เที่ยวตามใจ ไปชาติตระการ ทริป 2 วัน 1 คืน
"เมืองชายแดน แคว้นขุนเขา ตำนานเมืองเก่า น้ำตกหลากตระการ"
สวัสดีครับ ชาว Pantip ห้อง Blue planet ทุกคนขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมจะพาชาว Blue planet ทุกคนไปสัมผัสกับดินแดนธรรมชาติที่น่าสนใจแห่งหนึ่งครับ โดยในทริปครั้งนี้มีจุดประสงค์เริ่มต้นมาจากการหาสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในช่วงปิดเทอม ซึ่งสถานที่ที่เราจะไปนั้นจำเป็นต้องอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก (เจ้าของกระทู้เรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลกครับ) โดยสถานที่ที่เจ้าของกระทู้เลือกไปเที่ยวในครั้งนี้ก็คือ .... แทน แท่น แท๊น “อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก”ทุกคนรู้จักกันไหมเอ่ยยย ???
เรามาทำความรู้จักไปพร้อมกันเลยครับบ
อำเภอชาติตระการเชื่อกันว่าสร้างขึ้นรุ่นเดียวกับกรุงสุโขทัย หรือเมืองนครไทยสมัยก่อน พ่อเมืองชายไทยสองคน คือ พ่อขุนบางกลางหาว พ่อเมืองบางยาง เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง เป็นผู้ปกครองเมืองสุโขทัย ปี พ.ศ.1718 กับพ่อขุนผาเมือง ได้รวมกำลังเข้ายึดเมืองสุโขทัยจากขอมสบาดโขลญลำพง ในการเดินทางครั้งนั้นจะต้องผ่านเข้ามาทางเมืองชาติตระการ-บ้านดง-ทุ่งยั้ง-ศรีสัชนาลัย และสุโขทัย สภาพภูมิอากาศทีนั้นฤดูร้อน อากาศร้อนจัด ฤดูหนาว อากาศจะเย็นจัด
โดยโปรแกรมท่องเที่ยวของ จขกท. (2 วัน 1 คืน) เริ่มเดินทางกันเลยยยย Let’s go!!!
โดยจุดเริ่มต้นของทริปนี้คือ มหาวิทยาลัยนเรศวรครับ จขกท.และเพื่อนๆเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางครั้งนี้ ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวที่อำเถอชาติตระการก็มีรถโดยสารบริการครับ โดยจะต้องไปขึ้นรถที่สถานีขนส่ง จ.พิษณุโลก ได้ทั้งขนส่งเก่าและขนส่งใหม่ โดยจะเป็นรถบัสสีส้ม แต่เมื่อถึงอำเภอชาติตระการแล้วอาจจะเดินทางลำบากนิดหน่อย ตรงที่บางสถานที่ท่องเที่ยวอาจอยู่ไกลจากตัวอำเภอ แต่ก็มีบริการเหมารถค่ะ ซึ่งอัตราค่าใช่จ่ายก็สูงบ้างนิดหน่อย ตามแต่ระยะทางของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆครับ
นี่คือแผนที่การเดินทางของเราในครั้งนี้ครับ
https://drive.google.com/open?id=1PMKgtITgSTDM_wMZt2vqcqP39qw&usp=sharing
ซึ่งตลอดเส้นทางการเดินทางไปอำเภอชาติตระการ จขกท.และเพื่อนๆชิวกันมากๆเลยครับ แวะกันตลอดทางเลย 55555 ปกติต้องใช้เวลาการเดินทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอชาติตระการเพียงแค่ 1 ชั่วโมงกว่าๆ
แต่พวกเราทำสถิติราวๆ 3 ชั่วโมงครับ55(แวะกันทุกจุด หลงบ้าง ถูกบ้าง ว่ากันปายย) โดยนี่คือรูปภาพระหว่างทางไปชาติตระการครับ
สถานที่แรกในโปรแกรมการท่องเที่ยวของเรา ที่พวกเราจะแวะก็คือ “ตลาดเทศบาลป่าแดง” ซึ่งเป็นตลาดที่พวกเราแวะซื้อเสบียงในการทำกินในค่ำคืนนี้ครับ (สาย-อย่างพวกเราพลาดเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอกครับ 55) บรรยากาศโดยรวมของตลาด คือว่าสะอาดในระดับหนึ่งเลยครับ อีกทั้งร้านค้ามีจำนวนมากพอสมควรค่ะที่สำคัญมี 7-11 อยู่ตรงข้ามด้วย ถ้าเพื่อนๆคนไหนมาเที่ยวอำเภอชาติตระการ รับรองไม่อดตายแน่นอนครับ
