THE BOY x ICELAND | EP 0 : เรื่องราวของผมกับไอซ์แลนด์
http://ppantip.com/topic/35263996
THE BOY x ICELAND | EP 1 : เตรียมตัวออกเดินทาง
http://ppantip.com/topic/35264937
THE BOY x ICELAND | EP 2 : Hej Danmark, Jeg er her!
http://ppantip.com/topic/35268433
THE BOY x ICELAND | EP 3 : Ég koma til þín ! ไอซ์แลนด์ เรามาหาแล้วนะ
http://ppantip.com/topic/35273271
THE BOY x ICELAND | EP 4 : DAY 1 - This is how Iceland welcome me.
http://ppantip.com/topic/35280548
THE BOY x ICELAND | EP 5 : DAY 2 - สัมผัสกับกลิ่นอายของความเป็นไอซ์แลนด์
http://ppantip.com/topic/35286578
THE BOY x ICELAND | EP 6 : DAY 3 - First day of summer
http://ppantip.com/topic/35298681
THE BOY x ICELAND | EP 7 : DAY 4 - ชีวิตอาสาสมัครที่แท้จริง
http://ppantip.com/topic/35302427
THE BOY x ICELAND | EP 8 : DAY 5 - ไปดวงจันทร์
http://ppantip.com/topic/35312491
THE BOY x ICELAND | EP 9 : DAY 6 - Free Day กิน ๆ เดิน ๆ
http://ppantip.com/topic/35323608
THE BOY x ICELAND | EP 10 : DAY 7 - บ้าจี้ไปเที่ยวมหาลัยไอซ์แลนด์ (Háskóli Ísland)
http://ppantip.com/topic/35353722
THE BOY x ICELAND | EP 11 : DAY 8 - มีความอาร์ต มีความติสท์ และมีดราม่า!
http://ppantip.com/topic/35360883
THE BOY x ICELAND | EP 12 : DAY 9 - Last day in Iceland.
http://ppantip.com/topic/35365982
28 เมษายน 2559
...........
เวลาตีสี่ครึ่ง นาฬิกาก็ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา
ผมรีบลุกมาปิดนาฬิกา เพราะว่ามันเช้ามาก กลัวจะไปรบกวนเพื่อน ๆ คนอื่น
จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้า ถุงนอน ทุกสิ่งอย่างให้เร็วที่สุด และเงียบที่สุด...
รู้สึกใจหาย.
เก็บของเสร็จก็ลากกระเป๋าออกไปไว้หน้าบ้านก่อน (นอนชั้นใต้ดิน แล้วมีประตูจากชั้นใต้ดินเปิดออกไปหน้าบ้านได้ ไม่ต้องยกขึ้นบันไดให้เสียเวลา)
แล้วก็เดินตัวเปล่าขึ้นไปข้างบน
.......
เราจะกลับไปโดยไม่ฝากข้อความบอกลาอะไรเลยไม่ได้ !!
ผมก็เลยหยิบสมุดโน๊ตในกระเป๋าขึ้นมา
ฉีกกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น
แล้วเขียนทุกอย่างลงไป ขอบคุณ ขอโทษ และทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ให้
พร้อมวางของที่ระลึกที่เหลือไว้ให้ทุกคน เพราะว่ามันเยอะเกิน ผมก็เลยแกะทิ้งไว้ให้หมดเลย (รู้สึกเหมือนจะลืมเล่า ผมเอาให้เพื่อน ๆ ตั้งแต่วันแรกละครับ แต่บางคนก็ยังไม่ได้)
เสร็จสิ้นภารกิจ
ออกจากบ้านสิครับรออะไร
....
เอ๊ะ แต่สำรวจก่อน ว่าตัวเองลืมออะไรรึเปล่านะ
อ๋อออ ที่ชาร์จแบตกล้อง อยู่ในห้องนั่งเล่น !!
ผมก็เลยเข้าไปในห้องนั่งเล่น และพบกับ...
จีซูกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา.
555555555555555
ก็เลยย่องเบา เข้าไปหยิบที่ชาร์จแบตมา แล้วพูดเบา ๆ ว่า "บายจีซู !"
