ไปดูมาแล้ว...
อบอวลไปด้วยความฝันและจินตนาการ "The BFG : ยักษ์ใหญ่หัวใจหล่อ" (ให้ 7.5/10)
.
'Steven Speilberg' เป็นผู้กำกับภาพยนตร์มือหนึ่งที่สร้างผลงานมากมายและทำให้คนทั่วโลกทึ่งมาแล้วอย่าง Jaws, E.T., Jurassic Park และ The Indiana Jones การันตีคุณภาพด้วยรางวัลต่างๆ ที่พร้อมใจกันมอบให้เขาอย่างไม่มีข้อกังขา จนได้รับฉายาว่า 'พ่อมดแห่งวงการภาพยนตร์' และในปี 2016 นี้ เขากลับมาพร้อมหยิบยกเอาวรรณกรรมเยาวชนอมตะของ 'Roald Dahl' เรื่อง 'The BFG' หรือชื่อไทยว่า 'ยักษ์ใจดี' ที่จะพาทุกคนท่องไปในโลกแห่งจินตนาการอีกครั้ง
สำหรับคำว่า The BFG นั้น ย่อมาจาก “The Big Friendly Giant” ซึ่งดูจะเป็นการนิยามที่สอดคล้องกับมิตรภาพที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยเรื่องราวการผจญภัยทั้งหมดนี้ ถูกถ่ายทอดผ่าน 'โซฟี่' (รีเบ็คก้า ฮอลล์) เด็กหญิงบ้านเด็กกำพร้าวัย 10 ขวบจากกรุงลอนดอน ที่ถูกยักษ์แก่ใจดีนามว่า 'BFG' (มาร์ค ไรแลนซ์) จับตัวไปยังเมืองยักษ์ของเขา พวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในเมืองยักษ์จนเริ่มสนิทกันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้การปรากฏตัวของเธอในเมืองยักษ์ได้ชักนำภัยจากเหล่ายักษ์ใจร้ายที่เข้าใกล้ตัวเธอและเมืองลอนดอนของมนุษย์มากยิ่งขึ้น จึงเป็นหน้าที่สองเพื่อนต่างไซส์ที่ต้องไปเตือนราชินีให้รับทราบถึงภัยที่กำลังมาเยือนให้สำเร็จก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
.
เสน่ห์งานเขียนของ 'Roald Dahl' คือการเขียนเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างตัวละครเด็กกับความหยาบคายและโหดเหี้ยมของผู้ใหญ่บวกตัวละครพิลึกพิลั่นที่ตลกขบขัน จึงทำให้ผลงานของเขาเป็นที่หลงใหลสำหรับเด็กๆ หลายคนทั่วโลก สำหรับ 'The BFG' นั้นถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้ ด้วยการเล่าเรื่องแบบเส้นเรื่องเดียวไม่มีความซับซ้อน นำพาเด็กๆ ทุกคนเข้าไปสู่โลกที่เต็มไปด้วยความฝันและตื่นตาตื่นใจกับการได้โลดแล่นไปตามจินตนาการของพวกเขา
ในเว่อร์ชั่นหนังนี้ 'Steven Speilberg' ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ใช้เวทมนตร์เนรมิตโลกในจินตนาการของเด็กๆ ปลุกให้มีชีวิตโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ สตีเฟ่นสามารถดึงอารมณ์ของคนดูให้หลุดลอยเข้าไปยังโลกแห่งจินตนาการของเขาได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยภาพ, องค์ประกอบของหนังและซาวน์เพลงบรรเลง มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังนอนหลับใหลและเข้าไปในโลกแห่งความฝันจริงๆ
.
ฉากไฮไลท์คงเป็นฉากที่บีเอฟจีและโซฟี่วิ่งไล่จับความฝันเพราะลูกเล่นในการใช้สีสันสดใส ระยิบระยับตระการตา รวมถึงการใช้สีที่บ่งบอกถึงประเภทของความฝัน สีแดงแทนความฝันที่เลวร้าย สีเหลืองทองแทนความฝันที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้เรามีความเข้าใจและแยกแยะได้ง่ายขึ้น
ตลอดระยะเวลาของหนังที่ดำเนินไป มันจะมีหลายจุดที่ดูเหมือนไม่มีเหตุผลและดูเว่อร์เกินไปจากความจริงมาก แต่ลองมองดีๆ ไปถึงแก่นหลักของเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับ 'ความฝัน' ซึ่งเป็นเหตุผลที่สนับสนุนเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างดี เพราะในโลกของความฝันล้วนมีทั้งเรื่องจริงและจินตนาการ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งนี้โดยที่ไม่ต้องมานั่งหาเหตุผลว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
.