สถานีต่อไปของโปรแกรมทัวร์ของเรา ก็คือ “อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ”
อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอชาติตระการและอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สภาพทั่วไปเป็นป่าอุดมสมบูรณ์และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นต้นว่า น้ำตกชาติตระการ หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “น้ำตกปากรอง” เพราะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปากรอง หน้าผาสูงชันที่มีสีสันผิดแปลกกันเป็นร่องรอยของศิลปยุคแรกของมนุษย์ มีเนื้อที่ประมาณ 339,375 ไร่ หรือ 543 ตารางกิโลเมตร
โดยการเข้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการนั้น ต้องเสียค่าใช้จ่าย คือ ค่าที่จอดรถ 50 บาท และค่าเข้าใช้บริการคนละ 40 บาท แต่เราเสียกันแค่คนละ 20 บาท เพราะเราใช้สิทธินักศึกษาได้ครับ (คือมันดีไปอีกกกก><")
ซึ่งบรรยากาศในวันที่ จขกท.และเพื่อนๆได้มาเยือนนั้น บรรยากาศค่อยข้างดีและไม่มีแดดสักเท่าไร สัมผัสได้ถึงธรรมชาติมากๆๆเลยครับ แต่ว่าวันที่พวกเราไป เราลงเล่นน้ำกันไม่ได้ครับ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนน้ำจะหลากพอสมควร (ทำใจครับ มาน้ำตกแต่เล่นน้ำไม่ได้
)
สถานีต่อไป คือ "สวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้า" ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางต่อไปของพวกเรา
เขาว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อกลางวันนี้เราจึงแวะรับประทานอาหารกลางวันกัน จขกท.จำชื่อร้านไม่ได้ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงสะพานน้ำตกอยู่ทางซ้ายมือ รสชาติก็อร่อยอยู่ครับ (หรือเพราะว่าหิวก็ไม่รู้)ส่วนน้ำปั่นรสชาติก็ติดหวานไปบ้าง แต่โดยรวมก็โอเคอยู่ครับ
เมื่อสายแดร๊กอย่างพวกเราอิ่มท้องแล้วก็ถึงเวลาเดินทางต่อไป ยังจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ” โดย ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542 ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อพัฒนาสถานที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดพิษณุโลก มีเนื้อที่ 1,385 ไร่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 750 - 1,280 เมตร ภูมิอากาศดีมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
บรรยากาศที่นี่ดีมากกกกกก อากาศดีจริงๆนะครับไม่ได้โม้ แต่ว่ายุงเยอะไปหน่อยในช่วงหน้าฝน
เอาเป็นว่าคืนนี้เราจะพักกันที่นี่ 1 คืน และตอนเช้าจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนนครับ
โดยที่พักของเรานั้นตั้งอยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าโดยเป็นเรือนเอนกประสงค์ ภายในมีห้องพักมี 2 ห้องนอนใหญ่ มีห้องโถงกลาง1ห้อง ห้องน้ำมี6ห้อง ห้องครัว1ห้อง และมีที่รับประทานอาหารอยู่ภายนอกอาคาร ซึ่งที่พักที่นี่มีอุปกรณ์ดำเนินสะดวกครบครัน ถือว่าดีมากๆเลยครับ
เมื่อเราเก็บสัมภาระกันเสร็จแล้ว กิจกรรมต่อไปที่เราจะทำก็คือ "ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตก บนจุดชมวิวค้อเดียวดาย" กันต่อเล๊ยยยยย
ซึ่งบนจุดชมวิวของค้อเดียวดายนั้น เป็นจุดที่อัศจรรย์มากกก เพราะมันตั้งอยู่ระหว่างจังหวัด3 คือ จังหวัด พิษณุโลก เลย และ อุตรดิตถ์ และยังติดต่อกับประเทศลาวอีกด้วย
โดยบนจุดชมวิวค้อเดียวดายนั้น บรรยากาศดีมากกก อากาศเย็นสบายย มองเห็นวิวได้รอบตัว มีต้นไม้เยอะมากโดยมีจุดเด่น คือ
ต้นค้อซึ่งเป็นต้นไม้ประจำอุทยาน โดยมีลำต้นที่สูงเด่นมากกกก จึงได้ชื่อว่า "ค้อเดียวดาย"
นี่คือบรรยากาศบนจุดชมวิวค้อเดียวดาย บรรยากาศดีอย่างที่บอกเปล่าล้าาาา
ดูพระอาทิตย์ตกกันน สวยยมากกก โรแมนติคจังงงงง
เมื่อดูพระอาทิตย์ตกและถ่ายรูปกันหนำใจละ ก็ถึงเวลามื้อเย็น โดยเมนูที่เราได้ทำกันในวันนี้ก็คือ!! หมูย่าง ลูกชิ้นและฮอทดอกปิ้ง(ที่เราซื้อมาจากตลาดเทศบาลป่าแดง)ซึ่งดูกันเองละกันว่าจะกินได้หรือเปล่า555
เมื่อทานอาหารกันอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ถึงเวลานอน ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้าานะครับ บายยยยยยยยย
วันที่ 2 ของพวกเรา พวกเราจะตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ (ซึ่งในเวลาปกติ อย่าคิดว่าพวกเราจะตื่นแต่เช้านะครับ ต้องพูดว่าสไตล์เด็กมหาลัยนอนเกือบเช้ามากกว่า 555) โดยบรรยากาศของบ้านพักสวนพฤกษศาสตร์ตอนเช้านี้ คือ เย็นมากก หนาวมากก เหมือนช่วงฤดูหนาวเลยครับ (ฟินนสุดๆเลย)
พอดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้วพวกเราก็ธุระส่วนตัวแล้วออกเดินทางกันต่อครับ ซึ่งจุดหมายปลายทางแรกของเราในวันที่ 2 นี้คือ โรงเรือนรวบรวมพันธุกรรมพืช โดยโรงเรือนแห่งนี้ได้ทำการรวบรวมดอกไม้และพันธุ์ไม้ต่างๆไว้มากมาย ลองไปดูกันเลยว่าจะสวยงามขนาดไหน
สวยงามอย่างที่บอกเลยชั้ยม๊าา
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปเที่ยวก็คือ ป่าสน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านบนของสวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้า ซึ่งเราได้พี่ออย พี่ที่ดูแลพันธุ์ไม้สวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้ากับคุณลุงใจดี พาเราขึ้นรถอีแต๋นแล้วขับพาเราซิ่งไปยังป่าสนครับ อยากบอกว่าหวาดเสียวมากกแต่ก็สนุกดีครับ
เอาละ เราก็เที่ยวกันที่สวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้ากันมานานพอสมควรละ ตอนนี้ก็ได้เวลากลับกันแล้วครับ อยากบอกว่าเพื่อนๆคนไหนอยากได้รับประสบการณ์ไกล้ชิดกับธรรมชาติก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้เลยครับ ได้เวลาจะต้องบ๊ายบายสวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้าแล้ว ไว้มีโอกาสคงได้มาเที่ยวอีกนะ