โอเค เอาล่ะ ! ได้เวลาออกจากบ้าน
มีความรู้สึกใจหาย และเสียใจ ที่ไม่ได้มีโอกาสบอกลาใครสักคนเลย
เลยถ่ายรูปบ้านหลังนี้เก็บไว้เป็นความทรงจำ
เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว กับความรู้สึกที่เหงาหงอย เพราะว่าไม่ได้บอกลาใครสักคน
แต่สุดท้ายก็มีคนนี้ให้บอกลา
รู้สึกผมจะลืมเล่าถึงแมวตัวนี้อีกแล้วสินะ.. ขอโทษทีครับ แหะ ๆ
แมวตัวนี้ เจอตั้งแต่วันที่ 2 ที่มาไอซ์แลนด์แล้วครับ เค้าชื่อว่า Grettir
ลิซบอกว่า Grettir มีเจ้าของ น่าจะอยู่ไม่ไกลจากแถว ๆ นี้แหละ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของจะไม่ค่อยให้ความสนใจ เค้าเลยชอบมาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อย ๆ
ผมเดินเข้าไปหา Grettir เกาคางให้แล้วบอกว่า "Hey sweet, I'm about to leave now. Take care, Bless bless"
คนบ้าอะไรคุยกับแมวก็ได้ 555555
ลากกระเป๋าเดินต่อไปสักพัก ก็ตระหนักได้ว่า วันนี้อากาศไม่ดีเลย ไม่ดีสุด ๆ หนาวมาก
อยู่มาเป็นอาทิตย์ วันนี้เป็นวันเดียวที่อุณหภูมิตกต่ำลงถึง 1 องศาเซลเซียส และลมพัดแรงมาก
ผมเลยคิดว่า... เดินไปสถานีขนส่งไม่ไหวแน่ ๆ โทรให้รถบัสมารับที่โฮสเทลใกล้ ๆ ดีกว่า
ผมก็จัดการโทรไป และถามว่าให้เค้าเปลี่ยนมารับที่ Reykjavík City Hostel ได้มั้ย
เค้าก็บอกว่า ได้ 6 โมงเจอกัน
ก็โอเคครับ หกโมงเจอกัน
ผมก็รีบเดินมุ่งหน้าไปยังโฮสเทล ด้วยความหวังที่ว่า จะไปนั่งรอรถบัสในโฮสเทลอุ่น ๆ โคซี่ ๆ เก๋ ๆ
เพราะวันนี้หนาวมากจริง ๆ อากาศแย่มาก ลมพัดแรงสุด ๆ
ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ไอซ์แลนด์ก็คงไม่อยากให้ผมกลับเหมือนกัน
(รูปไม่ค่อยชัดนะครับ แคปมาจากวิดีโอในสแนปแชทของผมอีกที)
ตี 5 ครึ่ง.. เดินไปถึงโฮสเทล
ก็พบกับความผิดหวัง. ประตูล็อคจ้าาาา ความอบอุ่นอะไรนี่ไม่ต้องหาละ
ก็เลยเดินไปรอหน้าโฮสเทลแทน มีม้านั่งอยู่ โอเค นั่งรอ อดเอา ครึ่งชั่วโมงเอง
แต่จุดนั้นคืออุณหภูมิดิ่งลงเหลือ 0 องศาแล้วครับ เป็นครั้งแรกที่เคยเจออากาศ ณ จุดเยือกแข็ง
มันหนาว มันเจ็บมาก ลมก็แรง หน้าคือชา รู้สึกหน้าจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว
6 โมงแล้ว.. รถบัสก็ยังไม่มา
เอ๊ะ มันยังไงกันเนี่ย
สงสัยไอซ์แลนด์จะไม่อยากให้เรากลับจริง ๆ :'(
ผมเลยรอให้ถึงสัก 6 โมงสิบ ถ้ายังไม่มา ผมจะโทรไปอีกรอบ
โอเค ชัดเจน หกโมงสิบยังไม่มา ผมก็รีบโทรไปหาเจ้าหน้าที่เลยครับ ว่าเนี่ย รอรถบัสมา 10 นาทีแล้วยังไม่มาเลย
จากนั้นเค้าก็ถามชื่อผม แล้วเค้าก็บอกว่า ชื่อผมไม่อยู่ในลิสต์ที่จะไปรับ
..อ้าว
แต่เค้าก็บอกว่า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวหกโมงครึ่งจะไปรับ
ต้องขอขอบคุณและชื่นชมเจ้าหน้าที่ Flybus มาก ๆ ครับ ถึงจะให้บริการผิดพลาดนิดหน่อย แต่ก็แก้ปัญหาได้ตรงจุด และสุภาพมาก ๆ
6 โมงครึ่ง รถบัสก็มารับครับ ขอบคุณอะไรก็ตาม
แต่ใจจริง ไม่อยากให้มาเลย... ทิ้งเราไว้ที่นี่ก็ได้นะ เราอยากอยู่ต่อ
ระหว่างทางไปสนามบิน ความรู้สึกมันแย่มาก มันไม่อยากกลับจริง ๆ นะ
พอไปถึงสนามบินก็จัดการเช็คอินให้เรียบร้อย มีปัญหานิดนึงคือตรงแท็กกระเป๋า สนามบินที่นี่เน้นแบบเช็คอินด้วยตัวเองเป็นตู้ KIOS ครับ แล้วเค้าจะให้แท็กกระเป๋าไปใส่เอง แต่ผมใส่ไม่เป็น เลยมั่ว ๆ ไป แหะ ๆ พนักงานเค้าก็ต้องมาแกะใส่ให้ใหม่อีก ผมก็บอกว่าขอโทษทีครับ ผมใส่ไม่เป็น 555555 เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร
น่ารักมาก ๆ
ได้เวลาขึ้นเครื่อง...