จุดอ่อนสำหรับเรื่องนี้คงเป็นการเล่าเรื่องที่ราบเรียบ เรื่อยๆ ไม่ค่อยมีจุดที่ตื่นเต้นหวาดเสียวให้คนดูได้มีอารมณ์ร่วมไปกับการเอาใจช่วยให้ตัวละครผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นให้ได้ ซึ่งแตกต่างจากหนังหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาของสตีเฟ่น แต่ในช่วงครึ่งหลังเริ่มมีสีสันมากขึ้นกับมุกตลกขบขันที่ชวนให้หัวเราะลั่นโรงได้อย่างต่อเนื่อง
.
'ความฝัน' แม้จะเป็นแค่เรื่องจินตนาการแต่มันมักจะมีภาพของสิ่งที่สวยงามเสมอ ในตอนเป็นเด็กด้วยความคิดที่ใสบริสุทธิ์ทำให้เราทุกคนล้วนแต่มีความฝันต่างๆ นานามากมาย ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกของความฝัน แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความฝันต่างๆ เหล่านั้นกลับเลือนหายไป ผู้ใหญ่เกือบทุกคนกลัวที่จะฝันเพราะกลัวผิดหวังกับสิ่งที่อาจจะเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ผู้ใหญ่อย่างเรายอมละทิ้งภาพที่สวยงามของความฝันแล้วแทนที่สิ่งเหล่านั้นด้วยตรรกะเหตุผลและหลักความเป็นจริง
'The BFG' น่าจะเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่จะสามารถครองใจเด็กทุกคนได้ ส่วนผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่อยากให้ลองปล่อยวางเรื่องตรรกะและเหตุผล แล้วปลดปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความฝันใน 'The BFG : ยักษ์ใหญ่หัวใจหล่อ' แล้วเราจะได้สัมผัสถึงความสวยงามของโลกแห่งจินตนาการที่ตอนนี้อาจจะเป็นภาพเลือนลางให้กลับมาชัดเจนอีกครั้ง วันนี้ในโรงภาพยนตร์
ปล. CG ในเรื่องนี้ถือว่าได้มาตรฐานคุณภาพที่ดีเลยแหละ ชอบ CG ตัวยักษ์ที่เขาใส่ใจกันทุกรายละเอียดจริงๆ
https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1737380136546866/?type=3&theater
[CR] อบอวลไปด้วยความฝันและจินตนาการ "The BFG : ยักษ์ใหญ่หัวใจหล่อ"
ไปดูมาแล้ว...
อบอวลไปด้วยความฝันและจินตนาการ "The BFG : ยักษ์ใหญ่หัวใจหล่อ" (ให้ 7.5/10)
.
'Steven Speilberg' เป็นผู้กำกับภาพยนตร์มือหนึ่งที่สร้างผลงานมากมายและทำให้คนทั่วโลกทึ่งมาแล้วอย่าง Jaws, E.T., Jurassic Park และ The Indiana Jones การันตีคุณภาพด้วยรางวัลต่างๆ ที่พร้อมใจกันมอบให้เขาอย่างไม่มีข้อกังขา จนได้รับฉายาว่า 'พ่อมดแห่งวงการภาพยนตร์' และในปี 2016 นี้ เขากลับมาพร้อมหยิบยกเอาวรรณกรรมเยาวชนอมตะของ 'Roald Dahl' เรื่อง 'The BFG' หรือชื่อไทยว่า 'ยักษ์ใจดี' ที่จะพาทุกคนท่องไปในโลกแห่งจินตนาการอีกครั้ง
สำหรับคำว่า The BFG นั้น ย่อมาจาก “The Big Friendly Giant” ซึ่งดูจะเป็นการนิยามที่สอดคล้องกับมิตรภาพที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยเรื่องราวการผจญภัยทั้งหมดนี้ ถูกถ่ายทอดผ่าน 'โซฟี่' (รีเบ็คก้า ฮอลล์) เด็กหญิงบ้านเด็กกำพร้าวัย 10 ขวบจากกรุงลอนดอน ที่ถูกยักษ์แก่ใจดีนามว่า 'BFG' (มาร์ค ไรแลนซ์) จับตัวไปยังเมืองยักษ์ของเขา พวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในเมืองยักษ์จนเริ่มสนิทกันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้การปรากฏตัวของเธอในเมืองยักษ์ได้ชักนำภัยจากเหล่ายักษ์ใจร้ายที่เข้าใกล้ตัวเธอและเมืองลอนดอนของมนุษย์มากยิ่งขึ้น จึงเป็นหน้าที่สองเพื่อนต่างไซส์ที่ต้องไปเตือนราชินีให้รับทราบถึงภัยที่กำลังมาเยือนให้สำเร็จก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
.