ระหว่างทางขากลับเราผ่านไร่องุ่น ซึ่งกำลังออกผลเยอะเลยย ไงขอแวะชิมองุ่นหวานๆและถ่ายรูปสักนิดนึงนะครับ
โดยการเดินทางในทริปเที่ยวตามใจ ไปชาติตระการ ทริป 2 วัน 1 คืนในครั้งนี้ เราเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามนี้ครับ
- ค่าน้ำมันรถยนต์ 2 คัน 2000 บาท (คันละ 1000บาท)
- ค่ากับข้าว : หมู 400 บาท
- ลูกชิ้น + ฮอทดอก 228 บาท
- ผัก 70 บาท
- น้ำแข็ง 100 บาท
- น้ำเปล่า+มาม่า 377 บาท
- ค่าที่พัก 1000 บาท
= รวมทั้งสิ้น 4,175 บาท เรามากันทั้งหมด 15 คน หารกันแล้วจะเสียประมาณคนละ 278 บาท ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ากับการมาเที่ยวทริป 2 วัน 1 คืน (ค่าเข้าอุทยานน้ำตกชาติตระการและค่าใช่จ่ายในการกินของแต่ละคนนั้นแต่ละคนจ่ายกันเอง เลยไม่ได้ระบุในรายจ่ายนี้)
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศความเป็นธรรมชาติของป่าเขาลำเนาไพร 2 วันเต็มๆ ก็ถึงเวลาที่เจ้าของกระทู้และเพื่อนๆ ต้องเดินทางกลับมหาวิทยาลัยนเรศวรกันแล้ว สำหรับกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ จขกท.ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครัและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชาติตระการจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆทุกคน โดยธรรมชาติของที่นั่นยังสมบูรณ์และสวยงามมากๆ ยังไงถ้ามีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้นะครับ สวัสดีครับ
[CR] เที่ยวตามใจไปชาติตระการ ทริป 2 วัน 1 คืน
"เมืองชายแดน แคว้นขุนเขา ตำนานเมืองเก่า น้ำตกหลากตระการ"
สวัสดีครับ ชาว Pantip ห้อง Blue planet ทุกคนขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมจะพาชาว Blue planet ทุกคนไปสัมผัสกับดินแดนธรรมชาติที่น่าสนใจแห่งหนึ่งครับ โดยในทริปครั้งนี้มีจุดประสงค์เริ่มต้นมาจากการหาสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในช่วงปิดเทอม ซึ่งสถานที่ที่เราจะไปนั้นจำเป็นต้องอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก (เจ้าของกระทู้เรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลกครับ) โดยสถานที่ที่เจ้าของกระทู้เลือกไปเที่ยวในครั้งนี้ก็คือ .... แทน แท่น แท๊น “อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก”ทุกคนรู้จักกันไหมเอ่ยยย ???
เรามาทำความรู้จักไปพร้อมกันเลยครับบ
อำเภอชาติตระการเชื่อกันว่าสร้างขึ้นรุ่นเดียวกับกรุงสุโขทัย หรือเมืองนครไทยสมัยก่อน พ่อเมืองชายไทยสองคน คือ พ่อขุนบางกลางหาว พ่อเมืองบางยาง เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง เป็นผู้ปกครองเมืองสุโขทัย ปี พ.ศ.1718 กับพ่อขุนผาเมือง ได้รวมกำลังเข้ายึดเมืองสุโขทัยจากขอมสบาดโขลญลำพง ในการเดินทางครั้งนั้นจะต้องผ่านเข้ามาทางเมืองชาติตระการ-บ้านดง-ทุ่งยั้ง-ศรีสัชนาลัย และสุโขทัย สภาพภูมิอากาศทีนั้นฤดูร้อน อากาศร้อนจัด ฤดูหนาว อากาศจะเย็นจัด
โดยโปรแกรมท่องเที่ยวของ จขกท. (2 วัน 1 คืน) เริ่มเดินทางกันเลยยยย Let’s go!!!
