีนี้ ถ้าเรานำความรู้ตรงนี้มาใช้กับแอร์

โหมด cool คือ คุณล็อคอุณหภูมิเป็นค่าคงที่ เช่น 25 องศาเซลเซียส
แอร์มันก็จะมุ่งเป้าไปที่อุณหภูมิเป็นหลัก ไม่สนความชื้นเลย
พอเราเปิดแอร์ ช่วงแรก ๆ แอร์จะพยายามเร่งทำความเย็นให้ได้อุณหภูมิตามเป้าที่เราตั้งไว้
ช่วงนี้ ความชื้นในห้องจะลดลงเป็นอย่างมาก (ทำให้รู้สึกเย็นฉ่ำ) รวมไปถึงอุณหภูมิห้องด้วย
แต่พอแอร์มันทำงานได้ตามอุณหภูมิที่เราตั้งเป้าไว้แล้ว แอร์มันก็จะตัด
รอห้องร้อนขึ้น แอร์ก็ทำงานใหม่ พออุณหภูมิถึงเป้า มันก็ตัด วนซ้ำไป
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ หลังจากช่วงนี้เป็นต้นไป ความชื้นที่สะสมในห้อง มันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้เรารู้สึกว่า แอร์มันไม่เย็นฉ่ำเหมือนช่วงแรก ๆ ที่เปิดแอร์

โหมด dry คือ โหมดที่เน้นลดความชื้นเป็นหลัก
เช่น เข้าหน้าฝนแล้ว อากาศไม่ร้อนเลย
แต่ความชื้นในอากาศมันสูงมากกกกกก เหนียวตัวไปหมด
ถ้าเราเปิด hygrometer ขึ้นมาดู จะพบว่า ความชื้นในอากาศอยู่ที่ 70-90%
ถ้าเราเปิดโหมด dry แอร์มันจะทำงานแบบเย็นอ่อน ๆ
ส่วนพัดลมแอร์ก็จะเป่าเบา ๆ
เพื่อรีดไอน้ำออกจากอากาศออกให้ได้มากที่สุด แอร์มันก็จะลดความชื้นไปเรื่อย ๆ จนลงไปถึงราว ๆ 30% จากนั้น ลดไม่ลงแล้ว ถ้าจะให้ลงต่ำกว่านี้คงต้องใช้ dehumidifier
แต่อย่างไรก็ตาม ความชื้นที่เหมาะสมสำหรับมนุษย์ ปกติแล้วจะอยู่แถว ๆ 30-50% และอากาศในเมืองไทยเอง ใช้แอร์ปกติก็ลดความชื้นให้ไปอยู่แถว ๆ 30-50% ได้อยู่แล้ว เลยอาจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ dehumidifier

โหมดนี้ มันเน้นลดความชื้นเป็นหลัก (เช่น ในหน้าฝน ที่อากาศไม่ร้อน แต่เหนียวตัว อบอับ อึดอัด) เปิดไปสัก 1-2 ชั่วโมง พอความชื้นลดลงถึงเป้า ก็อาจจะปิดแอร์ (อย่าไปเปิดประตูห้องนะ เดี๋ยวความชื้นจากข้างนอกทะลักเข้ามา)

โหมดนี้ มันไม่ได้ล็อคอุณหภูมิ ถ้าใช้แบบไม่อ่านค่าอะไรเลย ใช้มั่ว ๆ จะรู้สึกร้อน ไม่ก็เย็น แบบแปลก ๆ (ร้อนแห้ง ๆ ไม่ก็เย็นแห้ง ๆ)

โหมด fan โหมดนี้คือ โหมดพัดลมธรรมดา
คือ ใช้เป่าลมใส่ตัวเรา ทำงานเหมือนพัดลมตั้งพื้น

ทีนี้กลับมาที่
โหมด i feel โหมดนี้ เป็นลูกผสมระหว่าง โหมด cool + โหมด dry
กล่าวคือ พอเราเปิดโหมดนี้
ตัวรีโมทมันจะไม่แสดงเลขอุณหภูมิใด ๆ เลย ให้เราใช้ความรู้สึกอย่างเดียว
ซึ่งแน่นอน ว่าเราไม่ชอบ เพราะมันเหมือนหลับตาเดิน
แนะนำให้หาซื้อ hygrometer ที่มี thermometer ในตัวมาติดห้องไว้ ตัวนึงร้อยบาทเอง