มันจุก
ความรู้สึกแย่มาก
จะร้องไห้ตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องแล้วครับ
ไม่อยากกลับเลยจริง ๆ
มันเหมือนกับว่า ความฝันของเรา กลายมาเป็นความจริงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
และตอนนี้มันกำลังจะกลับมาเป็นความฝันของเราอีกครั้งหรอ?
มันหมายความว่า.. ชัดเจน
ผมอยากอยู่ที่นี่ , ผมอยากให้ที่นี่เป็นความจริงของผม ไม่ใช่ความฝัน
ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วทุกวันนี้ก็ยังอยากกลับไป ยังโหยหา และคิดถึงอยู่ทุกวัน
Home is where your heart is.
And my heart is still in Iceland.
Hér á ég heima.
เครื่องเริ่มขยับ... จุดนั้นเริ่มร้องไห้แล้ว
โชคดีที่คนข้าง ๆ เค้าหลับตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนเครื่อง
ผมไม่อยากกลับจริง ๆ นะ
เพราะอยากให้มันเป็นความจริงต่อไป ไม่อยากให้มันกลับมาเป็นความฝัน และที่แย่กว่าคือ เราไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่เราจะได้กลับมาอีก
มันเหมือนกับว่า, ถ้าเครื่องบิน take off พ้นน่านฟ้าเกาะแห่งนี้ไปเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัย ร้องไห้ขนาดนี้ เพราะมีเพลงบิวท์อารมณ์ครับ
เป็นเพลงที่ผมบังเอิญเจอในยูทูป
ผมเสิร์ชคำเด๋อ ๆ ในภาษาไอซ์แลนดิก คำว่า "ég elska ísland" ที่แปลว่า ฉันรักไอซ์แลนด์
พาให้ผมไปเจอกับเพลงนี้ "Ísland ég elska þig" เนื้อเพลงก็ประมาณว่า ไอซ์แลนด์ ดินแดนโบราณ ไม่มีพิษภัย ไม่มีสงคราม สงบสุข
ผมฟังเพลงนี้มาเป็นปี ๆ แล้ว ตอนนี้ก็ยังฟังอยู่.. ไม่คิดว่าเพลงนี้จะมาทำให้ผมร้องไห้ได้
พอเครื่องเดินสุดกำลัง ใกล้จะ take off
ก็มาถึงช่วงพีคของเพลงครับ
ลองฟังดู ผมตั้งช่วงเวลาไว้ให้แล้วครับว่าท่อนไหน แต่ไม่รู้ว่าได้มั้ยนะ (นาทีที่ 2:20) และนึกภาพตาม เครื่องกำลังเทคออฟ แบบเร่งสุดกำลัง
ร้องไห้เข้าไปใหญ่เลยครับ
ก็ร้องไห้เยอะมาก จนหลับไป และตื่นมาก็ร้องไห้ต่อ TT
ผมรักประเทศนี้จริง ๆ นะ
ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเมื่อไหร่
แต่ผมสัญญาว่า ผมจะกลับไปให้ได้
และจะไปอยู่ให้นานกว่าเดิม
อาจจะตลอดชีวิตเลยก็ได้ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ หวังว่าจะมีอยู่นะ แสดงตัว แสดงความคิดเห็นกันหน่อยย
ถึงไอซ์แลนด์จะจบแล้ว แต่ยังมีไปเที่ยวเดนมาร์กต่ออีก 2 วันนะครับ ^^ ติดตามต่อ EP หน้าครับ เที่ยวเดนมาร์กก็สนุกไม่แพ้กัน
THE BOY x ICELAND | EP 13 : DAY 10 - Bless bless Ísland, ลาก่อนไอซ์แลนด์.