โดยจุดเริ่มต้นของทริปนี้คือ มหาวิทยาลัยนเรศวรครับ จขกท.และเพื่อนๆเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางครั้งนี้ ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวที่อำเถอชาติตระการก็มีรถโดยสารบริการครับ โดยจะต้องไปขึ้นรถที่สถานีขนส่ง จ.พิษณุโลก ได้ทั้งขนส่งเก่าและขนส่งใหม่ โดยจะเป็นรถบัสสีส้ม แต่เมื่อถึงอำเภอชาติตระการแล้วอาจจะเดินทางลำบากนิดหน่อย ตรงที่บางสถานที่ท่องเที่ยวอาจอยู่ไกลจากตัวอำเภอ แต่ก็มีบริการเหมารถค่ะ ซึ่งอัตราค่าใช่จ่ายก็สูงบ้างนิดหน่อย ตามแต่ระยะทางของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆครับ
นี่คือแผนที่การเดินทางของเราในครั้งนี้ครับ
https://drive.google.com/open?id=1PMKgtITgSTDM_wMZt2vqcqP39qw&usp=sharing
ซึ่งตลอดเส้นทางการเดินทางไปอำเภอชาติตระการ จขกท.และเพื่อนๆชิวกันมากๆเลยครับ แวะกันตลอดทางเลย 55555 ปกติต้องใช้เวลาการเดินทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอชาติตระการเพียงแค่ 1 ชั่วโมงกว่าๆ
แต่พวกเราทำสถิติราวๆ 3 ชั่วโมงครับ55(แวะกันทุกจุด หลงบ้าง ถูกบ้าง ว่ากันปายย) โดยนี่คือรูปภาพระหว่างทางไปชาติตระการครับ
สถานที่แรกในโปรแกรมการท่องเที่ยวของเรา ที่พวกเราจะแวะก็คือ “ตลาดเทศบาลป่าแดง” ซึ่งเป็นตลาดที่พวกเราแวะซื้อเสบียงในการทำกินในค่ำคืนนี้ครับ (สาย-อย่างพวกเราพลาดเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอกครับ 55) บรรยากาศโดยรวมของตลาด คือว่าสะอาดในระดับหนึ่งเลยครับ อีกทั้งร้านค้ามีจำนวนมากพอสมควรค่ะที่สำคัญมี 7-11 อยู่ตรงข้ามด้วย ถ้าเพื่อนๆคนไหนมาเที่ยวอำเภอชาติตระการ รับรองไม่อดตายแน่นอนครับ
สถานีต่อไปของโปรแกรมทัวร์ของเรา ก็คือ “อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ”
อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอชาติตระการและอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สภาพทั่วไปเป็นป่าอุดมสมบูรณ์และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นต้นว่า น้ำตกชาติตระการ หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “น้ำตกปากรอง” เพราะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปากรอง หน้าผาสูงชันที่มีสีสันผิดแปลกกันเป็นร่องรอยของศิลปยุคแรกของมนุษย์ มีเนื้อที่ประมาณ 339,375 ไร่ หรือ 543 ตารางกิโลเมตร
โดยการเข้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการนั้น ต้องเสียค่าใช้จ่าย คือ ค่าที่จอดรถ 50 บาท และค่าเข้าใช้บริการคนละ 40 บาท แต่เราเสียกันแค่คนละ 20 บาท เพราะเราใช้สิทธินักศึกษาได้ครับ (คือมันดีไปอีกกกก><")
ซึ่งบรรยากาศในวันที่ จขกท.และเพื่อนๆได้มาเยือนนั้น บรรยากาศค่อยข้างดีและไม่มีแดดสักเท่าไร สัมผัสได้ถึงธรรมชาติมากๆๆเลยครับ แต่ว่าวันที่พวกเราไป เราลงเล่นน้ำกันไม่ได้ครับ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนน้ำจะหลากพอสมควร (ทำใจครับ มาน้ำตกแต่เล่นน้ำไม่ได้ )