เสน่ห์งานเขียนของ 'Roald Dahl' คือการเขียนเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างตัวละครเด็กกับความหยาบคายและโหดเหี้ยมของผู้ใหญ่บวกตัวละครพิลึกพิลั่นที่ตลกขบขัน จึงทำให้ผลงานของเขาเป็นที่หลงใหลสำหรับเด็กๆ หลายคนทั่วโลก สำหรับ 'The BFG' นั้นถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้ ด้วยการเล่าเรื่องแบบเส้นเรื่องเดียวไม่มีความซับซ้อน นำพาเด็กๆ ทุกคนเข้าไปสู่โลกที่เต็มไปด้วยความฝันและตื่นตาตื่นใจกับการได้โลดแล่นไปตามจินตนาการของพวกเขา
ในเว่อร์ชั่นหนังนี้ 'Steven Speilberg' ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ใช้เวทมนตร์เนรมิตโลกในจินตนาการของเด็กๆ ปลุกให้มีชีวิตโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ สตีเฟ่นสามารถดึงอารมณ์ของคนดูให้หลุดลอยเข้าไปยังโลกแห่งจินตนาการของเขาได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยภาพ, องค์ประกอบของหนังและซาวน์เพลงบรรเลง มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังนอนหลับใหลและเข้าไปในโลกแห่งความฝันจริงๆ
.
ฉากไฮไลท์คงเป็นฉากที่บีเอฟจีและโซฟี่วิ่งไล่จับความฝันเพราะลูกเล่นในการใช้สีสันสดใส ระยิบระยับตระการตา รวมถึงการใช้สีที่บ่งบอกถึงประเภทของความฝัน สีแดงแทนความฝันที่เลวร้าย สีเหลืองทองแทนความฝันที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้เรามีความเข้าใจและแยกแยะได้ง่ายขึ้น
ตลอดระยะเวลาของหนังที่ดำเนินไป มันจะมีหลายจุดที่ดูเหมือนไม่มีเหตุผลและดูเว่อร์เกินไปจากความจริงมาก แต่ลองมองดีๆ ไปถึงแก่นหลักของเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับ 'ความฝัน' ซึ่งเป็นเหตุผลที่สนับสนุนเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างดี เพราะในโลกของความฝันล้วนมีทั้งเรื่องจริงและจินตนาการ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งนี้โดยที่ไม่ต้องมานั่งหาเหตุผลว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
.
จุดอ่อนสำหรับเรื่องนี้คงเป็นการเล่าเรื่องที่ราบเรียบ เรื่อยๆ ไม่ค่อยมีจุดที่ตื่นเต้นหวาดเสียวให้คนดูได้มีอารมณ์ร่วมไปกับการเอาใจช่วยให้ตัวละครผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นให้ได้ ซึ่งแตกต่างจากหนังหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาของสตีเฟ่น แต่ในช่วงครึ่งหลังเริ่มมีสีสันมากขึ้นกับมุกตลกขบขันที่ชวนให้หัวเราะลั่นโรงได้อย่างต่อเนื่อง
.
'ความฝัน' แม้จะเป็นแค่เรื่องจินตนาการแต่มันมักจะมีภาพของสิ่งที่สวยงามเสมอ ในตอนเป็นเด็กด้วยความคิดที่ใสบริสุทธิ์ทำให้เราทุกคนล้วนแต่มีความฝันต่างๆ นานามากมาย ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกของความฝัน แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ความฝันต่างๆ เหล่านั้นกลับเลือนหายไป ผู้ใหญ่เกือบทุกคนกลัวที่จะฝันเพราะกลัวผิดหวังกับสิ่งที่อาจจะเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ผู้ใหญ่อย่างเรายอมละทิ้งภาพที่สวยงามของความฝันแล้วแทนที่สิ่งเหล่านั้นด้วยตรรกะเหตุผลและหลักความเป็นจริง
'The BFG' น่าจะเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่จะสามารถครองใจเด็กทุกคนได้ ส่วนผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่อยากให้ลองปล่อยวางเรื่องตรรกะและเหตุผล แล้วปลดปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความฝันใน 'The BFG : ยักษ์ใหญ่หัวใจหล่อ' แล้วเราจะได้สัมผัสถึงความสวยงามของโลกแห่งจินตนาการที่ตอนนี้อาจจะเป็นภาพเลือนลางให้กลับมาชัดเจนอีกครั้ง วันนี้ในโรงภาพยนตร์
ปล. CG ในเรื่องนี้ถือว่าได้มาตรฐานคุณภาพที่ดีเลยแหละ ชอบ CG ตัวยักษ์ที่เขาใส่ใจกันทุกรายละเอียดจริงๆ
https://www.facebook.com/Universalreviews/photos/a.1582452788706269.1073741829.1582134785404736/1737380136546866/?type=3&theater