THE BOY x ICELAND | EP 1 : เตรียมตัวออกเดินทาง http://ppantip.com/topic/35264937
THE BOY x ICELAND | EP 2 : Hej Danmark, Jeg er her! http://ppantip.com/topic/35268433
THE BOY x ICELAND | EP 3 : Ég koma til þín ! ไอซ์แลนด์ เรามาหาแล้วนะ http://ppantip.com/topic/35273271
THE BOY x ICELAND | EP 4 : DAY 1 - This is how Iceland welcome me. http://ppantip.com/topic/35280548
THE BOY x ICELAND | EP 5 : DAY 2 - สัมผัสกับกลิ่นอายของความเป็นไอซ์แลนด์ http://ppantip.com/topic/35286578
THE BOY x ICELAND | EP 6 : DAY 3 - First day of summer http://ppantip.com/topic/35298681
THE BOY x ICELAND | EP 7 : DAY 4 - ชีวิตอาสาสมัครที่แท้จริง http://ppantip.com/topic/35302427
THE BOY x ICELAND | EP 8 : DAY 5 - ไปดวงจันทร์ http://ppantip.com/topic/35312491
THE BOY x ICELAND | EP 9 : DAY 6 - Free Day กิน ๆ เดิน ๆ http://ppantip.com/topic/35323608
THE BOY x ICELAND | EP 10 : DAY 7 - บ้าจี้ไปเที่ยวมหาลัยไอซ์แลนด์ (Háskóli Ísland) http://ppantip.com/topic/35353722
THE BOY x ICELAND | EP 11 : DAY 8 - มีความอาร์ต มีความติสท์ และมีดราม่า! http://ppantip.com/topic/35360883
THE BOY x ICELAND | EP 12 : DAY 9 - Last day in Iceland. http://ppantip.com/topic/35365982
28 เมษายน 2559
...........
เวลาตีสี่ครึ่ง นาฬิกาก็ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา
ผมรีบลุกมาปิดนาฬิกา เพราะว่ามันเช้ามาก กลัวจะไปรบกวนเพื่อน ๆ คนอื่น
จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้า ถุงนอน ทุกสิ่งอย่างให้เร็วที่สุด และเงียบที่สุด...
รู้สึกใจหาย.
เก็บของเสร็จก็ลากกระเป๋าออกไปไว้หน้าบ้านก่อน (นอนชั้นใต้ดิน แล้วมีประตูจากชั้นใต้ดินเปิดออกไปหน้าบ้านได้ ไม่ต้องยกขึ้นบันไดให้เสียเวลา)
แล้วก็เดินตัวเปล่าขึ้นไปข้างบน
.......
เราจะกลับไปโดยไม่ฝากข้อความบอกลาอะไรเลยไม่ได้ !!
ผมก็เลยหยิบสมุดโน๊ตในกระเป๋าขึ้นมา
ฉีกกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น
แล้วเขียนทุกอย่างลงไป ขอบคุณ ขอโทษ และทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ให้
พร้อมวางของที่ระลึกที่เหลือไว้ให้ทุกคน เพราะว่ามันเยอะเกิน ผมก็เลยแกะทิ้งไว้ให้หมดเลย (รู้สึกเหมือนจะลืมเล่า ผมเอาให้เพื่อน ๆ ตั้งแต่วันแรกละครับ แต่บางคนก็ยังไม่ได้)
เสร็จสิ้นภารกิจ
ออกจากบ้านสิครับรออะไร
....
เอ๊ะ แต่สำรวจก่อน ว่าตัวเองลืมออะไรรึเปล่านะ
อ๋อออ ที่ชาร์จแบตกล้อง อยู่ในห้องนั่งเล่น !!
ผมก็เลยเข้าไปในห้องนั่งเล่น และพบกับ...
จีซูกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา.
555555555555555
ก็เลยย่องเบา เข้าไปหยิบที่ชาร์จแบตมา แล้วพูดเบา ๆ ว่า "บายจีซู !"