สถานีต่อไป คือ "สวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้า" ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางต่อไปของพวกเรา
เขาว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อกลางวันนี้เราจึงแวะรับประทานอาหารกลางวันกัน จขกท.จำชื่อร้านไม่ได้ร้านตั้งอยู่ก่อนถึงสะพานน้ำตกอยู่ทางซ้ายมือ รสชาติก็อร่อยอยู่ครับ (หรือเพราะว่าหิวก็ไม่รู้)ส่วนน้ำปั่นรสชาติก็ติดหวานไปบ้าง แต่โดยรวมก็โอเคอยู่ครับ
เมื่อสายแดร๊กอย่างพวกเราอิ่มท้องแล้วก็ถึงเวลาเดินทางต่อไป ยังจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ” โดย ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542 ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อพัฒนาสถานที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดพิษณุโลก มีเนื้อที่ 1,385 ไร่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 750 - 1,280 เมตร ภูมิอากาศดีมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
บรรยากาศที่นี่ดีมากกกกกก อากาศดีจริงๆนะครับไม่ได้โม้ แต่ว่ายุงเยอะไปหน่อยในช่วงหน้าฝน
เอาเป็นว่าคืนนี้เราจะพักกันที่นี่ 1 คืน และตอนเช้าจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนนครับ
โดยที่พักของเรานั้นตั้งอยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าโดยเป็นเรือนเอนกประสงค์ ภายในมีห้องพักมี 2 ห้องนอนใหญ่ มีห้องโถงกลาง1ห้อง ห้องน้ำมี6ห้อง ห้องครัว1ห้อง และมีที่รับประทานอาหารอยู่ภายนอกอาคาร ซึ่งที่พักที่นี่มีอุปกรณ์ดำเนินสะดวกครบครัน ถือว่าดีมากๆเลยครับ
เมื่อเราเก็บสัมภาระกันเสร็จแล้ว กิจกรรมต่อไปที่เราจะทำก็คือ "ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตก บนจุดชมวิวค้อเดียวดาย" กันต่อเล๊ยยยยย
ซึ่งบนจุดชมวิวของค้อเดียวดายนั้น เป็นจุดที่อัศจรรย์มากกก เพราะมันตั้งอยู่ระหว่างจังหวัด3 คือ จังหวัด พิษณุโลก เลย และ อุตรดิตถ์ และยังติดต่อกับประเทศลาวอีกด้วย
โดยบนจุดชมวิวค้อเดียวดายนั้น บรรยากาศดีมากกก อากาศเย็นสบายย มองเห็นวิวได้รอบตัว มีต้นไม้เยอะมากโดยมีจุดเด่น คือ
ต้นค้อซึ่งเป็นต้นไม้ประจำอุทยาน โดยมีลำต้นที่สูงเด่นมากกกก จึงได้ชื่อว่า "ค้อเดียวดาย"
นี่คือบรรยากาศบนจุดชมวิวค้อเดียวดาย บรรยากาศดีอย่างที่บอกเปล่าล้าาาา
ดูพระอาทิตย์ตกกันน สวยยมากกก โรแมนติคจังงงงง
เมื่อดูพระอาทิตย์ตกและถ่ายรูปกันหนำใจละ ก็ถึงเวลามื้อเย็น โดยเมนูที่เราได้ทำกันในวันนี้ก็คือ!! หมูย่าง ลูกชิ้นและฮอทดอกปิ้ง(ที่เราซื้อมาจากตลาดเทศบาลป่าแดง)ซึ่งดูกันเองละกันว่าจะกินได้หรือเปล่า555
เมื่อทานอาหารกันอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ถึงเวลานอน ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้าานะครับ บายยยยยยยยย