โหมดนี้ เวลาเราจะตั้งอุณหภูมิ เราจะทำได้ด้วยการ กด Too Warm (ห้องร้อนไป) กับ Too Cool (ห้องเย็นไป)
เท่าที่ลองกดเล่น ๆ ดู ไม่ได้ทดลองแบบจริงจังนะ 1 ปี๊บ น่าจะ = 1 องศา
ถ้าเรากด Too Warm (ห้องร้อนไป) 1 ปี๊บ แอร์ก็จะทำงานให้ห้องเย็นขึ้น 1 องศา
ถ้าเรากด Too Cool (ห้องเย็นไป) 1 ปี๊บ แอร์ก็จะปล่อยให้ห้องอุ่นขึ้น 1 องศา

โหมดนี้ มันจะทำงานราว ๆ นี้ ถ้าจำไม่ผิดนะ
สมมติ เราเปิดโหมดนี้มา default น่าจะอยู่ที่ 25 องศา (ไม่แสดงตัวเลขในรีโมทนะ)
พอดี เราชอบประหยัดไฟน่ะ ตอนตั้งค่าครั้งแรก เราก็กด Too Cool ไป 5 ปี๊บ (แต่ละปี๊บ ต้องเว้นช่วงด้วยนะ กดรัว ๆ แอร์มันไม่รับคำสั่ง) แล้วรอดู hygrometer + thermometer ไปด้วย
เราจะพบว่า อุณหภูมิห้อง มันจะแกว่งอยู่แถว ๆ 30 องศา
ถ้าอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น แอร์จะทำงานโหมด cool
ถ้าอุณหภูมิ 30 องศาเท่าเดิม แอร์เหมือนจะทำงานโหมด fan ไม่ก็ mode dry
เดาใจมันไม่ถูกเหมือนกัน
(หลายครั้งมันก็ทำงานดี รีดความชื้นได้เหมาะสม
แต่บางทีก็เกเร ปล่อยห้องชื้นเกินไป

อย่างเท่าที่เคยสังเกตมา พอเข้าช่วงเช้ามืด หรืออุณหภูมินอกบ้านมันลดต่ำลงเรื่อย ๆ
mode i feel เหมือนจะเจอปัญหาความชื้นสะสมในห้องสูงขึ้น เป็นบางที

อยากรู้เหมือนกันว่า ทำไมมันความชื้น ไม่นิ่งเหมือนช่วงที่เปิดตอนกลางวัน)

สรุป
การใช้โหมด i feel
โดยเฉลี่ยจะทำให้อุณหภูมิห้อง กับ ความชื้นในห้อง
อยู่ใน range ที่สมเหตุสมผลกว่า
เปิดโหมด cool เพียว ๆ หรือ โหมด dry เพียว ๆ (แบบไม่มี hygrometer + thermometer) ครับ

แต่บางทีถ้าแอร์ mode i feel มันเกเร
แล้วถ้าเรามี hygrometer + thermometer
บางทีปรับเองก็ถูกใจกว่าครับ

แต่ถ้า i feel มันเกเร แล้วเราขี้เกียจปรับเอง ทริกนึงที่ผมใช้แล้วเหมือนจะได้ผล คือกดปุ่ม mode เปลี่ยนจาก i feel > cool > dry > fan > i feel
แล้วก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันครับ
ปล่อยไว้สักพัก เหมือนแอร์มันจะรู้ตัวว่าอู้งานอยู่ครับ
มันจะทำงาน แล้วปรับค่าความชื้นในห้อง ให้กลับมาอยู่ในค่าที่เหมาะสมได้

ปล.เรื่องที่ควรรู้เรื่องหนึ่งคือ โหมดอื่นเช่น cool, dry, fan เปิดปั๊บ แอร์มันทำงานปุ๊บ
ส่วนโหมด i feel พอเราเปิดปุ๊บ แอร์มันจะนิ่ง ๆ ไปหลายนาทีเลย แล้วค่อยทำงาน
ครั้งแรกที่เรากดทดลองโหมดนี้ นึกว่าแอร์เสีย 555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่