โอเค เอาล่ะ ! ได้เวลาออกจากบ้าน
มีความรู้สึกใจหาย และเสียใจ ที่ไม่ได้มีโอกาสบอกลาใครสักคนเลย เลยถ่ายรูปบ้านหลังนี้เก็บไว้เป็นความทรงจำ
เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว กับความรู้สึกที่เหงาหงอย เพราะว่าไม่ได้บอกลาใครสักคน
แต่สุดท้ายก็มีคนนี้ให้บอกลา
รู้สึกผมจะลืมเล่าถึงแมวตัวนี้อีกแล้วสินะ.. ขอโทษทีครับ แหะ ๆ
แมวตัวนี้ เจอตั้งแต่วันที่ 2 ที่มาไอซ์แลนด์แล้วครับ เค้าชื่อว่า Grettir
ลิซบอกว่า Grettir มีเจ้าของ น่าจะอยู่ไม่ไกลจากแถว ๆ นี้แหละ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของจะไม่ค่อยให้ความสนใจ เค้าเลยชอบมาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อย ๆ
ผมเดินเข้าไปหา Grettir เกาคางให้แล้วบอกว่า "Hey sweet, I'm about to leave now. Take care, Bless bless"
คนบ้าอะไรคุยกับแมวก็ได้ 555555
ลากกระเป๋าเดินต่อไปสักพัก ก็ตระหนักได้ว่า วันนี้อากาศไม่ดีเลย ไม่ดีสุด ๆ หนาวมาก
อยู่มาเป็นอาทิตย์ วันนี้เป็นวันเดียวที่อุณหภูมิตกต่ำลงถึง 1 องศาเซลเซียส และลมพัดแรงมาก
ผมเลยคิดว่า... เดินไปสถานีขนส่งไม่ไหวแน่ ๆ โทรให้รถบัสมารับที่โฮสเทลใกล้ ๆ ดีกว่า
ผมก็จัดการโทรไป และถามว่าให้เค้าเปลี่ยนมารับที่ Reykjavík City Hostel ได้มั้ย
เค้าก็บอกว่า ได้ 6 โมงเจอกัน
ก็โอเคครับ หกโมงเจอกัน
ผมก็รีบเดินมุ่งหน้าไปยังโฮสเทล ด้วยความหวังที่ว่า จะไปนั่งรอรถบัสในโฮสเทลอุ่น ๆ โคซี่ ๆ เก๋ ๆ
เพราะวันนี้หนาวมากจริง ๆ อากาศแย่มาก ลมพัดแรงสุด ๆ
ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ไอซ์แลนด์ก็คงไม่อยากให้ผมกลับเหมือนกัน
(รูปไม่ค่อยชัดนะครับ แคปมาจากวิดีโอในสแนปแชทของผมอีกที)
ตี 5 ครึ่ง.. เดินไปถึงโฮสเทล
ก็พบกับความผิดหวัง. ประตูล็อคจ้าาาา ความอบอุ่นอะไรนี่ไม่ต้องหาละ
ก็เลยเดินไปรอหน้าโฮสเทลแทน มีม้านั่งอยู่ โอเค นั่งรอ อดเอา ครึ่งชั่วโมงเอง
แต่จุดนั้นคืออุณหภูมิดิ่งลงเหลือ 0 องศาแล้วครับ เป็นครั้งแรกที่เคยเจออากาศ ณ จุดเยือกแข็ง
มันหนาว มันเจ็บมาก ลมก็แรง หน้าคือชา รู้สึกหน้าจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว
6 โมงแล้ว.. รถบัสก็ยังไม่มา
เอ๊ะ มันยังไงกันเนี่ย
สงสัยไอซ์แลนด์จะไม่อยากให้เรากลับจริง ๆ :'(
ผมเลยรอให้ถึงสัก 6 โมงสิบ ถ้ายังไม่มา ผมจะโทรไปอีกรอบ
โอเค ชัดเจน หกโมงสิบยังไม่มา ผมก็รีบโทรไปหาเจ้าหน้าที่เลยครับ ว่าเนี่ย รอรถบัสมา 10 นาทีแล้วยังไม่มาเลย
จากนั้นเค้าก็ถามชื่อผม แล้วเค้าก็บอกว่า ชื่อผมไม่อยู่ในลิสต์ที่จะไปรับ
..อ้าว
แต่เค้าก็บอกว่า ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวหกโมงครึ่งจะไปรับ
ต้องขอขอบคุณและชื่นชมเจ้าหน้าที่ Flybus มาก ๆ ครับ ถึงจะให้บริการผิดพลาดนิดหน่อย แต่ก็แก้ปัญหาได้ตรงจุด และสุภาพมาก ๆ
6 โมงครึ่ง รถบัสก็มารับครับ ขอบคุณอะไรก็ตาม
แต่ใจจริง ไม่อยากให้มาเลย... ทิ้งเราไว้ที่นี่ก็ได้นะ เราอยากอยู่ต่อ
ระหว่างทางไปสนามบิน ความรู้สึกมันแย่มาก มันไม่อยากกลับจริง ๆ นะ
พอไปถึงสนามบินก็จัดการเช็คอินให้เรียบร้อย มีปัญหานิดนึงคือตรงแท็กกระเป๋า สนามบินที่นี่เน้นแบบเช็คอินด้วยตัวเองเป็นตู้ KIOS ครับ แล้วเค้าจะให้แท็กกระเป๋าไปใส่เอง แต่ผมใส่ไม่เป็น เลยมั่ว ๆ ไป แหะ ๆ พนักงานเค้าก็ต้องมาแกะใส่ให้ใหม่อีก ผมก็บอกว่าขอโทษทีครับ ผมใส่ไม่เป็น 555555 เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร น่ารักมาก ๆ
ได้เวลาขึ้นเครื่อง...