วันที่ 2 ของพวกเรา พวกเราจะตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ (ซึ่งในเวลาปกติ อย่าคิดว่าพวกเราจะตื่นแต่เช้านะครับ ต้องพูดว่าสไตล์เด็กมหาลัยนอนเกือบเช้ามากกว่า 555) โดยบรรยากาศของบ้านพักสวนพฤกษศาสตร์ตอนเช้านี้ คือ เย็นมากก หนาวมากก เหมือนช่วงฤดูหนาวเลยครับ (ฟินนสุดๆเลย)
พอดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้วพวกเราก็ธุระส่วนตัวแล้วออกเดินทางกันต่อครับ ซึ่งจุดหมายปลายทางแรกของเราในวันที่ 2 นี้คือ โรงเรือนรวบรวมพันธุกรรมพืช โดยโรงเรือนแห่งนี้ได้ทำการรวบรวมดอกไม้และพันธุ์ไม้ต่างๆไว้มากมาย ลองไปดูกันเลยว่าจะสวยงามขนาดไหน
สวยงามอย่างที่บอกเลยชั้ยม๊าา
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปเที่ยวก็คือ ป่าสน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านบนของสวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้า ซึ่งเราได้พี่ออย พี่ที่ดูแลพันธุ์ไม้สวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้ากับคุณลุงใจดี พาเราขึ้นรถอีแต๋นแล้วขับพาเราซิ่งไปยังป่าสนครับ อยากบอกว่าหวาดเสียวมากกแต่ก็สนุกดีครับ
เอาละ เราก็เที่ยวกันที่สวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้ากันมานานพอสมควรละ ตอนนี้ก็ได้เวลากลับกันแล้วครับ อยากบอกว่าเพื่อนๆคนไหนอยากได้รับประสบการณ์ไกล้ชิดกับธรรมชาติก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้เลยครับ ได้เวลาจะต้องบ๊ายบายสวนพฤกษศาสตร์ บ้านร่มเกล้าแล้ว ไว้มีโอกาสคงได้มาเที่ยวอีกนะ
ระหว่างทางขากลับเราผ่านไร่องุ่น ซึ่งกำลังออกผลเยอะเลยย ไงขอแวะชิมองุ่นหวานๆและถ่ายรูปสักนิดนึงนะครับ
โดยการเดินทางในทริปเที่ยวตามใจ ไปชาติตระการ ทริป 2 วัน 1 คืนในครั้งนี้ เราเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามนี้ครับ
- ค่าน้ำมันรถยนต์ 2 คัน 2000 บาท (คันละ 1000บาท)
- ค่ากับข้าว : หมู 400 บาท
- ลูกชิ้น + ฮอทดอก 228 บาท
- ผัก 70 บาท
- น้ำแข็ง 100 บาท
- น้ำเปล่า+มาม่า 377 บาท
- ค่าที่พัก 1000 บาท
= รวมทั้งสิ้น 4,175 บาท เรามากันทั้งหมด 15 คน หารกันแล้วจะเสียประมาณคนละ 278 บาท ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ากับการมาเที่ยวทริป 2 วัน 1 คืน (ค่าเข้าอุทยานน้ำตกชาติตระการและค่าใช่จ่ายในการกินของแต่ละคนนั้นแต่ละคนจ่ายกันเอง เลยไม่ได้ระบุในรายจ่ายนี้)
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศความเป็นธรรมชาติของป่าเขาลำเนาไพร 2 วันเต็มๆ ก็ถึงเวลาที่เจ้าของกระทู้และเพื่อนๆ ต้องเดินทางกลับมหาวิทยาลัยนเรศวรกันแล้ว สำหรับกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ จขกท.ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครัและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชาติตระการจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆทุกคน โดยธรรมชาติของที่นั่นยังสมบูรณ์และสวยงามมากๆ ยังไงถ้ามีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้นะครับ สวัสดีครับ