ผมเชื่อว่าหลายคนคงเป็นแบบผม...คือ...ไม่รู้จักเมืองพัทลุงมาก่อน เคยก็ได้ยินแต่ชื่อแต่ยังไม่ได้คิดหาโอกาสไปเพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปเที่ยวดูอะไร ถ้าพูดถึงทางใต้ ภูเก็ต กระบี่ สงขลา ตรัง ชุมพร สุราษฎร์ นครศรีธรรมราช พังงา คงแว๊บขึ้นมาในหัวและคงเลือกว่าจะไปที่ไหนดีเพราะชื่อจังหวัดที่กล่าวมานั้นล้วนแต่มีจุดขายของจังหวัดที่ทำให้ผมคิดออก ไม่ว่าจะเป็นเมืองชายหาด สถานที่ช๊อบปิ้ง เกาะแสนสวย น้ำพุร้อน หรือไปไหว้พระ แต่พอพูดถึงพัทลุง ผมคิดไม่ออกว่าผมจะไปดูเที่ยวชมอะไร ... จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปพูดให้ชมรมร้านขายยาที่พัทลุงฟัง ทำให้ผมมีโอกาสเป็นครั้งแรกที่จะได้ไปเยี่ยมเมืองลุง
ด้วยความที่ไม่ได้นั่งรถไป ผมได้รับความอนุเคราะห์จากชมรมร้านขายยาพัทลุงให้นั่งเครื่องบินไป แต่ที่พัทลุงไม่มีสนามบิน ผมจึงต้องเลือกว่าจะไปลงที่หาดใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากพัทลุงด้วยการเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่า โดยรถยนต์ หรือเลือกที่ใกล้กว่านั้นก็ไปลงที่สนามบินเมืองตรัง แล้วก็นั่งรถต่อไปอีกประมาณ 40-50 นาทีเพื่อไปที่พัทลุง แต่ด้วยความใจดีของทีมร้านขายยาที่จังหวัดตรังยินดีมารับผมและพาไปส่งที่พัทลุง ผมเลยเลือกลงที่ตรัง เพราะนอกจากที่จะมีคนมารับมาส่งแล้วผมเคยมาที่ตรัง โดยไปทำงานโปรเจ็คอยู่ที่เกาะลิบง เกือบสองอาทิตย์ หลังจากขึ้นบกก็ได้เยี่ยมคุณแม่ถ้วน หลีกภัย สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่และท่านก็ต้อนรับคณะผมที่ไปเยี่ยมท่านเป็นอย่างดี
สนามบินตรังนั้นเป็นสนามบินตรังนั้นเป็นสนามบินขนาดกลาง ค่อนข้างเล็กอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร ถึงจะเล็กมีหลุดจอดเครื่องบินแค่ 3 หลุมจอด แต่เรื่องราวของสนามบินแห่งนี้กลับถอยกลับไปถึงสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา ก่อนหน้าที่จะเป็นสนามบินตรัง สถานที่แห่งนี้เคยเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่ชื่อ 'ทุ่งนาหวัง' มาก่อน แต่หลังจากกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นยกพลขึ้นแบบสายฟ้าแลบขึ้นฝั่งประเทศไทย ในกลางดึกของวันที่ 7 ธันวาคม 2484 และรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงครามได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับกองทัพญี่ปุ่น กำลังทหารของญี่ปุ่นจึงเคลื่อนทัพเข้าสู่ประเทศไทย ทุ่งนาหวังที่เคยเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ กองทัพญี่ปุ่นก็ปรับให้พื้นที่ดังกล่าวให้เป็นทางขึ้น-ลง ชั่วคราวสำหรับกองทัพญึ่ปุ่น ต่อมาเมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนในวันที่ 2 กันยายนของอีกสี่ปีต่อมา สนามบินก็ถูกเรียกกันว่า สนามบินทุ่งนาหวัง และเปลี่ยนชื่อเป็น ท่าอากาศยานตรัง ในเวลาต่อมา
ยังไม่ถึงพัทลุงเลย อดใจรอสักนิดครับ
[CR] คุณคงเคยเป็นแบบผม....ที่เมือง 'ลุง'
ด้วยความที่ไม่ได้นั่งรถไป ผมได้รับความอนุเคราะห์จากชมรมร้านขายยาพัทลุงให้นั่งเครื่องบินไป แต่ที่พัทลุงไม่มีสนามบิน ผมจึงต้องเลือกว่าจะไปลงที่หาดใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากพัทลุงด้วยการเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่า โดยรถยนต์ หรือเลือกที่ใกล้กว่านั้นก็ไปลงที่สนามบินเมืองตรัง แล้วก็นั่งรถต่อไปอีกประมาณ 40-50 นาทีเพื่อไปที่พัทลุง แต่ด้วยความใจดีของทีมร้านขายยาที่จังหวัดตรังยินดีมารับผมและพาไปส่งที่พัทลุง ผมเลยเลือกลงที่ตรัง เพราะนอกจากที่จะมีคนมารับมาส่งแล้วผมเคยมาที่ตรัง โดยไปทำงานโปรเจ็คอยู่ที่เกาะลิบง เกือบสองอาทิตย์ หลังจากขึ้นบกก็ได้เยี่ยมคุณแม่ถ้วน หลีกภัย สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่และท่านก็ต้อนรับคณะผมที่ไปเยี่ยมท่านเป็นอย่างดี
สนามบินตรังนั้นเป็นสนามบินตรังนั้นเป็นสนามบินขนาดกลาง ค่อนข้างเล็กอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร ถึงจะเล็กมีหลุดจอดเครื่องบินแค่ 3 หลุมจอด แต่เรื่องราวของสนามบินแห่งนี้กลับถอยกลับไปถึงสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา ก่อนหน้าที่จะเป็นสนามบินตรัง สถานที่แห่งนี้เคยเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่ชื่อ 'ทุ่งนาหวัง' มาก่อน แต่หลังจากกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นยกพลขึ้นแบบสายฟ้าแลบขึ้นฝั่งประเทศไทย ในกลางดึกของวันที่ 7 ธันวาคม 2484 และรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงครามได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับกองทัพญี่ปุ่น กำลังทหารของญี่ปุ่นจึงเคลื่อนทัพเข้าสู่ประเทศไทย ทุ่งนาหวังที่เคยเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ กองทัพญี่ปุ่นก็ปรับให้พื้นที่ดังกล่าวให้เป็นทางขึ้น-ลง ชั่วคราวสำหรับกองทัพญึ่ปุ่น ต่อมาเมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนในวันที่ 2 กันยายนของอีกสี่ปีต่อมา สนามบินก็ถูกเรียกกันว่า สนามบินทุ่งนาหวัง และเปลี่ยนชื่อเป็น ท่าอากาศยานตรัง ในเวลาต่อมา
ยังไม่ถึงพัทลุงเลย อดใจรอสักนิดครับ