มันจุก
ความรู้สึกแย่มาก
จะร้องไห้ตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องแล้วครับ
ไม่อยากกลับเลยจริง ๆ
มันเหมือนกับว่า ความฝันของเรา กลายมาเป็นความจริงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
และตอนนี้มันกำลังจะกลับมาเป็นความฝันของเราอีกครั้งหรอ?
มันหมายความว่า.. ชัดเจน
ผมอยากอยู่ที่นี่ , ผมอยากให้ที่นี่เป็นความจริงของผม ไม่ใช่ความฝัน
ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วทุกวันนี้ก็ยังอยากกลับไป ยังโหยหา และคิดถึงอยู่ทุกวัน
Home is where your heart is.
And my heart is still in Iceland.
Hér á ég heima.
เครื่องเริ่มขยับ... จุดนั้นเริ่มร้องไห้แล้ว
โชคดีที่คนข้าง ๆ เค้าหลับตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนเครื่อง
ผมไม่อยากกลับจริง ๆ นะ
เพราะอยากให้มันเป็นความจริงต่อไป ไม่อยากให้มันกลับมาเป็นความฝัน และที่แย่กว่าคือ เราไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่เราจะได้กลับมาอีก
มันเหมือนกับว่า, ถ้าเครื่องบิน take off พ้นน่านฟ้าเกาะแห่งนี้ไปเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัย ร้องไห้ขนาดนี้ เพราะมีเพลงบิวท์อารมณ์ครับ
เป็นเพลงที่ผมบังเอิญเจอในยูทูป
ผมเสิร์ชคำเด๋อ ๆ ในภาษาไอซ์แลนดิก คำว่า "ég elska ísland" ที่แปลว่า ฉันรักไอซ์แลนด์
พาให้ผมไปเจอกับเพลงนี้ "Ísland ég elska þig" เนื้อเพลงก็ประมาณว่า ไอซ์แลนด์ ดินแดนโบราณ ไม่มีพิษภัย ไม่มีสงคราม สงบสุข
ผมฟังเพลงนี้มาเป็นปี ๆ แล้ว ตอนนี้ก็ยังฟังอยู่.. ไม่คิดว่าเพลงนี้จะมาทำให้ผมร้องไห้ได้
พอเครื่องเดินสุดกำลัง ใกล้จะ take off
ก็มาถึงช่วงพีคของเพลงครับ
ลองฟังดู ผมตั้งช่วงเวลาไว้ให้แล้วครับว่าท่อนไหน แต่ไม่รู้ว่าได้มั้ยนะ (นาทีที่ 2:20) และนึกภาพตาม เครื่องกำลังเทคออฟ แบบเร่งสุดกำลัง
ร้องไห้เข้าไปใหญ่เลยครับ
ก็ร้องไห้เยอะมาก จนหลับไป และตื่นมาก็ร้องไห้ต่อ TT
ผมรักประเทศนี้จริง ๆ นะ
ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเมื่อไหร่
แต่ผมสัญญาว่า ผมจะกลับไปให้ได้
และจะไปอยู่ให้นานกว่าเดิม
อาจจะตลอดชีวิตเลยก็ได้ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ หวังว่าจะมีอยู่นะ แสดงตัว แสดงความคิดเห็นกันหน่อยย
ถึงไอซ์แลนด์จะจบแล้ว แต่ยังมีไปเที่ยวเดนมาร์กต่ออีก 2 วันนะครับ ^^ ติดตามต่อ EP หน้าครับ เที่ยวเดนมาร์กก็สนุกไม่แพ้กัน